mp3 for download : ศาสนาต้องให้คำตอบของชีวิตได้ ผู้คนจึงจะไม่ทิ้งศาสนา
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
ขอขอบคุณภาพจาก บ้านจิตสบาย
หลวงพ่อปราโมทย์ : เห็นคนภาวนาดีๆเนี่ย เยอะเลย เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ที่ตัวเองรู้สึกได้ เคยทุกข์มากนะเหลือทุกข์น้อยลง เคยทุกข์นานก็ทุกข์สั้นลง มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น ยุคของเรานี้เป็นยุคที่คนทิ้งศาสนา คนมุ่งไปเอาความเจริญทางวัตถุกันหมด นี่จะว่าคนทิ้งศาสนาก็พูดยากนะ คือ..ถ้าหากศาสนาตอบคำถามของชีวิตเขาไม่ได้ ก็สมควรทิ้งหรอก เพราะไม่มีประโยชน์ คล้ายๆถ้ามีศาสนาแล้วก็เอาไว้เป็นที่รีดที่ไถนะ ไม่มีประโยชน์ หมดไปก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าหากศาสนาเนี่ยแก้ไขปัญหาชีวิตให้เขาได้ คนเข้าถึงเนื้อหาแท้ๆของศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ถ้าเราเข้าถึงเราเข้าใจ เราพ้นทุกข์ทันตาเห็น ไม่ใช่ทำไปเถอะ ทำไปเถอะ แล้วชาติต่อๆไปค่อยเห็น ต้องเห็นเดี๋ยวนี้ ศาสนาพุทธน่ะเป็นเรื่องปัจจัตตังนะ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ วิญญูชนรู้ด้วยตนเอง รู้ลงขณะปัจจุบันนี้แหละ ไม่ใช่วิญญูชนเชื่อไปเหอะ เชื่อไปก่อน ทำไว้แล้วชาติหน้าดี ไกลไป
นี่หลวงพ่อพยายามประกาศธรรมะที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในเวลาสั้นๆ แท้จริงธรรมะที่ประกาศเนี่ย เป็นธรรมะของเก่า ครูบาอาจารย์สอนต่อๆกันมา ไม่ขาดยุคขาดสมัยนะในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา หลวงพ่อเปลี่ยนบางอย่างไป เปลี่ยนภาษาไป เปลี่ยนภาษาให้คนรุ่นเราฟังรู้เรื่อง นอกจากเปลี่ยนภาษาแล้วก็มาเลือกวิธีการที่คนสมัยเรานี้จะรับได้ พระพุทธเจ้าเป็นธรรมราชา เป็นพระราชาของธรรมะ เป็นภควโต (อ่าน ภะคะวะโต – ผู้ถอด) เป็นผู้จำแนกแจกธรรม ธรรมะที่ท่านให้ไว้นะ มากมายมหาศาลเลย เหมาะกับจริตนิสัยกับคนต่างๆนานา ความกรุณาของท่านแผ่ไพศาล ท่านสอนธรรมะไว้มากมาย เพราะจริตนิสัยของคนนั้นแตกต่างมากมาย หลวงพ่อก็แค่มาดู ว่าธรรมะอะไรที่คนสมัยเราจะทำได้ง่าย
การปฏิบัติธรรมนั้น ถึงอย่างไรก็หนีการปฎิบัติธรรมไม่ได้ เพราะศาสนาพุทธนั้นเป็นกรรมวาที เป็นเรื่องที่ต้องทำ เป็นเรื่องของการกระทำ มีผลของการกระทำ เราอยากพ้นทุกข์เราก็ต้องลงมือปฏิบัติ ไม่มีฟลุ๊ค แต่การปฏิบัตินั้นมีตั้งหลายแบบ ใช้สมาธินำปัญญาก็มี ใช้สมาธิกับปัญญาควบกันก็มี ใช้ปัญญานำสมาธิก็มี
ในสมัยครูบาอาจารย์นั้น ท่านจะใช้สมาธินำปัญญามาก เพราะชีวิตท่านไม่มีความเร่งร้อนอะไร คนสมัยก่อนปีหนึ่งทำนา ก็รอเวลาไปเกี่ยวข้าว ข้าวสุกก็ไปเกี่ยวข้าว ชีวิตของพวกเราทุกวันนี้มีแต่ความเร่าร้อนรีบร้อนตลอดเวลา หาอยู่หากินกันวุ่นวายตลอดเวลา เราจะเอาเวลาที่ไหน เราจะเอากำลังใจที่ไหน มานั่งสมาธินานๆให้จิตมีความสุขความสงบ เพราะฉะนั้นกรรมฐานนั่งสมาธิมากนี้ ไม่เหมาะกับคนยุคเราแล้ว แต่ยังเหมาะกับคนบางคนที่เขาทำได้ เหมาะกับบางคน
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำลายไปนะ ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะต้องรักษาไว้ให้ครบเลย จริตนิสัยของคนไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างคนรุ่นเราเป็นพวกคิดมากเยอะ เจริญทางวัตถุรุนแรง สิ่งที่มากระทบกับตาหูจมูกลิ้นกายใจรุนแรง ให้ไปนั่งสมาธิก็ไม่ไหวแล้วนะ คนโบราณไปหว่านข้าวไถนาเสร็จนะ มีเวลาก็นั่งสมาธิได้ทั้งๆวัน นั่งได้หลายๆวัน ไม่มีอะไรทำ คอยดูนกดูหนูไม่ให้มากินข้าวเท่านั้น เดินดูนก ไล่หนู อะไรอย่างนี้ ก็เจริญสติไปได้นะ ถึงเวลาก็เข้าใต้ต้นไม้นั่งสมาธิ ชีวิตไม่ได้เร่งร้อนอะไร
แต่เราทำไม่ได้แล้ว คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ทำไม่ได้แล้ว ปากกัดตีนถีบอยู่ตลอดเวลา เราก็มีกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าท่านให้ไว้ที่เหมาะกับคนที่ทำงานที่ต้องใช้ความคิด พวกคิดมาก เรียกว่าพวกทิฎฐิจริต กรรมฐานที่เหมาะกับพวกทิฎฐิจริต คือการดูจิตดูใจของตนเอง หรือดูสภาวธรรม ดูการทำงานของกระบวนการของธรรมะ ดูการทำงานของธรรมะ ทั้งรูปธรรมและนามธรรม การดูจิตดูใจนั้นเรียกว่า “จิตตานุปัสสนา” การดูกระบวนการของสภาวธรรมเรียกว่า “ธรรมานุปัสสนา” กรรมฐานเหล่านี้เหมาะกับพวกทิฎฐิจริต พวกคิดมาก
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ต.บางพระ อ.ศรีราชา ชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๔ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
File: 550804B
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๔
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่