Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

สมาธิ มี ๒ ชนิด ต้องมีสมาธิชนิดจิตตั้งมั่น จึงจะเจริญวิปัสสนาได้

mp 3 (for download) : สมาธิ มี ๒ ชนิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : จากนั้นเราก็มาฝึกใจของเราให้มันมีสมาธิขึ้นมา สมาธิมันมี ๒ ชนิดนะ

สมาธิชนิดที่ ๑ จิตมันสงบเฉย ๆ เช่น เราดูท้องพองยุบไปนะ จิตเราก็นิ่งอยู่ที่ท้อง ไม่ไปไหนเลย ซึมอยู่ที่ท้อง นิ่งอยู่ที่ท้องอย่างเดียว ได้สมถะนะ เป็นสมาธิชนิดที่จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว เรียกว่า “อารัมณูปนิชฌาน” ไว้ใช้ทำสมถกรรมฐาน ทำความสงบได้ แต่เดินปัญญาไม่ได้ หรืออย่างเราเดินจงกรมเนี่ย จิตเราไปจับอยู่ที่เท้านะ เท้าขยับ กริ๊ก ๆ ๆ นี่รู้หมดเลยนะ เห็นเท้าตลอดเลย ไม่ลืมเท้าเลย จิตจ่ออยู่ที่เท้าอันเดียว การที่จิตจ่ออยู่ในอารมณ์อันเดียวเนี่ยทำให้จิตสงบนะ แต่ว่าจะไม่เดินปัญญา จิตจะนิ่งอยู่เฉย ๆ มันมีสมาธิอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสมาธิที่ดีที่วิเศษนะ แต่อาภัพ ไม่ค่อยมีใครรู้จักหรอกนะ กระทั่งพวกที่บอกว่าทำวิปัสสนา วิปัสสนานะทำไม่ได้จริงหรอก เพราะไม่ได้มีสมาธิที่ถูกต้อง

ถ้าจะเจริญปัญญาได้นะ ต้องมีสมาธิที่ถูกต้อง คือ สมาธิที่จิตตั้งมั่นนะ (สมาธิชนิดที่ ๒ เรียกว่า “ลักขณูปนิชฌาน” – ผู้ถอด) สมาธิเนี่ยนะ ถ้าเราไปดูพจนานุกรมนะ สมาธิแปลว่าความตั้งมั่นของจิตนะ สมาธิไม่ได้แปลว่าสงบ พวกเราน่ะมักง่าย ชอบไปคิดว่าสมาธิแปลว่าสงบ สมาธิไม่ได้แปลว่าสงบ สมาธิแปลว่าความตั้งมั่น จิตของเราปกติไม่ตั้งมั่นนะ มันแฉละซ้ายแฉลบขวาตลอด เดี๋ยวก็ไหลไปอดีต ไปคิดถึงอดีต เดี๋ยวก็ไหลไปอนาคต คิดถึงอนาคตใช่ไหม อยู่บ้านก็คิดถึงจะมาอยุธยาพาร์ค จะมาฟังเทศน์ ฟังซักพักนึง จิตกลับบ้านไปแล้ว ตัวยังไม่ได้กลับ จิตมันไม่ได้อยู่กับตัวเองนะ มันแฉลบซ้ายแฉลบขวานะเดี๋ยวก็แฉลบไปทางโน้น แฉลบไปทางนี้ตลอดเวลา ตามองเห็น จิตก็แฉลบไปดู หูได้ยินเสียง จิตก็แฉลบไปฟัง ใจคิดจิตก็แฉลบไปคิดนะ จิตแฉลบไป แฉลบมาทั้งวันเลย ตรงที่จิตมันแฉลบไปแฉลบมา วิ่งไปวิ่งมานี่แหละ เรียกว่าจิตไม่ตั้งมั่น จิตมันไม่มีความสงบนะ แล้วก็ไม่ตั้งมั่น จิตมันแกว่งซ้ายแกว่งขวา แกว่งไปอดีต แกว่งไปอนาคต แกว่งไปทางตา แกว่างไปทางหู แกว่งไปทางใจนะ กวัดแกว่งอยู่ตลอดเวลา

เราต้องมาฝึกนะ ทำไงให้จิตมันตั้งมั่นขึ้นมาให้ได้ ตัวนี้เป็นตัวสำคัญมากเลย ก่อนที่จะเจริญปัญญานะ นี่หลวงพ่อบอกตรง ๆ เลย ก่อนที่เราจะไปเจริญปัญญา ไปรู้รูปรูปนามได้เนี่ย จิตต้องตั้งมั่นเสียก่อน ถ้าจิตเราไม่ตั้งมั่น เจริญปัญญาไม่ได้จริงหรอก จะกลายเป็นไปเพ่งหมดเลย เช่น เราดูท้องพองท้องยุบ จิตเราไม่ตั้งมั่น จิตมันจะไหลลงไปอยู่ที่ท้องนะ ไปนิ่งอยู่ที่ท้องเลย แล้วเราเดินจงกรม ยกเท้า ย่างเท้า จิตมันจะไปอยู่ที่เท้าเลย มันจะไม่เดินปัญญา มันจะสงบเฉย ๆ ปัญญาจะไม่เกิด ปัญญานั้นต้องเห็นไตรลักษณ์นะ ก่อนจะเห็นไตรลักษณ์ได้ จิตต้องตั้งมั่นขึ้นมา เป็นคนดูให้ได้ซะก่อน ถ้าจิตไม่เป็นคนดู จิตเป็นผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่งอยู่นะ จะไม่มีปัญญาเกิดขึ้นเลย ต้องถอนตัวเองออกมาเป็นคนดูให้ได้นะ

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๑๑ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๑๕

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาดีหรือแย่ ก็ต้องอดทน

mp 3 (for download) : ภาวนาดีหรือแย่ ก็ต้องอดทน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: เมื่อเช้าเดินมาจากกุฏิ ปกติตอนเช้าเนี่ยเป็นเวลาหลวงพ่อตรวจการบ้านพระ เห็นมั้ย? ไม่ได้หยุดงานเลยนะ ออกจากกุฏิก็เริ่มทำงานแล้ว เดินมา…

องค์ที่หนึ่ง โอ้ ภาวนาใช้ได้แล้ว อดทนไว้นะ อดทนภาวนาไป อดทนต่ออะไร อดทนต่อความขี้เกียจขี้คร้าน ความสงสัย
อดทนแก่กิเลสเหมือนกันนะ เพราะภาวนาดีแล้ว เดี๋ยวเกิดขี้เกียจขึ้นมา มันก็เสื่อมไป หรือเกิดลังเลสงสัยขึ้นมา มันก็เสื่อมไปอีก ฟุ้งซ่านขึ้นมา ต้องอดทนไว้ นี่ภาวนาดี ให้อดทนไว้

อีกองค์นึง โอ้ นี่ก็ภาวนาดี อดทนไว้นะ อย่าขี้เกียจ

มาอีกองค์นึงนะ มีโมหะเยอะ อดทนไว้นะ สู้กับมัน อย่าท้อถอยนะ สู้กิเลสนะ

อีกองค์นึง ขี้โมโห โมโหใหญ่เลย โมโหๆๆ ใครเค้าทำอะไรให้ โมโห บอกอดทนไว้นะ ภาวนาไป ดู

เห็นมั้ย? ภาวนาดี ก็ต้องอดทนนะ ภาวนาแย่ ก็ต้องอดทนนะ เมื่อรู้หลักของการภาวนาแล้ว สิ่งที่สำคัญมากเลย ต้องทน จะมาทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้กินหรอก คนที่จะข้ามภพข้ามชาติได้นะ ต้องทนจริงๆ เข้มแข็ง ไม่ท้อถอยนะ ไม่ใช่วันนี้ภาวนาดี อีกวันก็ขี้เกียจไปแล้ว อย่างนี้ไม่ทน ก็ทำไม่ไหว ไม่สำเร็จ ต้องฮึดสู้ พากเพียร ตามรู้ตามดูไป

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๒


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๒
File: 520903.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒๓ ถึงนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กิเลสเหมือนน้ำ ปล่อยให้มันไหลมาแล้วเราเป็นแค่คนดู

mp 3 (for download) : กิเลสเหมือนน้ำ ปล่อยให้มันไหลมาแล้วเราเป็นแค่คนดู

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ศัตรูร้ายของชีวิตเราเลยนะ คือกิเลสทั้งหลายนี่แหละ กิเลสมันย่ำยีหัวใจเราตลอดเวลา แล้วมีสติปัญญานะ ปลดเปลื้องมันออกไปได้ มันก็พ้นทุกข์ไป ถูกกิเลสย่ำยีอยู่ ก็ทุกข์ไปเรื่อย แต่สู้กิเลส ไม่ได้สู้แบบวัวแบบควาย แบบวัวกระทิงไล่ขวิด อย่าไปไล่ขวิดกิเลส กิเลสเหมือนน้ำนะ เหมือนน้ำในแม่น้ำ ถ้ามันไหลไปเรื่อยๆ มันไม่ค่อยทำลายอะไร นานๆ ก็มีน้ำบ่าใหญ่ๆ มาทีนึง อย่างน้ำไหลมาในแม่น้ำ เราไปกั้นเขื่อน เกิดพลังงานมหาศาลเลย

กิเลสเหมือนกันนะ ถ้าปล่อยให้มันไหลมาแล้วเราเป็นแค่คนดูสบายๆ อย่าไปเผลอลืมดูจนมันตัวใหญ่ เหมือนน้ำบ่าใหญ่ๆ มาแล้ว อย่างนั้นก็ยับเยินเหมือนกัน แต่ถ้ากิเลสตัวเล็กตัวน้อยผ่านมาเนี่ยนะ เราคอยมีสติรู้ทันไว้ กิเลสมันก็ไม่มีโอกาสตัวใหญ่ กิเลสตัวใหญ่มันก็มาจากกิเลสตัวเล็กๆ นั่นแหละ

เหมือนไฟไหม้นะ ก่อนมันจะไหม้บ้านไหม้เมืองได้ มาจากไฟนิดเดียว ไม้ขีดก้านเดียว หรือไฟช๊อตอยู่ติ๊ดเดียว เจอทีแรก เอามือตบยังดับเลย กิเลสถ้าเรามีสติไวๆ นะ กิเลสผุดขึ้นมาปุ๊บ รู้ทัน กิเลสก็สลายตัวไป ไม่มีโอกาสตัวโต

เราเฝ้ารู้มันไปนะ เห็นมันไหลไป ไหลไป เราไม่ไปขวางมัน ถ้าเราขวางกิเลสเมื่อไหร่นะ เหมือนเราไปกั้นเขื่อนในแม่น้ำอย่างนี้ มันเกิดแรงดันมหาศาล เขื่อนแตกเมื่อไหร่ก็แย่


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๒


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๒
File: 520903.mp3
ระหว่างวินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๓

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปฏิบัติให้ได้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับ

mp 3 (for download) : ปฏิบัติให้ได้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: หมดเวลาที่ทำในรูปแบบแล้วนะ เวลาที่เหลือในชีวิตเราคือ การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ที่หลวงพ่อเล่าเมื่อเช้า เมื่อตะกี้เนี้ยนะ จะทำอะไร จะยืนเดินนั่งนอน จะกวาดบ้านถูบ้าน จะซักผ้า จะกินข้าว จะอาบน้ำ จะขับถ่าย จะแต่งตัวนะ จะทาลิปสติก ทาโน่น ทานี่ อะไรอย่างเนี้ยนะ จะหวีผม รู้สึกตัวเรื่อยไป เห็นกายมันทำงานเห็นใจมันทำงานไปเรื่อยๆ จะขึ้นรถ รถมันติด กลุ้มใจก็รู้นะ  ขับรถอยู่เห็นไฟแดง ไม่ค่อยพอใจก็รู้ ติดไฟแดงคันแรกเนี่ย เจ็บช้ำที่สุด ใช่ไหม ? ใครขับรถติดไฟแดงคันแรกนะ อยู่หน้าเพื่อนเลยเนี่ยโอ๊ย เจ็บใจที่สุดเลย บอบช้ำ  ติดอยู่คันที่ ๕ ที่ ๖ นะเฉยๆ นะติดอยู่คันที่ร้อย เนี่ยถอดใจเลยใช่ไหม ? ไฟเขียวอีกรอบก็ไม่พ้นหรอกนะ เฮ้อ เวรกรรม

ปฏิบัติได้ตลอดนะในชีวิตประจำวัน ทำให้มากที่สุด ทำในรูปแบบไม่พอ เพราะว่าการทำในรูปแบบเนี่ยทำในเวลาไม่มากหรอก ชั่วโมง สองชัวโมง สามชั่วโมง แต่เวลาส่วนใหญ่อยู่ในชีวิตประจำวันนะ ปฏิบัติให้ได้นะ ถ้าทำในชีวิตประจำวันได้นะ  จะก้าวหน้าเร็วมาก การทำในชีวิตประจำวัน ทำตั้งแต่ตื่นจนหลับ ยกเว้นเวลาที่ทำงานที่ต้องคิด เวลาทำงานที่คิด ปฏิบัติไม่ได้นะ ปฏิบัติไม่ได้ ดูกายไม่ได้ ดูใจไม่ได้ ต้องดูงาน

งั้นการทำในชีวิตประจำวันเนี่ย ทำตั้งแต่ตื่นจนนอนหลับ ยกเว้นเวลาที่ทำงานที่ใช้ความคิด อย่างคนนั่งเขียน ซอฟแวร์  ไปเมืองจีนมีคนมาถาม เขาเขียนซอฟท์แวร์ ระหว่างนั้นน่ะ กายหาย ใจหาย บอกถูกแล้ว ถ้ารู้สึกกายรู้สึกใจ จะเขียนซอฟท์แวร์ ไม่ได้ ถ้าอีกคน เขาเป็นคนปลูกผักนะ ไปหาบน้ำมารดผักอะไรอย่างนี้นะ พวกเนี้ยรู้สึกกาย ปฏิบัติได้ทั้งวันเลยนะ งั้นไอ้พวกอยู่ในห้องแอร์ทำคอมพิวเตอร์อะไรนะ อาจจะภาวนาสู้พวกที่ทำไร่ ทำนา ปลูกพืชปลูกผัก ขี่สามล้อ อะไรอย่างนั้นไม่ได้ก็ได้นะ ดูถูกไม่ได้ เพราะงั้นเห็นคนต่ำกว่าเรา  ก็อย่าไปดูถูกเขานะ เกิดเขาเป็นพระอริยะขึ้นมา เราจะลำบาก วันนี้ยังมีน้อย วันข้างหน้าไม่แน่นะ เดี๋ยวนี้ สามล้อหรือใครต่อใครก็ฟังซีดี หลวงพ่อทั้งนั้นแหละ วันหนึ่งเขาอาจจะได้ธรรมะขึ้นมา เราก็อย่าไปดูถูกคนยากคนจนนะ ไม่แน่หรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอังคารที่ ๒๓ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
File: 560723A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๓๗ ถึง นาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๑๗

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะเป็นของจริง อยู่ที่ว่าเราเป็นคนจริงแค่ไหน

mp 3 (for download) : ธรรมะเป็นของจริง อยู่ที่ว่าเราเป็นคนจริงแค่ไหน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.



หลวงพ่อปราโมทย์:
ไปทำนะ มรรคผลนิพพานมีจริงๆนะ ทางปฏิบัติไปสู่มรรคผลนิพพานก็มีจริงๆ พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้ว มันอยู่ที่ว่า เราเป็นคนจริงพอที่จะเดินทางนี้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ คนเหลาะแหละโลเลไม่ได้กินหรอกนะ อย่ามาอ้อนวอนขอให้ใครช่วย ไปจุดธูปจุดเทียนขอให้ได้มรรคผลนิพพาน ไม่ได้กินหรอก ต้องสู้เอานะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๘
Track: ๘
File: 551209B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๓

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กายเป็นทุกข์ อย่าให้ใจทุกข์ไปด้วย

mp3 (for download) : กายเป็นทุกข์ อย่าให้ใจทุกข์ไปด้วย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ใจเราเนี่ยเต็มไปด้วยความเครียดนะ อยากได้อะไรอย่างหนึ่งแล้วยังไม่ได้มาก็เครียดใช่มั้ย เครียด อยากได้มือถือใหม่ๆทำอะไรต่ออะไรได้เยอะทั้งๆที่เราก็ใช้ไม่เป็น เห็นแล้วก็อยากได้ อยากได้ไอโฟน ไอแพด ไออะไรต่ออะไรก็ไม่รู้นะ เยอะแยะเลย เวลาแค่ใจเราอยากขึ้นมา ใจเราก็ทุกข์แล้ว เราเจอสิ่งที่ไม่รักเราก็ทุกข์นะ เราไม่ได้สิ่งที่รักเราก็ทุกข์ เราพลัดพรากจากสิ่งที่รักเราก็ทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วยก็ทุกข์นะ อยากแล้วไม่สมอยากเราก็ทุกข์ ในชีวิตเราเนี่ยมีความจริงคือมีความทุกข์เนี่ยเยอะเลย

ความทุกข์มันมีอยู่ ๒ ส่วน ความทุกข์ทางร่างกายกับความทุกข์ทางจิตใจ ความทุกข์ทางร่างกายเนี่ย

เมื่อเรามีร่างกายแล้วนะ หนีไม่รอดหรอก ยกตัวอย่างพวกเราจะต้องแก่ พวกเราจะต้องเจ็บต้องตาย บางคนตายโดยที่ไม่ทันจะแก่ก็มี เคยคิดมั้ย เวลาที่เราจะตายเนี่ย เราจะเจ็บแค่ไหน เคยนึกมั้ย บางคนก็เจ็บมากนะบางคนก็เจ็บน้อยอะไรอย่างนี้ คือในชีวิตเราเนี่ยนะ ทางร่างกายเนี่ย มีความทุกข์ซึ่งเราหนีไม่ได้ เราไม่รู้เลยว่าเราจะเจ็บเมื่อไหร่ เราจะตายเมื่อไหร่ ความทุกข์ทางร่างกายเนี่ย เป็นสิ่งที่เราแก้ไม่ได้ แต่ผ่อนหนักเป็นเบาได้ ยกตัวอย่างเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไปหาหมออะไรอย่างนี้นะ ง่วงนอนก็ไปนอน หิวข้าวก็ไปกิน อะไรอย่างนี้นะ เมื่อยนักนะไปเอนหลังหรือไปเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งนานมันเมื่อยก็ไปเดินอะไรอย่างนี้ อย่างนี้มันแก้ได้เป็นคราวๆ แต่สุดท้ายมันก็แก้ไม่ได้ สุดท้ายทุกคนจะทุกข์จนตายทุกคนนะ ถึงจุดหนึ่งนะเราจะต้องทกข์จนตายทุกคน เนี่ยร่างกายนี้เป็นอย่างนี้

แต่คนส่วนใหญ่เนี่ย เมื่อร่างกายเป็นทุกข์นะ ใจจะเป็นทุกข์ด้วย เรียกว่า ถ้าร่างกายเจ็บป่วยนะ ใจป่วยมากกว่ากายอีก กลุ้มใจน่ะ เลยป่วยซ้ำสอง

ทีอย่างนี้ทำอย่างไรละ เราอยู่ในโลก บางครั้งเราก็ต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก ยกตัวอย่างพ่อแม่เราตายอย่างนี้ เราห้ามไม่ได้ใช่มั้ย ทำอย่างไรใจของเราจะไม่ทุกข์นะ เนี่ยเรื่องใจที่จะไม่ทุกข์เป็นคำตอบในศาสนาพุทธนะ เราจะมาฝึกจนกระทั่งเราอยู่ได้ในทุกๆสถานการณ์โดยใจของเราไม่ทุกข์ เราจะมุ่งมาตรงนี้ ส่วนร่างกายถึงอย่างไรก็ทุกข์ เราก็ต้องดูแลไปตามสภาพ แต่ว่าเราจะให้ทุกข์อยู่เฉพาะที่กายแค่นี้เท่านั้น ทุกข์จะต้องไม่มาถึงใจเรา

หลวงพ่อปราโมทย์ :

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2555

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๒๕

 

ตัดคลิปส์โดยคุณ sawang156
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๕) ปัญญา

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๕) ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: กำลังของพระอริยะเสขบุคคล ตัวที่ ๕ คือปัญญาเหมือนกัน แต่เป็นปัญญาที่เข้าใจในสรรพสิ่งทั้งหลาย สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ เนี่ยในพระไตรปิฎกมีตัวนี้ด้วยนะ เป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยเรียนเรื่องปัญญาเห็นความเกิดดับ

ท่านสอนเลยว่า ปัญญาของเสขบุคคลนั้น จะเห็น ตามเห็นความเกิดดับของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ของเราเป็นปัญญาอะไรก็ไม่รู้ เลอะๆเทอะๆใช่มั้ย เรากลัวโง่ แหมเห็นแต่เกิดดับมันน้อยไป ตัวปัญญาของพระอริยะท่านยังเน้นมาที่เห็นเกิดดับเลย ของเรานะ หลวงพ่อปราโมทย์สอนน้อยเหลือเกิน ให้ดูว่า ตัวนี้มา สุขมาสุขก็ไป ทุกข์มาทุกข์ก็ไป โลภโกรธหลงมาแล้วก็ไป หลวงพ่อปราโมทย์สอนน้อยเหลือเกิน แค่นี้มันจะพอเหรอ มันจะพ้นทุกข์เหรอ

ขนาดพระพุทธเจ้ายังสอนนะว่า ปัญญาของพระเสขบุคคล โสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ คือการเห็นว่า สิ่งต่างๆเนี่ยเกิดแล้วก็ดับไป ปัญญาเขาอยู่ตรงนี้ต่างหากล่ะ ไม่ใช่ปัญญาเรื่องอื่น เพราะฉะนั้นที่หลวงพ่อสอนนี้นะ เหลือเฟือแล้วนะ เหลือเฟือแล้ว กลั่นกรองเอาธรรมะอันมากมายมหาศาลออกมาเพื่อการปฏิบัตินะ เหลือเฟือที่จะปฏิบัติน่ะ ถ้าเข้าใจในสิ่งที่หลวงพ่อสอนเนี่ย จะทำไปได้สุดสายเลย ทำไปได้อย่างสุดทางเลย พ้นทุกข์ได้เลย เพราะนี่กลั่นกรองมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง นี่ท่านสอน พระเสขะบุคคล มีปัญญาเห็นความเกิดดับอยู่ ปัญญาตัวอื่นไม่สำคัญเลยนะ ปัญญาที่เห็นความเกิดดับต่างหากที่สำคัญ

กับปุถุชนก็เหมือนกันแหละ ขนาดปัญญาของพระอนาคาฯท่านยังให้เห็นเกิดดับเลย แล้วทำไมเราจะไม่เห็นเกิดดับบ้าง อย่าดูถูกว่าการเห็นเกิดดับนี้มันตื้นไปต่ำไปน้อยไป

แปลกมั้ยพระพุทธเจ้าไม่พูดถึงพละของสติและสมาธิกับพระเสขะ ของปุถุชนนะ ท่านพูดถึง ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แต่ของพระเสขะบุคคล ท่านพูดถึง ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา ไม่พูดถึงสติและสมาธินะ เพราะสติและสมาธิเป็นเครื่องมืออยู่แล้ว ต้องทำอยู่แล้ว ทำเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ต้องฝึกต้องซ้อมเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องคุยแล้วนะ เพราะจะต้องภาวนาถึงขั้นสติอัตโนมัติ ปัญญาอัตโนมัติ ก็ไม่ต้องพูดแล้วนะว่าจะเร่งกว่านั้นอย่างไร ก็ค่อยๆฝึกเอา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๔ ถึงนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๓๕

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๔) วิริยะ

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๔) วิริยะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: แล้วท่านก็มีวิริยะพละ ตัวที่ ๔ ของท่าน คือ วิริยะพละ คือจะขวนขวาย จะไม่ยอมอยู่เฉย จะขวนขวายไปอีก มันจะมีความรู้สึกว่า งานของเรายังไม่เสร็จ มีกิจที่ต้องทำอีก ยังมีความรู้สึกอยู่เฉยไม่ได้ จะต้องพากเพียรปฏิบัติ พระโสดาฯก็เฉยได้มากหน่อยนะ พอสูงขึ้นๆนะ จะรู้สึกว่าอยู่เฉยไม่ได้แล้ว งานยังมีอยู่

ยกเว้นนะ ยกเว้นพระอนาคาฯ บางองค์ ซึ่งไม่ได้ฟังธรรมให้ดี ท่านไปติดตัวรู้อยู่ เข้ามาถึงจิตแล้วรักษาจิตไว้โดดเด่น เด่นดวงอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ท่านคิดว่าสุดทางแล้ว อย่างนี้ท่านจะไม่มีวิริยะต่อแล้ว เพราะไม่รู้ว่ายังมีทาง(ที่ต้องเดินอีก) ไม่รู้ว่ายังมีงานต้องทำอีก

แต่ถ้าเคยได้ยินได้ฟังครูบาอาจารย์สอนนะว่า ขั้นสุดท้ายมันต้องปล่อยวางจิตได้นะ ยังยึดถือตัวรู้อยู่ ยังใช้ไม่ได้นะ ใจจะยอมนิ่งเฉยไม่ได้เลย จะไม่ไปค้างไปคาอยู่ในขั้นพระอนาคาฯเลย ดิ้นรนหาทางออก มีความเพียรมากนะ พยายามๆมากจนกระทั่งวันหนึ่งมานั่งนึกว่า อยากจะเร่งความเพียรอีก แต่ไม่รู้ว่าจะเร่งอย่างไร เพราะว่ามาถึงจุดที่สติก็อัตโนมัติ สมาธิก็อัตโนมัติ ปัญญาก็อัตโนมัติ ก็หมดแล้ว ไม่รู้จะเร่งกว่านี้ได้อย่างไร ในใจยังอยากเร่งความเพียรอีกนะ แต่ว่าไม่มีปัญญาจะเร่งแล้ว เพราะไม่มีช่องว่างอะไรจะเร่ง คล้ายๆมีรถยนตร์นะ เหยียบจนมิดคันเร่งแล้ว ไม่รู้จะเร่งอย่างไรอีก เนี่ยใจจะมีความดิ้นรนขวนขวายนะที่จะออกจากกองทุกข์ให้ได้

กำลังของพวกเราไม่มีขนาดนั้นหรอกนะ เราแค่กำลังว่า จะภาวนาให้ได้ทุกวัน ยังกระพร่องกระแพร่งเลยนะ ใช่มั้ย พระโสดาฯ พระสกทาคาฯ พระอนาคาฯ ที่ท่านเห็นทุกข์เห็นโทษแล้วท่านอยากไป วิริยะของท่านเนี่ย เข้มงวดมาก พยายามมากเลยที่จะให้พ้นไปให้ได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๕ ถึงนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๔

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๓) โอตตัปปะ

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๓) โอตตัปปะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ศีลท่านจะบริสุทธิ์ เพราะท่านมีหิริ กำลังของหิริแรงกล้า ท่านมีกำลังของโอตตัปปะแรงกล้า

ไม่มีความ.. ท่านจะรู้โดยตัวเอง ถ้าท่านทำชั่วเมื่อไหร่นะ ใจจะเร่าร้อนขึ้นมา แค่คิดผิดคิดชั่วนิดเดียวนะ ใจก็เร่าร้อนแล้ว เห็นโทษเห็นทุกข์ของการทำชั่วเลย อย่างพวกเรา เวลาทำความผิด หรือเราโกหก บางคนไม่รู้สึกเร่าร้อนเลย เฉยๆ โกหกได้สนุกดี อะไรอย่างนี้ ไม่ละอายใจด้วย แล้วก็ไม่รู้สึกจะต้องเร่าร้อนใจ ถ้าเป็นอริยบุคคลนะ โสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ แค่ไปคิดอะไรไม่ดีนิดเดียวนะ ชักจะร้อนใจตัวเอง เดือดร้อน รู้เลยว่านำทุกข์มาให้จริงๆ พูดไม่ดีก็นำทุกข์มาให้จริงๆ คิดไม่ดีก็นำทุกข์มาให้ ทำไม่ดีก็นำทุกข์มาให้ อย่างนี้เรียกว่าโอตตัปปะพละ

คือกลัว กลัวผลของการทำไม่ดี การพูดไม่ดี การคิดไม่ดี อย่าว่าแต่ทำเลย แค่คิดก็ไม่ได้นะ ไปคิดไม่ดีปุ๊บ ใจจะเร่าร้อนขึ้นมาเลย สมมุติว่า วันหนึ่งก็คิดขึ้นมานะ พระเวสสันดรจะแน่สักแค่ไหน คนไม่มีความรับผิดชอบ คิดแค่นี้นะ ใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเลยนะ ไม่ได้เลย นิดเดียวก็ไม่ได้เลย คิดไม่ดีนิดเดียวก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นอาศัย หิริพละ โอตตัปปพละ ทำให้ศีลของท่านบริบูรณ์ขึ้นมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึงนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๕

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๒) หิริ

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๒) หิริ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : กำลังของพระเสขะ หรือผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่เนี่ย จะมีศรัทธาแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้านะ ตัวนี้เต็มร้อยเลย จะมีหิริ หิริพละนะ เราไม่เคยได้ยินใช่มั้ยคำนี้ เราเคยได้ยินแต่ศรัทธาพละ วิริยะพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ เป็นพระโสดาบันเนี่ย ตั้งแต่พระโสดาบันมีหิริพละ มีกำลังของความละอายใจ เวลาที่จะทำชั่วจะพูดชั่วจะคิดชั่วเนี่ย จะละอายใจ แล้วความละอายใจเนี่ย จะยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆนะ ตามกำลัง เพราะฉะนั้นศีลของท่านจะบริสุทธิ์ เพราะท่านมีหิริ กำลังของหิริแรงกล้า


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๔๘

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๑) ศรัทธา

mp 3 (for download) : พละ ๕ ของพระเสขบุคคล (๑) ศรัทธา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พละ ๕ (คือ)กำลังทั้ง ๕ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา จะหนุนเสริมซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ

นี่ศรัทธาของปุถุชนนะยังคลอนแคลนง่าย ทีนี้พอเราภาวนามากเข้าๆ วันหนึ่งเป็นพระอริยะ กำลังของพระอริยะเนี่ย เป็นเรื่องแปลกนะ ท่านไม่อธิบายกำลังของพระอริยะด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา กำลังของพระอริยะที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ท่านอธิบายถึงกำลัง ๕ เหมือนกัน อันแรกคือ ศรัทธา แต่ศรัทธานี้นะ ไม่เหมีอนศรัทธาที่พวกเราศรัทธา ศรัทธาต่อพระอริยะต่อพระพุทธเจ้าเนี่ย คือไม่มีความคลอนแคลนอีกแล้ว เป็นกำลังที่ยิ่งใหญ่ทำให้ไม่คลอนแคลน เป็นความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า รู้ว่าท่านมีจริง ท่านสอนจริง ท่านสะอาดจริง ท่านเก่งจริงนะ ท่านเมตตากรุณาจริงๆ ใจนี้ซาบซึ้งมากเลย ฝากเป็นฝากตายกับท่านได้เต็มที่เลย

เป็นกำลังของพระที่เรียกว่าพระเสขบุคคล เสขบุคคลคือตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นเสขบุคคล ส่วนพระอรหันต์เรียกว่า อเสขบุคคล เสขะ หรือสิกขา หรือ สิกขา หรือ ศึกษานี่เอง คนไทยใช้คำว่า “ศึกษา” โสดาฯ สกทาคาฯ อนาคาฯ เป็นอริยบุคคลชนิดที่ยังต้องศึกษาอีก พระอรหันต์เป็นพระอริยะประเภท อเสขะ คือไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว เรียนจบแล้ว

กำลังของพระเสขะ คือผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ จะมีศรัทธาแน่นแฟ้นในพระพุทธเจ้านะ ตัวนี้เต็มร้อยเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File: 561110A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๒ ถึงนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๖

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์และตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลัก ๓ ประการ ของการดูจิต

mp 3 (for download) : หลักการดูจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เวลาที่เราดูจิตดูใจ ดูนามธรรม อันแรกเลยดูให้เห็นสภาวะจริงๆ สภาวะของสุขทุกข์ที่เกิด สภาวะของดี-ชั่วที่เกิด สภาวะของจิตใจซึ่งเกิดดับไปทางตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ ให้เห็นสภาวะ
วิธีเห็นนะ ก่อนจะเห็นอย่าดักดู ให้สภาวะเกิดก่อนค่อยรู้เอา เนี่ยหลักของการดูจิตนะ

ข้อที่ ๑. ต้องดูให้เห็นปรมัตถธรรม ให้เห็นสภาวะ

ข้อที่ ๒. วิธีเห็นสภาวะ

.) วิธีจะเห็นสภาวะอันแรกเลย ก่อนจะเห็นอย่าไปรอดู อย่าดักดู ถ้าไปรอดูดักดูจะไม่เห็นอะไรเลย มันจะว่างนะ

.) ระหว่างที่ดูนะ ดูห่างๆ อย่ากระโจนเข้าไปดู อย่าถลำเข้าไปดู ดูแบบคนวงนอก ดูเหมือนว่าเราเห็นคนอื่น อย่างเราเห็นความโกรธเกิดขึ้นนะ เห็นเหมือนคนอื่นโกรธ เราเป็นแค่คนดู ต้องเป็นแบบนั้น ถ้าใจกับความโกรธไปรวมเข้าด้วยกันนะ มันจะกลายเป็นเราโกรธ พอเราโกรธดูไม่ได้ละ แต่ถ้าจิตมันอยู่ต่างหาก มันเห็นว่าความโกรธผ่านมาเหมือนเห็นคนอื่นโกรธ อันนี้มันจะเห็นเลยว่าความโกรธไม่ใช่เรา จิตนี้ก็จะไม่ใช่เราด้วย ความโกรธก็ไม่เที่ยง ความโกรธก็บังคับไม่ได้ จิตนี้ก็ไม่เที่ยง จิตนี้ก็บังคับไม่ได้ มันจะเห็นของมันนะ งั้นก่อนดูอย่าไปดักดู ระหว่างดูอย่าถลำลงไปดู ดูห่างๆ

.) ดูแล้วอย่าแทรกแซง เวลาที่จิตเราไปเห็นสภาวะนะ บางสภาวะจิตก็ยินดี บางสภาวะจิตก็ยินร้าย ถ้าจิตยินดีให้รู้ทัน ถ้าจิตยินร้ายให้รู้ทัน อย่าไปห้ามว่า ห้ามยินดียินร้าย บางคนก็สั่งจิตนะ “ไม่ว่าเธอนะ ไม่ว่าเธอต่อแต่นี้นะจะรู้อะไรเห็นอะไร เธอต้องอุเบกขา สักว่ารู้ สักว่าเห็น” หลวงพ่อได้ยินบางคนพูดกรรมฐานนะ สักว่ารู้ สักว่าเห็น ก็หันไปมองหน้า อย่างเธอไม่สักว่ารู้สักว่าเห็นหรอก เธอยังไม่เห็นอะไรเลย

สักว่ารู้ว่าเห็น ไม่ใช่เรื่องกระจอกนะ สักว่ารู้ว่าเห็นเป็นจิตซึ่งมีปัญญาแก่กล้ามากๆ แล้วนะ จิตถึง”สังขารุเบกขาญาณ” มีปัญญาจนกระทั่งเป็นกลางต่อความปรุงแต่งทั้งปวง ทั้งดี ทั้งชั่ว ทั้งสุข ทั้งทุกข์ เป็นกลางต่อสุขและทุกข์ต่อดีและชั่วถึงขนาดนั้นแล้ว ถึงจะสักว่ารู้สักว่าเห็นได้ ถ้าก่อนหน้านั้นไม่เป็นหรอกนะ มันจะไปเห็นอย่างนี้ก็ยินดี ไปเห็นอย่างนี้ก็ยินร้าย ไปได้ยินอย่างนี้ก็ยินดี ไปได้ยินอย่างนี้ยินร้าย ไปคิดอย่างนี้ก็ยินดี คิดอย่างนี้ก็ยินร้าย ได้รสอย่างนี้ยินดี ได้รสอย่างนี้ยินร้าย เนี่ยมันจะกระทบอารมณ์นะ แล้วเกิดยินดียินร้ายต่ออารมณ์ ไม่ห้าม..นะ ให้รู้ทันความยินดียินร้ายที่เกิดขึ้น ถ้ารู้ไม่ทันเมื่อไหร่นะ จิตจะเข้าไปแทรกแซงอารมณ์ เช่น เราเห็นความทุกข์เกิดขึ้น เราไม่ชอบ จิตก็จะแทรกแซงด้วยการหาทางทำให้ความทุกข์หายไป ทำยังไงจะดับ ทำยังไงจะดับ เวลาพวกเราภาวนา เคยอึดอัดมั๊ย เคยแน่นๆ เคยอึดอัดบ้างมั้ยภาวนา อยากให้หายมั๊ย เนี่ยมันจะแทรกแซง ให้รู้ทันว่าจิตยินร้าย แค่นี้พอแล้วนะ รู้ทันว่าจิตยินร้าย ทันทีที่รู้ว่าจิตยินร้าย ความยินร้ายจะดับอัตโนมัตินะ จิตจะเป็นกลาง แต่อันนี้กลางเพราะ”สติ ” ไม่ใช่กลางด้วย”สังขารุเบกขาญาณ” เป็นแค่กลางเบื้องต้น กลางด้วยสตินะ หรือมันยินดีขึ้นมา รู้ทันนะ ความยินดีก็ดับ จิตก็เป็นกลางด้วยสติ มีสติไปรู้ทันความยินดียินร้าย ความยินดียินร้ายดับ จิตเป็นกลาง กลางชั่วคราว เดี๋ยวก็ยินดียินร้ายใหม่ เนี่ยคอยรู้ไป พอจิตมันเป็นกลางแล้ว ดูสภาวะทั้งหลายทำงานต่อไป ก็เห็นสภาวะทั้งหลายเกิดขึ้น..ตั้งอยู่..แล้วก็ดับไป

นี่หลักของการดูจิตนะ อันแรก ต้องดูให้เห็นสภาวะจริงๆ ไม่ใช่คิดเอา อันที่สองต้องดูให้ถูก วิธีดูให้ถูก..ก่อนดูอย่าไปดักดู..อย่าไปรอดู..ให้ความรู้สึกเกิดแล้วค่อยดูเอา..ข้อที่สองของการทำให้ถูกคือ ดูห่างๆ ดูแบบคนวงนอก อย่าถลำเข้าไปดูนะ แล้วก็ ดูแล้วเกิดยินดี..ให้รู้ทัน เกิดยินร้ายให้รู้ทัน นี่หลักของการดูจิตให้เกิดปัญญา

ไม่ใช่ดูจิตให้นิ่งๆว่างๆ นะ อันนั้นดูให้เกิดสมถะ ส่วนใหญ่ที่เค้าฝึกกัน ที่เค้าบอกดูจิตๆ น่ะ ติดสมถะเกือบทั้งนั้นเลยนะ ที่หลวงพ่อเจอนะมีเขียนหนังสือตำหรับตำราสอนกัน อะไรต่ออะไรเนี่ย ติดสมถะซะเกือบทั้งหมดเลย ไม่ได้เห็นสภาวะเกิดดับจริงๆ หรอก บางทีเห็นแต่เหลือตัวหนึ่งเที่ยง เห็นความรู้สึกสุขทุกข์เกิดดับ เห็นความดีความชั่วเกิดดับ แต่จิตตัวนี้เที่ยง ประคองจิตเอาไว้ เนี่ยประคองตัวรู้เอาไว้ คนที่ประคองตัวรู้หน้าตามันจะไม่เหมือนคนปกติ มันจะเป็นยังงี้ (หลวงพ่อทำหน้าให้ดู) จะประคองตัวนี้เอาไว้นะ แล้วก็เห็นทุกอย่างไม่ใช่เรา ทุกอย่างเกิดดับ..แต่ไอ้ตัวนี้เที่ยง ถ้ายังเหลืออยู่อย่างนี้..ใช้ไม่ได้นะ ตัวรู้ตัวนี้ปลอม ตัวรู้ที่ใช้เดินปัญญาได้จริง..ต้องเกิดดับได้ ไม่สงวนตัวรู้เอาไว้ ท่านถึงสอนไง วิญญาณก็ไม่เที่ยงนะ ตัวจิตน่ะต้องไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์..สิ่งใดเป็นทุกข์สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวเรา เนี่ยถ้าตัวรู้เที่ยง..วิญญาณเที่ยง..เป็นพระโสดาไม่ได้หรอก งั้นถ้าใครเห็นจิตเที่ยงนะไม่ใช่โสดา ยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ งั้นเราดูนะเห็นสภาวะเค้าเกิดดับ ไม่สงวนตัวใดตัวหนึ่งไว้ เห็นทุกๆตัวที่เกิดนะ ดับทั้งสิ้น งั้นเวลาที่เป็นพระโสดาบัน ถึงสรุปว่า “สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นดับ” ทุกสิ่งที่เกิดนั่นแหละ..ดับทั้งสิ้น ไม่มีสงวนตัวใดตัวหนึ่งไม่ให้ดับ

ข้อที่ ๓. ดูให้มาก ดูให้บ่อย ถ้านานๆ ดูที..ยาก กิเลสเอาไปกินหมด วันๆหนึ่งหลงตลอด หลายๆ วันมาดูจิตทีหนึ่ง โอ้..จิตโกรธได้เอง แล้วก็โกรธต่อไปเลย อย่างนี้ไม่ได้เรื่องหรอกนะ ดูให้ถี่ๆ นะ ตั้งแต่ตื่นนอน..จนนอนหลับ หลับไปแล้วนะ..จิตมันดูอัตโนมัติต่อนะ หลับไปแล้วร่างกายนอนไป จิตลงภวังค์นิดเดียว จิตก็ขึ้นมาอีก จิตนะสว่างไสว เห็นร่างกายนอนกรนครอกๆ เลย จิตรู้ตัวขึ้นมา แล้วก็ความคิดไหลเข้ามา เกิดสุข เกิดทุกข์ เกิดดี เกิดชั่ว อะไรมันรู้ได้หมดแหละ งั้นเราจะฝึกได้นะ ทั้งวันทั้งคืนเลย แต่ถ้าเหนื่อย..ทำความสงบ ถ้าเจริญปัญญามากไป..เหนื่อยนะ พุธโทๆ ไป คิดถึงพระพุทธเจ้าไป คิดถึงสิ่งดีๆ คิดถึงทาน คิดถึงศีล อะไรของเราไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน) ครั้งที่ ๗o
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๕๗
File: 570921.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๒ ถึง นาทีที่ ๔๔ วินาทีที่ ๑

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พรปีใหม่ ๒๕๕๘ จากหลวงพ่อ

Video Link: http://youtu.be/rLEbZQzp_44

Audio Link: พรปีใหม่ ๒๕๕๘ จากหลวงพ่อ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

พอสมควรแก่เวลานะ

เอา(เวลา)ไปทำกิจของเรา

ไหนๆก็ปีใหม่ ให้พรหน่อย

สรณะอื่นของหลวงพ่อไม่มี

พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของหลวงพ่อ

ด้วยอำนาจแห่งสัจจะนี้

ขอให้พวกเรา มีความสุขกายสุขใจ

พ้นจากทุกข์โศกโรคภัยทั้งปวง

สมปราถนาในสิ่งที่ดีงาม

ทำพระนิพพานให้แจ้งโดยพลัน…

 

ไปทำเอานะ

ตัวอื่นๆยังช่วยกันได้

ตัวสุดท้ายต้องทำ(ให้แจ้ง)เอง

ตัวพระนิพพาน

ไปสู้เอา ไป กลับบ้าน

 

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ให้พรปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๘
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ตำบลท่าพระ
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
วันพฤหัสบดีที่ ๑ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บารมีทั้งหลาย ช่วยลดกำลังของกิเลส เพิ่มกำลังของกุศล

mp 3 (for download) : บารมีทั้งหลาย ช่วยลดกำลังของกิเลส เพิ่มกำลังของกุศล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: สะสมบารมีไป ภาวนานะ อยากได้มรรคผล ไม่ใช่ว่า วันๆหนึ่ง หลับหูหลับตาภาวนาลูกเดียว ไม่ยุ่งกับใครเลย ภาวนาของเราอย่างเดียว ไม่สนใจเรื่องบารมีอื่นๆนะ ถ้าบารมีมันถึงพร้อมนะ ภาวนานิดเดียวมันหลุดเลย บารมีทั้งหลายลดละกิเลสทั้งนั้น ช่วยลดละกิเลส ลดกำลังของกิเลส เพิ่มกำลังของกุศล สะสมไปเรื่อย

อย่างอาจารย์กฤช เรียนกับหลวงพ่อ ๗ ปี ถ้าอาจารย์กฤชภาวนาลูกเดียว อาจารย์กฤชก็ยังเป็นอาจารย์กฤชอยู่นั่นแหละ นี่ความดีอื่นท่านก็ทำของท่านไปเรื่อย อย่างสงเคราะห์คนโน้นคนนี้ ใครไปบวชก็ไป ดูแลให้ เผยแพร่ เผยแพร่เริ่มตั้งแต่อ่านของคนอื่น เดี๋ยวนี้ท่านก็เทศน์ของท่านเอง ทำได้ ก็พัฒนานะ มันเป็นบารมีเหมือนกัน ถ้าดูเป็นนะ จะรู้สึก คนนี้เริ่มเต็มแล้ว เต็มๆๆขึ้นมา พอมันเต็มเปี่ยม เหมือนน้ำเต็มแก้วแล้ว นิดเดียว คลิ้กนิดเดียวเท่านั้น ไปแล้ว ก็พ้น ผ่านไปได้

ไม่มีบารมีนะ ภาวนาล้มลุกคลุกคลานอยู่อย่างนั้นแหละ เราสำรวจตัวเองนะ ความชั่วอะไรยังไม่ละ ความดีอะไรยังไม่ทำ สำรวจไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
Track: ๒๒
File: 561006B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๓๒ ถึง ๑๑ วินาทีที่ ๘

ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

mp 3 (for download) : การปฏิบัติต้องรู้ทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราอยากจะสัมผัสความสุขอันสูงสุดคือพระนิพพาน เราก็ต้องมาดูมาเรียนรู้ทุกข์ ต้องเรียนรู้ทุกข์นะ ไม่ใช่หนีทุกข์ พวกเราคิดว่าถ้าเราหนีทุกข์ได้ เราจะมีความสุข ทุกคนหนีทุกข์มาแต่ไหนแต่ไรนะ หิวข้าว อยากกินโน่น อยากกินนี่ อยากได้โน่น อยากได้นี่นะ หาเงินมาซื้อ หาเงินมาบริโภค คิดว่าจะมีความสุข เดี๋ยวเดียวก็อยากอย่างอื่นอีก ใจเราไม่เต็มไม่อิ่มซะอย่างเดียวนะ ใจมันหิวโหยตลอดเวลาเท่าไร ๆ ก็ไม่พอ งั้นใจนะไม่เคยมีความสงบสุขอย่างแท้จริงเลย

เราค่อย ๆ มาเรียนรู้นะ เรียนรู้ความทุกข์ อะไรเรียกว่าความทุกข์? กายของเรานี้แหล่ะเรียกว่าตัวทุกข์ จิตใจของเรานี้แหล่ะคือตัวทุกข์ เนี่ยเรียนธรรมะนะ ฟังธรรมะนะ ฟังให้มันถึงแก่น ให้มันถึงจิตถึงใจจริง ๆ เราฟังธรรมะฉาบ ๆ ฉวย ๆ สนุกสนานเฮฮา มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ฟังธรรมะแล้วก็ต้องเอาไปปฏิบัติให้ได้เลยนะ

อะไรเรียกว่าทุกข์ กายนี้แหละคือตัวทุกข์ ใจนี้แหละคือตัวทุกข์นะ คนทั่ว ๆ ไป เขาไม่เห็นหรอก เขาเห็นแต่ว่า เวลาเขามีความอยากขึ้นมานะ ถ้าเขาสนองความอยากได้ เขาก็สบายใจ มีความสุข ประเดี๋ยวเดียว ความอยากก็เกิดอีกแล้ว ความอยากเกิดใหม่ ก็ดิ้นรนสนองความอยากอีก หวังว่าจะมีความสุข มันอยู่แป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ความสุขก็หาย ไปอยากอย่างอื่นอีกแล้ว งั้นความสุขอย่างนั้นไม่มีจริงหรอก

เรามาเรียนรู้ให้เห็นความจริงของโลกนะ เรียนรู้ให้เห็นความจริงของชีวิตเรา เราจะเห็นเลยว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในกายในใจของเราเนี่ย นอกจากทุกข์นะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป ถ้าเราเห็นได้อย่างนี้จิตจะถึงหมดความยึดถือในกายในใจ กายกับใจเป็นตัวทุกข์นะ ถ้าเมื่อไหร่เราสลัดคืนกายคืนใจให้โลกได้ ก็คือทิ้งตัวทุกข์ไปนะ พ้นจากกายจากใจ จากรูปจากนามนี้ไป จะสัมผัสพระนิพพาน มีความสุขที่มหาศาลขึ้นมา

ส่วนอยู่กับโลก วิ่งหาความสุขเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอ หาตั้งแต่เกิดจนตายก็หาไม่เจอนะ ดิ้นไปเรื่อย เต็มไปด้วยความอยาก เต็มไปด้วยความหิวโหย เร่าร้อน อยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสุขหรอก

งั้นพวกเราต้องมาค่อย ๆ ฝึกจิตฝึกใจของเรานะ มาเรียนรู้ความจริงของกาย มาเรียนรู้ความจริงของจิตใจตัวเองให้มาก ถ้าหากเราอยากได้มรรคผลนิพพาน เราทิ้งการที่จะมามีสติ รู้กายรู้ใจของตัวเองไม่ได้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๔๑


ตัด/ถอดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ตรวจทานโดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รักษาศีลแล้วจะมีความสุข

mp 3 (for download) : รักษาศีลแล้วจะมีความสุข

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขั้นต้นเลยขั้นต้น ก่อนที่เราจะมาฝึกให้เห็นความจริงของกายของใจได้ ขั้นต้นสุดเลย เราควรจะมารักษาศีลห้าให้ได้ก่อน งั้นหลวงพ่อจะลงมือพูดถึงเรื่องการปฏิบัติแล้วนะ พวกเราตั้งใจฟังให้เป็นลำดับ ๆ ไป คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นขั้นเป็นตอน งดงามมากเลย เบื้องต้นพวกเรารักษาศีลห้า เอาศีลห้าเท่านั้นแหละ ไม่ต้องศีลแปด ศีลสิบอะไรยุ่งยากนะ ศีลห้าก็พอแล้ว สำหรับการบรรลุมรรคผลนะ รักษาศีลห้าไว้

การที่เรารักษาศีลห้าไว้เป็นประจำเนี่ย จิตใจเราจะมีความสุขความสงบเกิดขึ้น คนที่ทำผิดศีลเนี่ย เพราะว่ากิเลสมันครอบงำใจนะ อย่างคนจะไปทำร้ายคนอื่นนะ โกรธแค้น อาฆาต ทำร้ายเขา อะไรอย่างเนี่ย หรือไปขโมยของเขา อะไรอย่างเนี่ย จิตใจไม่มีความสุข ไม่มีความสงบ ระหว่างคนจะทำร้ายคนอื่นกับ คนที่มีความเมตตา พวกเรานึกอยากออกไหมว่าใครจะมีความสุข มีความสงบมากกว่ากัน คนที่คิดร้ายกับคนอื่นนะ กับคนที่มีเมตตาต่อคนอื่นนะ คนที่มีความเมตตานะ จิตใจมีความสุข มีความสงบนะ

การที่เรารักษาศีล เราไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่อะไรเนี่ย ฝึกไปเรื่อย จิตใจเราจะมีความเมตตาเกิดขึ้น เราไม่ลักไม่ขโมยของใคร อยากลักอยากขโมยของคนอื่น จิตใจไม่มีความสุข ความสงบ มันวุ่นวาย ก่อนจะขโมยก็ต้องวางแผน ระหว่างขโมยก็กลัวเขาจะมารู้มาเห็นนะ ขโมยไปแล้วก็ต้องมาปกปิดอะไรอย่างเนี้ย ชีวิตไม่มีความสงบ ไม่มีความสุขนะ จะเป็นชู้กับเขา ชีวิตก็ไม่มีความสงบ ซื่อสัตย์อยู่ในคู่ของเรานะ สงบอยู่ ไม่วุ่นวาย คนโกหก หลอกลวง จิตใจไม่สงบ คนพูดความจริง จิตใจสงบง่ายกว่าเยอะเลย คนขี้เหล้าเมายา จิตใจไม่สงบหรอก ฟุ้งซ่าน เห็นไหม คนฝึกสติ รู้กายรู้ใจไปเรื่อย ไม่หลงกับสิ่งเสพติดต่าง ๆ จิตใจจะสงบง่ายกว่า

หากเรารักษาศีลห้าให้ดีนะ ใจเราจะเริ่มมีความสุข ความสงบเกิดขึ้นนะ แทนที่เราจะคิดนะ คนทั่ว ๆ ไปนะ เขาคิดว่าการรักษาศีล ทำให้เกิดความทุกข์ ต้องรักษาศีล ทำให้มีความทุกข์มาก ในความเป็นจริงแล้วกลับข้างกันเลย ถ้าเรารักษาศีลได้ เราจะมีความสุข เราไม่ต้องคิดทำร้ายใคร ก็มีความสุข ไม่ได้ขโมยใครเราก็มีความสุข ไม่ได้เป็นชู้กับใคร เราก็มีความสุข ไม่ต้องปลิ้นปล้อนตอหลดตอแหลนะ เราก็มีความสุข แล้วสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ อยุธยาพาร์ค เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

File: 560425.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๔๐

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์โดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กิเลสหอมหวานในเบื้องต้น เผ็ดร้อนในเบื้องปลาย

mp 3 (for download) : กิเลสหอมหวานในเบื้องต้น เผ็ดร้อนในเบื้องปลาย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ต้องใจแข็งนะ กิเลสมันหอมหวาน พระพุทธเจ้าท่านก็บอก ว่ากิเลสมันหอมหวาน กิเลสมันหอมหวานในเบื้องต้นน่ะ เผ็ดร้อนในเบื้องปลาย ส่วนธรรมะเนี่ย เผ็ดร้อนในเบื้องต้นนะ หอมหวานในเบื้องปลาย การตามใจกิเลสนั้นหอมหวานเหลือเกิน สุดท้ายก็ลำบาก จิตใจตกต่ำไปเรื่อยๆ สะสมความชั่วนั้นสะสมได้เร็วนะ เพราะธรรมชาติของจิตไหลลงต่ำอยู่แล้ว จะทำให้มันค่อยๆดีขึ้นๆ โอ๊ย.. ทำกันนานกว่ามันจะยอมดี มันชินกับความชั่วได้เร็ว มันไม่ค่อยชินกับความดีนะ แต่ถ้าเราอดทนนะ ทำไปเรื่อย มันจะชินกับความดี

ยกตัวอย่างหลวงพ่อเนี่ย ตั้งแต่เด็ก หลวงพ่อชอบภาวนา ไปเรียนตั้งแต่ ๗ ขวบ หายใจเข้า”พุท” หายใจออก”โธ” อะไรอย่างนี้ ชอบภาวนานะ ไม่เคยเลิกเลย มันชินที่จะภาวนา มันไม่ชินที่จะไปเที่ยวซุกซนอะไรกับใครเขา ชิน ความเคยชินไม่ได้เกิดเองหรอก ต้องสะสมมา เพราะฉะนั้นพวกเราก็ต้องสะสมนะ สร้างความเคยชินฝ่ายดีไว้ ความเคยชินฝ่ายดีนั้น สร้างแล้วกลายเป็นบารมี ความเคยชินฝ่ายชั่วกลายเป็นอนุสัย สะสมไปกลายเป็นสันดานที่ไม่ดี สะสม

พวกเรามองออกมั้ย พวกเรามีสันดานที่ไม่ดีอะไรบ้าง ดูออกมั้ย แต่ละคน โอ้!..อย่างนี้ค่อยเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อนะ ถ้ารู้ว่าอย่างนี้ฉันดีเลิศ ไม่มีอะไรเหมือนอย่างนี้ โอ้!..ภาวนาไม่เป็นนะ ได้ยินแล้วสลดสังเวช ถ้ารู้เท่าทันกิเลสอะไรของตัวเอง ดีมากเลย จะรู้เลยกิเลสมันทำพิษให้เรา นำความทุกข์มาให้ ใจมันจะค่อยๆไม่เอาแล้วกิเลส ตามใจมันแล้วเป็นทุกข์ เห็นอย่างที่พระพุทธเจ้าบอกเลย สนุกแป๊บเดียวแล้วความทุกข์ตามมาตั้งนานแน่ะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๖ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
Track: ๒๒
File: 561006B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๑ ถึงนาทีที่ ๙

ตัดคลิปส์โดยคุณ ok2077
ถอดคลิปส์โดยคุณ พัลวัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รักษาศีลด้วยการรู้ทันใจ เราจะไม่ผิดศีล

mp3 (for download) : รักษาศีลด้วยการรู้ทันใจ เราจะไม่ผิดศีล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศีลต้องตั้งใจรักษาเอาเอง ถึงไปขอกับพระ พอขอเสร็จก็คุยแข่งกับพระ ไม่มีศีลหรอก ศีลด่างพร้อยไปหมดแล้ว การรักษาศีลที่ดีต้องรักษาที่ใจของเรา คนทำผิดศีลได้นะ เพราะกิเลสมันครอบงำใจ อย่างคนที่ไปฆ่าเค้า ไปตีเค้า ไปด่าเค้า เพราะความโกรธมันครอบงำใจของเรา คนที่ไปขโมยเค้าไปเป็นชู้กับเค้า ไปปลิ้นปล้อนหลอกลวงเค้า เพราะความโลภมันครอบงำใจของตัวเอง ถ้าเราคอยรู้ทันใจของเรานะ เนี่ยเป็นศาสตร์ของการปฏิบัติซึ่งเหมาะกับคนยุคของเรา คือการที่รู้ทันใจของตัวเองไว้

ถ้าเรารู้ทันใจของตัวเองไว้นะ อย่างใจมันโกรธขึ้นมาเรารู้ทัน ความโกรธจะหายไปโดยอัตโนมัติ นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเลย ถ้าใจของเรามีความอยากเกิดขึ้นเรารู้ทัน ความอยากจะดับอัตโนมัติ เราไม่ต้องดับมันนะ หน้าที่ของเราง่ายนิดเดียวเลย ถ้าใจเราโกรธขึ้นมา เราก็รู้ว่าตอนนี้โกรธแล้ว รู้เฉยๆนะ ไปลองดูว่ามันจะหายไปไหม มันจะหายได้เองนะแปลกมากเลย หรือใจเราโลภขึ้นมา อยากโน่นอยากนี่ขึ้นมานะ ให้รู้ทันลงไปความอยากนั้นจะหายไป เรารักใครซักคนนึงนะ เรารู้ทันว่าใจกำลังรักอยู่นะ ความรักนั้นจะหายไป จะเป็นอุเบกขาไปหมด ให้เราคอยรู้ทันใจตัวเองบ่อยๆ ถ้าเรารู้ทันใจตัวเองบ่อยๆนะ คนที่ไม่เคยรักษาศีล จะมีศีลอัตโนมัติ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๔ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราไม่ได้ภาวนาเอาดี แต่ให้เห็นความจริง

mp3 for downloadเราไม่ได้ภาวนาเอาดี

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: โดยธรรมชาติ ภาวนาเนี่ย มันจะไม่ดีตลอด มันเจริญได้มันก็เสื่อมได้ อย่างช่วงนี้เคยภาวนาดี ผ่านไปอีกช่วงนึงไม่ดี ทั้งๆ ที่ทำถูกนะ เพราะอะไร เพราะว่าดีนั้นเป็นของไม่เที่ยง หลวงพ่อถึงสอนเรื่อยๆ ว่าเราไม่ได้ภาวนาเอาดี แต่เราภาวนาให้เห็นความจริงว่า ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเป็นของไม่เที่ยง

เราภาวนานะ จิตใจสว่างไสว รู้ตื่นเบิกบาน ผ่านไปช่วงหนึ่ง หมองๆ มัวๆ ไม่ค่อยรู้ตัว เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องตกใจ กลับไปเมืองจีนแล้วตกใจว่าภาวนาสู้ตอนอยู่เมืองไทยไม่ได้ พอมันเสื่อมลง มันหมองมัวลง อย่าไปตกใจ ให้เราภาวนาไปตามปกติ ไม่ต้องคิดว่าจะเอาดี เพราะเราไม่ได้ภาวนาเอาดี ให้เราดูไปว่าเนี่ย แต่เดิมมันสว่างไสวสบาย ตอนนี้มืดมัวไปละ จิตที่สว่างก็ไม่เที่ยง เราดูไปอย่างสบายใจ ไม่นานมันก็สว่างขึ้นมาอีก

ก็เห็นจิตที่มัวๆไป จิตที่เสื่อมไปว่าก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ภาวนาเพื่อให้เห็นว่าทุกอย่างมันไม่คงที่ ไม่ใช่ภาวนาเอาดี เพราะดีไม่คงที่

ถ้าคนไหนคิดจะภาวนาเอาดีนะ ต้องช้ำใจตาย เพราะว่ามันของไม่เที่ยง มันดีได้มันก็เสื่อมได้ ตรงนี้เป็นหลักสำคัญนะ ไม่งั้นเดี๋ยวกลับเมืองจีนแล้วตกใจ ตั้งหลักให้ดี ไม่ได้ฝึกเอาดี ไม่ได้ฝึกเอาสุข ไม่ได้ฝึกเอาความสงบ แต่ฝึกเพื่อเอาความจริงว่าทุกอย่างไม่คงที่ ทุกอย่างบังคับไม่ได้ ต้องการเห็นแค่นี้

แล้วต่อไปเวลามีสิ่งต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตเราเนี่ย จิตมันฉลาดแล้วว่าทุกอย่างมันไม่คงที่ เพราะฉะนั้น ถ้าความสุขเข้ามานะ เราก็ไม่เพลิดเพลินไป เรารู้ว่าไม่คงที่ ความทุกข์เกิดขึ้นในชีวิต เราก็ไม่หลงกลุ้มใจ เรารู้ว่าไม่คงที่

กระทั่งคนไทยเองนะ ภาวนาไม่เป็นหรอก ภาวนาแล้วเอาดี เอาสุข เอาสงบ นั่งสมาธิเอาสุข เอาสงบ อยากดี เสร็จแล้วมันก็เสื่อม เสื่อมแล้วก็กลุ้มใจ อย่างบางคนภาวนามากมายนะ นั่งขยับทำจังหวะอย่างนี้ จะไม่ยอมให้ใจมันคิด นี่ทำผิดนะ ทำจังหวะแล้วจะไม่ให้ใจคิดเนี่ย ผิด เพราะจิตมีหน้าที่คิด จะไปสั่งมันไม่ให้คิดไม่ได้

หลวงพ่อเทียนขยับเพื่อจะรู้ทันจิตใจที่ไหลไปคิด หลังๆ เริ่มฝึกกันนะ จะไม่ให้มันคิด เพ่งเอาไว้ อยากสุข อยากสงบ อยากดี สุดท้ายก็เสื่อมใช้ไม่ได้ งั้นถ้าเราเข้าใจหลักของการปฏิบัติแล้วกลับเมืองจีนนะ เจริญเราก็รู้ เสื่อมเราก็รู้ ถึงวันหนึ่งเราเห็นว่าเจริญก็ไม่คงที่ เสื่อมก็ไม่คงที่ บังคับไม่ได้เท่าๆกัน เราก็จะเห็นว่าความสุขกับความทุกข์เท่าเทียมกัน ความสุขอยู่ชั่วคราวแล้วก็หาย ความทุกข์อยู่ชั่วคราวแล้วหาย เป็นของที่เท่าเทียมกันทั้งหมดเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๕
File: 570719A
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๗ ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความพยายามทำลายพระพุทธศาสนา มีมาแต่ครั้งพุทธกาล

mp3 for download :ความพยายามทำลายพระพุทธศาสนา มีมาแต่ครั้งพุทธกาล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เวลาที่ท่านสอนธรรมะนะ ท่านต่อสู้มากมายนะ ต่อสู้กับพวกเดียรถีย์บ้าง พวกหาผลประโยชน์ พวกอะไรอย่างนี้ มีทั้งนั้น ท่านต้องต่อสู้

พวกเขาก็ใช้วิธีทุกวิถีทางที่จะทำลายพระพุทธศาสนา จ้างคนมาด่าท่านบ้าง ปล่อยข่าวลือบ้างอะไรบ้าง จ้างคนมายิงบ้าง หาทางทุกวิถีทาง ทำผู้หญิงเอาผู้หญิงมาแกล้งว่าท้องกับท่านบ้าง ใส่ร้ายป้ายสี ทำทุกอย่างเหมือนกัน โฆษณาชวนเชื่อ ทำทั้งนั้น ท่านก็ผ่านมาได้ ท่านผ่านมาด้วยความกรุณานะ ท่านพากเพียรอดทนต่อการกระทบกระทั่งเพราะความกรุณาของท่าน

ถ้าท่านไม่มีความกรุณาเพียงอย่างเดียวเนี่ย ท่านก็ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร สบาย..


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
แผนที่ : 1 2 3
แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๐ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
CD ส่วนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๒
File : 561110A
ระหว่างเวลา นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๑๓ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 2 of 41234