Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่สิ่งที่เหลือวิสัย

mp3 for download : มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่สิ่งที่เหลือวิสัย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ :มรรคผลนิพพานไม่ใช่ของยากอะไร ไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งจะทำได้ เพราะธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านเอามาสอนพวกเรานั้น เป็นธรรมะที่พอดีสำหรับคนธรรมดาๆ อย่างพวกเราคนธรรมดาๆ

คนผิดธรรมดามันทำไม่ได้ ผิดธรรมดา มันทำไม่เป็นก็ทำไม่ได้ อย่างของเรานี้คนปกติ ไม่จำเป็นว่าแหมไอคิวตั้งเท่านั้นเท่านี้นะ ไม่ใช่

พวกเรามีตาหูจมูกนกายใจ พูดภาษามนุษย์รู้เรื่อง ฟังธรรมรู้เรื่อง รู้หลักแล้วก็ทำ ไม่ยากอะไร รู้สึกตัว รู้สึกตัวไปแล้วก็ดูกายเขาทำงานดูใจเขาทำงานไป วันไหนมีกำลังมาก ดูเข้าไปที่จิต วันไหนแรงไม่พอ ดูจิตไม่รู้เรื่อง ก็ดูกาย กายเป็นบ้านของจิต

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๑# วินาทีที่ ๓๐ ถึงนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อริยผลมีอริยมรรคเป็นเหตุ เหตุของอริยมรรคคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

mp3 for download : อริยผลมีอริยมรรคเป็นเหตุ เหตุของอริยมรรคคือ ศีล สมาธิ ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล กับ คุณ ปราโมทย์ สันตยากร (ในสมัยนั้น)

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล กับ คุณ ปราโมทย์ สันตยากร (ในสมัยนั้น)

หลวงพ่อปราโมย์ :ความหมายของหลวงปู่ดูลย์นะ สิ่งที่ท่านพูดถึง “ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่เหลืออะไรสักอย่าง” อันนั้นเป็นอริยผล เป็นลักษณะของจิตที่เป็นผลแล้ว ไม่ใช่เหตุ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือทำเหตุ ไม่ใช่ทำผล ผลเป็นเอง ทำเหตุให้ได้แล้วผลเป็นเอง ไม่ใครทำอริยผลให้เกิดได้นะ สิ่งที่ทำให้อริยผลเกิดขึ้นก็คืออริยมรรค เพราะฉะนั้นเราทำเหตุ

ถ้าทำเหตุได้ เราทำเหตุฝ่ายเกิด คือมีตัณหานะ แล้วก็มีตัวทุกข์ขึ้นมา เราทำเหตุฝ่ายดับ คือเจริญมรรค มีศีลสมาธิปัญญาขึ้นมา ก็มีผล เข้าไปสู่นิโรธ มีเหตุมีผลอยู่ ถ้าเข้าถึงนิโรธเต็มภูมินะ ก็จะไปสัมผัสพระนิพพานเต็มภูมิ สิ่งนี้ไม่มีเกิดไม่มีดับไม่มีตาย ไม่มีตั้งต้นไม่มีจุติ(ตาย-ผู้ถอด)ไม่มีอุบัติ(เกิด-ผู้ถอด) ไม่มีความเคลื่อนไหวไปมา ส่งไปส่งมา ไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ ไม่มีฌานสมาบัติ ไม่มีอะไร แต่มีอยู่ มีความสงบ มีความสันติ มีความสุข เป็นบรมสุข เพราะไม่มีอะไรเสียดแทง (ความเสียดแทงคือความเป็นทุกข์ ความบีบคั้น คือทุกขตาในอริยสัจจ์ – ผู้ถอด) สิ่งเหล่านี้มีอยู่

ก็อยู่ที่เรา ทำเอาให้ได้นะ ทำ ถ้าทำบ้างไม่ทำบ้าง ไม่ได้กินหรอก ถ้าทำผิดก็ยิ่งไกลมันออกไปอีก ทำผิดแล้วเดินไปคนละทิศคนละทาง ยิ่งขยันยิ่งหลงไกล

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๗ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๒๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานอะไร มีเข้ามีออก

mp3 for download : นิพพานอะไร มีเข้ามีออก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : บางคนก็น้อมจิตไปสู่ความว่างความนิ่ง แต่จิตนิ่งจิตว่าง เป็นจิตพระอรหันต์ พระอรหันต์อย่างนั้นไม่ใช่ของจริง มีเข้าๆออกๆ วันนี้นิ่งได้ สงบได้ อยู่กับความว่างได้ แต่อีกวันก็ถอยออกมาข้างนอกอีก พระอรหันต์ผลุบเข้าผลุบออกไม่ใช่ของจริง

หลวงพ่อก็เคยทำ ฝึกไปจนกระทั่งเหลือแต่รู้อันเดียวเลย เหลือแต่ธาตุรู้อันเดียวเลย ตอนฝึกทีแรกเรามีผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ มีจิตกับอารมณ์ มีสองอันใช่มั้ย ตัวนี้ไหวยุกยิกอยู่ที่หน้าอกนี่ ตัวนี้เป็นคนดูอยู่ เลยสงสัยว่าจะดูตัวไหน ดูตัวนี้?

พระพุทธเจ้าบอกให้รู้ทุกข์ ตัวนี้ล่ะทุกข์ ตัวรู้ไม่เห็นจะทุกข์เลย ตัวรู้ไม่เห็นจะทุกข์เลย หลวงปู่ดูลย์บอกให้ดูจิต เอ๊..จิตมันเป็นคนรู้ น่าจะดูตัวนี้ สองตัว มีทั้งสองตัวนี้ จะดูตัวไหน สงสัยนะ ก็พยายามสังเกต

ไปดูที่ตัวไหวๆ ไปดูเป็นเดือนไม่ขาด ไม่มีที่สิ้นสุดเลย วัฏฏะหมุนอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ ไปเพ่งใส่ตัวรู้นะ จะเกิดตัวรู้ซ้อนตัวรู้ไปเรื่อยๆ ดูอยู่เป็นปีก็ไม่ใช่อีก หรือว่ารู้ตรงกลาง นี่..มัชฌิมา ไม่เอาตัวรู้ ไม่เอาตัวถูกรู้ มัชฌิมา เวลากำหนดจิตลงไป นั่งดู จิตเคลื่อนไป สติเนี่ยเคลื่อนไป เข้าไปที่ไหวๆกลางหน้าอก เข้าไปดู พอเคลื่อนไปพอจะแตะอารมณ์ที่กลางหน้าอกนะ ถอนขึ้นเลย ทวนเข้าหาตัวรู้ พอเข้ามาใกล้ตัวรู้นะ ไม่จับเอาตัวรู้นะ ทวนออกอีก ทวนเข้าทวนออก มันวูบลงไปตรงกลางเลย ระหว่างตัวรู้กับตัวถูกรู้ นี่ล่ะมั้งทางสายกลาง

นี่เป็นเรื่องของสมาธิทั้งนั้นเลยนะ ทางสายกลางจริงๆเป็นเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ทางสายกลางไม่ใช่เรื่องของสมาธิ ความโง่ ความไม่รู้ ความไม่มีครูบาอาจารย์ การห่างครูบาอาจารย์นะ ใช้ลองเอา ลองอย่างนี้ไม่ใช่ ลองอย่างนี้ไม่ใช่ ลอง choice ที่สาม ไม่จับทั้งผู้รู้ ไม่จับทั้งสิ่งที่ถูกรู้เลยนะ จิตรวมลงไปนะ ว่างไปหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีความคิดความนึกความปรุงความแต่ง มันไม่มีอะไรเลย เหลือแต่ธรรมชาติรู้อันเดียวล้วนๆเลย ดูเข้าออก-เข้าออกอยู่อย่างนี้นะ เสร็จแล้วสงสัย หื้อ..มันใช่หรือเปล่าหนอ?

ไปเจอหลวงปู่เทสก์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี – ผู้ถอด) หลวงปู่เทสก์ท่านก็บอกว่า สมาธิอย่างนี้.. ท่านพูดชัดเลยนะ สมาธิ สมาธิอย่างนี้ตอนนี้ไม่มีคนเล่นนะ ไปเล่นให้ชำนาญไว้ ไปหัดเล่นให้ชำนาญ พอได้ยินว่าสมาธิก็รีบกราบเรียนท่านเลย หลวงปู่ มันเป็นสมาธิ ผมกลัวติด ท่านบอกว่าอย่ากลัวติด ไปซ้อมให้ชำนาญ ถ้าติดอาตมาจะแก้ให้ นี่..ท่านพูดอย่างห้าวหาญเลย เพราะท่านเก่งเรื่องสมาธิไม่มีตัวจับเลย ทำไมหลวงปู่เทสก์เก่งเรื่องสมาธิ ท่านติดสมาธิอยู่ตั้งสิบกว่าปี ตัวท่านน่ะ เพราะฉะนั้นท่านชำนิชำนาญมาก ท่านบอกให้เราเล่น หลวงพ่อก็เล่นอยู่อย่างนั้น ครูบาอาจารย์บอกให้เล่นก็ลองเล่นไปเรื่อย

วันหนึ่งไปเชียงใหม่ เจอหลวงปู่บุญจันทร์ (หลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร วัดถ้ำผาผึ้ง youtube – ผู้ถอด)เข้า ไม่ได้เจอท่านหรอก ไปวัดสันติธรรม ท่านมาพักอยู่ที่นั่นพอดี ท่านให้ลูกศิษย์ของท่านที่ตามท่านมา มาดักอยู่หน้าวัด มาเรียกเราไปหาท่าน เราไม่รู้จักท่านนะ อยู่ๆก็ให้พระมาดักเรียกตัวไปเลย พอไปถึงท่านก็ถามว่าภาวนาอย่างไร พอบอกท่านว่าเนี่ย รวมลงไปตรงกลางเนี่ยนะ อู๊ย..ท่านตวาดเอา เฮ้ย! นิพพานอะไรมีเข้ามีออก ไง!จะภาวนายังไง เรานึกว่าท่านฟังเราไม่รู้เรื่อง สำเนียงมันไม่เหมือนกันนะ เราก็ฟังท่านไม่ค่อยออกนะ ท่านก็ฟังเรา อื้อ.. คงไม่ออกมั้ง เล่าซ้ำอีกที ครั้งที่สองท่านตวาดดังกว่าเก่าอีก เฮ้ย!! นิพพานอะไรมีเข้ามีออก ใจมันทิ้งเลย ไม่เอา เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางที่จะนำไปสู่มรรคผลนิพพานหรอก มันเป็นกลางจริงนะ เป็นมัชฌิมาจริงนะ แต่เป็นมัชฌิมาของสมาธิอันเดียวไม่ใช่ศีลสมาธิปัญญา ทางสายกลางนั้นเป็นทางของศีลสมาธิปัญญา ไม่ใช่แค่สมาธิ เราถูกท่านดุนะ

ตั้งแต่วันนั้นมาใจไม่เอาตรงนี้เลย ใจไม่ยอมเข้าไปที่ตรงนี้ รู้สึกว่าถ้าอยู่ตรงนี้เสียเวลา หลวงปู่เทสก์ท่านอยากให้ฝึกให้เล่นให้ชำนาญเท่านั้นเอง ท่านก็ได้บอกอยู่แล้วว่านี่คือสมาธิ ไม่ใช่ทางพ้นหรอก ที่นี้เรากลัวช้า ใจมันไม่เอาแล้ว พอหลุดจากตรงนี้นะ ท่านหัวเราะเลย เสียดัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวเราะสะใจ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า เสียงดังอย่างนี้ ท่านหัวเราะเราก็หัวเราะตามท่านไปด้วย ฮ่าๆ บ้าง นะ ท่านหยุดกึกเลยนะ พอเราหัวเราะท่านหยุดปุ๊บเลย ใจท่านนิ่งว่าง ท่านหยุดเราก็หยุด ใจเราก็เฉยเลย ท่านบอกว่า เออ! ใช้ได้ นี่ท่านลองนะ ท่านลองเราว่า จิตเราไวขนาดไหน ท่านหัวเราะเราก็หัวเราะ ท่านหยุดเราก็หยุดด้วย ท่านบอกใช้ได้ ไป ไปทำต่อเอา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๐ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่สัมผัสพระนิพพาน มีความสุขมหาศาล

mp3 for download : จิตที่สัมผัสพระนิพพาน มีความสุขมหาศาล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : แต่เราชั่วได้มั้ย ชั่วไม่ได้ ทำไมเราชั่วไม่ได้ เพราะเรามีสติ ความชั่วเกิดที่จิต รู้ทันปุ๊บ ความชั่วกระเด็น กลายเป็นดี ก็เห็นอีก จิตปรุงดีก็ทุกข์นะ จิตปรุงชั่วก็ทุกข์อีก เราเฝ้ารู้ไปเรื่อย ถ้าปัญญามันพอนะ จะเห็นเลย ปัญญาเบื้องต้นมันจะเห็นเลยว่า ทุกอย่างเกิดแล้วดับ ปัญญาเบื้องปลายจะเห็นว่า ทุกอย่างนั้นแหละทุกข์ ถ้าเห็นแจ้งทุกข์ จิตจะสลัดคืนกองทุกข์ให้โลก คืนกายคืนใจให้โลกไป

ถ้าจิตเราไม่ยึดถือในรูปนามกายใจนะ จะไม่ยึดถืออะไรในโลกอีกแล้ว จะเป็นอิสระ ใจจะโปร่งโล่งเบา มีความสุขอยู่อย่างนั้นแหละทั้งวันทั้งคืน เข้าถึงความสุขอีกชนิดหนึ่งแล้ว ความสุขที่มหาศาลเลย คือความสุขของพระนิพพาน จิตซึ่งไปสัมผัสพระนิพพาน ก็ได้สัมผัสความสุขของพระนิพพานมา มีความสุขมหาศาล จิตที่สัมผัสพระนิพพานมีความสุข ท่านบอกว่า “นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” นิพพานเป็นบรมสุข สุขจริงๆ

สุขที่พวกเรารู้จักในวันนี้นะ เล็กน้อยมากเลยนะ ถ้าเทียบกับสุขในธรรมะที่ปราณีตขึ้นเป็นลำดับๆ สุขของเราอย่างนี้เรียกว่า “กามสุข” กินของอร่อยมีความสุข เห็นของสวยๆมีความสุข ได้ยินเสียงไพเราะๆ เสียงชมเสียงอะไรเหล่านี้ มีความสุข นี้เป็นกามสุข กามสุขที่โลกเขาใฝ่หาเนี่ย เล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับฌานสุข ถ้าเราทำฌานทำสมาธิได้ เราจะรู้เลยว่า กามสุขเป็นเรื่องเล็กน้อย สกปรกโสโครก ความสุขของกามเนี่ย คล้ายๆเด็กที่ไร้เดียงสาไปเล่นไส้เดือนกิ้งกือ เล่นของขยะสกปรก เล่นได้หมดเลย ก็มีความสุข เด็กไปเล่นดินเล่นทรายสกปรกนะ ตัวมอมแมมหน้ามอมแมมไปหมด มันมีความสุข เนี่ยกามสุขมันเป็นแบบนั้น

ฌานสุขมันสูงกว่านั้นนะ ฌานสุขมันเป็นสุขที่มันอิ่มมันเต็มมากขึ้น แต่ว่าความสุขในโลกุตตระ ความสุขในพระนิพพานนั้นน่ะ ฌานสุขเทียบไม่ติดเลย ฌานนั้นแหละกลายเป็นตัวทุกข์เลย คนที่ทรงฌานก็จะเห็นว่ากามสุขนั้นเป็นตัวทุกข์ แต่ว่าคนซึ่งเข้าถึงโลกุตตระแล้ว ก็ยังเห็นอีกว่าฌานนั้นแหละเป็นตัวทุกข์ จะเห็นกันเป็นลำดับๆไปนะ คล้ายๆพัฒนาขึ้นไปๆตามสติปัญญาที่แก่กล้าขึ้นไปๆ

ถ้าเราสัมผัสพระนิพพานแล้ว เราจะรู้เลยว่าโลกนี้หาสาระแก่นสารไม่ได้ โลกนี้เหมือนฝัน ความสุขเหมือนกับฝันอยู่เท่านั้นแหละ ไม่ใช่มีของจริงอะไรให้เราดูเลย ความสุขของพระนิพพานนั้นเหมือนกับของจริง มันเหมือนว่าเรากลับบ้านเราได้แล้ว เราเป็นเด็กหลงทางหาทางกลับบ้านไม่เจอ วันนี้เรากลับถึงบ้านได้แล้ว มันมีความสุขนะ เจอพ่อเจอแม่ของเรา คือเจอพระพุทธเจ้า

จิตของเรานั้นแหละ กับพระพุทธเจ้า จะหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกัน จิตของเรากับพระธรรมจะหลอมรวมเข้าเป็นสิ่งเดียวกัน จิตนั้นแหละก็คือตัวพระสงฆ์ พระรัตนตรัยรวมเข้าเป็นหนึ่งที่จิตนั้นเอง ที่จิตที่บริสุทธิ์จิตที่สะอาด จะมีความสุขที่ไม่มีอะไรเหมือน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กุศล-อกุศล ล้วนเป็นตัวทุกข์

mp3 for download : กุศล อกุศล ล้วนแต่เป็นตัวทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : กุศล-อกุศลทั้งหลาย ก็เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่กุศลเป็นตัวสุขนะ กุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ อกุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ เวลาบ้าบุญ ใครเคยบ้าบุญบ้างมั้ย เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ อยากบริจาคเยอะๆ แต่เงินมีน้อย กลุ้มใจนะ กลุ้มใจ เข้าคิวไว้ หลวงพ่อตอนเป็นโยมนะ เข้าคิวไว้ คือทำอันนี้ เดี๋ยวทำอันนี้ คิวยาวมากเลย บางทีกลุ้มใจนะอยากทำบุญ สตางค์ไม่พอ อะไรอย่างนี้

ดีก็ทุกข์นะ รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา ตอบได้มั้ย ระหว่างจั่วกับเสาอะไรหนักกว่ากัน ขืนหามก็หนักทั้งนั้นแหละ จั่วศาลานี้ใครหามได้ล่ะ เสาเนี่ยใครหามไหว ไม่ไหวเหมือนกันแหละ ดี คนดีก็ทุกข์แบบคนดี คนชั่วก็ทุกข์แบบคนชั่ว แต่เราจะชั่วได้มั้ย ชั่วไม่ได้…

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๔๕ ถึงนาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อเจริญปัญญา จะเห็นแต่ทุกข์

mp3 for download : เมื่อเจริญปัญญา จะเห็นแต่ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ :ช่วงที่เราเจริญปัญญาเนี่ยไม่สุขแล้วล่ะ ไม่ใช่สุขแล้วล่ะ แต่จะเห็นทุกข์ ช่วงที่เราฝึกให้จิตตั้งมั่นมีสมาธิรู้สึกตัวขึ้นมา นั่นเป็นช่วงเสพสุข พอใจไหลไปแล้วรู้สึกตัวปุ๊บ พอรู้สึกตัวนะ ความสุขก็โชยขึ้นมา ไหลไปอีกรู้สึกอีก ความสุขก็โชยขึ้นมา

แต่ในขั้นเดินปัญญาจะเห็นเลยว่า รูปนี้ก็เป็นตัวทุกข์นะ จิตนี้ก็เป็นตัวทุกข์ ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์นะ ก็เป็นตัวทุกข์ สุขก็เป็นตัวทุกข์ เพราะเป็นตัวที่เสียดแทง เป็นตัวที่ทนอยู่ไม่ได้ เวลาที่ความสุขเกิดขึ้น ถ้าพวกเราภาวนาเป็นนะ เราจะรู้เลยว่าความสุขนั้นเสียดแทงใจเรา ถ้าภาวนาชำนาญนะ จะรู้เลยว่า แค่ความสุขเกิดขึ้นนะ ก็เป็นส่วนเกินแล้ว มันเสียดแทงเราแล้ว ความสุขเองก็ยังอยู่ในกองทุกข์เหมือนกัน ไม่ใช่ของดีของวิเศษ

กุศล-อกุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่กุศลเป็นตัวสุขนะ กุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์ อกุศลทั้งหลายก็เป็นตัวทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๓ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตนี้เกิดดับตลอดเวลา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

mp3 for download : จิตนี้เกิดดับตลอดเวลา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : เราไม่ได้ฝึกเอาจิตเที่ยง แต่เราฝึกให้เห็นว่าจิตไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นบางคนเป็นมิจฉาทิฎฐินะ มาบอกว่าจิตเที่ยง นั่นล่ะทำวิปัสสนาไม่เป็น ไปรักษาจิตให้นิ่งอยู่อย่างนั้นแล้วบอกว่าจิตเที่ยง นี่แหละจิตพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเลยว่าจิตเที่ยง ท่านสอนแต่ว่าจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นดวงหนึ่งดับไปทั้งวันทั้งคืน สอนแต่ว่าจิตมันไม่เที่ยง

ถามพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง วิญญาณก็คือจิตนั่นเอง วิญญาณไม่เที่ยงพระเจ้าข้า สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เป็นทุกข์พระเจ้าข้า สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นควรเห็นว่าเป็นตัวตนของเรามั้ย ไม่ควรพระเจ้าข้า เพราะฉะนั้นจิตนี้เกิดดับตลอดเวลา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๒๖ ถึงนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

mp 3 (for download) : ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ความรักแต่เดิมนั้น ไม่ว่ารักสิ่งใด เราเสียอิสระเพราะสิ่งนั้น พระพุทธเจ้าบอก มีนาก็ทุกข์เพราะนา มีวัวก็ทุกข์เพราะวัว กลัวมันหาย

สมัยพุทธกาลนะ มีพระราชินีองค์นึง ชื่อพระนางมัลลิกา พระนางมัลลิกาเนี่ย เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลนี่เป็นสามี คนก็ว่าเป็นชาวพุทธ แต่ว่าศาสนาอื่นเค้าก็ว่าเป็นศาสนาอื่นนะ คล้ายๆแกเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แกคบกับเค้าหมดแหล่ะ คบได้ทั่วๆไป คบกับทุกศาสดา

วันนึงพระเจ้าปเสนทิโกศลเนี่ย ถามพระนางมัลลิกา ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ตอนนั้นยังไม่คุ้นกับพระพุทธเจ้า พระนางมัลลิกาบอกว่า ท่านสอนว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วขัดใจ ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุขสิ ใช่ไหม ทำไมที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ โกรธเมียนะ โกรธพระนางมัลลิกา ว่าอธิบายซิ อธิบายไม่เป็น อธิบายไม่ได้

พระนางมัลลิกาท่านก็ฉลาดนะ ส่งคนไปหาพระพุทธเจ้า ไปถามท่านว่าจะตอบยังไงดี พอได้คำตอบก็มาบอกพระเจ้าโกศล บอกว่าเมืองโกศลเนี่ย พระองค์รักไหม บอกรัก เป็นห่วงไหม เป็น ถ้าเมืองโกศลไปตกกับคนอื่น จะพอใจไหม ไม่พอใจ มเหสีอีกองค์นึงแสนสวยแสนดี รักไหม รัก พระมเหสีนี่แปรปรวนไป จะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ล่ะ บอกเป็นทุกข์ ตอนรักอยู่ก็ห่วงนะ เป็นห่วงอีก มีเมืองอีกเมืองนึง เมืองสาเกตใช่ไหมหรือเมืองอะไร มีอีกเมืองนึงนะ แกมีเมืองใหญ่อีกเมืองนึง จำชื่อไม่ได้ บอกว่าถ้าเมืองนี้หายไปเสียไป จะมีความสุขหรือมีความทุกข์ มีความทุกข์ เมืองนี้ตอนนี้ยังไม่เสียไป แคว้นกาสียังไม่เสียไป เป็นห่วงไหม เป็นห่วง บอกนี่แหล่ะ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

วัยรุ่นฟังแล้วจะไม่เข้าใจ คำว่ารักตัวนี้ไม่ได้แปลว่าเลิฟ รักตัวนี้หมายถึงความผูกพัน คำว่าราคะ ความผูกพัน ไม่ว่าเราผูกพันกับอะไร เราจะเสียอิสระเพราะสิ่งนั้น

สิ่งที่เรารักที่สุด เราผูกพันหวงแหนที่สุด ก็คือตัวเรานี่เอง คือกายกับใจ คือขันธ์ห้านี่เอง ท่านถึงสอนให้เรามาเรียนรู้ขันธ์ห้า เรียนรู้กายเรียนรู้ใจ ถ้าเรียนรู้ได้แจ่มแจ้งนะ ว่ามันไม่ใช่ของดีหรอก มันเป็นของไม่เที่ยง มันเป็นของที่ถูกความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เป็นของที่บังคับไม่ได้ ไม่เป็นไปตามใจอยาก เนี่ยใจจะค่อยๆคลายความยึดถือตามความฉลาด ฉลาดมากเห็นความจริงมาก ก็คลายความยึดถือได้มาก เห็นความจริงน้อยก็คลายได้น้อย พระโสดาบันฯเห็นความจริงเล็กน้อย คลายได้น้อย

พระสกทาคาฯก็ยังคลายได้น้อย พระอนาคาฯคลายได้เยอะขึ้น เห็นความจริงมากขึ้น พระอรหันต์เห็นความจริงแจ่มแจ้ง คลายได้หมด ปล่อยได้หมด

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๑๔
File: 551014A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๓๙ ถึง ๑๕ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะเอาอะไร เราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า

mp 3 (for download) : เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะเอาอะไร เราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การภาวนานะ เราถือว่าเราปฏิบัติเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง กระทั่งมรรคผลนิพพาน ก็อย่าไปอยากได้มัน คนไหนอยากได้มรรคผลนิพพาน จะไม่ได้ จำไว้นะ จะไม่ได้

ตอนได้น่ะไม่ทันตั้งหลัก อยากอยู่ไม่ได้นะ หมดอยากแล้วได้ เพราะนั้นเราอย่าไปอยากปฏิบัติ เราแค่ถือว่าเราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าไป ดีแล้วที่ได้รู้สึกตัว ดีแล้วที่ใจตั้งมั่น สักว่ารู้ สักว่าเห็น ดีแล้วเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ตามรู้อย่างนี้ไปเรื่อย ดีแล้วที่ได้ปฏิบัติน่ะ ไม่จำเป็นว่าดีแล้วที่ได้ผลนะ ดีแล้วที่ได้ทำเหตุ ต้องตั้งใจไว้อย่างนี้

ส่วนผลมันเป็นผลพลอยได้ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างมัน ชาตินี้ยังไม่ได้ ชาติหน้ามันก็ได้จนได้แหล่ะ ต้องตั้งใจอย่างนั้นนะ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ถือว่าเราได้ปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า ดีที่สุดแล้ว

ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อจะเอาอะไร ถ้าเราปฏิบัติเพื่อจะเอาเนี่ย เราจะเพิ่มอัตตาตัวตนไปใช่ไหม เพื่อให้กูดีกูสุขกูสงบกูวิเศษ เพราะกูได้เป็นพระอริยฯ กูตัวเบ้อเร่อเลย แต่ถ้าเราภาวนา เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าไป ฝึกอย่างนี้นะ ได้ผลเร็ว

นี่เป็นลูกเล่นนะ กิเลสหลอกเรามากแล้ว เราก็หลอกมันบ้าง แต่ส่วนมากก็มีแต่ถูกมันหลอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๘
File: 510427B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑๗ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อพ้นจากวิปัสนูฯแล้ว จะเจริญวิปัสสนาได้เต็มที่

mp3 for download : เมื่อพ้นจากวิปัสนูฯแล้ว จะเจริญวิปัสสนาได้เต็มที่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : วิปัสนูฯ (วิปัสนูปกิเลส – ผู้ถอด)เกิดจากความฟุ้งซ่าน หรือส่งจิตออกนอกนั่นเอง ถ้าเมื่อไหร่มีสติรู้ทันว่าฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่านดับอัตโนมัติ เพราะความฟุ้งซ่านเป็นกิเลสสู้สติไม่ได้ สติเกิดเมื่อไหร่กิเลสดับเมื่อนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่รู้ทันว่าจิตฟุ้งออกไปนะ ฟุ้งไปอยู่กับความสว่างเนี่ย ความฟุ้งซ่านจะดับนะ จิตจะทวนกระแสเข้ามาหากายหายใจของเราเอง ภาวะแห่งความรู้ตื่นเบิกบานก็จะกลับมาอีก

เนี่ยพอเราฝึกไปจนชำนิชำนาญผ่านตัวนี้ได้ เราจะรู้ว่าอันนี้เป็นวิปัสสนูปฯ ไม่ใช่ทาง ทางคือต้องมีจิตตั้งมั่น ที่หลวงพ่อบอกว่า “จิตถึงฐาน” “จิตถึงฐาน” น่ะนะ คือจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูได้จริงๆ ไม่งั้นจิตไม่ถึงฐาน จิตไปอยู่ข้างหน้า ไปอยู่กับความว่างความสว่าง อันนั้นเดินต่อไม่ได้ ไม่ใช่ทาง ก็รู้เลยว่าจุดที่เป็นทางนี่นะ จิตต้องตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู เห็นปรากฎการณ์ทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่หยุดนิ่ง ถ้าปรากฎการณ์ทั้งหลายหยุดนิ่ง นี่เป็นสมถะแล้ว จิตเป็นหนึ่งอารมณ์เป็นหนึ่ง ปรากฏการณ์ทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูอย่างสบายๆ จิตเบา จิตนุ่มนวล อ่อนโยน คล่องแคล่ว ว่องไว แต่ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ไหลไป ตั้งมั่นเป็นคนดูสบายๆ เหมือนเรานั่งดูเขาเล่นกีฬา ดูอย่างสบายๆ ไม่ลงไปคลุกกับเขานะ ไม่อินกับเขา ดูสบายๆ

พอมาถึงตรงนี้นะ มีธรรมะอยู่หมวดหนึ่ง ชื่อ “วิสุทธิ” ใครเคยได้อ่านบ้าง “วิสุทธิ ๗” ธรรมะเรื่องวิสุทธิ ๗ นี่นะอยู่ในพระสูตรที่โดดเด่นเป็นหนึ่งเลยนะ สูตรหนึ่งเลย คือ “รถวินีตสูตร” (อ่าน รถวินีตสูตร – ผู้ถอด) “รถ ๗ ผลัด” รถ ๗ ผลัดก็คือวิสุทธิ ๗ ประการนั่นเอง
คนไหนที่ผ่านวิปัสนูฯไปแล้วนะ รู้ว่าวิปัสนูฯไม่ใช่ทาง จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูเห็นรูปธรรมนามธรรมเคลื่อนไหวเปลี่นยแปลงเกิดดับได้ ตรงนี้ถ้าเทียบในวิสุทธิ ๗ นะ ก็ได้วิสุทธิที่ชื่อว่า “มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ” ชื่อยาวเป็นปี๊บเลยนะ

“มัคคามัคคะ” มาจากอะไร มาจากคำว่า มรรค กับ อมรรค มรรค อมรรค, มรรค อมรรค จะออกเสียงเป็นคำสนธิ จะออกเสียงกลายเป็นมัคคา มัคคามัคคะ มรรค กับ อมรรค รู้ว่าอะไรเป็นทาง อะไรไม่ใช่ทาง คนที่ได้ “มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ” คือคนที่พ้นจากวิปัสนูฯแล้ว ถัดจากนั้นนะ เจริญวิปัสสนาได้เต็มที่แล้ว เรียกว่า “ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ”


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้จำกัดให้เฉพาะผู้ทรงฌาน

มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้จำกัดให้เฉพาะผู้ทรงฌาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เนี่ยเราหัดดูเรื่อยนะ หัดดูไป สำหรับคนที่ทำฌานไม่ได้นะ มรรคผลนิพพานไม่ใช่ของผูกขาดสำหรับผู้ทำฌานนะ คนละเรื่องกันเลย เข้าฌานอย่างเดียวไม่เจริญวิปัสสนา ก็ไม่ได้มรรคผลหรอก

เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าฌานไม่ได้ก็ไม่ต้องน้อยใจว่าอาภัพเหลือเกิน บางคนไปสอนกันบอกว่า ต้องทำฌานให้ได้ก่อนถึงจะเจริญปัญญาได้ เป็นการสอนเกินพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น คิดเอาเอง

เพราะฉะนั้นถ้าเราทำฌานไม่ได้นะ เราก็ทำกรรมฐานขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง แล้วคอยรู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน-จิตที่หนีไปคิด รู้บ่อยๆ พอรู้บ่อยเนี่ย ตัวรู้จะค่อยเด่นขึ้นๆ ต่อไปพอเผลอตัวนิดเดียว ตัวรู้ดีดขึ้นมาเลย พอเผลอปุ๊บ-รู้ทัน ตัวรู้ก็ดีดขึ้นมาเลย ขึ้นมาเองเลย

พอได้ตัวรู้แล้ว ก็ให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์ไปตามธรรมชาติธรรมดา กระทบแล้วไม่ตรึงจิตให้นิ่ง ให้จิตเกิดความรู้สึกไปตามธรรมชาติธรรมดา เห็นคนนี้กับเห็นคนนี้ ไม่จำเป็นต้องเท่าเทียมกันในความรู้สึก เห็นคนนี้ชอบ รู้ว่าชอบ เห็นคนนี้เกลียด รู้ว่าเกลียด ไม่ใช่เห็นทุกคนเสมอกัน (การเห็นทุกคนเสมอกัน)อันนั้นเป็นผลของการปฏิบัติ เราไม่ใช่พระอรหันต์

พระอรหันต์ท่านเห็นใครๆก็เหมือนๆกันหมดนะ ไม่ได้แตกต่าง ไม่ได้รู้สึกอะไร เห็นหมาเห็นคนก็เหมือนกัน เห็นนางงามจักรวาลกับหมาขี้เรื้อนๆก็เท่าๆกันน่ะ ไม่ได้รู้สึกต่างกัน แต่ของเรายังต่าง เราไม่ห้ามมัน เห็นอย่างนี้ชอบ เห็นอย่างนี้เกลียด เห็นอย่างนี้รัก เห็นอย่างนี้กลัว รู้ทันไปเรื่อย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ ที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
ไฟล์ 550525B
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าการปฏิบัติธรรมกับการดำรงชีวิตเป็นคนละส่วนกัน เรายังห่างไกลต่อมรรคผลนิพพาน

mp 3 (for download) : ถ้าการปฏิบัติธรรมกับการดำรงชีวิตเป็นคนละส่วนกัน เรายังห่างไกลต่อมรรคผลนิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทันทีที่เรารู้ว่าจิตกำลังไปคิดอยู่นะ เราจะตื่นขึ้นในฉับพลัน คือเราจะหลุดออกจากโลกของความคิด เกิดความรู้สึกตัวในฉับพลัน เราจะเห็นทันทีเลยกายนี้ไม่ใช่เรา เราจะเห็นทันทีเลยจิตนี้ไม่เที่ยง จะเห็นลงไป เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงวันนึงจิตมันพอแล้ว มันตัดสินความรู้นะ มันรวมเข้ามา แล้วมันตัดสินของมันเอง

ไม่ใช่เรื่องประหลาดนะ ไม่ใช่เรื่องยาก ธรรมะไม่ใช่เรื่องพ้นวิสัย ไม่ใช่เรื่องหมดยุคหมดสมัยแล้ว ใครทำใครก็ได้ ทำแทนกันไม่ได้นะ ที่สำคัญต้องหัดเจริญสติในชีวิตประจำวัน ถ้าเรายังรู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมกับการดำรงชีวิตของเรา เป็นคนละส่วนกัน เรายังห่างไกลต่อมรรคผลนิพพานมาก ถ้าเรารู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมกับการใช้ชีวิตปกติของเรา เป็นอันเดียวกัน เราใกล้ต่อมรรคผลนิพพานแล้ว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒ (วันอาทิตย์ที่ ๑๘ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๙)
File: 490618.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราทุกข์เพราะความอยากในใจ

mp 3 (for download) : เราทุกข์เพราะความอยากในใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: วิธีที่เราจะขจัดความทุกข์ออกจากใจเรา เป็นศาสตร์ที่ท่านสอนเอาไว้นะ ท่านสอนไว้อย่างละเอียดมากเลยนะว่า ความทุกข์มันมาได้อย่างไร แล้วอย่างไรมันถึงจะไม่มา

ความทุกข์ในทางใจเราเนี่ย มันเกิดจากความอยาก ความอยากมันเกิดจากการที่จิตใจของเราเนี่ย ยอมรับสิ่งที่กำลังปรากฎต่อหน้าต่อตาในชีวิตของเราไม่ได้ ถ้าเรายอมรับไม่ได้นะ ใจของเราก็จะดิ้นรนอยากให้มันเป็นอย่างอื่น

เหมือนอย่างปีกลายน้ำจะท่วม เราอยากให้น้ำไม่ท่วมนะ พอความอยากเกิด ความทุกข์มันก็เกิด น้ำยังไม่ทันจะท่วม ความทุกข์ก็ท่วมใจเราเสียก่อนแล้ว หรือปีนี้ไม่มีภัยรุนแรงอะไร บางคนก็เจ็บไข้ได้ป่วย บางคนไปตรวจร่างกาย เป็นมะเร็งเป็นอะไร ยอมรับไม่ได้ว่าร่างกายเราจะเจ็บป่วย ไม่ทันตายเพราะมะเร็งก็มีนะ ช็อคตาย กังวลตาย กลุ้มใจ

ปัญหาใหญ่ก็คือ เราไม่สามารถยอมรับสิ่งที่กำลังปรากฎต่อหน้าต่อตาเรานี้ได้ เราอยากให้มันเป็นอย่างอื่น หรือเรายอมรับไม่ได้ว่าสิ่งดีๆที่กำลังปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาเรานี้ วันหนึ่งมันจะหายไป เรายอมไม่ได้

เรามีความอยากเกิดขึ้น อยากให้มีความสุขอยู่นานๆ อยากให้ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็ให้อยู่นานๆ อยากให้ความทุกข์ไม่เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นก็อยากให้หายเร็วๆ เนี่ยใจเราไม่ยอมรับสภาวะ ไม่ยอมรับความจริงที่มีอยู่ต่อหน้าต่อตา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
เมื่อ วันพุธที่ ๒๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕

CD: แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
File: 551128
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความอยากของเรา กีดกั้นเราจากมรรคผลนิพพาน

mp 3 (for download) : ความอยากของเรา กีดกั้นเราจากมรรคผลนิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : จริงๆมรรคผลนิพพานไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ นิพพานไม่เคยหายไปไหนสักวันเดียวเลย นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเรามาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้อยู่ไกลเลยนะ อยู่ต่อหน้าต่อตานี่เอง แต่เราไม่เห็น นิพพานคือความไม่ปรุงแต่ง นิพพานมีชื่ออันหนึ่งว่า “วิสังขาร” นิพพานมีชื่ออันหนึ่งว่า “วิราคะ” ไม่มีความอยาก

ใจของเรามันมีความอยาก อยากปฏิบัติธรรม อยากดี อยากโน่นอยากนี่ขึ้นมา พอมันมีความอยากขึ้นมา มันก็ปรุง คนชั่วก็ปรุงชั่ว คนดีก็ปรุงดี นักปฏิบัติก็ปรุงดีขึ้นมา คอยควบคุมกายคอยควบคุมใจ หาทางทำอย่างนั้นหาทางทำอย่างนี้ การที่พยายามทำอยู่นั่นแหละทำให้ไม่เห็นนิพพาน ฉะนั้นขันธ์ ๕ นะ ขันธ์ ๕ เค้าเป็นธรรมะที่ปรุงแต่งเรียก“สังขตธรรม” ฉะนั้นขันธ์ ๕ ต้องปรุงแต่ง ขันธ์ ๕ เป็นธรรมชาติที่ปรุงแต่ง เราไม่ได้ไปฝึกให้ขันธ์ ๕ ไม่ปรุงแต่งนะ เพราะฉะนั้นอย่างจิตเนี่ย จิตอยู่ในขันธ์ ๕ จิตมีหน้าที่คิดนึกปรุงแต่ง

เราไม่ได้ฝึกให้มันไม่คิด ไม่นึก ไม่ปรุง ไม่แต่ง แต่เมื่อเค้าทำงาน ขันธ์ ๕ เค้าทำงานแล้วเนี่ยอย่าหลงเข้าไปแทรกแซงขันธ์ ๕  พวกเรานักปฏิบัติชอบแทรกแซงขันธ์ ๕ นะ เช่น ร่างกายนี้มันจะหายใจ เราก็ไปแทรกแซงการหายใจ ไปเปลี่ยนจังหวะการหายใจ หายใจให้ผิดธรรมดา แล้วก็เหนื่อยนะ ร่างกายเคยขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เคยยืน เคยเดิน เคยนั่ง เคยนอน ท่านั้นท่านี้ เราก็เริ่มไปจำกัดมัน ต้องอยู่ท่านั้นต้องอยู่ท่านี้ ต้องเดินอย่างนั้นถึงถูกต้องนั่งอย่างนี้ถึงจะถูก เดินท่านั้นผิดเดินท่านี้ผิด นี่เราพยายามเข้าไปแทรกแซงขันธ์ เวทนาเค้าก็เป็นธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง เดี๋ยวเค้าก็สุข เดี๋ยวเค้าก็ทุกข์ เดี๋ยวเค้าเฉยๆ พอเราเห็นทุกข์ขึ้นมาเราไม่ชอบนะ พยายามแทรกแซงให้หายไป ความสุขก็พยายามแทรกแซงให้มันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาแล้วแทรกแซงจะรักษามันไว้

นี่เราเข้าไปหลงแทรกแซงขันธ์ ๕ สัญญามันจะจำได้มันจะหมายรู้ ก็ไปแทรกแซง ที่อู๊ดเคยพลาดเรื่องแทรกแซงสัญญา ตัวนั้น จำได้ใช่มั้ย เห็นโต๊ะไปเรียกว่าเก้าอี้อะไรอย่างนี้นะ ไปแทรกแซงทำให้มันสับสน เสร็จแล้วมันจะอยู่ในโลกสมมุตินี้ไม่ได้ เพราะว่าสัญญา ไม่ตรงกับใครเค้าเลย สังขารก็คือจิตมันต้องปรุงดีบ้างปรุงชั่วบ้าง เราไม่อยากให้ปรุงชั่ว เราอยากให้ปรุงดี เราแทรกแซงนะ อย่างจิตฟุ้งซ่านขึ้นมา เราก็มาพุทโธๆ มาฟุ้งซ่านหนอๆ ให้หายฟุ้งซ่าน นี่แทรกแซง จิตโกรธขึ้นมานะ ก็พยายามแผ่เมตตาใหญ่ แผ่เมตตาให้หายโกรธ อันนี้ก็แทรกแซง แต่ถามว่าดีมั้ย? ก็ดี   เหมือนกันนะ แต่ดีแบบสมถะไม่ใช่วิปัสสนา

วิปัสสนานี่เราจะให้ขันธ์ทำงานไป โดยเราไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์ ใจที่มันสงบตั้งมั่นไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์ เห็นขันธ์ไปตามความเป็นจริง ใจดวงนี้เนี่ยใกล้ต่อมรรคผลนิพพาน ที่อาจารย์วัฒนาถาม “สังขารุเปกขาญาณ” เมื่อเช้านี้ จิตที่มันตั้งมั่นด้วยปัญญานะ ตั้งมั่นมีปัญญาอยู่ เห็นขันธ์ทำงานไปส่วนของขันธ์ จิตไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์ อย่างนี้เรียกว่า “สังขารุเปกขา” เป็นกลางกับขันธ์ เป็นกลางกับสังขาร กับความปรุงแต่งทั้งหลาย ภาวะแห่งการสักว่ารู้สักว่าเห็นก็จะเกิดขึ้น ใจจะไม่   ดิ้นรน เมื่อใจไม่ดิ้นรน ถึงจุดหนึ่งใจจะเห็นธรรมะที่ไม่ดิ้นรน ธรรมะที่ไม่มีความอยาก ธรรมะที่ไม่ดิ้นรน คือ “วิราคะ” กับ “วิสังขาร” หรือ “นิพพาน” นั่นเอง

เพราะฉะนั้นไม่มีใครกีดกั้นเราไว้จากนิพพานเลย ไม่มีใครกีดกั้นเราจากมรรคผล เรากีดกั้นตัวเองด้วยความอยากจะได้มรรคผลนิพพานนั่นแหละ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๒
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตราบใดที่ยังอยาก จะไม่เกิดมรรคผล

mp 3 (for download) : ตราบใดที่ยังอยาก จะไม่เกิดมรรคผล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจนะ ง่ายๆเลย ทุกข์ให้รู้ ทุกข์คืออะไร ทุกข์คือกายกับใจ หน้าที่ของเราก็คือรู้กายรู้ใจใช่มั้ย ง่ายๆ รู้ไปเรื่อยแล้ววันนึงละสมุทัยเอง ละความอยาก พอหมดความยึดในกายในใจ มันก็หมดความอยากที่จะให้กายให้ใจเป็นสุข หมดความอยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ เมื่อไรจิตหมดความอยากนะ จิตก็เห็นนิพพาน นิพพานคือสภาวะที่พ้นจากความอยาก ยังอยากอยู่นะไม่เห็นนิพพาน ยังอยากปฏิบัติยังไม่มีวันเห็นนิพพานหรอก อยากได้ผลนะ ยิ่งไม่มีทางเห็นใหญ่ งั้นตราบใดที่ความอยากยังครองหัวใจอยู่ ตราบนั้นยังไม่เกิดมรรคผลหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
Track: ๕
File: 520426B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยอมจำนนต่อทุกข์ จึงพ้นทุกข์

mp 3 (for download) : ยอมจำนนต่อทุกข์ จึงพ้นทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เห็นร่างกายมันเต็มไปด้วยความทุกข์ ตัวจิตเอง พอมีสติถี่ๆขึ้นมานะ เห็นทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่ใช่สุขบ้างทุกข์บ้างแล้วนะ มันจะกลายเป็นทุกข์ล้วนๆเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วก็บีบคั้นทั้งนั้นเลย เป็นความบีบคั้นทั้งสิ้น เป็นทุกข์ทั้งสิ้นเลย เนี่ยเห็นอย่างนี้นะ เห็นมาก มากๆเข้า ถึงจุดหนึ่งนะ มันไม่รู้จะไปทางไหนแล้ว จนมุมเลย

จะไปอยู่ตามวัดภาวนา หวังว่าจะมีความสุข ก็ไม่มี เพราะว่าไปที่ไหนนะ ก็เอากายเอาใจไปด้วย กายกับใจมันตัวทุกข์น่ะ ไปไหนก็เอาทุกข์ไปด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีที่หนีเลย เข้าสมาธินะ เข้าไปลึกเลย สบายๆ เผลอๆ เพลินๆ นะ เข้าไม่นานนะ สติปัญญาทำงานขึ้นมา มันถอนออกมา เห็นเลย สมาธิก็เป็นภพอีกอันหนึ่ง ไปเข้าฌานอยู่ เป็นภพอีกอันหนึ่ง ก็ทุกข์อีกนะ อยู่ได้ชั่วคราวก็ถอนออกมาอีกแล้ว

เนี่ยฝึกจนกระทั่ง ครูบาอาจารย์ท่านใช้คำบอกว่า สามแดนโลกธาตุเนี่ย หาที่จะหยั่งเท้าลงไปด้วยความสุขไม่ได้เลย แล้วทำอย่างไร ทำอย่างไรดี จึงจะพ้นจากความทุกข์ ไม่มีทางทำเลย ขอเลิกไม่ดูได้มั้ย เลิกก็ไม่ได้อีก สติปัญญามันอัตโนมัตินะ หมุนจี๋อยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืนนะ เห็นจิตหมุนติ้วๆๆ จับอารมณ์โน้น จับอารมณ์นี้ ตลอดเวลาเลยนะ เดี๋ยวเหวี่ยงไปที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นะ หมุนจี๋ๆๆอยู่ ข้างในก็หมุนอยู่ตลอด มีแต่ทุกข์ล้วนๆเกิดขึ้นเลย นี่เห็นอย่างนี้จนถึงจุดหนึ่งที่จิตมันพอนะ จิตมันจนมุมแล้ว มันไม่รู้จะหาทางออกยังไงอีกต่อไปแล้ว เพราะว่า ไม่ว่าทำอะไรก็ทุกข์หมดเลย ไม่มีทางหนีจากความทุกข์ได้เลย

พอจิตยอมจำนนกับความทุกข์ จิตยอมรับความจริง เรียกว่าคล้อยตามความจริงแล้วว่า กายนี้ใจนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ นี่เรียกว่าจิตคล้อยตามอริยสัจจ์แล้วล่ะ คล้อยตามความจริงนะ จิตก็หมดความดิ้นรนเลย เพราะจิตมันหมดความดิ้นรนนะ มันยอมรับความจริงแล้ว มีแต่ทุกข์ล้วนๆ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ไม่มีอะไรดับไป มีแต่ทุกข์ล้วนๆ จิตยอมรับความจริงแล้วจิตจะสลัดตัวเองออกจากกองทุกข์ ตรงนี้มันสลัดของมันเอง มันจะพ้นออกไปเอง

เป็นเรื่องที่แปลกเป็นเรื่องที่อัศจรรย์นะ เราดิ้นรนหาทางพ้นทุกข์แทบตายก็ไม่พ้นหรอก แต่ว่าพอจิตมันเอียนทุกข์เต็มที่นะ มันรู้เต็มที่แล้ว จนกระทั่งมันรู้ว่าไม่มีทางหนีแล้ว มันยอมจำนนกับความทุกข์แล้ว หมดดสติหมดปัญญาที่จะแก้ไขให้พ้นจากความทุกข์แล้ว แบบหลังชนกำแพง ถูกผู้ร้าย ๕ ตัว ถือมีดมาไล่จิ้มเอาๆ ๕ ตัวคือมารทั้ง ๕ ตัว ไล่จิ้มเอาๆ หลังชนกำแพง รอบนี้ตายแน่ อย่างนี้จิตถึงจะยอมปล่อยวาง โอ้… กายนี้ใจนี้มีแต่ทุกข์ล้วนๆ บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรนะ หนีมันก็ไม่ได้ เห็นมั้ยเอาไว้ก็ไม่ดีใช่มั้ย หนีไปก็ไม่ได้ เนี่ยจิตยอมรับตรงนี้ จิตเป็นกลางเลย ยอมรับความจริง จิตจะเป็นกลางแล้วยอมรับความเป็นจริง กายนี้ใจนี้ทุกข์นะ ยอมรับมัน ความจริง รู้เลย หนีก็ไม่ได้นะ สู้ก็ไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่พ้น ตรงนี้แหละที่จิตจะสลัดคืนกายคืนใจให้โลกไป เป็นภาวะที่พวกเรานึกไม่ถึงน่ะ คิดด้วยคำพูดไม่ได้ นึกเอาไม่ได้ ต้องฝึกเอา เราจะรู้เลยความพ้นทุกข์มีจริงๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑
File: 520704A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๓ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่เราไม่เห็นเอง

mp 3 (for download) : นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่เราไม่เห็นเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเราได้ฟังธรรมะนะ มีบุญแล้วล่ะ หัดเจริญสติ หัดรู้กายหัดรู้ใจไป อย่าท้อถอย บางคนจะได้ในชีวิตนี้ หลายคนจะได้ในชีวิตนี้ แต่อีกหลายคนจะยังไม่ได้ในชีวิตนี้ ต้องสะสมไปอีกนะ อย่าท้อถอย ถ้าท้อถอยก็คือไม่ได้ตลอดไป เดินไปเรื่อยๆนะ วันละก้าวสองก้าว ก็มีสติรู้กายรู้ใจเรื่อยๆไป วันหนึ่งมันต้องได้

เส้นทางนี้นะ มันเป็นเส้นทางที่ไม่ได้ยาวไกลเท่าที่คิดหรอก เส้นทางนี้ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ คล้ายๆจากที่นี่ไปศรีราชาเอง เพราะจริงๆนิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตานี่ล่ะ ศรีราชายังไกลไปนะ ศรีราชาไกลเกินไป นี่เป็นการเทียบให้ฟัง สมมุติว่าอยู่ศรีราชา สมมุติว่านิพพานอยู่ศรีราชา เดินทุกวัน วันละก้าว แต่ต้องเดินให้ถูกทาง เดินไปทางนี้ก็ไม่เจอ ใช่มั้ย เดินไปทางนี้ก็ไม่เจอ เดินไปทางนี้ก็ไม่เจอ ต้องเดินไปทางนี้ ข้ามเขาไปข้ามห้วยไป เดี๋ยวก็เจอ

ถ้าเดินผิดทางจะไม่เจอ ถ้าเดินถูกทางคือมีสติรู้กายรู้ใจไปเรื่อย วันหนึ่งก็เจอ ไม่ยาวไกลเท่าที่คิดหรอก เพราะนิพพานอยู่ใกล้ตัวนะ นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา นิพพานอยู่กระทั่งในใจเราตอนนี้ แต่เราไม่เห็นเองน่ะ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนทรงนิพพานอยู่แล้วนะ คนละเรื่องกันนะ ไม่เห็นนิพพาน ไม่อาจทรงนิพพานอยู่ได้หรอก มันไม่ได้ยากเท่าที่คิดเลย

อะไรมันปิดบังนิพพานไว้ล่ะ สมมติบัญญัติปิดบังรูปนามไว้ รูปนามก็ยังปิดบังนิพพานไว้อีกทีหนึ่ง สมมติบัญญัติก็เลยปิดบังนิพพานไว้อีกทีหนึ่ง มันถูกซ้อนปิดบังไว้หลายหน

เพราะฉะนั้นเรามีสตินะ ขั้นแรกรู้ตัวขึ้นมา เราหลุดออกจากสมมติบัญญัติก่อน มารู้กายมารู้ใจ เมื่อไรเห็นความจริงของกายของใจนะ จิตวางกายวางใจปั๊บลงไปนะ ก็จะเห็นนิพพานเลย ไม่ได้ไปอยู่ที่อื่นเลยนะ เพราะเวลาเราภาวนาเรามารู้อยู่ที่กายที่ใจนี้ เวลาปล่อยวางกายปล่อยวางใจก็ปล่อยวางอยู่ตรงนี้เอง นิพพานก็ปรากฎอยู่ตรงนี้เอง ไปเทียบกับศรีราชานี้ไกลมาก จริงๆจะว่าปลายจมูกก็ยังไกลเกินไป อยู่ที่ใจเรา พ้นความดิ้นรน พ้นความปรุงแต่ง พ้นความอยากขึ้นเมื่อไหร่ ก็จะเห็น อยู่ตรงนั้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
Track: ๑๘
File: 520612
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาจนสติปัญญาอัตโนมัติ จะเห็นแต่ทุกข์

mp 3 (for download) : ภาวนาจนสติปัญญาอัตโนมัติ จะเห็นแต่ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : หัดเบื้องต้นนะ มีสติก็มีความสุข มีสมาธิก็มีความสุข มีปัญญาก็มีความสุข จนสติมันทำงานบ่อย อัตโนมัติขึ้นมา แต่เดิมเห็นความสุขโผล่ขึ้นมาแล้วหายไป โผล่แล้วหายไป ต่อไปไม่ใช่อย่างนั้น ภาวนาไปถึงจุดหนึ่งนะ พอสติปัญญามันอัตโนมัติเนี่ย มันจะเห็นเลย โผล่มาทีไร ทุกข์ทุกทีเลย กระทั่งความสุขก็เป็นความทุกข์

ความสุขก็เป็นความทุกข์นะ เป็นสิ่งที่เสียดแทงใจเหมือนกัน ความสุขก็ทำให้จิตใจเสียสมดุลย์ ความทุกข์ก็ทำให้ใจเสียสมดุลย์ ฝึกไปๆเห็นมีแต่ทุกข์ กายนี้ทุกข์ ใจนี้ทุกข์ นะ จะทำอะไรๆก็ทุกข์นะ ตรงไหนก็ทุกข์หมดเลย ทุกๆหน ทุกๆแห่ง เต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งหมดเลย ทุกข์จนเบื่อหน่าย ขอไม่ดู ขอไม่ดูดีกว่า กลับไปเป็นคนบ้าๆแบบเดิมดีกว่า สบายดี จิตก็ไม่ยอม อย่านึกนะว่าจะสุข ไม่ใช่เวลาที่จะมีความสุข ตอนนี้น่ะ เป็นเวลาที่จะต้องเรียนรู้ความจริง ของกายของใจ

เราพัฒนามีสติ มีใจที่ตั้งมั่นขึ้นมานะ จะเห็นเลยว่ามันมีแต่ทุกข์ ทุกข์ทั้งวัน ทุกข์ทั้งคืน หลับก็ทุกข์ ตื่นก็ทุกข์ สมัยภาวนาไม่เป็นนะ ไปนอนหลับก็ว่ามีความสุข ตอนนี้ภาวนาเป็น จำนวนมากแล้ว รู้สึกมั้ยว่าหลับก็ไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อนแล้ว แล้วสุขอยู่ที่ไหน สุขหายไปแล้ว

ในความเป็นจริง ความสุขเป็นภาพลวงตา ในความเป็นจริง โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ คนหลงหรอกมันมองไม่เห็นความทุกข์ กิเลสตัวหนึ่งนะมันหลอกลวง กิเลสมันหลอกลวง ตัณหาพาให้เราไปเห็นว่า อย่างโน้นสิแล้วจะสุข อย่างนี้สิแล้วจะสุข มันหลอกให้เราอยากไปเรื่อยๆ หลอกให้เราดิ้นไปเรื่อยๆ พอดิ้นๆไปนะ ตัณหามันหลอก มีแฟนสิแล้วจะสุข มีแล้วไม่สุขน่ะ มันสอนต่อ ต้องมีเมียถึงจะสุข มีเมียแล้วไม่สุขน่ะ ต้องมีใหม่แล้วสุข มันสอนเราไปเรื่อยๆนะ ผลักดันเราไปเรื่อยๆเลย โอ้..มันขับ มันผลักดันนะ เป็นแรงผลัก บีบคั้นอยู่ตลอดวันตลอดคืนเลย

กิเลสตัณหานะ ศัตรูร้ายของความสงบสุขในชีวิต ทีนี้จิตใจของเรายังไม่มีสติปัญญาพอจะทำลายรากแก้วของมัน กิเลสตัณหาเกิดทั้งวันเลย แต่ก่อนมันเกิดขึ้นมานะ เราสนองกิเลสไปเรื่อย เราไม่รู้หรอกว่า กิเลสตัณหาทำความทุกข์ให้ ตอนนี้เรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เราแค่เห็นเลย แค่ใจอยากขึ้นมาก็ทุกข์แล้ว ใจมีความอยากขึ้นมาก็ทุกข์แล้ว รู้สึกมั้ย ใจถูกบีบคั้นตลอดเวลาเลย ทั้งวันทั้งคืนมีแต่บีบคั้นนะ ไม่รู้จะสุขตรงไหน

ไปนอนหลับมันยังไม่หลับดีเลย ร่างกายหลับนะ กรนคร่อกๆเลย จิตดันตื่นขึ้นมา มองเห็นกายนอน น่าอเน็จอนาถ เห็นร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์ ตัวจิตเอง พอมีสติถี่ๆขึ้นมานะ เห็นทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่ใช่สุขบ้างทุกข์บ้างนะ มันจะกลายเป็นทุกข์ล้วนๆเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วล้วนแต่บีบคั้นทั้งนั้นเลย เป็นความบีบคั้นทั้งสิ้น เป็นทุกข์ทั้งสิ้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑
File: 520704A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานมี ๒ นิพพาน

mp 3 (for download) : นิพพานมี ๒ นิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พระโสดาฯ พระสกิทาคาฯ พระอนาคาฯ ยังไม่แจ้งพระนิพพาน แค่รู้จัก พระอรหันต์เนี่ยท่านแจ้งพระนิพพาน ท่านอิ่มของท่านอยู่อย่างนั้น ท่านมีความสุขของท่านอยู่อย่างนั้น ถึงได้กล่าวว่า “นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ” มีความสุขมาก

พระนิพพานมี ๒ พระนิพพาน นิพพานแรกคือนิพพานกิเลส อันนี้ตอนที่บรรลุพระอรหันต์นี้ ก็เข้าถึงพระนิพพาน นี่คือนิพพานกิเลส “สอุปาทิเสสนิพพาน” เวลาท่านจะสัมผัสพระนิพพาน ท่านเข้าสมาบัติที่เรียกว่า “ผลสมาบัติ” (อ่านว่า ผะ ละ สะ มา บัด – ผู้ถอด) คืออยู่กับพระนิพพาน ทรงอยู่กับพระนิพพาน นิพพานอีกชนิดหนึ่ง ชื่อ “อนุปาทิเสสนิพพาน” นิพพานขันธ์ อันแรกเป็นนิพพานกิเลส กิเลสตายก่อน

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าเนี่ย วันที่ท่านตรัสรู้เนี่ย ท่านเข้าถึงพระนิพพานนะ เป็นกิเลสนิพพาน ไม่มีกิเลสแต่ยังมีขันธ์เหลืออยู่ ความทุกข์เนี่ยเข้ามาที่ขันธ์ได้ วิบากกรรมยังตามเข้ามาที่ขันธ์ได้ หนียังไม่พ้น ยกตัวอย่างท่านเล่า ว่าท่านกระหายน้ำ อยากดื่มน้ำ พระอานนท์ไม่ยอมตักให้ บอกว่าน้ำขุ่น อะไรอย่างนี้ ท่านก็บอกว่าไปตักมาเถอะๆ พอลงไปตักจริงๆน้ำก็ใสขึ้นมาเลย ทำไมท่านต้องกระหายน้ำ ท่านก็บอกไว้นะว่าท่านก็มีวิบาก ขนาดเป็นพระพุทธเจ้านะ ขันธ์ยังอยู่เนี่ย วิบากตามมาที่ขันธ์ ตามมาที่จิตไม่ได้แล้ว ตามมาที่ขันธ์ จิตไม่ทุกข์แล้ว ทำไมท่านต้องถ่ายเป็นเลือด ท่านต้องสิ้นขันธ์ปรินิพพานเนี่ย โดยถ่ายเป็นเลือด ทำไมท่านไม่นิพพานสบายๆ บุญบารมีตั้งเยอะนะ ก็เพราะวิบาก ท่านเคยเป็นหมอไปวางยาคนน่ะ เป็นหมอรักษาโรคนะ ไปวาง.. แต่หลวงพ่อจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว อยู่ในพระสูตรมี

ถึงนิพพานกิเลสไปแล้ว ขันธ์ยังเหลือเนี่ย วิบากจะตามมาที่ขันธ์ได้ แต่พอวันที่สิ้นขันธ์ อันนี้เป็นที่เรียกว่า “ปรินิพพาน” น่ะนะ สิ้นขันธ์ คราวนี้ไม่มีอะไรตามไปถึงแล้วนะ มีความสุขที่เรานึกไม่ถึง จิตนี้กับธรรม สลายตัวรวมเข้าด้วยกัน มีความสุขมาก

หมายเหตุ : อ่านเพิ่มเติมเรื่อง กรรมวิบากที่ตามมาทันองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่ทรงเล่าเอาไว้ ที่นี่


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๑๕
File: 550817B
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๔ ถึง นาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าไม่รู้แจ้งอริยสัจจ์ ก็ยังไม่ปล่อยวาง

mp 3 (for download) : ถ้าไม่รู้แจ้งอริยสัจจ์ ก็ยังไม่ปล่อยวาง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใจลึกๆมันจะรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่า อะไรน้อ..ที่ยังไม่รู้ มีสิ่งบางสิ่งที่ยังไม่รู้อยู่ เพราะไม่รู้สิ่งนี้แหละ จิตถึงไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ลึกๆมันจะรู้สึกอย่างนี้อยู่ตลอดนะ

ภาวนาบางวัน บางครั้งบางคราว จิตปล่อยวางจิต พอจิตปล่อยวางจิตเสร็จแล้วไม่นานนะ ก็ไปหยิบฉวยจิตขึ้นมาดูต่อ เมื่อไหร่จะวางได้ ยกตัวอย่างไปหยิบพัดนี่ขึ้นมา แล้วก็มาคร่ำครวญ เมื่อไหร่จะวางได้ ทำยังไง(วะ)จะวางได้ น่ะ เนี่ย มันโง่อยู่อย่างนี้ มันโง่อยู่อย่างนี้ โอ๊ย..มันยากนะ กว่ามันจะเข้าใจ กว่าจะรู้นะว่าไม่รู้อะไรทำให้ไม่วาง ไม่รู้แจ้งอริยสัจจ์ ความไม่รู้แจ้งอริยสัจจ์นั่นแหละ เรียกว่าอวิชา

เพราะฉะนั้นทางที่จะหลุดพ้นนะ ก็คือ ต้องทำวิชาให้เกิด อวิชาก็จะดับไป วิชาคือความรู้แจ้งอริยสัจจ์ ข้อที่ ๑ รู้ทุกข์ ทุกข์คือกายกับใจ รูปกับนาม หน้าที่ของเราต้องรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงเรื่อยไป การภาวนามีเท่านี้เอง การทำวิปัสสนากรรมฐานก็คือ การที่มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ของกายของใจ ความจริงก็คือไตรลักษณ์นั่นเอง ดูอย่างนี้เรื่อยไป

พอมันรู้แจ้งนะ กายกับใจเป็นไตรลักษณ์แจ่มแจ้ง เรียกว่ารู้ทุกข์แจ้ง ทุกข์ล้วนๆเลยไม่เห็นดีวิเศษอะไรเลย จิตจะสลัดคืนกายคืนใจให้โลก หมดความยึดถือกายยึดถือใจ พอไม่ยึดถือกายไม่ยึดถือใจปั๊บนะ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ สมุทัยจะถูกละอัตโนมัติ ตัณหาจะไม่มีอีกแล้ว

ตัณหามันคือความอยากให้กายให้ใจเป็นสุข อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ พอไม่ยึดกายไม่ยึดใจก็ไม่มีความอยากที่จะให้มันเป็นสุข ไม่มีความอยากให้มันพ้นทุกข์นะ ตัณหาไม่มี เมื่อตัณหาไม่มี ตัณหาไม่เกิด ตัณหาดับสนิทไม่มีอีกแล้วนะ นิโรธคือนิพพานก็ปรากฎ พระนิพพานคือความสิ้นตัณหา ขณะจิตที่รู้แจ้งนิพพานนั้นแหละ รู้ทุกข์ ละสมุทัย แจ้งนิพพานขึ้นมา ขณะนั้นแหละคือการเกิดอริยมรรคนะ

เส้นทางเดินของพระอริยะทั้งหลายท่านก็เดินอย่างนี้นะ ไม่เผลอไม่เพ่ง รู้กายรู้ใจไป ไม่ไปหลงติดอยู่ที่ใดที่หนึ่ง คอยรู้เรื่อยๆไป วันหนึ่งก็ถึง เกิดความเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจก็วาง รู้ตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น หลุดพ้นก็จะรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์คือการประพฤติปฏิบัติจบแล้ว กิจที่ควรทำ-ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นที่จะทำเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่มีอีกแล้ว งานในทางศาสนาพุทธเป็นงานที่มีเวลาสิ้นสุด ไม่เหมือนงานในโลกที่ไม่มีวันสิ้นสุดนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๙
File: 520731A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕๘ ถึง นาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 2 of 912345...Last »