Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ทางวิปัสสนา (๒๓) ถ้ามีเหตุขันธ์ก็เกิดสืบทอดไป ถ้าไม่มีเหตุขันธ์ก็ไม่เกิดสืบทอดไป

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๒๓) ถ้ามีเหตุขันธ์ก็เกิดสืบทอดไป ถ้าไม่มีเหตุขันธ์ก็ไม่เกิดสืบทอดไป

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

โยม : นมัสการหลวงพ่อครับ ผมส่งการบ้านมาหลายครั้ง ก็ยังตื่นเต้นอยู่เหมือนเดิม ความตื่นเต้นมานี่ มันยังไม่หายเลยครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ห้ามมันไม่ได้หรอก จิตมันเป็นอนัตตา

โยม : ทีนี้ การปฏิบัติที่จะมาส่งก็คือ เวลาผมทำสมาธิ แล้วผมก็สังเกตไปเรื่อยๆ ว่าอะไรปรากฎก็รู้มันๆ ทีนี้สักพักหนึ่ง มันไม่มีอะไรปรากฎ มันเงียบๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เงียบปรากฎล่ะ

โยม : ใช่ๆครับ ความเงียบปรากฎ ตรงนี้ ผมเคยถกกับคุณหมอท่านหนึ่ง คุณหมอบอกว่าจิตสงบแล้ว ผมบอกว่า คิดเรื่องเงียบ ผมมีความรู้สึกว่าคิดเรื่องเงียบอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์ : เงียบปรากฎนะ

โยม : แล้วความเงียบ ผมก็ดูต่อไป ดูไปแล้วก็ไม่เงียบอีกแล้ว

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ มันก็ไม่เที่ยง

โยม : แต่มันก็นานพอสมควร คือ ถ้ามันเป็นอย่างนี้บ่อยๆ เวลาที่มันเงียบ มันจะยิ่งนานขึ้นๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ออกจากสมาธิแล้ว อยู่ในโลก ก็เจริญสติในชีวิตประจำวันให้มาก เท่านั้นแหละ

โยม : คราวนี้เวลาออกจากสมาธิน่ะครับ แล้วมีสติอัตโนมัติขึ้นมา เวลาที่สติอัตโนมัติค้างอยู่ มันรู้สึกได้ว่านานกว่าเดิม

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าจิตทำสมาธินะ จิตที่ทรงฌานเนี่ย สติอัตโนมัติจะอยู่นาน

โยม : อย่างนั้นเรียกว่าฌานหรือครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าจิตเข้าไปอยู่ในความนิ่ง ความว่าง ความไม่มีอะไร รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ ก็เข้าสมาธิที่ละเอียดเข้าไปแล้วล่ะ

โยม : อีก ๒ ประเด็นนะครับ คือเวลา อย่างเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เอง ขณะที่กำลังทำงานอยู่แล้วมันหงุดหงิดขึ้นมา ก็ดูมันไป สังเกตไปเรื่อยๆ ปรากฎว่า ความหงุดหงิดหายไปแล้ว แต่มันยังร้อนอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์ : อื้อ.. วิบาก กิเลส กิเลสเกิดนะ จิตก็กระทำกรรม จิตกระทำกรรมก็ต้องมีวิบาก ตรงหงุดหงิดนะก็เป็นกิเลส แล้วผลักดันให้จิตเราดิ้นรน ก็ต้องรับวิบากอีกช่วงแหละ

โยม : สภาพที่แยกธาตุแยกขันธ์อย่างนั้น ใช่มั้ยครับ แต่มัน มันไม่ได้แยกได้ตลอดเวลา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่เป็นไร เวลาเราทำความสงบเนี่ย ไม่ต้องแยกธาตุแยกขันธ์ เวลาเผลอ ไม่ได้แยกธาตุแยกขันธ์ เวลาที่จิตตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานนะ ก็แยกธาตุแยกขันธ์ได้ มันไม่ได้เป็นตลอดนะ

โยม : ในระหว่างที่ผมกำลังสังเกต ความหงุดหงิด ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่าง รู้สึกว่า มีเรา(หลวงพ่อปราโมทย์ : อื้อ..)กำลังดูมันอยู่(หลวงพ่อปราโมทย์ : อื้อ..)

หลวงพ่อปราโมทย์ : ดีที่เห็นนะ แสดงว่ายังไม่ใช่พระโสดาบัน ถ้าเป็นพระโสดาบันจะเห็นว่า ธรรมชาติรู้เป็นคนดูอยู่ ไม่ใช่เราดูละ

โยม : แต่ว่าเราไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา

หลวงพ่อปาโมทย์ : ไม่อยู่ตลอด

โยม : เวลาผมเผลอ เราหายไป

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ.. สักกายทิฎฐิก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน ความเห็นว่าเป็นเรา เป็นชั่วคราว เกิดเป็นคราวๆ

โยม : ผมขออีกนิดนะครับ คือ เวลาที่เรานอนหลับสนิท แล้วตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกว่าโลกปรากฎ ทีนี้ตอนหลับสนิท สนิทจริงๆครับ ไม่มี ตรงนี้ ตรงกับที่ผมศึกษา คือว่า ตรงนี้ขออนุญาตนิดนึงครับ คือ ผมเคยอ่านเจอในพระอภิธรรมว่า เทวดาถามพระพุทธเจ้าว่า โลกมีอะไรนำไป โลกปรากฎได้อย่างไร ผมเข้าใจความหมายทำนองนี้ ใช่มั้ยครับ ผมเข้าใจถูกแล้ว? อีกอันหนึ่งนะครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : หา ทำไมเยอะนักล่ะ คนอื่นเขาจะประท้วงหรือเปล่า หือ..

โยม : ครับ ต้องขอโทษด้วยครับว่า ผม.. ต้อง.. ให้ความรู้กับเพื่อนที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน ป้องกันไม่ให้เกิดมิจฉาทิฎฐิ คือเมื่อกี๊ผมฟังที่หลวงพ่อพูดตอนเริ่มต้น บอกว่า ถ้าเราไปมั่นใจว่าตายแล้วเกิด เป็นมิจฉาทิฎฐิ ตรงนี้หมายความว่า เราต้องมั่นใจว่า ไม่มีพระอรหันต์ใช่มั้ยครับ ถึงจะเรียกว่าไม่เป็นมิฉาทิฎฐิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ใช่ พวกเราตอนนี้ต้องคิดว่ามีพระอรหันต์ไว้ก่อน แต่พระอรหันต์ท่านไม่ได้คิดว่าท่านเป็นพระอรหันต์หรอก ของเรามันยังมี

โยม : อย่างนี้แสดงว่า ที่ผมกำลัง ตอนนี้อย่างที่ผมกำลังพูดกับลูก ผมบอกว่า ผมมั่นใจว่าตายแล้วเกิด อย่างตัวผม ผมมั่นใจว่าตายแล้วเกิด อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฎฐิมั้ยครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าพูดกับลูกก็พูดโดยอนุโลมเอา เอาแบบนั้นก่อนนะ คือ มันจะเห็นแจ้งต่อเมื่อเห็นว่า ปัจจุบันนี้ ไม่มี ปัจจุบันนี้ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีเรา ไม่มีเขา ก็ปัจจุบันยังไม่มีเลย ตายแล้วจะมีหรือไม่มีอย่างนี้ ถ้ามีเหตุก็เกิด ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มี ถ้ามีเหตุขันธ์ก็เกิดสืบทอดไป ถ้าไม่มีเหตุขันธ์ก็ไม่เกิดสืบทอดไป ถ้าพูดให้ถูกก็ต้องพูดอย่างนั้น แต่ว่าสอนเด็กไม่ได้ มันยากไป ถ้าสอนลูกก็บอกว่า ตายแล้วเกิด สอนอย่างนี้ไปก่อน

โยม : ขอบคุณมากครับ

550409.44m08-49m47

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๔๔ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๔๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การบ้านของเด็ก12ขวบ

MP3: การบ้านของเด็ก12ขวบ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : นมัสการหลวงพ่อครับ

หลวงพ่อ : กลัวไหม

โยม: กลัวครับ

หลวงพ่อ : กลัวก็รู้ว่ากลัวนะ  อายุเท่าไรแล้ว

โยม : ๑๒ ปี ครับ

หลวงพ่อ: หลวงพ่อชอบมากเลย เด็กภาวนา ว่าไป

โยม : คือไม่รู้ว่าจะดูอะไรครับ

หลวงพ่อ: ดูอะไรก็ได้ อย่าดูแต่หนังอย่างเดียว

โยม : อยากให้หลวงพ่อแนะนำหน่อยว่าจะดูอะไรดีครับ

หลวงพ่อ: ดูความรู้สึกของตัวเอง คอยรู้ความรู้สึกนะ พื้นฐานเดิมที่ทำมาใช้ได้นะ มีของเดิมมา เพราะฉะนั้นเราหัดดูความรู้สึกของเราไปเรื่อยๆ เราจะเห็นเลย ใจเราแต่ละวันไม่เคยเหมือนกันเลย อย่างตอนนี้ใจลอยไปวูบหนึ่ง ดูออกไหม?

โยม: ดูออกครับ

หลวงพ่อ: หัดดูไปอย่างนี้ ดูเป็นแล้ว การปฏิบัติจริงๆง่ายที่สุดเลย ยิ่งเด็กยิ่งภาวนาง่าย เพราะเด็กไม่มีมารยา ใจของเราเป็นยังไงรู้ว่าเป็นอย่างนั้น รู้ซื่อๆ อย่างตอนนี้เริ่มไปกดให้นิ่งแล้วรู้สึกไหม? อย่าไปหน่วงจิตให้นิ่ง ไม่เอา ปล่อยให้จิตมันซนไป เอ้า ซนเร็วซน ซนเข้า เขินอีกแล้วรู้สึกไหม? เนี่ย ใจมันโล่งขึ้นมาดูออกไหม? ถ้าเราไปกดไว้ใจจะแน่นๆ ถ้าปล่อยแล้วใจมันจะโล่งๆ เราปล่อยมันโล่งๆแล้วเราตามรู้ไปเรื่อย อย่างตอนนี้ใจแอบไปคิดอีกแล้วทราบไหม? ใจมันไหลวูบไป แอบไปคิด เด็กคนนี้คิดนุ่มนวล บางคนคิดกระโชกโฮกฮาก เนี่ยไปอีกแล้วรู้สึกไหม? มันไหลไปนิ่มๆ มันลืมตัวเอง สังเกตไหม? ตอนที่หลงไป มันจะลืมตัวเราเอง เรามีกาย เราก็ลืมไป เรามีจิตใจ เราก็ลืมไป เวลาที่หลงนะ ถ้าเมื่อไรไม่มีกาย เมื่อไรไม่มีใจ กายหายใจหาย ก็หลงไป เราก็รู้ทันว่าหลงไปแล้ว คอยรู้สึกกายคอยรู้สึกใจบ่อยๆ

*หมายเหตุ*

คลิปธรรมะคือเสียงเทศน์บางช่วงของลพ.ปราโมทย์ จัดเป็นหมวดหมู่และตอบคำถามเฉพาะเรื่อง จึงไม่ใช่ข้อสรุปของการสอนธรรมะของท่าน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การบ้านของนักภาวนารุ่นจิ๋ว

mp3: การบ้านของนักภาวนารุ่นจิ๋ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: มีเด็ก 9 ขวบอยู่คน เด็กผู้หญิง ภาวนาเก่ง ส่งการบ้านมีอยู่วันนะมันส่งน่าฟังมากเลย มันบอกว่ามันปวดตา พอปวดตานะ หนูก็เห็นร่างกายคือลูกตาอยู่ส่วนหนึ่ง ความปวดอยู่ส่วนหนึ่ง จิตที่เป็นคนรู้ว่าปวดอยู่อีกส่วนหนึ่ง เห็นไหมขันธ์มันแยกออกไป แกเห็นเลยร่างกายมันไม่ใช่ตัวเรา ความปวดมันก็ไม่ใช่ตัวเรา จิตที่เป็นคนรู้คนดูนะ เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้เดี๋ยวก็เป็นผู้คิด จิตเองก็เกิดดับไปเรื่อยๆ จิตมันไม่เห็นเคยบอกว่าเป็นเราเลย ความเป็นเรามันเป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาเป็นคราวๆ อันนี้หลวงพ่อเติมนะ เด็กไม่ได้พูดถึงขนาดนี้ เด็กบอกว่าเด็กเห็นกายก็ส่วนหนึ่ง ความปวดก็ส่วนหนึ่งนะ จิตก็อยู่อีกส่วนหนึ่ง มันไม่เกี่ยวกัน แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเอง นี่เด็กพูดได้ขนาดนี้ ไม่ธรรมดา

ทำไมเขาเห็นอย่างนี้ได้ เพราะเขามีสองตัว เขามีสติกับมีสัมมาสมาธิ มีสติมันระลึกรู้ อย่างความปวดเกิดขึ้นเขารู้ทัน ระลึกรู้ปั๊บ ใจตั้งมั่นขึ้นมามันจะเห็นเลยว่า ลูกตาก็ส่วนหนึ่งนะ ความปวดก็เป็นส่วนหนึ่ง คนละอันกัน จิตที่เป็นคนรู้ก็เป็นคนละอันกัน นี่ใจที่ตั่งมัน ถ้าใจตั้งมั่นขึ้นมาขันธ์มันจะแยกตัว ขันธ์จะกระจายตัวออกไป ต่างคนต่างทำงานของตัวเองไป

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

น้องมายด์ส่งการบ้าน

MP3: น้องมายด์ส่งการบ้าน
Media Player:

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ZIP: น้องมายด์ส่งการบ้าน

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอ้า… ลูกสาวส่งการบ้าน ว่ายังไง เห็นกิเลสมั้ย

น้องมายด์: เห็นค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เห็นอะไรบ้าง

น้องมายด์: เอ่อ… เยอะแยะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : (หัวเราะ)

น้องมายด์: ก็ บางทีก็มี เอ่อ โมหะน่ะค่ะ บ่อยมากเลย เวลาตื่นนอนใหม่ๆอย่างนี้ ก็ชอบนั่งแช่เป็นชั่วโมงเลยค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เหรอ (เสียงโยมหัวเราะ) แย่นะ แช่อยู่บนเตียงชั่วโมง ไปแช่ในห้องน้ำอีกชั่วโมงหรือเปล่า

น้องมายด์: (หัวเราะ) ก็ บางทีค่ะ ก็แช่ในห้องน้ำ

หลวงพ่อปราโมทย์ : คอยรู้สึกเรื่อยๆนะ

น้องมายด์: ค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไฟฟ้าไม่เชิญไปเป็นวิทยากร (เสียงโยมหัวเราะ) สอนพวกที่บอกว่าดูจิตยากน่ะ ที่บอกว่าการดูจิตนั้นมันยากเหลือเกิน เนี่ย เอามาสอนเบอร์ 38 มั่ง (เสียงโยมหัวเราะ) อ้าวแล้วไงอีก

น้องมายด์: ก็ เมื่อตอนวันอาทิตย์น่ะค่ะ อาทิตย์ที่แล้ว หนูไปว่ายน้ำค่ะ แล้วรู้สึกว่า มัน เอ่อ… มันบังคับไม่ได้ค่ะ คราวนี้หนูลองดูจิตดู มันก็ดูไม่ได้ ก็เลยดูกายค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ…

น้องมายด์: คราวนี้มันก็เลยเห็นว่า เหมือนมันจะไม่ใช่ตัวเราน่ะค่ะ คือ อันนี้หนูไม่รู้ว่าหนูคิดไป หรือว่าจิตมันรู้เองค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : จิตมันรู้เองน่ะสิ นะ เห็นมั้ย อู้หู (เสียงโยมหัวเราะฮือฮาปรบมือ) เอ้า ใครอิจฉาเด็กบ้าง ยกมือ (เสียงโยมหัวเราะ) รวมทั้งพ่อด้วย แล้วไงอีก

น้องมายด์: ก็ช่วงนี้ รู้สึกว่า มีความทุกข์เลยค่ะ เพราะว่า ตอนแรกหนูได้ คือ หนูตีขิมเป็น คราวนี้งานวิชาการหนูจะได้ตีค่ะ ทีนี้ตอนแรกได้ตีพิเศษกว่าคนอื่น พอตอนหลังไปช้าเลยได้ตีแย่กว่าคนอื่น คราวนี้หนูก็เลยรู้สึกไม่ดี ก็หดหู่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เหรอ แล้วทำไงล่ะ

น้องมายด์: ก็ดูไปค่ะ (เสียงโยมหัวเราะ)

หลวงพ่อปราโมทย์ : เห็นมั้ย บอกแล้วว่าต้องเอาไปเป็นวิทยากร (เสียงโยมปรบมือ) จบหรือยัง

น้องมายด์: จบแล้วค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอ้า.. ให้ผู้ใหญ่บ้าง.

CD : 26

หมายเหตุ

คลิปธรรมะคือเสียงเทศน์บางช่วงของลพ.ปราโมทย์ จัดเป็นหมวดหมู่และตอบคำถามเฉพาะเรื่อง จึงไม่ใช่ข้อสรุปของการสอนธรรมะของท่าน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่