Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

การภาวนาต้องแยกธาตุแยกขันธ์

mp3 for download :  การภาวนาต้องแยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : การภาวนาการเจริญวิปัสสนาหนีการแยกธาตุแยกขันธ์ไม่ได้เด็ดขาดเลย ถ้าแยกธาตุแยกขันธ์ไม่เป็น อย่าพูดเรื่องวิปัสสนาเลย ใช้ไม่ได้จริงหรอก ไม่เห็นสภาวะ ถ้าแยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้ว จะถึงตัวสภาวะแท้ๆ สภาวะแท้ๆเค้าเรียกว่าปรมัตถธรรม อย่างความโกรธนี่เป็นสภาวะแท้ๆ คนไทยโกรธหรือคนจีนโกรธ คนฝรั่งโกรธ ก็ความรู้สึกอย่างเดียวกันเลย เป็นสภาวะแท้ๆเลย แต่คำว่าโกรธนี้ฝรั่งก็เรียกอย่างนึงคนไทยเรียกอย่าง คนจีนเรียกอย่าง อันนี้ไม่ใช่สภาวะไปเรียกว่าบัญญัติ จะเดินวิปัสสนาได้ ต้องเห็นตัวสภาวะแท้ๆเลย ตัวปรมัตถธรรมแท้ๆ อย่างไฟมันร้อน ความร้อนคนไทยถูกก็ร้อน คนจีนถูกก็ร้อน ความร้อนนี่ของจริง

งั้นต้องเรียนจนถึงตัวสภาวะแท้ๆหรือปรมัตแท้ๆ แล้วตัวปรมัตถธรรมแท้ๆนั่นแหล่ะจะสอนไตรลักษณ์ ถ้าไม่เห็นสภาวะธรรม ไม่เห็นปรมัตถธรรม จะไม่เห็นไตรลักษณ์หรอก ได้แต่คิดเรื่องไตรลักษณ์แต่ไม่เห็นหรอก

งั้นครูบาอาจารย์ท่านฟันธงเลยนะ บางองค์ท่านสอนเลย ถ้าไม่หัดแยกธาตุแยกขันธ์นะ ไม่พิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์นะ อย่ามาพูดเรื่องเดินปัญญาเลย ไม่ได้เดินปัญญาจริงหรอก ถ้าแยกธาตุแยกขันธ์ไม่เป็น

เพราะนั้นทำความสงบเฉยๆใช้ไม่ได้ ต้องฝึกจนกระทั่งจิตเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา ตรงนี้แหล่ะที่หลวงพ่อมาจ้ำจี้จ้ำไช จนบางคนนึกว่าหลวงพ่อไม่ให้ทำสมถะ เข้าใจผิดอย่างร้ายแรงเลย สมถะให้ทำไว้พักผ่อนน่ะก็ทำไปนะ แต่ต้องฝึกสมาธิชนิดใหม่ สมาธิที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู ถ้าไม่มีตัวนี้อย่ามาโม้เลยเรื่องวิปัสสนา ไม่มีหรอก ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูได้ จะเห็นสภาวะธรรมไม่ได้ จิตต้องตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ดูได้ ถึงจะเห็นสภาวะธรรมเห็นปรมัตถธรรมได้

งั้นเรานั่งสมาธิไปนะ นั่งไป เห็นร่างกายมันนั่งใจไปคนดู พอความปวดเกิดขึ้น ดูลงไปเลย ความปวดก็ของถูกรู้ถูกดู ร่างกายอยู่ส่วนนึงความปวดอยู่ส่วนนึง จิตอยู่ส่วนนึง เป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ ปวดมากๆเข้าจิตกระสับกระส่าย เห็นไหมความปวดอยู่ที่ขาแต่ความกระสับกระส่ายเกิดที่จิต เพราะนั้นความกระสับกระส่ายกับความปวดนี้คนละอันกัน ความกระสับกระส่ายหรือความปรุงที่จิตนี้เรียกว่าสังขารขันธ์ ความปรุงที่จิตนะเรียกว่าสังขารขันธ์ ร่างกายนี้เป็นส่วนของรูปขันธ์ ความรู้สึกสุขความรู้สึกทุกข์ เช่นความปวดความเมื่อยนี้เรียกว่าเวทนาขันธ์ พอความปรุงแต่งทางใจเกิดขึ้นเรียกว่าสังขารขันธ์ ตัวจิตเป็นวิญญาณขันธ์ เห็นไหมหัดแยกขันธ์นะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑o เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๗
File: 531010B
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๓๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คำชมจากหลวงพ่อ

mp 3 (for download) : คำชมจากหลวงพ่อ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : ช่วงที่ไม่ได้ส่งการบ้าน หนูทุกข์มากค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้สึกไหมมีอัตตาขึ้นมาแล้ว

โยม : แล้วหนูก็เลยภาวนา พอภาวนาไปแล้วมันก็เห็นปัญญาค่ะ แล้วก็เลยเอาปัญญามาแก้ไขได้สำเร็จค่ะ แต่ว่าช่วงนี้จะฟุ้งซ่านเยอะค่ะ

 หลวงพ่อปราโมทย์ : ฟุ้งซ่านเป็นปกติของโยมนะ จิตโยมมันมีปกติฟุ้งซ่าน

โยม : แล้วก็มีโทสะด้วยค่ะ

 หลวงพ่อปราโมทย์ : เออนะ เนี่ยเรารู้แล้ว เห็นไหมเรามีจุดอ่อนอะไรเรารู้หมดเลย วันนึงเราจะดี

โยม : แล้วช่วงนี้รู้สึกซึมเยอะค่ะ

 หลวงพ่อปราโมทย์ : อืมนี่ภาวนาได้ดี

โยม : ตรงนี้แหล่ะค่ะที่หนูอยากได้

หลวงพ่อปราโมทย์ :  อยากได้อะไร

โยม : อยากได้คำชมจากหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ได้แล้ว ไป ส่ง(ไมค์)ไปข้างหลังนู้น บางคนเนี่ยนะไม่รู้หรอกว่าคำชมเป็นพิษเป็นภัย หลายคนพอได้คำชมนะ การภาวนาเนี่ยคว่ำเลย เพราะอยากจะให้ดีคงที่ อยากให้ดีทุกวันหลวงพ่อจะได้ชม พออยากปฏิบัติให้ดีนะ ไปบีบบังคับตัวเอง การภาวนาล้มเหลวไปเลย งั้นบางทีควรชมหลวงพ่อยังไม่ชมเลย ปฏิบัติได้น่าชมแล้ว แต่ไม่ชม เพราะรู้ว่าชมแล้วเสีย บางคนนะ บางคนจะไม่ชมมีแต่ด่า ด่าอย่างเดียว บางคนสังเกตให้ดี มาถามอะไรหลวงพ่อ หลวงพ่อจะโอ๋ตลอดเลย ดีๆๆนะ เพราะตำหนิไม่ได้ ตำหนิแล้วล้มคว่ำไปเลย งั้นถ้าคนไหนทนมือทนเท้า ก็จะได้ดีอย่างรวดเร็ว ได้เรียนธรรมะซื่อๆ เรียนอย่างซื่อๆ อย่างบางคนจะโดนด่าตลอด ไม่ชม ไม่ชมหรอกชมแล้วเสีย เพราะขนาดไม่ชมยังเสียเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอังคารที่ ๑๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๒
File: 510415B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เคล็ดลับของวิปัสสนา

mp3 for download : เคล็ดลับของวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : เคล็ดลับของวิปัสสนานะ ถึงแม้ว่าคำสอนมีมากมายมหาศาล ย่อลงมาก็เหลือแต่ว่า มีสติ รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง เท่านี้เอง แต่จะรู้ตามความเป็นจริงได้ ต้องรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

เมื่อเรารู้หลักแล้วก็เอาไปขยันทำ ไม่รู้หลักก็ทำไม่ได้หรอก ล้มลุกคลุกคลานไปเรื่อย บางคนมั่ว ระหว่างสมถะกับวิปัสสนา แยกไม่ออก แยกไม่ออกแล้วก็ไปทำแล้วนึกว่าทำวิปัสสนาอยู่ เป็นสมถะ

ยกตัวอย่างบางท่านก็บอกว่า พุทโธแล้วไปพิจารณากาย แล้วก็บอกว่า พุทโธเป็นสมถะ คิดพิจารณากายเป็นวิปัสสนา จริงๆแล้วยังไม่เป็นหรอก คิดพิจารณากาย

การคิดเอา พิจารณาเอา มีวิตก-วิจารณ์ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน กายานุวิตกสติปัฏฐาน ไม่มีเลย มีแต่กายานุปัสสนา คำว่า “วิปัสสนา” คำว่า “อนุปัสสนา” ปัสสนะแปลว่าการเห็น ไม่ใช่วิตก ไม่ใช่การคิด (วิตกในภาษาบาลีแปลว่าคิด – ผู้ถอด) ไม่ใช่การพิจารณา วิจารณ์ (วิจารณ์ในภาษาบาลีแปลว่าการคลอเคลียอยู่ – ผู้ถอด) แต่ให้เห็นเอา เห็นตามความเป็นจริง คำว่า “วิ” แปลว่าแจ้ง เห็นแจ้ง เห็นจริง เห็นถูกต้อง เห็นไตรลักษณ์ ของกายของใจ ของรูปของนาม

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สมถะที่จะทำให้ถึงฌานได้ มี ๒๒ อย่าง

mp3 for download : สมถะที่จะทำให้ถึงฌานได้ มี ๒๒ อย่าง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ :กรรมฐานในตำรามีตั้ง ๔๐ อย่าง เวลาปฏิบัติก็มีอย่างนั้นแหละ แต่ว่าอารมณ์แต่ละชนิดเนี่ย ให้ความสงบที่ไม่เท่ากัน อารมณ์บางอย่าง อย่างพุทโธๆได้ความสงบระดับต้นๆ ตื้นๆ แต่อารมณ์ที่ถึงปฏิภาคนิมิตร มี ๒๒ อย่าง

ในตำราเขาละเอียดนะ ตำราเขามี ๒๒ อย่างเนี่ยมีกสิณ ๑๐ อย่าง พิจารณาอสุภะ ๑๐ อย่าง พิจารณาศพ เพ่งศพไปเรื่อย จะได้ปฏิภาคนิมิตรได้ อย่างเราดูศพ หาศพคนไม่ได้ ศพหมาศพแมวก็ยังดี ดู ดูไปเรื่อยๆ ศพจะค่อยๆใสขึ้นนะ ศพ ใสๆใสๆขึ้นไป กลายเป็นดวงสว่างขึ้นมาได้ ได้ปฏิภาค ได้ปฏิภาคนิมิตรก็ได้ถึงอุปจารสมาธิ แล้วทำต่อไปก็เข้าอัปนาฯ (อัปนาสมาธิ)

ก็มีกสิณ ๑๐ อย่าง อสุภะ ๑๐ อย่าง กายคตาสติอีก ๑ นะ อานาปานสติอีก ๑ ถ้าใครอยากเล่นฌานนะ ต้องเล่นพวกนี้ ได้ฌาน ต่ำกว่านี้ไม่ได้ฌาน รวมอย่างอื่น ไม่ถึงฌาน พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่ถึงฌาน

ไม่ยากอะไร รู้จักเลือกอารมณ์ ที่จิตเราชอบ ต้องเป็นอารมณ์ที่ไม่ยั่วกิเลส อย่างชอบเล่นไพ่ อย่างนี้ หรือชอบเล่นอินเตอร์เน็ต จิตมีอารมณ์อันเดียวก็คือมีอินเตอร์เน็ต โลกนี้ไม่มีแล้ว อย่างนี้ไม่สงบหรอก ฟุ้งซ่าน แล้วก็ฟุ้งอยู่ข้างใน ไหลๆเรื่อยๆไป เคล็ดลับของสมถะก็นิดเดียวเท่านี้เอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๕๓ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เคล็ดลับของการทำสมถะ

mp3 for download : เคล็ดลับของการทำสมถะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ :ลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ตอนนี้เขาเรียนนักธรรมโท หลวงพ่อเอาหนังสือมาอ่านบ้าง อ่านไปถึงนักธรรมเอกแล้ว พบว่าในตำรานักธรรมเอกนั้นสอนเหมือนที่หลวงพ่อสอนนี่แหละ มีหมดเลย กระทั่งตัณหาจริตทิฎฐิจริตยังมีเลย ละเอียดยิบเลย พระน่าจะเรียน แต่ถ้าจะเรียนแล้วจับเคล็ดไม่ได้นะ มีคัมภีร์อยู่ จับเคล็ดวิชา วิธีปฏิบัติไม่ได้ ทำไม่เป็น

เคล็ดของการปฏิบัติมีนิดเดียว อย่างละประโยคเท่านั้นเอง ถ้าจะทำสมถะ ให้น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียวอย่างต่อเนื่อง มีเงื่อนไขว่า อารมณ์นั้นต้องไม่ยั่วกิเลส เป็นอารมณ์ทีจิตชอบ จิตของเราแต่ละคนชอบอารมณ์ไม่เหมือนกัน บางคนชอบพุทโธ อยู่กับพุทโธแล้วมีความสุข ก็น้อมจิตไปอยู่กับพุทโธอย่างเดียว จิตไม่หนีไปที่อื่น ก็มีความสุข จิตสงบ คนไหนชอบลมหายใจนะ น้อมจิตไปอยู่กับลมหายใจ อยู่กับลมหายใจแล้วมีความสุข จิตก็สงบ

เคล็ดลับของสมถะอยู่ที่ รู้จักเลือกอารมณ์ที่มีความสุข น้อมจิตไปสู่อารมณ์นั้น แค่นั้นเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๕๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กรรมฐาน เมื่อรู้หลักแล้วภาวนาไม่ยาก

mp3 for download : กรรมฐาน เมื่อรู้หลักแล้วภาวนาไม่ยาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ :หลักกรรมฐานน่ะเรียนให้แม่นๆนะ แล้วจะภาวนาง่าย ที่ภาวนากันล้มลุกคลุกคลานนะ อันหนึ่ง ทำไม่เป็นไม่ถูกหลัก อีกอันหนึ่ง รู้หลักแล้วไม่ค่อยทำ รู้หลักแม่นๆแล้วภาวนา ขยันภาวนา ก็ง่าย ไม่ยากอะไรหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File 550106
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒ ถึงนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีสติ รู้กายรู้ใจ ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง จะเกิดปัญญา

mp3 for download : มีสติ รู้กายรู้ใจ ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง จะเกิดปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : พวกเราหัดไปนะ หัดภาวนาไป ขั้นแรก จิตไหลไปแล้วรู้สึก ใจก็จะตั้งมั่น ต่อไปก็จะเห็นเลย จิตที่ไหลไปก็ไม่เที่ยง จิตที่รู้สึกก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่ไปบังคับให้รู้สึกตลอดนะ ดูแต่ของไม่เที่ยงในจิตใจไป ดูแต่ของที่ของที่บังคับไม่ได้ในจิตใจไป ดูด้วยความเป็นกลาง ถึงวันที่ปัญญาแก่รอบนะ มันก็จะเข้าใจธรรมะเป็นลำดับๆไป

ข้างต้นก็ล้างความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน ขั้นปลายก็ล้างความหลงผิดว่าขันธ์ ๕ กายใจนี้เป็นของดีของวิเศษ ที่แท้ไม่ใช่ของดีของวิเศษแต่เป็นตัวทุกข์หรอก หัดเบื้องต้นมีความสุขเยอะเลย หัดเบื้องปลายเจอความทุกข์เยอะเลย จนกระทั่งแจ้งแล้วนะ เจอบรมสุขเลย สุขที่ไม่ผันแปรอีกแล้ว เชิญไปทานข้าว

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖)

    New Files Updated วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๖

  • 560616: วัดภูริทัตตวนาราม เมืองออนทาริโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เจริญวิปัสสนา เห็นจากของจริง

mp3 for download : เจริญวิปัสสนา เห็นจากของจริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : เรามาเฝ้ารู้ความจริง ไม่ใช่มาหลอกตัวเอง ว่าจิตไม่เที่ยง แล้วก็ไม่ใช่หลอกตัวเองว่ากายไม่เที่ยง ถ้าเป็นพวกดูกายก็ไม่ใช่มาหลอกเอาเองคิดเอาเองว่ากายไม่เที่ยง ต้องดูของจริงว่ากายไม่เที่ยงจริงๆ รูปที่ยืนเดินนั่งนอนไม่เที่ยงจริงๆ รูปเหยียดรูปร้อนรูปอ่อนรูปแข็งไม่เที่ยงจริงๆ ดูจิตก็ดูให้เห็นของจริง

จิตรู้สึกตัวก็ไม่เที่ยงจิตไหลไปก็ไม่เที่ยง ดูของจริงจนกระทั่งจิตยอมรับความจริงว่าจิตทุกอย่างเกิดแล้วดับ “สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับเป็นธรรมดา” ถ้าเข้าใจอย่างนี้ได้เป็นพระโสดาบันนะ ถ้าคิดว่าจิตเที่ยงเป็นมิจฉาทิฎฐิ ไม่ได้เป็นโสดาบันหรอก

เพราะฉะนั้นเรามาฝึกกรรมฐาน มาเรียนรู้ของจริง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๙ ถึงนาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ฝึกรู้สึกตัว ฝึกดูจิต ก็เพื่อให้เห็นว่าจิตไม่เที่ยง

mp3 for download : ฝึกรู้สึกตัว ฝึกดูจิต ก็เพื่อให้เห็นว่าจิตไม่เที่ยง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : สุดท้ายปัญญามันเกิด มันจะรู้เลยว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับเป็นธรรมดา” เพราะเราเห็นจิตน่ะ จิตที่รู้สึกตัวเกิดแล้วก็ดับ จิตที่ไหลไปเกิดแล้วก็ดับ แต่ถ้าเราไม่มีจิตที่รู้สึกตัวนะ มีแต่จิตที่ไหล คนในโลกมีแต่จิตที่ไหลอย่างเดียวไม่มีจิตที่รู้สึกตัวเลย มันจะไม่เห็นหรอกนะว่าจิตที่ไหลเกิด-ดับ แต่ถ้าเรามีจิตที่รู้สึกตัวขึ้นมานะ จะเห็นเลยจิตที่รู้สึกตัวเกิดแล้วก็ดับ จิตที่ไหลไปเกิดแล้วก็ดับ

เพราะฉะนั้นการที่หลวงพ่อฝึกให้พวกเรามีจิตที่รู้สึกตัว ให้จิตตั้งมั่นมีสมาธิขึ้นมา ไม่ใช่มีสมาธิเพื่อที่จะมีสมาธินะ เรามีสมาธิเนี่ยเพื่อจะตัดตอนความหลงให้ขาดตอนเป็นช่วงๆ มันจะเห็นเลยว่าจิตที่หลงไป หลงไปช่วงหนึ่งแล้วก็ดับ เกิดรู้สึกตัวนิดหนึ่งแล้วก็หลงอีกยาวๆแล้วก็ดับ เกิดรู้สึกตัว สุดท้ายก็จะเห็นว่าจิตที่หลงเกิดแล้วก็ดับ จิตที่รู้สึกเกิดแล้วก็ดับ ไม่ใช่จะเอาจิตที่รู้สึกตัวนะ ไม่ได้ฝึกเพื่อจะเอาอะไรเลย แต่ฝึกเพื่อให้เห็นความจริงว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา” ฝึกเพื่อให้เห็นตรงนี้

ทีนี้บางคนเข้าใจผิดคิดว่าจะต้องฝึกให้รู้สึกตัว ๒๔ ชั่วโมง ฝึกเอาความรู้สึกตัว นั่นคือการฝึกจะเอา ไม่ใช่การฝึกเพื่อที่จะให้เห็นความจริง ฝึกได้มั้ย ฝึกได้ ถ้าทรงฌานนะ จิตผู้รู้เนี่ยตั้งมั่นเด่นดวงอยู่ได้นาน แต่ไม่เกิน ๗ วันหรอก ในภูมิของเรา ในกามาวจร จิตที่ร่อนเร่ไปทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ จิตไม่สงบนาน อย่างมากก็ไม่เกิน ๗ วัน ทั้งๆที่ทรงฌาน ก็เสื่อม เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ฝึกเอาจิตเที่ยง แต่เราฝึกให้เห็นว่าจิตไม่เที่ยง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูจิต ได้สติ สมาธิ ปัญญา

mp3 for download : ดูจิต ได้สติ สมาธิ ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : ถ้าเราทำกรรมฐาน ดูจิตดูใจเนี่ย เราฝึกง่ายๆเลย รวบยอดเลย ได้ทั้งสมาธิได้ทั้งปัญญา ก็คือจิตขยับไปแล้วรู้สึกนะ จิตไหลไปรู้สึก จิตไหลไปรู้สึก ตรงที่จิตไหลไปแล้วรู้สึกเนี่ย จิตจะตั้งมั่นขึ้นมา (จิตตั้งมั่น = จิตมีสมาธิชนิดลักขณูปนิชฌาน เป็นสมาธิที่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนา – ผู้ถอด) มันตั้งอยู่ชั่วขณะ แล้วมันก็ไหลอีก เราก็รู้สึกอีก ก็ตั้งอีก ตรงนี้จะเป็นการฝึกให้เกิดสติ สติเป็นตัวรู้ทันว่ามีอะไรเกิดขึ้นในจิตใจ มันรวมถึงกายด้วยนะ แต่นี่หลวงพ่อสอนมุ่งมาที่จิต เพราะพวกเราเป็นพวกไม่มีสมาธิ ต้องดูจิตให้มากๆไว้

สติเป็นตัวรู้ทันว่ามีอะไรเกิดขึ้นในจิต จิตขยับไปรู้ทัน จิตขยับไปรู้ทัน เรียกว่ามีสติ การที่จิตขยับไปแล้วเรารู้ทันเรื่อยๆ ต่อไปเราจะเกิดปัญญาได้ เราจะเห็นเลยว่า จิตที่รู้สึกตัวก็อยู่ชั่วคราว จิตที่ไหลไป หลงไป ขยับไป ก็อยู่ชั่วคราว จิตที่รู้สึกตัวเกิดแล้วก็ดับไป จิตที่ไหลไปหลงไปเกิดแล้วก็ดับไป จิตที่รู้สึกตัวเนี่ยเป็นตัวแทนของจิตที่เป็นกุศล จิตที่ไหลไปหลงไปเป็นตัวแทนของอกุศล ต้องหลงไปก่อนนะ ถึงจะเกิดโลภเกิดโกรธอะไรขึ้นมาทีหลัง ต้องหลงก่อนนะ จึงเป็นตัวแทนของจิตอกุศล

ก็จะเห็นเลยว่า จิตที่รู้สึกตัว ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตที่เป็นอกุศลนั้น เกิดแล้วก็ดับ จิตที่ไหลไปซึ่งเป็นจิตอกุศล เกิดแล้วก็ดับ มีแต่เกิดแล้วก็ดับ ตรงที่เราเห็นว่า จิตทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับ อันนั้นแหละ เราเจริญปัญญา เราเห็นอนิจจังอยู่ เราก็จะเห็นอีก ถ้าบางคนดูแค่เกิดดับแค่นี้ไม่พอนะ จะเห็นสิ่งซึ่งกำลังปรากฎ จิตซึ่งรู้สึกตัวอยู่นี่แหละ อยู่ได้ไม่นาน ทนอยู่ไม่ได้ก็แตกสลายกลายเป็นจิตที่เคลื่อน จิตที่เคลื่อนทนอยู่ไม่ได้ แตกสลายกลายเป็นจิตที่รู้สึกตัว การที่เราเห็นว่า จิตทุกชนิดทนอยู่ในภาวะอันใดอันหนึ่งไม่ได้ เรียกว่าเห็นทุกขังนะ เห็นทุกขัง

การที่จิตจะรู้สึกตัว เราสั่งไม่ได้ รู้สึกแล้วรักษาไว้ก็ไม่ได้ การที่จิตไหลไปเราห้ามก็ไม่ได้นะ ไหลไปแล้วสั่งให้คืนมาก็ไม่คืน ถ้าสั่งให้คืนมาจะกลายเป็นเพ่ง แน่นๆเลย จิตนี้ไม่ใช่ของที่บังคับได้ แค่เราเห็นจิตที่ไหลไปไหลมาแค่นี้นะ เรารู้เลยว่าเราบังคับจิตไม่ได้จริง นี่คือการเห็นอนัตตา

เพราะฉะนั้นถ้าเราคอยรู้ทันจิตที่ไหลแว้บๆๆ นะ รู้ไปเรื่อยๆนะ ได้ทั้งสตินะ เบื้องต้นจะได้สติ เบื้องปลายจะได้ปัญญา จะรู้ความจริงจิตนี้ไม่ใช่ตัวเรา จิตนี้เป็นของไม่เที่ยง กลับกลอกตลอดเวลานะ จิตรู้สึกตัวก็ไม่เที่ยง จิตที่ไหลไปก็ไม่เที่ยง จิตที่รู้สึกตัวก็ทนอยู่ไม่ได้นาน จิตที่ไหลไปก็ทนอยู่ไม่ได้นาน อยู่ได้ชั่วขณะเท่านั้นเอง จิตจะรู้สึกตัวหรือว่าจิตจะไหลไปนั้น เลือกไม่ได้ สั่งไม่ได้ ห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจ นี่เรียกว่าเห็นอนัตตา

การที่เราเห็นจิตเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นเพียงมุมใดมุมหนึ่งก็พอ ไม่ต้องเห็นทั้งสามอย่างหรอก บางคนเห็นจิตเกิดแล้วก็ดับ รู้สึกตัวแล้วก็หายไป หรือเห็นว่าจิตมันถูกบีบคั้นตลอด จิตมันบังคับไม่ได้ เห็นมุมใดมุมหนึ่งไปถึงจุดหนึ่ง จิตจะปิ๊งขึ้นมา จิตนี้ไม่ใช่ตัวเราหรอก จิตมันเป็นสภาวธรรมซึ่งมันเป็นของมันเอง คำว่าสภาวะหมายถึงมันมีอยู่ของมันเอง being มีอยู่ของมันเอง เกิดแล้วก็ดับไป มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เฝ้ารู้ลงไปเรื่อย สุดท้ายปัญญามันเกิด มันจะรู้เลยว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับเป็นธรรมดา”

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๒๑ ถึงนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้ทันกิเลส ต้องรู้ทันกิเลสที่กำลังครอบงำใจ

mp 3 (for download) : รู้ทันกิเลส ต้องรู้ทันกิเลสที่กำลังครอบงำใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : ของ(ชื่อโยม)สบายๆค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตอนนี้เป็นไง ขณะนี้สบาย?

โยม : มันสบายๆค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้ตัวเต็มที่หรือยัง?

โยม : ไม่เต็มที่ค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไปกดไว้นะ มันคือการหัดรู้สภาวะนั่นแหล่ะ ถ้าเราเห็นสภาวะตรงตามความเป็นจริงก็ใช้ได้ เราเห็นถูกตัวก็ใช้ได้ เพราะในแต่ละขณะๆเนี่ย มีสภาวะธรรมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่มันมีตัวหลัก มีตัวเอกที่บงการพฤติกรรมของเรา

งั้นถ้าเรารู้ ก็รู้ตัวหัวโจกมัน แต่ละขณะๆจะมีหัวโจกของมัน หัวโจกนี้ถ้าแบบอภิธรรมเค้าจะเรียกว่าอธิปติปัจจัย ตัวซึ่งมันมีกำลังครอบงำตัวอื่นๆ งั้นเราหัดรู้ ถ้าเรารู้ตรง รู้ถูกนะ แล้วรู้ด้วยใจที่เป็นกลางนี่ ใจเราจะพัฒนาไป ถ้าเรารู้ผิดตัวก็ใช้ไม่ได้ เช่น เห็นความโกรธเกิดขึ้น ขณะนั้นจิตเกลียดความโกรธ ไม่เห็นว่าจิตกำลังเกลียดความโกรธ เห็นแต่ความโกรธ นี่ดูผิดตัวแล้ว ไม่ได้ดูตัวหลักที่กำลังบงการพฤติกรรมใจเรา คือความเกลียดไอ้ความโกรธตัวแรก ความเกลียดนั่นแหล่ะที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆเนี่ย ตัวนี้มีกำลังกล้า เราไปดูตัวเก่าซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว นี่ดูผิดตัว หรือดูแล้วใจไม่ตั้งมั่น ดูแล้วไปเพ่งใส่มัน

เช่น พอเห็นความโกรธนะก็ไปจ้องมันด้วยความเกลียดชังนะ จ้องๆๆถลำลงไปรู้ ก็ใช้ไม่ได้ รู้แล้วไม่เป็นกลางก็ใช้ไม่ได้ งั้นพวกเราที่มาหัดเนี่ย หัดรู้สภาวะนะ ด้วยจิตที่เป็นกลาง รู้สภาวะถูกตัว ตัวที่กำลังมีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน แต่ละคนก็ต้องฝึกอย่างนี้แหล่ะ ที่หลวงพ่อคอยถามคอยอะไรนี้ ก็เพื่อจะดูว่าพวกเราดูถูกตัวไหม หลายคนดูผิดตัว เลยต้องถามว่าจิตขณะนี้เป็นยังไง อยากรู้ว่า(โยม)รู้ไหม ถ้ารู้ถูกต้องว่าจิตขณะนี้เป็นยังไง ดีหรือไม่ดีเนี่ย หลวงพ่อไม่ว่าซักคำ ใช้ได้ทั้งนั้นแหล่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอังคารที่ ๑๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๒
File: 510415B.mp3
ระหว่างวินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูกิเลสเหมือนเห็นคนเดินผ่านหน้าบ้าน

mp 3 (for download) : ดูกิเลสเหมือนเห็นคนเดินผ่านหน้าบ้าน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : ช่วงหลังๆนี่ ผมรู้สึกว่าผมเพ่งจนแข็งเลยครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันเกิดจากอะไรดูออกไหม   

โยม : ไม่ทราบครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันอยากปฏิบัติ พอมันอยากปฏิบัตินะ มันลงมือจ้องเอาๆ อยากรู้ให้ชัดๆ

โยม : แล้วจะแก้ยังไงละครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ให้รู้ทันว่าอยาก อยากปฏิบัติขึ้นมานะ รีบรู้เลยว่าอยาก อยากปฏิบัติก็ผิดแล้วนะ แล้วไง คือถ้าเมื่อไหร่เราอยากปฏิบัติ เราจะลงมือทำ สิ่งที่เราทำนะเพราะความอยากคือการเพ่ง คือเราอยากรู้ให้ชัดๆ อยากรู้ให้ชัดต้องดูไม่ให้คลาดสายตา กลายเป็นการเพ่ง เพราะฉะนั้นให้มันเผลอไปก่อน แล้วรู้ว่าเผลอ ให้มันโลภไปก่อน แล้วรู้ว่าโลภ ให้มันโกรธไปก่อน แล้วรู้ว่าโกรธ ให้ความรู้สึกเกิดก่อน อย่าไปดักดูอย่าไปรอดู ถ้าดักดูรอดูจะกลายเป็นการเพ่ง

โยม : ผมกลัวจะโกรธแรงไปครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ : นั่นน่ะเห็นไหมเราปฏิเสธ เราไม่อยากโกรธ แต่หลวงพ่อจะบอกให้อย่างนึง ถ้าคุณกดอยู่อย่างนี้เรื่อยๆนะ วันใดที่หมดแรงกด คุณจะโกรธอย่างรุนแรงเลย หรืออย่างบางคนข่มราคะไว้ตลอดเลย ราคะเกิดแล้วเพ่งเอาไว้ๆให้นิ่งเลยนะ ไม่ให้มีราคะ วันใดหมดแรงเพ่งนะ จะราคะรุนแรงกว่าคนธรรมดา คนใดจิตจะฟุ้งซ่านก็น้อมเข้าหาความสงบลูกเดียวเลย วันใดที่หมดแรงน้อม จิตจะฟุ้งซ่านมากกว่าคนทั่วๆไป มันคิดดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นการที่คุณภาวนา แล้วรู้สึกว่าความโกรธมันรุนแรง คุณลองสังเกตเถอะ ส่วนใหญ่รากเหง้ามันมาจากการที่เรากลัวว่าจะโกรธ เราก็เลยไปข่มเอาไว้ พอหมดแรงข่มมันก็โกรธแรง พอโกรธแรงเราก็ตกใจกลัว เราก็ยิ่งข่มให้มากขึ้นไปอีก งั้นการปฏิบัติเราก็จะข่มไปเรื่อยๆ เครียด งั้นคุณต้องใจถึงๆนะ เพราะงั้นที่คุณภาวนาอยู่โดยพื้นฐานใช้ได้แล้ว ใจมันเริ่มรู้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว คุณอย่ากลัวไม่ดี ให้คอยรู้ไป คุณแค่ถือศีล ๕ ไว้ก่อน โกรธก็ได้นะ แต่ไม่ล้นออกมาทางกายและวาจา โกรธอยู่ในใจไม่กดมันเอาไว้ ดูความโกรธที่มันผุดขึ้นมา เหมือนหมาบ้าเหมือนเสือร้ายขึ้นมากระโชกโฮกฮากอยู่ในใจ ข้างนอกเราไม่ออกมา ออกมาแล้วผิดศีล เราถือศีลไว้ก่อน

โยม : ด่าก็ไม่ได้ใช่ไหมครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ด่าก็ผิดศีลสิ หลวงพ่อถึงบอกว่าศีล ๕ จำเป็นสำหรับผู้ปฏิบัตินะ ถ้าเราทำแค่สมถะเนี่ย ศีลไม่เท่าไหร่หรอก เพราะว่าเราข่มจิตเอาไว้นิ่งๆ เราไม่ทำผิดศีลหรอก แต่ถ้าเราทำวิปัสสนาต้องถือศีลก่อน ต้องมีศีลรักษาไว้ก่อน เพื่อว่าเราจะไม่ทำผิดทางกายและวาจา แต่ในขณะที่ทางใจเนี่ย มันทำอะไรเราจะตามรู้ไปเรื่อยๆ เราไม่เก็บกดแล้วก็ไม่คล้อยตาม เก็บกดหมายถึงเราไปต่อต้านกิเลส คล้อยตามหมายถึงว่าเราถูกกิเลสครอบงำ เช่นมันโกรธขึ้นมาแล้วเราก็ไปด่าเค้า อันนี้เพราะถูกกิเลสครอบงำจิต จิตถูกโทสะครอบงำไปเรียบร้อยแล้ว หรือความโกรธเกิดขึ้นไปกดมันใหญ่เลย อันนี้เราปฏิเสธมัน เราไม่ชอบมัน เราต่อต้านมัน อย่าต่อต้านกิเลส แล้วก็อย่าคล้อยตามกิเลส ให้รู้กิเลส ทำใจของเราให้เหมือนเรือลำใหญ่ๆ จอดทอดสมออยู่ในแม่น้ำหรือในทะเล น้ำไหลผ่านเรือไปนะ เรือไม่ขวางน้ำ เหมือนใจไม่ขวางกิเลส ในขณะเดียวกัน เรือไม่ลอยตามน้ำ คือใจเราก็ไม่ลอยตามกิเลสไป เรามีสมอที่ทอดอยู่นะ คือมีสติอยู่ มีสติรู้กิเลสไหลผ่านมาก็รู้ กิเลสไหลผ่านไปก็รู้ เรารู้อยู่อย่างนี้ สติจะทำหน้าที่อารักขา คือสติจะทำหน้าที่คุ้มครองรักษาจิต ไม่ให้ถูกอกุศลครอบงำ เพราะฉะนั้นกิเลสเกิดขึ้น ให้คุณรู้ไป กิเลสมันมาแล้ว ดูเหมือนดูคนอื่น ดูเหมือนเห็นกิเลสของคนอื่น ดูเหมือนดูคนเดินผ่านหน้าบ้าน ดูเหมือนเห็นน้ำไหลผ่านข้างเรือไป ดูสบายๆไม่ใช่ไปต่อต้าน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอังคารที่ ๑๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๒
File: 510415B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราทำทุกอย่างเพื่อสนองอัตตา

mp 3 (for download) : เราทำทุกอย่างเพื่อสนองอัตตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : ก็ลองไปดูเรื่องเมื่อวานพระอาจารย์ให้ไป ก็คือไปพบว่าอย่างเรื่องกวนใจเวลามันมีเข้ามาเป็นผัสสะนี้ ก็เกิดความไม่ชอบ แล้วก็พอไม่อยากได้ยินก็จากเวทนาเป็นตัณหา แต่พอทันปั๊บมันก็จบเลย เลยสงสัย แต่ว่าพอไม่ทัน เหมือนกับเราคิดต่อแล้ว เริ่มวางแผนต่อ ตรงนั้นนี่ถือเป็นภพใช่ไหมคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ ไปสร้างภพขึ้นมาแล้วนะ

โยม : อย่างไปหยิบทิชชูมา มาเช็ดมือนี่ก็รู้สึกเป็นอยากแล้ว ก็ถือเป็นนับ…

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ให้รู้ทัน ได้คะแนน อย่าว่าแต่หยิบทิชชูมาเช็ดเลยนะ ครูบาอ๊าเนี่ยมีอยู่วันนึง ใช้ทิชชูเสร็จแล้วขว้างทิชชูทิ้ง ในขณะที่ขว้างทิชชู เห็นเลยว่านี่มัน serve อัตตา นี่แหล่ะกูล่ะ

โยม : รู้สึกคล้ายๆเมื่อเช้าปิดประตูรถปัง ดังไปนิดนึงก็รู้สึกว่าตัวตนมันเกิด

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ มันสนองอัตตาเนี่ย กูยิ่งใหญ่

โยม : อันนี้ถ้าถอยไปเป็นตัณหานี่เป็นภวตัณหาหรือเปล่าคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่เป็นภวตัณหา 

โยม : อ๋อ แล้วก็ ถ้านั้นว่าอะไรก็ตามที่ดูเป็นตัวตนใหญ่ ก็คือตัวนี้ทั้งสิ้นใช่ไหมคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใช่ เมื่อไม่กี่วันนี้วันสองวันนี้ หลวงพ่อตอนเช้าๆเดินมาที่ศาลา แต่ไม่ได้ให้โยมรู้นะ เพราะโยมยังอยู่ทางโน้น เดินมาเล่นๆ เห็น เอ๊ะ ใครมาจอดรถ รถวัดเนี่ยจอดแล้วเปิดไฟทิ้งไว้ พิจารณาดูอ๋อเด็กที่ขับรถนี้แหล่ะ มันเปิดไฟทิ้งไว้ เป็นการประกาศอัตตานะ ซึ่งแหมมันละเอียดมากเลย แค่ชั้นได้บริโภคเหนือกว่าชาวบ้านเค้า บริโภคแบบโง่ๆด้วยนะบริโภคของวัด แบบเปิดไฟทิ้งไว้นี่พระบอกหลายทีแล้วก็ไม่ปิด ทุกครั้งที่จอดรถต้องเปิดไฟทิ้งไว้ เราสงสัยมันเกิดอะไรนะ พิจารณาลงไปนี่มันคือการ serve อัตตาว่าชั้นได้บริโภค เพราะฉะนั้นแค่การได้บริโภคนะก็ serve อัตตา ทำอะไรต่ออะไรอัตตาทั้งนั้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอังคารที่ ๑๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๑ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๒
File: 510415B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๑๐ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เวลาปฏิบัติจริง รู้ทั้งรูป รู้ทั้งนาม

mp3 for download : เวลาปฏิบัติจริง รู้ทั้งรูป รู้ทั้งนาม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรม

หลวงพ่อปราโมย์ : คนไหนไม่ถนัดดูกายก็มาดูจิต ดูอะไรก็ได้นะ จะล้างความเห็นผิดว่ามีเรา ดูกายก็เห็นกายไม่ใช่เรา จิตเป็นคนไปดูกาย

อย่างเริ่มต้นบอกให้แยกกายแยกจิตแยกรูปแยกนามนะ สุดท้ายรู้ทั้งรูปทั้งนาม ไม่ใช่รู้รูปอย่างเดียว รู้นามอย่างเดียว ไม่ใช่ว่า ๕ ปีนี้รู้แต่รูป แล้วต่อไปจะไปรูแต่นาม ขั้นเป็นพระ จะฝึกให้เป็นพระโสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ ต้องรู้รูป ไม่ต้องรู้นาม เข้าใจผิดสิ้นเชิงเลย ใครเป็นคนไปรู้รูป นามเป็นคนไปรู้ จิตเป็นคนไปรู้

เพราะฉะนั้นเวลาที่เราลงมือปฏิบัติจริงนะ มันรู้รูปนาม ไม่ใช่รู้รูปอย่างเดียว ไม่ใช่รู้นามอย่างเดียว

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๖ ถึงนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธาตุ ๔ – การรู้รูปเป็นธาตุ ๔

mp3 for download : ธาตุ ๔ – การรู้รูปเป็นธาตุ ๔

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม ศรี่ราชา ชลบุรี

หลวงพ่อปราโมย์ :เราเฝ้ารู้ลงไป ไม่มีอะไรที่เป็นตัวตนถาวรเลยในรูปธรรม คือในร่างกายนี้ ก็มีแต่ของที่เกิดดับตลอดเวลา เช่นร่างกายที่หายใจออกเกิดแล้วก็ดับไป ร่างกายที่หายใจเข้าเกิดแล้วก็ดับไป ร่างกายที่ยืนที่นั่งที่นอนเกิดแล้วก็ดับไป ร่างกายที่เคลื่อนไหวเกิดแล้วก็ดับ ร่างกายที่หยุดนิ่งเกิดแล้วก็ดับ ความเย็นความร้อนความอ่อนความแข็งความตึงความไหวที่เกิดขึ้นในร่างกาย ก็เกิดแล้วก็ดับทั้งสิ้น

ความเย็นความร้อนก็คือตัวธาตุไฟ ความอ่อนความแข็งก็เป็นธาตุดิน ความตึงความไหวเป็นธาตุลม ธาตุน้ำรู้ด้วยใจ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ รู้ด้วยร่างกาย

เพราะฉะนั้นเราจะเห็นสัมผัสในร่างกายของเราเนี่ย เช่นลมหายใจ ธาตุไฟไม่เที่ยง หายใจเข้าลมเย็น หายใจออกลมร้อน ธาตุไฟในลมหายใจไม่เที่ยง เวลาเราเดินเดี๋ยวขา-น่องเราก็แข็งเดี๋ยวน่องเราก็หย่อน พอยกเท้าขึ้นน่องเราก็ย่อง เหยียบลงไปที่พื้นน่องเราก็แข็ง ความแข็งความอ่อนเนี่ยเป็นธาตุดิน ธาตุดินนี้ไม่เที่ยง เดี๋ยวก็แข็งมากก็มีธาตุดินมาก เดี๋ยวก็ธาตุดินลดลงก็อ่อน

ดินไม่ได้แปลว่าดินนะ น้ำไม่ได้แปลว่าน้ำ ลมไม่ได้แปลว่าลม ไฟไม่ได้แปลว่าไฟ เหมือนอย่างภาษาไทยที่เอามาใช้

อะไรเป็นธาตุดิน ส่วนที่แข็ง ส่วนที่แข็งเป็นธาตุดิน แข็งมากแข็งน้อย อะไรเป็นธาตุไฟ ส่วนที่ร้อนเป็นธาตุไฟ ร้อนมากร้อนน้อย ในน้ำลายของเรามีธาตุไฟมั้ย ในน้ำลาย มี มีอุณหภูมิอยู่ใช่มั้ย มีธาตุไฟอยู่ มีลมมั้ย เคลื่อนไหวได้มั้ย หรือแข็งกระด้าง เคลื่อนไหวได้ ระเหยได้ ระเหยได้เพราะว่าธาตุน้ำน้อย แปลกหนักเข้าไปอีก กระจายตัวได้ง่าย น้ำ น้ำแท้ๆนะ กลับมีธาตุน้ำน้อย เหล็กกลับมีธาตุน้ำเยอะ คำว่าธาตุน้ำคือแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๐ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

แยกธาตุแยกขันธ์ คือวิธีของพระพุทธเจ้า

mp3 for download : แยกธาตุแยกขันธ์ คือวิธีการของพระพุทธเจ้า

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : พอใจเราเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว แยกร่างกายกับใจออกจากกัน แยกกายละเอียดออกไปอีก ไปเป็นธาตุ ดินน้ำไฟลม แยกจิตใจละเอียดออกไปก็เห็นเป็นขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ แยกธาตุแยกขันธ์ออกไป

ทำไมต้องแยก ไม่แยกได้มั้ย ไม่แยกไม่ได้ การที่เราหัดแยกธาตุแยกขันธ์เนี่ย เป็นวิธีการที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ เป็นวิธีเรียนรู้ความจริง เพื่อจะมาดูว่าจริงๆแล้วตัวเราไม่มี เป็นวิธีการที่ท่่านพบน่ะ ถ้าเดินตามวิธีที่ท่านบอกแล้วจะรู้ว่าตัวเราไม่มี

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓๓ ถึงนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อจิตตื่นแล้ว ให้แยกธาตุแยกขันธ์

mp3 for download : เมื่อจิตตื่นแล้ว ให้แยกธาตุแยกขันธ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : ในขั้นของการเดินปัญญานั้นคือขั้นรู้ทุกข์ ไม่ใช่ขั้นเสพสุข พอใจเรามีความสุข ใจเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว ต้องเจริญปัญญา วิธีเจริญปัญญา ขั้นแรกสุดเลย ต้องแยกธาตุแยกขันธ์ให้เป็น ให้เห็นเลยว่า ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง รูปกับนามเป็นคนละอันกัน

ถ้าสมาธิเรามาก และเราชำนาญในการดูกาย แยกกายต่อไปอีก ร่างกายก็แยกเป็นธาตุ ๔ ดินน้ำไฟลม แยกธาตุออกไป

ถ้าเราชำนาญการดูจิต เรามาแยกขันธ์ จิตใจของเราไม่ใช่อยู่ลำพัง จิตใจประกอบด้วย ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์นี้เรียกว่า เวทนาขันธ์ ความจำได้หมายรู้เรียกว่าสัญญาขันธ์ ความปรุงดีปรุงชั่วปรุงไม่ดีไม่ชั่วเรียกว่าสังขารขันธ์

จิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เรียกว่าวิญญาณ วิญญาณทางตาคือจิตที่ไปรับรู้รูป วิญญาณทางหูคือจิตที่ไปรับรู้เสียง วิญญาณทางทวารทั้ง ๖ ไม่ได้มีจิตดวงเดียว คือจิตเกิดดับทางทวารทั้ง ๖ เรียกจักขุวิญญาณจิต โสตวิญญาณจิต เป็นมโนวิญญาณ จิตเกิดทางใจ รับรู้อารมณ์ทางใจ เช่นเรื่องราวที่เราคิด

เพราะฉะนั้นจิตไม่ได้มีดวงเดียว เป็นกลุ่มเป็นกองเหมือนกัน เรียกว่า วิญญาณขันธ์ เป็นกองของวิญญาณ กลุ่มของวิญญาณ แต่เวลามันเกิด มันเกิดทีละตัว เกิดทีละดวง เรามาแยก

พอใจเราเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว แยกร่างกายกับใจออกจากกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๓๘ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การภาวนา ต้องเดินปัญญาให้ได้

mp3 for download : 550701.00m00-01m37

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : ตอนนี้เห็นทุกข์มากขึ้นมั้ย หรือภาวนามีแต่ความสุข การภาวนามี ๒ ขั้นนะ ขั้นแรก ทำให้จิตตั้งมั่นก่อน เรียกว่าจิตตสิกขา จิตตั้งมั่นมีสมาธิ มีความสุข ไม่ได้ทำอะไร แค่รู้สึกตัวขึ้นมา จิตมันไหลไป เรารู้สึกตัวขึ้นมา จิตก็ตั้งมั่น ก็มีความสุขผุดขึ้นมา

เพราะฉะนั้นหัดกับหลวงพ่อใหม่ๆนะ จะมีความสุขเยอะมากนะ ไม่ได้ทำอะไรก็มีความสุข มีความสุขผุดขึ้นมา ตรงนั้นเราฝึกในขั้นที่เรียกว่า จิตตสิกขา เรารู้ทันจิต ในการภาวนาเนี่ย ถ้าไม่รู้ทันจิต ใช้ไม่ได้จริง

เพราะฉะนั้นเรื่องจิตตสิกขาเป็นเรื่องใหญ่ ก็เรียนจนกระทั่งจิตมันตั้งมั่น ถึงฐานของมันจริงๆ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน โดยไม่ได้เจตนา ยังเจตนาอยู่ ยังไม่ใช่ของจริง

เพราะฉะนั้นบางที เราหัดใหม่ๆ จิตเราไหลไปเผลอไป เรารู้ทัน เรารู้สึกตัว จิตตั้งมั่นขึ้นมา จิตตื่นขึ้นมา ก็มีความสุข เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อยู่ดีๆก็มีความสุขโชยขึ้นมาเป็นระยะๆ ทั้งวันเลย มีความสุขเยอะเลย

แต่ทีนี้การภาวนาไม่ได้ไปหยุดอยู่แค่การทำสมาธิ ต้องเดินปัญญาให้ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
File 550701
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๐ ถึงนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติธรรม ก็คือการเรียนรู้ตัวเอง

mp3 for download : การปฏิบัติธรรมคือการเรียนรู้ตัวเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมย์ : เพราะฉะนั้นตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ มีแต่เรื่องเรียนรู้ขันธ์ ๕ เรียนรู้รูปนาม เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า “ตัวเราเอง” ทั้งสิ้นเลยนะ เพราะฉะนั้นพวกเรามาหัดเรียนรู้ตัวเองนะ อย่าใจลอย ถ้าใจลอยเราก็ไม่ได้เรียนรู้ตัวเอง อย่านั่งเพ่งกายอย่านั่งเพ่งใจ ถ้าเพ่งกาย กายก็นิ่ง ไม่แสดงไตรลักษณ์ ถ้าเพ่งจิตใจ นามธรรมทั้งหลายก็นิ่ง ไม่แสดงไตรลักษณ์

เพราะฉะนั้นอย่าลืมกาย อย่าลืมใจ เพราะถ้าลืมก็จะไม่เห็นกายไม่เห็นใจ อันที่ ๒ ไม่เพ่งกาย ไม่เพ่งใจ แค่รู้สึกถึงความมีอยู่ของกาย รู้สึกความมีอยู่ของใจ แล้วเห็นความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของกายของใจเรื่อยไป ด้วยจิตใจที่สบายๆ รู้ไปอย่างสบายๆ รู้เนื้อรู้ตัวอยู่

ถ้าทำได้อย่างนี้ วันหนึ่งก็จะเห็น ว่ารูปนามขันธ์ ๕ นี้ ไม่ใช่ตัวเรา วันหนึ่งก็จะเห็นว่า รูปนาม ขันธ์ ๕ นี้ เป็นตัวทุกข์

เพราะฉะนั้นจะมีแต่เรื่องเรียนรู้ตนเอง นี่ล่ะการปฏิบัติธรรม ก็คือการเรียนรู้ตัวเอง สิ่งทีเรียกว่าตัวเองก็คือรูปกับนามนั้นแหละ ค่อยๆเรียนรู้ไปนะ

สิ่งที่ทำให้เรียนรู้ไม่ได้ มี ๒ อัน อันหนึ่งเผลอไป ใจลอยไป มีร่างกายแล้วก็ลืมมัน มีจิตใจแล้วก็ลืมมัน อันที่ ๒ ก็ไปเพ่งกายเพ่งใจไว้ แล้วก็นิ่งๆทื่อๆ ร่างกายเคลื่อนไหวก็เคลื่อนทื่อๆ ใจเคลื่อนไหวทื่อ บางทีไม่เคลื่อนเลยใจ นิ่ง.. ไม่มีไตรลักษณ์ให้ดู

ทางสายกลางนั้นคือ รู้สึกความมีอยู่ของกายของใจ เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจ ของรูปของนาม แล้วปัญญาก็จะเกิดเป็นลำดับไป เห็นว่าไม่ใช่เรา เห็นว่าเป็นทุกข์ ก็ปล่อยวาง ท่านเดินกันทางนี้นะ เอ้า..เชิญไปทานข้าว

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File 540716A
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๑๐ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 12 of 67« First...1011121314...203040...Last »