Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

จะเป็นวิปัสสนาได้ ต้องเห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

mp3 (for download) : จะเป็นวิปัสสนาได้ ต้องเห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การเจริญปัญญานั้นต้องเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจ ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ของกายของใจ ไม่ใช่วิปัสสนากรรมฐาน

ทำไมเราต้องมาเห็นไตรลักษณ์ของกายของใจ ก็เพื่อเราจะได้ถอดถอนความยึดถือในกายในใจ เราเห็นว่าร่างกายเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก วันหนึ่งมันก็ไม่ยึดถือร่างกาย เห็นจิตใจไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวเรา ถึงวันหนึ่งมันก็ไม่ยึดถือจิตใจ ไม่ยึดถือในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย พอจิตไม่ยึดในรูปในนาม จิตก็หลุดพ้นจากรูปนาม ก็บรรลุมรรคผลนิพพานไป

จะเห็นความจริงได้ก็ต้องเห็นไตรลักษณ์ ไตรลักษณ์ของรูปนาม ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์จิตจะไม่ปล่อย ที่ไม่ปล่อยก็เพราะไม่เบื่อ ถ้าเห็นความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ เพราะเห็นตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย เพราะเบื่อหน่ายจึงคลายกำหนัดคลายความยึดถือ เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น เพราะหลุดพ้นจึงรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์คือการประพฤติปฎิบัติธรรมทำเสร็จแล้ว กิจที่ต้องทำ ทำเสร็จแล้ว กิจใหม่(เพื่อความเป็นอย่างนี้-ผู้ถอด)ไม่ต้องทำ ไม่มีอะไรต้องทำอีก

เนี่ยจะไปสู่จุดนี้ได้ก็ต้องเห็นตามความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ของรูปของนาม


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒o เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 550120
CD : สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๕ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระโสดาบันจะเห็นว่าไม่อะไรที่เป็นตัวเราถาวร

mp3 (for download) : 551208A.26m03-27m57

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาให้ได้โสดาฯก่อนนะ อย่าใจร้อน จะได้โสดาฯ โสดาฯเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก เห็นแต่ของที่เกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรที่เป็นอมตะถาวรที่จะเป็นตัวเราที่แท้จริง

ำว่าตัวเราๆ หมายถึงตัวเราที่ถาวร ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา มีเป็นแว้บๆ เกิดแล้วก็ดับไป แต่ว่าความสำคัญมั่นหมาย สัญญาที่ผิดๆ สำคัญมั่นหมายว่ามีตัวเราถาวร ถ้าเป็นพระโสดาฯก็ล้างความสำคัญมั่นหมายผิดๆนี้ได้ เพราะได้เห็นความจริงแล้วว่าไม่มีอะไรถาวรเลย

รูปธรรมทั้งหลายก็ไม่ถาวร เวทนาความสุขความทุกข์ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความจำได้หมายรู้ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความปรุงดีปรุงชั่ว กิเลสทั้งหลาย ก็ไม่ถาวร จิตใจก็ไม่ถาวร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยววิ่งไปทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ จะเห็นอยู่อย่างนี้นะ

เวลาที่เราดูจิตดูใจเรานะ ถ้าคนไหนชำนาญ ชอบดูขันธ์ ถ้าชอบดูขันธ์ก็จะเห็นเลยว่า เวทนาเกิดดับ สัญญาเกิดดับ สังขารเกิดดับ จิตอยู่ต่างหาก เราก็จะเห็นว่าจิตนี้ไม่เที่ยง เพราะจิตที่สุขเกิดแล้วดับ จิตที่ทุกข์เกิดแล้วดับ จิตที่โลภโกรธหลงเกิดแล้วดับ อย่างนี้สำหรับพวกที่ถนัดดูขันธ์นะ

ถ้าพวกที่ชำนาญดูอายตนะนั้นก็จะเห็นเลย จิตที่เกิดที่ตาเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่หูเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่จมูกที่ลิ้นที่กายที่ใจเกิดแล้วก็ดับ พวกนี้เห็นจิตเกิดดับโดยอิงเข้ากับอายตนะ แต่ว่าส่วนมากก็จะดูแค่เห็นกิเลสเห็นอะไรอย่างนั้นไป ดูไม่ค่อยถึงอายตนะเท่าไหร่ ไม่จำเป็นหรอก เอาไว้ให้คนที่เขาชอบเล่นอายตนะเขาดู


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระโสดาบันยังมีอินทรีย์ที่ต่างกัน

mp3 (for download) : พระโสดาบันยังมีอินทรีย์ที่ต่างกัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ใช่พระโสดาบันทุกองค์ต้อง ๗ ชาตินะ อยู่ที่กำลัง เวลาบรรลุโสดาปัตติมรรค ถ้าปัญญาแก่กล้า ก็เหลือชาติเดียว สมาธิกล้าๆจะเหลือ ๓ ชาติ ถ้าทั่วๆไป อินทรีย์ไม่แกกล้า ก็จะไม่เกิน ๗ ชาติ (อ่านเรื่อง อินทรีย์ เพิ่มเติมตามลิงก์ในหมายเหตุ – ผู้ถอด)

เวลาบรรลุ ก็จะเห็นภาวธรรมเกิดดับ ๒ ขณะนะ แล้วก็เกิดอริยมรรค เกิดอริยผล เกิดอริยมรรค ๑ ขณะ แล้วเกิดอริยผล ๓ ขณะ ตรงนี้เป็นพวกปัญญากล้า ไม่ถึง ๗ ชาติหรอก

แต่ถ้าพวกปัญญาไม่แก่กล้า เกิดสภาวะเกิดดับให้ดูภายใน ๓ ขณะ แล้วทวนเข้ามาหาจิต ๑ ขณะ เข้ามาถึงตัวรู้ เข้ามาถึงธาตุรู้ แหวกธาตุรู้ออก เกิดอริยมรรค ๑ ขณะจิต เกิดอริยผล ๒ ขณะจิต สัมผัสพระนิพพาน ๒ ขณะ พวกนี้ปัญญาไม่กล้า พวกนี้อาจจะ ๓ ชาติ ๗ ชาติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๓ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สังขารขันธ์

mp3 for download : สังขารขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ :ส่วนสังขารในขันธ์ ๕ เรียกว่า สังขารขันธ์ เป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นความปรุงของจิต ปรุงดีปรุงชั่ว

สังขารนั้นมีหลายอย่าง สังขารบางอย่าง อย่างกายสังขารคือลมหายใจ แยกแยะไป จิตตสังขารคืออะไร คือสัญญากับเวทนา จิตตสังขาร วจีสังขารคือวิตกวิจาร จะแยกสังขารอย่างนี้ แยกอย่างนี้เพื่อจะพูดเรื่องฌานสมาบัติ ถ้าแยกสังขารแบบนี้ กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขาร นี่เป็นการแยกเพื่อเป็นเรื่องของฌานสมาบัติ

ยกตัวอย่างเวลาเข้านิโรธสมาบัติ วจีสังขารดับก่อน คือหยุดความตรึกความตรองได้ก่อน ถัดจากนั้นลมหายใจดับ มันเข้าถึงฌานที่ ๔ ถัดจากนั้นสัญญาและเวทนาดับ เข้าสัญญาเวทนยิตนิโรธ สังขารที่แยกชนิดอย่างนี้นะ อย่าไปใช้ผิดที่นะ สังขารถ้าแยกแบบนี้จะนำไปใช้เพื่อฌานสมาบัติ อธิบายเรื่องการเข้านิโรธสมาบัติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑o เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๗
File: 531010B
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานอะไร มีเข้ามีออก

mp3 for download : นิพพานอะไร มีเข้ามีออก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : บางคนก็น้อมจิตไปสู่ความว่างความนิ่ง แต่จิตนิ่งจิตว่าง เป็นจิตพระอรหันต์ พระอรหันต์อย่างนั้นไม่ใช่ของจริง มีเข้าๆออกๆ วันนี้นิ่งได้ สงบได้ อยู่กับความว่างได้ แต่อีกวันก็ถอยออกมาข้างนอกอีก พระอรหันต์ผลุบเข้าผลุบออกไม่ใช่ของจริง

หลวงพ่อก็เคยทำ ฝึกไปจนกระทั่งเหลือแต่รู้อันเดียวเลย เหลือแต่ธาตุรู้อันเดียวเลย ตอนฝึกทีแรกเรามีผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ มีจิตกับอารมณ์ มีสองอันใช่มั้ย ตัวนี้ไหวยุกยิกอยู่ที่หน้าอกนี่ ตัวนี้เป็นคนดูอยู่ เลยสงสัยว่าจะดูตัวไหน ดูตัวนี้?

พระพุทธเจ้าบอกให้รู้ทุกข์ ตัวนี้ล่ะทุกข์ ตัวรู้ไม่เห็นจะทุกข์เลย ตัวรู้ไม่เห็นจะทุกข์เลย หลวงปู่ดูลย์บอกให้ดูจิต เอ๊..จิตมันเป็นคนรู้ น่าจะดูตัวนี้ สองตัว มีทั้งสองตัวนี้ จะดูตัวไหน สงสัยนะ ก็พยายามสังเกต

ไปดูที่ตัวไหวๆ ไปดูเป็นเดือนไม่ขาด ไม่มีที่สิ้นสุดเลย วัฏฏะหมุนอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่ ไปเพ่งใส่ตัวรู้นะ จะเกิดตัวรู้ซ้อนตัวรู้ไปเรื่อยๆ ดูอยู่เป็นปีก็ไม่ใช่อีก หรือว่ารู้ตรงกลาง นี่..มัชฌิมา ไม่เอาตัวรู้ ไม่เอาตัวถูกรู้ มัชฌิมา เวลากำหนดจิตลงไป นั่งดู จิตเคลื่อนไป สติเนี่ยเคลื่อนไป เข้าไปที่ไหวๆกลางหน้าอก เข้าไปดู พอเคลื่อนไปพอจะแตะอารมณ์ที่กลางหน้าอกนะ ถอนขึ้นเลย ทวนเข้าหาตัวรู้ พอเข้ามาใกล้ตัวรู้นะ ไม่จับเอาตัวรู้นะ ทวนออกอีก ทวนเข้าทวนออก มันวูบลงไปตรงกลางเลย ระหว่างตัวรู้กับตัวถูกรู้ นี่ล่ะมั้งทางสายกลาง

นี่เป็นเรื่องของสมาธิทั้งนั้นเลยนะ ทางสายกลางจริงๆเป็นเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ทางสายกลางไม่ใช่เรื่องของสมาธิ ความโง่ ความไม่รู้ ความไม่มีครูบาอาจารย์ การห่างครูบาอาจารย์นะ ใช้ลองเอา ลองอย่างนี้ไม่ใช่ ลองอย่างนี้ไม่ใช่ ลอง choice ที่สาม ไม่จับทั้งผู้รู้ ไม่จับทั้งสิ่งที่ถูกรู้เลยนะ จิตรวมลงไปนะ ว่างไปหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีความคิดความนึกความปรุงความแต่ง มันไม่มีอะไรเลย เหลือแต่ธรรมชาติรู้อันเดียวล้วนๆเลย ดูเข้าออก-เข้าออกอยู่อย่างนี้นะ เสร็จแล้วสงสัย หื้อ..มันใช่หรือเปล่าหนอ?

ไปเจอหลวงปู่เทสก์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี – ผู้ถอด) หลวงปู่เทสก์ท่านก็บอกว่า สมาธิอย่างนี้.. ท่านพูดชัดเลยนะ สมาธิ สมาธิอย่างนี้ตอนนี้ไม่มีคนเล่นนะ ไปเล่นให้ชำนาญไว้ ไปหัดเล่นให้ชำนาญ พอได้ยินว่าสมาธิก็รีบกราบเรียนท่านเลย หลวงปู่ มันเป็นสมาธิ ผมกลัวติด ท่านบอกว่าอย่ากลัวติด ไปซ้อมให้ชำนาญ ถ้าติดอาตมาจะแก้ให้ นี่..ท่านพูดอย่างห้าวหาญเลย เพราะท่านเก่งเรื่องสมาธิไม่มีตัวจับเลย ทำไมหลวงปู่เทสก์เก่งเรื่องสมาธิ ท่านติดสมาธิอยู่ตั้งสิบกว่าปี ตัวท่านน่ะ เพราะฉะนั้นท่านชำนิชำนาญมาก ท่านบอกให้เราเล่น หลวงพ่อก็เล่นอยู่อย่างนั้น ครูบาอาจารย์บอกให้เล่นก็ลองเล่นไปเรื่อย

วันหนึ่งไปเชียงใหม่ เจอหลวงปู่บุญจันทร์ (หลวงปู่บุญจันทร์ จนฺทวโร วัดถ้ำผาผึ้ง youtube – ผู้ถอด)เข้า ไม่ได้เจอท่านหรอก ไปวัดสันติธรรม ท่านมาพักอยู่ที่นั่นพอดี ท่านให้ลูกศิษย์ของท่านที่ตามท่านมา มาดักอยู่หน้าวัด มาเรียกเราไปหาท่าน เราไม่รู้จักท่านนะ อยู่ๆก็ให้พระมาดักเรียกตัวไปเลย พอไปถึงท่านก็ถามว่าภาวนาอย่างไร พอบอกท่านว่าเนี่ย รวมลงไปตรงกลางเนี่ยนะ อู๊ย..ท่านตวาดเอา เฮ้ย! นิพพานอะไรมีเข้ามีออก ไง!จะภาวนายังไง เรานึกว่าท่านฟังเราไม่รู้เรื่อง สำเนียงมันไม่เหมือนกันนะ เราก็ฟังท่านไม่ค่อยออกนะ ท่านก็ฟังเรา อื้อ.. คงไม่ออกมั้ง เล่าซ้ำอีกที ครั้งที่สองท่านตวาดดังกว่าเก่าอีก เฮ้ย!! นิพพานอะไรมีเข้ามีออก ใจมันทิ้งเลย ไม่เอา เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางที่จะนำไปสู่มรรคผลนิพพานหรอก มันเป็นกลางจริงนะ เป็นมัชฌิมาจริงนะ แต่เป็นมัชฌิมาของสมาธิอันเดียวไม่ใช่ศีลสมาธิปัญญา ทางสายกลางนั้นเป็นทางของศีลสมาธิปัญญา ไม่ใช่แค่สมาธิ เราถูกท่านดุนะ

ตั้งแต่วันนั้นมาใจไม่เอาตรงนี้เลย ใจไม่ยอมเข้าไปที่ตรงนี้ รู้สึกว่าถ้าอยู่ตรงนี้เสียเวลา หลวงปู่เทสก์ท่านอยากให้ฝึกให้เล่นให้ชำนาญเท่านั้นเอง ท่านก็ได้บอกอยู่แล้วว่านี่คือสมาธิ ไม่ใช่ทางพ้นหรอก ที่นี้เรากลัวช้า ใจมันไม่เอาแล้ว พอหลุดจากตรงนี้นะ ท่านหัวเราะเลย เสียดัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า หัวเราะสะใจ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า เสียงดังอย่างนี้ ท่านหัวเราะเราก็หัวเราะตามท่านไปด้วย ฮ่าๆ บ้าง นะ ท่านหยุดกึกเลยนะ พอเราหัวเราะท่านหยุดปุ๊บเลย ใจท่านนิ่งว่าง ท่านหยุดเราก็หยุด ใจเราก็เฉยเลย ท่านบอกว่า เออ! ใช้ได้ นี่ท่านลองนะ ท่านลองเราว่า จิตเราไวขนาดไหน ท่านหัวเราะเราก็หัวเราะ ท่านหยุดเราก็หยุดด้วย ท่านบอกใช้ได้ ไป ไปทำต่อเอา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๐ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราทำทุกอย่างเพื่อสนองอัตตา

mp 3 (for download) : เราทำทุกอย่างเพื่อสนองอัตตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : ก็ลองไปดูเรื่องเมื่อวานพระอาจารย์ให้ไป ก็คือไปพบว่าอย่างเรื่องกวนใจเวลามันมีเข้ามาเป็นผัสสะนี้ ก็เกิดความไม่ชอบ แล้วก็พอไม่อยากได้ยินก็จากเวทนาเป็นตัณหา แต่พอทันปั๊บมันก็จบเลย เลยสงสัย แต่ว่าพอไม่ทัน เหมือนกับเราคิดต่อแล้ว เริ่มวางแผนต่อ ตรงนั้นนี่ถือเป็นภพใช่ไหมคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ ไปสร้างภพขึ้นมาแล้วนะ

โยม : อย่างไปหยิบทิชชูมา มาเช็ดมือนี่ก็รู้สึกเป็นอยากแล้ว ก็ถือเป็นนับ…

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ให้รู้ทัน ได้คะแนน อย่าว่าแต่หยิบทิชชูมาเช็ดเลยนะ ครูบาอ๊าเนี่ยมีอยู่วันนึง ใช้ทิชชูเสร็จแล้วขว้างทิชชูทิ้ง ในขณะที่ขว้างทิชชู เห็นเลยว่านี่มัน serve อัตตา นี่แหล่ะกูล่ะ

โยม : รู้สึกคล้ายๆเมื่อเช้าปิดประตูรถปัง ดังไปนิดนึงก็รู้สึกว่าตัวตนมันเกิด

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ มันสนองอัตตาเนี่ย กูยิ่งใหญ่

โยม : อันนี้ถ้าถอยไปเป็นตัณหานี่เป็นภวตัณหาหรือเปล่าคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่เป็นภวตัณหา 

โยม : อ๋อ แล้วก็ ถ้านั้นว่าอะไรก็ตามที่ดูเป็นตัวตนใหญ่ ก็คือตัวนี้ทั้งสิ้นใช่ไหมคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ เมื่อไม่กี่วันนี้วันสองวันนี้ หลวงพ่อตอนเช้าๆเดินมาที่ศาลา แต่ไม่ได้ให้โยมรู้นะ เพราะโยมยังอยู่ทางโน้น เดินมาเล่นๆ เห็น เอ๊ะ ใครมาจอดรถ รถวัดเนี่ยจอดแล้วเปิดไฟทิ้งไว้ พิจารณาดูอ๋อเด็กที่ขับรถนี้แหล่ะ มันเปิดไฟทิ้งไว้ เป็นการประกาศอัตตานะ ซึ่งแหมมันละเอียดมากเลย แค่ชั้นได้บริโภคเหนือกว่าชาวบ้านเค้า บริโภคแบบโง่ๆด้วยนะบริโภคของวัด แบบเปิดไฟทิ้งไว้นี่พระบอกหลายทีแล้วก็ไม่ปิด ทุกครั้งที่จอดรถต้องเปิดไฟทิ้งไว้ เราสงสัยมันเกิดอะไรนะ พิจารณาลงไปนี่มันคือการ serve อัตตาว่าชั้นได้บริโภค เพราะฉะนั้นแค่การได้บริโภคนะก็ serve อัตตา ทำอะไรต่ออะไรอัตตาทั้งนั้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอังคารที่ ๑๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๒
File: 510415B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๑๐ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา เกิดขึ้นเพราะสัญญาเข้าไปหมายผิด

mp3 for download : ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา เกิดขึ้นเพราะสัญญาเข้าไปหมายผิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี

หลวงพ่อปราโมย์ : การดูรูปไม่ใช่ตัวเรา ดูง่ายๆว่ามันเป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออก ไม่ใช่ตัวเราหรอก เป็นวัตถุ ดูนามธรรมดูว่าเป็นวัตถุเป็นธาตุ ดูไม่ได้

เราดูจิตใจของเรานี้ว่าเป็นอนัตตา ดูในแง่ที่ว่าเราบังคับมันไม่ได้ สั่งให้มันสุขมันไม่สุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ สั่งให้ดีมันก็ไม่ดี ห้ามชั่วมันก็ยังชั่วได้อีก สั่งว่าอย่าไปคิดมันก็จะยังไปคิด สั่งไม่ได้ บังคับไม่ได้จริง ไม่อยู่ในอำนาจจริง

เนี่ยเฝ้ารู้ลงไปในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย ในกายในใจทั้งหลาย เห็นแต่ของไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา มีแต่มีแล้วก็หายไป มีแล้วก็หายไป ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตนถาวร วันใดที่จิตเรายอมรับความจริงแล้วนะ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวเราถาวร มีแต่การประชุมกันขึ้นมาเป็นคราวๆ มีสัญญาเข้าไปหมายผิดๆว่ามีตัวเรา

วัตถุธาตุมารวมกัน ก็มาเป็นร่างกายนี้ สัญญาเข้าไปหมายรู้ ว่าร่างกายนี้คือตัวเรา สัญญามันหมายผิดๆว่าเป็นตัวเราขึ้นมา ก็รู้สึกว่ามีตัวเราขึ้นเป็นคราวๆ ถ้าไม่หมายมันก็ไม่เป็น หมายขึ้นมาก็เป็น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๘ ถึงนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เห็นรูปนามตามความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

mp3 for download : เห็นรูปนามตามความเป็นจริง เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรม

หลวงพ่อปราโมย์ : ทีนี้เราก็มาหัดเรียนให้เห็นความจริง เราจะเห็นเลยว่า รูปทั้งหลายมีแต่ความไม่เที่ยง รูปทั้งหลายมีแต่ความเป็นทุกข์ รูปทั้งหลายมิใช่ตัวเรา เป็นแค่วัตถุเป็นแค่ก้อนธาตุ นามธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง นามธรรมทั้งหลายทนอยู่ไม่ได้ ถูกบีบคั้นตลอดเวลา นามธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวเรา เราบังคับไม่ได้

เวลาดูรูปไม่ใช่ตัวเรา ดูง่ายๆว่า มันเป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้า มีธาตุไหลออก ไม่ใช่ตัวเราหรอก เป็นวัตถุ ดูนามธรรม ดูว่าเป็นวัตถุเป็นธาตุนั้น ดูไม่ได้ เราดูจิตใจของเราว่าเป็นอนัตตา เราดูในแง่ที่ว่าบังคับมันไม่ได้ สั่งให้มันสุขมันก็ไม่สุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ สั่งให้ดีมันก็ไม่ดี ห้ามชั่วมันก็ยังชั่วได้อีก สั่งว่าอย่าไปคิดมันก็จะคิด สั่งไม่ได้บังคับไม่ได้จริง ไม่อยู่ในอำนาจจริง

เนี่ย เฝ้ารู้ลงไปในรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย ในกายในใจทั้งหลาย เห็นแต่ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีแต่มีแล้วก็หายไป มีแล้วก็หายไป ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตนถาวร

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๓ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รูปนามเกาะกลุ่มด้วยกรรม ทำกรรมใหม่

mp3 for download : รูปนามเกาะกลุ่มด้วยกรรม ทำกรรมใหม่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรม

หลวงพ่อปราโมย์ : พอจับแยกออกไปแล้วด้วยสติด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ก็พบว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรมนามธรรมจำนวนมาก มาประชุมร่วมกันมาทำงานร่วมกัน มีกรรมเป็นตัวผลักดันให้รูปธรรมและนามธรรมเหล่านี้มาเกาะกลุ่มกัน

เมื่อได้รูปธรรมนามธรรมมาแล้วก็ไปทำกรรมใหม่ ทำกรรมดีบ้าง ทำกรรมชั่วบ้าง ก็ส่งเสริมและเป็นปัจจัยให้เกิดรูปธรรมนามธรรมใหม่ในอนาคตต่อไปอีก ดีบ้างร้ายบ้าง ก็หมุนไปอย่างนี้เรื่อยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๙ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตัวเรา แท้จริงคือรูปธรรมนามธรรมจำนวนมาก มาประชุมกัน

mp3 for download : ตัวเรา แท้จริงคือรูปธรรมนามธรรมจำนวนมาก มาประชุมกัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : การที่เราหัดแยกธาตุแยกขันธ์เนี่ย เป็นวิธีการที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ เป็นวิธีเรียนรู้ความจริง เพื่อจะมาดูว่า จริงๆแล้วตัวเราไม่มี เป็นวิธีการที่ท่านพบน่ะ ถ้าเดินตามวิธีที่ท่านบอกแล้ว เราจะรู้ว่าตัวเราไม่มี บางคนไม่เดินตามวิธีนี้ พอจิตมีสมาธิแล้วไปนั่งคิดพิจารณาร่างกาย ผมไม่ใช่เรา ขนไม่ใช่เรา เล็บไม่ใช่เรา ฟันไม่ใช่เรา หนังไม่ใช่เรา เนื้อเอ็นกระดูกไม่ใช่เรา นั่งคิดๆเอา ไม่ใช่วิธีการของพระพุทธเจ้า

วิธีของพระพุทธเจ้านี้เรียกว่า วิภัชวิธี วอแหวนสระอิ ภอสำเภา ไม้หันอากาศ ชอช้าง วิภัชชะ วิภัชชะแปลว่าแยก คล้ายๆว่าเราเห็นรถยนต์ ๑ คัน เราคิดว่ารถยนต์มีจริงๆ เราจับรถยนต์มาถอดเป็นชิ้นๆ เราจะพบว่าลูกล้อไม่ใช่รถยนต์ พวงมาลัยไม่ใช่รถยนต์ ตัวถังไม่ใช่รถยนต์ เบาะไม่ใช่รถยนต์ ถังน้ำมันไม่ใช่รถยนต์ กันชนไม่ใช่รถยนต์ เครื่องยนต์เองก็ไม่ใช่รถยนต์ แต่รถยนต์ต้องประกอบด้วยสิ่งทั้งหมดเหล่านี้มารวมกัน

สิ่งที่เรียกว่าตัวเราก็เหมือนกัน ถ้าเราแยกสิ่งที่เรียกว่าตัวเราออกไป รูปไม่ใช่ตัวเราละ เวทนาไม่ใช่ตัวเรา สัญญาไม่ใช่ตัวเรา สังขารไม่ใช่ตัวเรา วิญญาณ-ความรับรู้ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจไม่ใช่ตัวเรา คล้ายๆเราถอดรถยนต์เป็นชิ้นๆ แต่นี่เราถอดสิ่งที่เรียกว่าตัวเราเป็นชิ้นๆ เป็นส่วนๆ ส่วนของรูปธรรม ส่วนของนามธรรม รูปธรรมก็แยกออกไปได้อีก นามธรรมก็แยกออกไปได้อีก เราจะพบว่าแต่ละอย่างๆนั้นไม่ใช่ตัวเรา ไม่มีตัวเรา อันนี้ดูจากของจริงๆ

ถอดรถยนต์ก็มีรถยนต์จริงๆเอามาถอด นึกว่ามีรถยนต์อยู่ เราถอดเป็นชิ้นๆ พบว่ารถยนต์หายไป พบว่ารถยนต์นั้นเป็นการประกอบกันของวัตถุจำนวนมาก สิ่งที่เรียกว่าตัวเรา ที่เราคิดว่ามีอยู่จริงๆ พอจับแยกออกไปแล้ว ด้วยสติด้วยปัญญาอย่างแท้จริง ก็พบว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรมนามธรรมจำนวนมากมาประชุมร่วมกัน มาทำงานร่วมกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๐ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อจิตตื่นแล้ว ให้แยกธาตุแยกขันธ์

mp3 for download : เมื่อจิตตื่นแล้ว ให้แยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : ในขั้นของการเดินปัญญานั้นคือขั้นรู้ทุกข์ ไม่ใช่ขั้นเสพสุข พอใจเรามีความสุข ใจเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว ต้องเจริญปัญญา วิธีเจริญปัญญา ขั้นแรกสุดเลย ต้องแยกธาตุแยกขันธ์ให้เป็น ให้เห็นเลยว่า ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง รูปกับนามเป็นคนละอันกัน

ถ้าสมาธิเรามาก และเราชำนาญในการดูกาย แยกกายต่อไปอีก ร่างกายก็แยกเป็นธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลม แยกธาตุออกไป

ถ้าเราชำนาญการดูจิต เรามาแยกขันธ์ จิตใจของเราไม่ใช่อยู่ลำพัง จิตใจประกอบด้วย ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์นี้เรียกว่า เวทนาขันธ์ ความจำได้หมายรู้เรียกว่าสัญญาขันธ์ ความปรุงดีปรุงชั่วปรุงไม่ดีไม่ชั่วเรียกว่าสังขารขันธ์

จิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เรียกว่าวิญญาณ วิญญาณทางตาคือจิตที่ไปรับรู้รูป วิญญาณทางหูคือจิตที่ไปรับรู้เสียง วิญญาณทางทวารทั้ง ๖ ไม่ได้มีจิตดวงเดียว คือจิตเกิดดับทางทวารทั้ง ๖ เรียกจักขุวิญญาณจิต โสตวิญญาณจิต เป็นมโนวิญญาณ จิตเกิดทางใจ รับรู้อารมณ์ทางใจ เช่นเรื่องราวที่เราคิด

เพราะฉะนั้นจิตไม่ได้มีดวงเดียว เป็นกลุ่มเป็นกองเหมือนกัน เรียกว่า วิญญาณขันธ์ เป็นกองของวิญญาณ กลุ่มของวิญญาณ แต่เวลามันเกิด มันเกิดทีละตัว เกิดทีละดวง เรามาแยก

พอใจเราเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว แยกร่างกายกับใจออกจากกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

mp3 for download : จิตนิ่งๆทื่อๆ จะบอกว่าเป็นพระโสดาบัน นั้นไม่ใช่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : แต่ต้องภาวนา ภาวนาเรื่อยๆ เรื่อย ถึงวันหนึ่งเราก็เห็น ขั้นแรกเราเห็นก่อนว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา รูปธรรมนามธรรมนี้ไม่ใช่เรานะ พอเห็นอย่างนี้ได้ จิตใจยอมรับได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เห็นว้อบแว้บๆ เดี๋ยวก็เป็นเรา เดี๋ยวก็ไม่เป็นเรา บางคนบอกเป็นพระโสดาฯนะ หลวงพ่อบอก ใจเย็นๆ โสดาฯองค์นี้ใจเย็นๆ ดูไปสัก ๓ เดือน เผลอๆมีเราขึ้นมามั้ย บางคนกลับมารายงาน ๓ เดือนแล้วก็ยังไม่มีเรา ก็บอกว่า อ๋อ อีกปีหนึ่งก็ไม่มีเพราะทำจิตเอาไว้อย่างนี้ จะเป็นเราอะไร ไม่คิดไม่นึก ทำจิตทื่อๆอยู่อย่างนี้

เพราะฉะนั้นหากว่าสงสัยนะ ใครเป็นพระโสดาฯหรือเปล่า แล้วเห็นว่าทำจิตทื่อๆนะ แกล้งมันเลย ให้จิตเคลื่อน พอจิตเคลื่อนนะ ไม่เป็นเราหรอก เป็นกู หนักกว่าเป็นเราอีก แต่ถ้าจิตนิ่งติดสมาธิอยู่ ดูไม่มีตัวตน

นะ เมื่อไหร่ที่ใจยอมรับความจริงนะ ว่าขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา ยอมรับ ก็จะเป็นพระโสดาฯ ถ้าวันใดใจยอมรับความจริง ใจเห็นอย่างถ่องแท้ ว่าขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ หาสาระแก่นสารไม่ได้เลย ไม่ควรยึดถือนะ ยึดก็คือยึดเอาก้อนทุกข์ไว้ เหมือนถือถ่านไฟแดงๆเอาไว้ในมือ จิตมันจะสลัดขันธ์ ๕ คืนให้โลก เป็นพระพระอรหันต์

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานเป็นอนัตตา เพราะความไม่มีเจ้าของ

mp3 for download : นิพพานเป็นอนัตตา เพราะความไม่มีเจ้าของ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : นิพพานเป็นอนัตตา เพราะความไม่มีเจ้าของ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าใจเราฝึกไปเรื่อยนะ เราหัดภาวนาไป เราเห็นทุกอย่างเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา โดยเฉพาะมาเรียนรู้อยู่ในกายในใจของเรานี้ ถึงวันหนึ่งจิตมันสรุปความจริงได้ว่าทุกอย่างนะ รวมทั้งกายทั้งใจของเราด้วย รวมทั้งโลกภายนอกด้วย มีแต่ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เรียนรู้ลงที่กายที่ใจของตนเองนี่ ถ้าเข้าใจตรงนี้ก็จะเข้าใจโลกข้างนอกด้วย อย่าไปเรียนจากโลกข้างนอกนะ อ้อมค้อม เรียนโลกข้างนอกจะเห็นโลกข้างนอกไม่เที่ยง แต่ตัวเรายังเที่ยงอยู่ นี่เสียเวลาต้องมาล้างลงที่ตัวเรานี่อีก

เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้อยู่ที่ขันธ์ ๕ ของตัวเรานี่ รูปธรรม นามธรรม ของเรานี่เอง สิ่งที่เรียกว่าตัวเรานี่เอง เรียนรู้ลงไป มีแต่ความไม่เที่ยง มีแต่ความเป็นทุกข์ คือทนอยู่ไม่ได้ มีแต่ความเป็นอนัตตาคือบังคับไม่ได้ แล้วก็ไม่ใช่ตัวตนถาวร อนัตตามีหลายนัยยะ หลายความหมาย แปลว่าบังคับไม่ได้ก็ได้ แปลว่าไม่ใช่ตัวตนถาวรก็ได้ ไม่มีอมตะ อย่างนั้นก็ได้ นี้เราเฝ้ารู้เฝ้าดูไป หรือไม่เป็นเจ้าของ

อย่างนิพพานนี้ เที่ยง แต่นิพพานเป็นอนัตตา เพราะอะไร นิพพานไม่ได้เป็นของใคร คำว่าอนัตตากว้างนะ มีความหมายหลายนัยยะมากเลย อนิจจังนะ ของไม่เคยมีก็เกิดมีขึ้นมา เรียกว่าอนิจจัง ของที่มีอยู่แล้วหายไป นี่เรียกว่าอนิจจัง ของที่กำลังมีอยู่นั้นแหละ ถึงจุดหนึ่งมันก็ไม่มี อย่างความไม่ทุกข์ อย่างพวกเราตอนนี้อาจจะไม่ทุกข์ เพียงช่วงหนึ่งความไม่ทุกข์ของเราก็ทนอยู่ไม่ได้ กลายเป็นทุกข์ขึ้นมาอีก เดี๋ยวก็ทุกข์เดี๋ยวก็ไม่ทุกข์ก็ล้วนแต่เป็นตัวทุกข์ คือทนอยู่ไม่ได้ คำว่าทุกข์แปลว่าทนไม่ได้ ทนอยู่ไม่ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๑๐ ถึงนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อนัตตลักขณสูตร

mp3 for download : อนัตตลักขณสูตร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : มีพระสูตรอยู่พระสูตรหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าท่านไล่ขันธ์ ๕ ลงเป็นไตรลักษณ์ ชื่อพระสูตรอะไร อะไรเอ่ย? ฮึ ดังๆซิ โอ้.. มีคนตอบได้หลายคน “อนัตตลักขณสูตร” อนัตตลักขะ ลักขณะ ลักษณะ ของความไม่ใช่ตัวตน

ท่านไล่เลย ตั้งแต่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง เห็นมั้ย ไล่จากความเที่ยงหรือไม่เที่ยง พระปัญจวัคคีย์ตอบว่า ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า ท่านก็ถามต่อ สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข ทุกข์คือความทนอยู่ไม่ได้ ของไม่เที่ยงน่ะทนอยู่ได้มั้ย

เนี่ย..ถ้าพูดภาษาไทย ทนอยู่ไม่ได้ ของไม่เที่ยงทนอยู่ไม่ได้ ของที่ทนอยู่ไม่ได้นั้นน่ะ ควรเห็นว่าเป็นตัวเรามั้ย? มีอัตตาตัวตนถาวรมั้ย มีความเป็นอมตะมั้ย ก็ไม่มีความเป็นตัวตนถาวร

เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง ไม่เที่ยง ของไม่เที่ยงนั้นน่ะ เป็นของที่ทนอยู่ได้ตลอดไปมั้ย ก็ทนอยู่ไม่ได้ ของที่ทนอยู่ไม่ได้ หมายถึง มันเคยมีแล้ววันหนึ่งมันก็ไม่มี มันก็ไม่ใช่ตัวตนถาวร

เนี่ย ท่านไล่ขันธ์ ๕ อย่างนี้นะ ทั้ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไล่ด้วยการตั้งคำถาม เพราะฉะนั้นบางครั้งพระพุทธเจ้าท่านสอนด้วยการตั้งคำถาม วิธีสอนของพระพุทธเจ้ามีหลายอย่างนะ ใช้บรรยายก็ได้ใช้ถามก็ได้ ใช้ช็อคเอาก็ได้ นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๒ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๒๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ความจริงของขันธ์ ๕ นั่นแหละเรียกว่าการปฏิบัติธรรม

mp3 for download : เรียนรู้ความจริงของขันธ์ ๕ นั่นแหละเรียกว่าการปฏิบัติธรรม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : สิ่งที่เรียกว่าตัวเราประกอบด้วยสองส่วนคือรูปธรรมกับนามธรรม ตัวเรามีรูปธรรมมั้ย ใครมี ใครไม่มี มีมั้ย? ใครไม่มีร่างกาย มีมั้ย? มีมั้ยสัตว์ที่ไม่มีร่างกาย มี พวกอรูปพรหม นามธรรมพวกเรารู้จักมั้ย พวกความรู้สึกนึกคิด พวกความรู้สึก พวกความรับรู้ ความรู้สึกก็คือความรู้สึกสุขความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกเฉยๆ การนึกก็คือ ความจำได้ ความหมายรู้ การคิด คือความปรุงดีปรุงชั่ว ความรับรู้ก็คือตัวจิตตัวใจ คือวิญญาณ ความรับรู้ คือนามธรรม

พวกเรามีความรู้สึก นึก คิด แล้วก็ความรับรู้ ๔ อย่าง เรามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัวอยู่แล้ว เราจะมาเรียนรู้มัน เรามีร่างกายอยู่แล้ว เราจะมาเรียนรู้มัน รวมแล้วเป็น ๕ อย่าง เรียกว่าขันธ์ ๕ เรียนรู้ความจริงของขันธ์ ๕ นั่นแหละเรียกว่าการปฏิบัติธรรม

เรียนรู้ว่าความจริงของขันธ์ ๕ เป็นอย่างไร อะไรเป็นความจริงของขันธ์ ๕ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน คือความจริงของขันธ์ ๕ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องมาเรียนให้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอขันธ์ ๕ หรือของสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเรานั่นเอง ทั้งรูปธรรมและนามธรรม

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๗ ถึงนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะเอาอะไร เราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า

mp 3 (for download) : เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อที่จะเอาอะไร เราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การภาวนานะ เราถือว่าเราปฏิบัติเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง กระทั่งมรรคผลนิพพาน ก็อย่าไปอยากได้มัน คนไหนอยากได้มรรคผลนิพพาน จะไม่ได้ จำไว้นะ จะไม่ได้

ตอนได้น่ะไม่ทันตั้งหลัก อยากอยู่ไม่ได้นะ หมดอยากแล้วได้ เพราะนั้นเราอย่าไปอยากปฏิบัติ เราแค่ถือว่าเราปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าไป ดีแล้วที่ได้รู้สึกตัว ดีแล้วที่ใจตั้งมั่น สักว่ารู้ สักว่าเห็น ดีแล้วเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ ตามรู้อย่างนี้ไปเรื่อย ดีแล้วที่ได้ปฏิบัติน่ะ ไม่จำเป็นว่าดีแล้วที่ได้ผลนะ ดีแล้วที่ได้ทำเหตุ ต้องตั้งใจไว้อย่างนี้

ส่วนผลมันเป็นผลพลอยได้ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างมัน ชาตินี้ยังไม่ได้ ชาติหน้ามันก็ได้จนได้แหล่ะ ต้องตั้งใจอย่างนั้นนะ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ถือว่าเราได้ปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า ดีที่สุดแล้ว

ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อจะเอาอะไร ถ้าเราปฏิบัติเพื่อจะเอาเนี่ย เราจะเพิ่มอัตตาตัวตนไปใช่ไหม เพื่อให้กูดีกูสุขกูสงบกูวิเศษ เพราะกูได้เป็นพระอริยฯ กูตัวเบ้อเร่อเลย แต่ถ้าเราภาวนา เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าไป ฝึกอย่างนี้นะ ได้ผลเร็ว

นี่เป็นลูกเล่นนะ กิเลสหลอกเรามากแล้ว เราก็หลอกมันบ้าง แต่ส่วนมากก็มีแต่ถูกมันหลอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๘
File: 510427B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑๗ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ให้รู้กิเลส ไม่ใช่สู้กิเลส

mp 3 (for download) : ให้รู้กิเลส ไม่ใช่สู้กิเลส

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ยากเหลือเกินที่จะหลอกกิเลสได้ เพราะกิเลสอยู่ในใจเรา เราคิดอะไรกิเลสรู้หมดเลย แต่กิเลสคิดอะไร เราไม่เคยรู้เลย มันเก่งจริงๆนะ มันมวยคนละชั้นเลย หาญสู้ขึ้นไปทีไร ถูกมันชกดั้งจมูกหงายท้องทุกที

ตอนสุดท้ายนี้เริ่มฉลาด ชั้นไม่สู้แกหรอก แต่แกเล่นอะไรชั้นจะดูลูกเดียวเลย ชั้นไม่สู้กับแกแล้วนะ สู้ทีไรชั้นแพ้ทุกทีเลย เพราะต่อไปนี้ไม่สู้กิเลสแล้ว จะรู้มันไปเรื่อยๆ นี่ รู้ไปเรื่อยๆ แล้วมันจะมาทำอะไรเรา เราไม่ได้ชกกับมัน อยู่กันคนละเวที แกก็เต้นไปสิ เต้นฟุ้ตเวิร์คไป ชั้นไม่ขึ้นไปชกด้วย เดี๋ยวแกก็หมดแรงเอง นี่ ต้องอย่างนี้นะ มันสลายตัวไปเองเลย เราต้องไม่ไปยุ่งกับมัน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๗ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๘
File: 510427B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑๗ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อทำกรรม ก็ต้องรับวิบาก

mp3 for download 550525B.08m32-10m50

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี

หลวงพ่อปราโมทย์ : อุ๊ย.. แมลงวันมาอีกแล้ว อ๊ะ โมโหแล้วนะ โมโหแล้ว รู้ทันใจที่โมโห นะ ตีขู่ ตีขู่มันนะ อย่าไปโดนตัวมัน บาป เดี๋ยววันหลัง ภาวนา กรรมตามทัน

หลวงพ่อตอนเด็กเคยซน มีลวดสลิงเล็กๆอยู่อันหนึ่ง เอาไว้แกว่งเล่นน่ะ เห็นค้างคาวมาบินอยู่ใกล้ๆระเบียงบ้านทุกวันเลย มากินลูกตะขบ ก็พยายามตีค้างคาวนะ ก็แกว่งๆนะ ไม่เคยถูกค้างคาวเลยสักวัน อีกวันหนึ่งเห็นมันมาแต่ไกล รีบแกว่ง ปรากฎว่ามันบินเร็วมากเลย พอมันมาแล้วเราแกว่ง มันบินไปโน่นทุกทีเลย วันหนึ่งเห็นมันมาแต่ไกลนะ แกว่งทางนี้นะ มันเซ่อมาชนเข้า ตกลงไปที่พื้นนะ ทำปีกอย่างนี้นะ มันเจ็บน่ะ ใจนี้นะ โหย..สลดมากเลย สงสารมันมากเลย อยากจะเข้าไปอุ้มมัน (แต่ไม่กล้า) กลัวมันกัดเอา ขยับๆอย่างนี้นะ สักพักหนึ่งก็บินหนีไป

ตอนที่หลวงพ่อมาหัดภาวนานะ ยังไม่ได้บวชหรอกตอนนั้น ยังหนุ่มๆ หนุ่มกว่าพวกเราตอนนี้ ส่วนใหญ่หน้าตาชักเก่าๆแล้วล่ะพวกเรา นั่งภาวนาอยู่ วันหนึ่งได้ยินเสียง เฟี้ยวเลยนะ เฟี้ยวเลย มีความรู้สึกเหมือนถูกฟาดด้วยแส้ เคยเห็นหนังมั้ย ที่ใช้แส้ หนังฝรั่งน่ะ แต่นี่เป็นแส้ลวด ฟาดเฟี้ยวมาเลยนะ ควั่บแบบ โหย..เข้าไปเต็มหลังเลยนะ เจ็บ! ใจนี้สั่นริกๆริกๆเลยนะ แทบจะขาดใจ แล้วก็เห็นค้างคาวนะ ขยับอย่างนี้ โอ้..รู้เลยนี่วิบาก นี่แค่เด็กเล่นนะ มันยังไม่ยอมเลยนะ ยังคิดบัญชีคืนเลย

ไม่ใช่ค้างคาวมาแก้แค้นเรา ค้างคาวเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือ ไม่ใช่นะ ก็จิตของเราเองนี่แหละไปทำกรรมชั่ว วิบากนั้นสะสมไว้ ต้องรับ หนีไม่รอดเลย ต้องรับ

เพราะฉะนั้นเราไม่ทำนะ ความชั่วเล็กๆน้อยๆก็ไม่เอา พยายามหัดดูจิตดูใจไป ทุกวันๆนะ ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง พุทโธก็ได้ หายใจก็ได้ พอจิตหนีไปก็รู้ทัน จิตหนีไปก็รู้ทัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันศุกร์ ที่ ๒๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
ไฟล์ 550525B
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๒ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๕) วิปัสสนาเบื้องต้นต้องหัดแยกธาตุแยกขันธ์

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๑๕) วิปัสสนาเบื้องต้นต้องหัดแยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราแยกสิ่งเหล่านี้ได้ ก็เรียกว่า เราแยกธาตุแยกขันธ์เป็น ถ้าเต็มยศนะ แยกธาตุก็คือหมายถึง กายกับใจเนี่ยเป็นคนละอัน นี่แยกขันธ์นะ กายนี่มันก็ขันธ์นึงนะ ใจก็ขันธ์นึงต่างหาก

กายนี้แยกออกไปได้อีก เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ส่วนจิตใจนะ ก็แยกได้เป็นขันธ์อีก ๔ ขันธ์ เป็นเวทนาขันธ์ คือความรู้สึกสุขทุกข์ สัญญาขันธ์ (คือ) ความจำได้หมายรู้ สังขารขันธ์ (คือ) ความปรุงดีปรุงชั่ว วิญญาณขันธ์ (คือ) ความรับรู้อารมณ์ ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เนี่ยมันจะแยกออกมา

ถ้าแยกได้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าแยกได้แล้วจะเห็นไตรลักษณ์ ของแต่ละธาตุแต่ละขันธ์นั้น จะทำลายล้างความเห็นผิด ว่ามีตัวมีตนได้ จะเห็นเลย ว่ารูปไม่ใช่ตัวเรา ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา

ถ้าใครเห็นความสุขความทุกข์ เป็นตัวเรานะ แสดงว่าขันธ์มันยังไม่แยก แต่ถ้าขันธ์แยกแล้ว มันไม่ใช่เราสุขเราทุกข์แล้วนะ ความสุขความทุกข์ เป็นสิ่งหนึ่ง จิตอยู่ต่างหากนะ ไม่เกี่ยวกัน ความสุขความทุกข์ ไม่ใช่ตัวเรา ความจำได้หมายรู้ ไม่ใช่ตัวเรา ความโลภความโกรธความหลง ไม่ใช่ตัวเรา เป็นอีกสิ่งหนึ่ง

ที่จิตไปรู้เข้า จิตปรุงขึ้นมานะ แล้วก็จิตไปรู้เข้า ถ้าจิตไม่รู้ทัน สิ่งที่จิตปรุงขึ้นมา คือ ความโลภความโกรธความหลงนั่นแหล่ะ จะกลับเข้ามาปรุงแต่งจิตอีกทีนึง จิตปรุงแต่งกิเลสขึ้นมาก่อนนะ แล้วสุดท้ายกิเลส กลับมาปรุงแต่งจิตได้อีก พอกิเลสมาปรุงแต่งจิตนะ ก็คือ ขันธ์มันกลับมารวมกันนะ มันมีกูขึ้นมาอีกแล้ว มีตัวเรา ของเรา ขึ้นมาอีก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕๓ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คู่มือการปฏิบัติธรรม (๗) ฝึกจิตให้ย้อนกลับมารู้สึกตัวให้ได้

mp 3 (for download) : คู่มือการปฏิบัติธรรม (๗) ฝึกจิตให้ย้อนกลับมารู้สึกตัวให้ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะงั้นก่อนที่เราจะมารู้กายรู้ใจตัวเองได้ เราต้องมาฝึกจิต ให้มันย้อนกลับมารู้ตัวให้ได้ก่อน ต้องรู้สึกตัวให้ได้ก่อน ถึงจะดูกายได้ ต้องรู้สึกตัวให้ได้ก่อน ถึงจะดูจิตใจของตัวเองได้ ถ้าเรารู้สึกตัวไม่ได้ มีร่างกายนะ ก็เหมือนไม่มี เราลืมมันทั้งวัน

อย่างเวลาที่เราหลงไปคิด เวลาที่เราหลงไปคิด รู้สึกไหม ร่างกายเราก็ยังอยู่นะ แต่เราลืมมัน จิตใจของเราสุขบ้างทุกข์บ้าง ดีบ้างร้ายบ้าง เวลาที่เราหลงไปคิดนี่ จิตใจก็สุขบ้างทุกข์บ้าง ดีบ้างร้ายบ้าง แต่เราไม่เห็น เรามัวแต่ไปรู้เรื่องราวที่คิด หรือไม่ก็สนใจออกนอก ไปดูคนอื่น ไปฟังเสียงข้างนอกนะ ไปดมกลิ่น ไปลิ้มรส เนี่ยใจเราออกนอก ไปอยู่ที่รูปที่เสียง ที่กลิ่นที่รส ไปอยู่ที่สิ่งที่มาสัมผัสร่างกาย หรือไปอยู่กับเรื่องราวที่คิดนึกนั้น เรียกว่าธรรมารมณ์ทางใจ ใจไปคิดไปนึก ไปปรุงไปแต่ง ใจมันไม่ย้อนเข้ามา ที่ตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันไม่สนใจตาหูจมูกลิ้นกายใจ มันสนใจที่รูปที่เสียง ที่กลิ่นที่รส ที่สัมผัส เรียกว่าโผฏฐัพพะ สัมผัสทางกาย และก็เรื่องราวที่คิดนึกทางใจ

เนี่ยมันสนใจออกนอกทั้งหมดเลย มันสนใจรูป มันไม่สนใจตา มันสนใจเสียง มันไม่สนใจหู มันสนใจกลิ่น มันไม่สนใจจมูก มันสนใจรส มันไม่สนใจลิ้น มันสนใจความเย็นความร้อน ความอ่อนความแข็ง ที่มากระทบร่างกาย ไม่สนใจร่างกาย สนใจแต่เรื่องราวที่คิดนึกปรุงแต่ง ไม่สนใจว่าจิตใจของตนเป็นอย่างไร

เนี่ยใจมันออกนอกอย่างนี้ตลอดเวลานะ เรียกว่าใจไม่ตั้งมั่น ใจไม่ถึงฐาน ใจไม่มีสมาธิ ใจมันออกไปหมด งั้นมันจะไปอยู่ที่รูปที่เสียง ที่กลิ่นที่รส ที่โผฎฐัพพะ ที่ธรรมารมณ์คือเรื่องราวต่างๆ ที่ใจไปคิดไปนึกขึ้นมา เราต้องกลับข้างให้ได้นะ อย่าปล่อยให้ใจไหลออกไปทางตา แล้วลืมตัวเอง อย่าปล่อยให้ใจไหลไปทางหู แล้วลืมตัวเอง อย่าปล่อยให้ใจไหลไปคิด แล้วลืมตัวเอง พยายามรู้สึกตัวให้มากที่สุด พยายามรู้สึก รู้สึกไป เราต้องมาฝึกที่จะรู้สึกตัว เพราะตั้งแต่เกิดมานั้น ใจเราคุ้นเคยกับความไม่รู้สึกตัว ใจเราคุ้นเคยที่จะไหลออก ไปทางตาทางหู ทางจมูกทางลิ้น ทางกาย ไหลไปคิดนึกทางใจ ใจเคยไหลออกนอกตลอดเวลา เราไม่คุ้นเคยนะ ที่จะย้อนกลับเข้ามา แล้วมารู้สึกตัวอยู่

งั้นต้องฝึก ธรรมชาติของจิตนั้น เป็นอนัตตา บังคับไม่ได้  สั่งไม่ได้ แต่จิตเป็นธรรมชาติที่ฝึกได้ งั้นไม่ใช่ว่าจิตเป็นอนัตตา แล้วก็ต้องปล่อยตามเวรตามกรรม ไม่ใช่ จิตเป็นธรรมชาติที่ฝึกได้ มันถูกฝึกให้ออกนอกมาตลอดตั้งแต่เกิด สนใจสิ่งภายนอกมาตลอด สังเกตไหม เราไปเยี่ยมเด็กเล็กๆ เราชอบเอามือไปล่อมัน รู้สึกไหม เห็นเด็กมันเกิดใหม่ๆนะ มือไปแกว่งหน้ามัน ล่อมันให้ออกนอกนะ เวรกรรมนะเนี่ย สอนให้เด็กส่งจิตออกนอก ตั้งแต่เล็กๆขนาดนั้นเลย เห็นไหม ใครเคยเป็นบ้าง ไปเจอเด็กแล้วต้องไปแหย่ๆ ยกมือซิ เออ เนี่ยมีกรรมนะ ไปพาเด็กส่งจิตออกนอก เห็นไหม เราถูกสอนอย่างนี้ตั้งแต่เกิดเลย เล็กๆก็ถูกสอน นี่พ่อนะนี่แม่นะ สอนไหม นี่ตัวเธอเองนะ เธอย้อนมาดูนะ มีใครสอนไหม มีแต่นี่พ่อนะนี่แม่นะ ส่วนมากจะแม่ก่อน แม่ เรียกแม่สิลูก แม่ๆๆ ให้ออกนอก ทุกอย่างมีแต่เรื่องออกนอก สมัยก่อนไม่มีอะไรให้เด็กดูนะ เอาปลาตะเพียนมาห้อยไว้ ใครเคยเห็นบ้าง ปลาตะเพียนใบลานน่ะ ใครเคยนอนดูปลาตะเพียนใบลานบ้าง มีไหม เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ต้องรุ่นเก๋ากึ้กอย่างหลวงพ่อเลย นอนดูปลาตะเพียน ออกนอกไหม

เห็นไหมว่าเราถูกฝึก ให้ออกนอกตลอดเวลา เราไม่เคยถูกฝึก ให้ย้อนกลับมาที่ตัวเราเองเลย เพราะงั้นเราต้องฝึกนะ อยู่ๆมันไม่ย้อนเข้ามาหรอก ต้องฝึก มันเคยชินที่จะไปข้างนอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บ้านจิตสบาย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD: บ้านจิตสบาย วันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
File: 550805A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 2112345...1020...Last »