Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

รักษาศีลด้วยการรู้ทันใจ เราจะไม่ผิดศีล

mp3 (for download) : รักษาศีลด้วยการรู้ทันใจ เราจะไม่ผิดศีล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศีลต้องตั้งใจรักษาเอาเอง ถึงไปขอกับพระ พอขอเสร็จก็คุยแข่งกับพระ ไม่มีศีลหรอก ศีลด่างพร้อยไปหมดแล้ว การรักษาศีลที่ดีต้องรักษาที่ใจของเรา คนทำผิดศีลได้นะ เพราะกิเลสมันครอบงำใจ อย่างคนที่ไปฆ่าเค้า ไปตีเค้า ไปด่าเค้า เพราะความโกรธมันครอบงำใจของเรา คนที่ไปขโมยเค้าไปเป็นชู้กับเค้า ไปปลิ้นปล้อนหลอกลวงเค้า เพราะความโลภมันครอบงำใจของตัวเอง ถ้าเราคอยรู้ทันใจของเรานะ เนี่ยเป็นศาสตร์ของการปฏิบัติซึ่งเหมาะกับคนยุคของเรา คือการที่รู้ทันใจของตัวเองไว้

ถ้าเรารู้ทันใจของตัวเองไว้นะ อย่างใจมันโกรธขึ้นมาเรารู้ทัน ความโกรธจะหายไปโดยอัตโนมัติ นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเลย ถ้าใจของเรามีความอยากเกิดขึ้นเรารู้ทัน ความอยากจะดับอัตโนมัติ เราไม่ต้องดับมันนะ หน้าที่ของเราง่ายนิดเดียวเลย ถ้าใจเราโกรธขึ้นมา เราก็รู้ว่าตอนนี้โกรธแล้ว รู้เฉยๆนะ ไปลองดูว่ามันจะหายไปไหม มันจะหายได้เองนะแปลกมากเลย หรือใจเราโลภขึ้นมา อยากโน่นอยากนี่ขึ้นมานะ ให้รู้ทันลงไปความอยากนั้นจะหายไป เรารักใครซักคนนึงนะ เรารู้ทันว่าใจกำลังรักอยู่นะ ความรักนั้นจะหายไป จะเป็นอุเบกขาไปหมด ให้เราคอยรู้ทันใจตัวเองบ่อยๆ ถ้าเรารู้ทันใจตัวเองบ่อยๆนะ คนที่ไม่เคยรักษาศีล จะมีศีลอัตโนมัติ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๕

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๔ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๒๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีลข้อมุสา ไม่ใช่เพียงไม่พูดโกหก

mp3 (for download) :ศีลข้อ 4 รักษาที่ใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศีลข้อมุสานี่ยากนะ มุสาไม่ใช่แค่โกหกนะ พูดเพ้อเจ้อก็เข้าข่ายมุสา พูดเพ้อเจ้อหมายถึงไม่จำเป็นต้องพูดก็พูด พูดคำหยาบ พูดคำหยาบใครพูดคำหยาบบ้าง หลวงพ่อเคยได้ยินนะ ผู้หญิงสวยนะแต่พูดออกมานี่ อื้อหือ หมาหุบหูเลย ฟังไม่ไหวนะ มันหยาบคาย พูดส่อเสียดคือพูดให้เขาทะเลาะกัน นี่ผิดศีลทั้งนั้นนะ แล้วก็พูดโกหก ศีล ๕ นะ ยกตัวอย่างในขณะที่พระกำลังเทศน์เนี่ย เรามีหน้าที่ฟัง แล้วเราก็คุยแข่งกับพระ นี่ศีลข้อ ๔ ด่างพร้อยแล้ว นะ

การรักษาศีลน่ะมันสำคัญอย่างไร เราอย่าไปคิดว่าการรักษาศีลเป็นเรื่องทุกข์ทรมานนะ มันเป็นวิธีการฝึกตนเองขั้นต้นเลย ขั้นเบสิคที่สุดเลยนะ ศีลเนี่ยเป็นเครื่องที่จะคอยควบคุมให้กายให้วาจาของเราเรียบร้อย พฤติกรรมทางกายทางวาจาของเราให้เรียบร้อย ไม่ไประรานคนอื่น การรักษาศีลนั้นไม่ใช่อยู่ๆก็ไปขอที่พระ ศีลนั้นต้องตั้งใจรักษาเอาเอง ถึงไปขอกับพระนะ ขอเสร็จก็ไปคุยแข่งกับพระ ไม่มีศีลหรอก ศีลด่างพร้อยไปหมดแล้ว การรักษาศีลที่ดีต้องรักษาที่ใจของเรา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

File: 551016
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๕๑ ถึงนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๐๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หน้าที่ของศีล สมาธิ ปัญญา

mp 3 (for download) : หน้าที่ของศีล สมาธิ ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ต้องสู้มากกว่าคนสมัยก่อนนะ พยายามสำรวม สำรวมอินทรีย์ ธรรมะดีๆต้องพยายามทำให้เยอะๆไว้ ไม่งั้นสู้มันไม่ไหวหรอก กิเลสมันรุนแรงเหลือเกินยุคนี้ สิ่งยั่วยวนมันรุนแรงเหลือเกิน หรือการที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมที่เลวๆ ถ่ายทอดวัฒนธรรมเลวๆออกมานะ ให้คนยอมรับ ว่าความเลวเป็นเรื่องปกติ โอ้นี่เรื่องเลวร้ายมากนะในสังคมเรา อย่างบอกว่าผัวใครก็ช่าง มีเพลงอะไรนะ แฟนใครไม่มีป้ายแขวนคออะไรนี้ ฉันรักเมียเขาอะไรนี้ โอ้ เลวร้ายมากเลยนะ มันถ่ายทอดวัฒนธรรมที่เลว

ให้เรายอมรับความเลวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หรือถ่ายทอดว่าคอร์รัปชั่นก็ได้นะ ขอให้มีผลงาน เนี่ยถ่ายทอดสิ่งที่ไม่ถูกต้องนะ ผลงานดีนะ ดีอยู่แล้วนะ แต่วิธีที่จะได้มาซึ่งผลงาน ต้องดีด้วย สำหรับชาวพุทธเรานะ ไม่ใช่ดีแต่ปลายทาง วิธีการต้องดีด้วย ไม่ใช่วิธีอะไรก็ได้ แล้วประสบความสำเร็จ แล้วถือว่าสำเร็จ อันนั้นไม่ใช่วิถีของชาวพุทธเลย

เนี่ยสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้นะ เป็นพิษเป็นภัย เต็มไปหมดเลยนะ เพราะนั้นเราต้องดำรงชีวิต ด้วยสติ ด้วยปัญญา อย่างแท้จริง ต้องเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้า มาตรวจสอบตลอดเลย กิเลสมันจะลากเราไปอย่างรวดเร็วเลย คนเค้ามายั่วกิเลสเรานะ แล้วเราก็พร้อมจะตามกิเลสอยู่แล้วด้วย ก็ต้องสู้ให้มากเลย ต้องอดทนให้มากเลย รักษาศีลเอาไว้ให้ได้ ตั้งใจรักษาศีลให้ดี แล้วก็มีสติ มีปัญญา รักษากายรักษาใจของตัวนะ รักษาจิตใจไว้ มีศีลรักษากายวาจาให้เรียบร้อย ข่มใจไม่ยอมให้ทำตามกิเลส มีสมาธิบ้าง เพื่อจะข่มกิเลส ไม่ให้มาย้อมใจ

ศีลกับสมาธิไม่เหมือนกันนะ ศีลเนี่ยข่มใจ ไม่ให้ทำตามกิเลส สมาธิเนี่ยข่มกิเลส ไม่ให้มาย้อมใจ ถ้ากิเลสมันเบาหน่อยนะ ก็ข่มมันไหว ทำสมาธิสู้ไหว กิเลสระดับกลางๆไม่รุนแรงมาก เราก็ใช้สมาธิสู้ได้ ข่มกิเลสไปเลย ปัญญาเนี่ย ขุดรากถอนโคนกิเลส ปัญญาก็คือการเห็นความจริง ของรูปนามกายใจของเราเรื่อยไป

เพราะงั้นเฝ้ารู้เฝ้าดูนะ จนปัญญามันแจ้งขึ้นมา ปัญญามันแจ่มแจ้งขึ้นมา เราก็จะพ้นจากความทุกข์ เป็นลำดับๆไป เราจะพบว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้านะ เป็นของดีของวิเศษ เป็นแสงสว่างของโลกนะ เป็นความร่มเย็นเป็นสุขของโลก ซึ่ง(โลก)มันไม่มีเลย โลกนี้มันมืดมันบอดเต็มที มันหาความสุขความสงบอะไรไม่ได้เลยนะ ทุกหัวระแหง มีแต่เรื่องเบียดเบียน เข่นฆ่าล้างผลาญ แย่งชิงทำร้ายซึ่งกันและกัน เต็มไปหมดเลย ธรรมชาติก็รุนแรง มนุษย์ก็รุนแรงต่อมนุษย์ ธรรมชาติก็รุนแรง

งั้นเราไม่มีทางเลือกนะ เราชาวพุทธเนี่ย พยายามภาวนาเข้า เรียนรู้ทันตัวเองนะ เจริญศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้มากๆๆ ต่อไปถึงโลกจะแตกนะ ใจเราไม่กระเทือนเลยนะ โลกจะแตกก็เรื่องของโลก ไม่ใช่เรื่องของเรา  ขนาดร่างกายเราจะแตก เรายังไม่เดือดร้อนเลย ค่อยฝึกไปเรื่อยๆนะ เราจะได้ไม่จมลงไปในโลกที่สกปรก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๑๔
File: 551014A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๒๗ ถึง ๒๘ วินาทีที่ ๓๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๗) สติเป็นต้นทางของกุศล

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๗) สติเป็นต้นทางของกุศล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทำยังไงกุศลจะเจริญ ทำยังไงกุศลที่ไม่มีจะมี ที่มีแล้วจะเจริญ

มีสติไว้ สติเป็นต้นทางของกุศลนะ ถ้าขาดสติอย่างเดียวเนี่ย กุศลทั้งหลายจะไม่เกิดเลย องค์ธรรมฝ่ายกุศลจะไม่มีเลย ต้องมีสติเอาไว้ ถ้ามีสติรู้ทันจิตตัวเองเรื่อยๆ จิตมันมีกิเลสขึ้นมารู้ทันมันนะ มันละอายแก่ใจนะ มีหิริ มีโอตตัปปะขึ้นมา ละอายใจเกรงกลัวบาป เกรงกลัวผลของบาป ละอายใจที่จะทำบาป หิริคือความละอายใจที่จะทำชั่ว โอตตัปปะนะ(คือ)กลัวผลของการทำชั่ว

เนี่ยถ้าเรามีสติคุ้มครองจิตอยู่ มีสติรู้ทันจิตอยู่ มันจะเกิดหิริโอตตัปปะขึ้นมาเอง คนที่มีหิริโอตตัปปะนะจะมีศีลขึ้นมาโดยง่าย เพราะถ้ามันละอายใจที่จะทำชั่ว กลัวผลของบาปซะแล้ว มันจะทำผิดศีลไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นการทำชั่ว เป็นการทำบาป

งั้นถ้าเรามีสตินะ มีหิริโอตตัปปะเกิดขึ้น ก็เกิดศีลขึ้นมา มีศีลแล้วก็เกิดสมาธิได้ง่าย ใจสงบง่าย มีสมาธิแล้วก็เกิดปัญญาง่าย พอใจสงบนะ ก็สามารถเรียนรู้ความจริงของกายของใจได้ง่าย มีปัญญาแล้ววิมุตติก็เกิดได้ง่าย มีโอกาสเกิดวิมุตติ คือใจปล่อยวางความยึดถือในรูปในนาม ในกายในใจ

เพราะงั้นมันจะเป็นทอดๆไปนะ แล้วมีสติให้มากไว้ งั้นกุศลทั้งหลายก็จะเกิดขึ้น ตัวอย่างของกุศลที่ว่ามา ก็คือหิริโอตตัปปะใช่มั้ย ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ นี่เป็นส่วนของกุศลทั้งนั้นเลย มันจะค่อยๆพัฒนาขึ้นมา

งั้นเรามีสติรักษาจิตไว้นะ นั่นแหล่ะคือการทำความเพียร เคยอ่านหนังสือนะ หลวงปู่มั่นท่านบอกว่า เมื่อไรมีสติ เมื่อนั้นมีความเพียร เมื่อไรขาดสติ เมื่อนั้นขาดความเพียร นี่ท่านสอนถูกกับตำราเป๊ะเลยนะ ทั้งๆที่ท่านภาวนา แต่ความจริงท่านอ่านอภิธรรมนะ หลวงปู่มั่นนี่ท่านอ่านอภิธรรมด้วย ลองไปดูหนังสือที่ท่านอ่าน มีอภิธรรมอยู่ งั้นท่านสอนถูกทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติ สอนเก่ง

งั้นเราจะมีสัมมาวายามะได้นะ อาศัยมีสติรู้ทันจิตนี่ แล้วอะไรคือสัมมาสติ มีสติรู้ทันจิตเป็นสัมมาสติทั้งหมดมั้ย ไม่ใช่ทั้งหมด พระพุทธเจ้าอธิบายสัมมาสติ ด้วยสติปัฏฐาน ๔ งั้นหน้าที่ของเราเจริญสติปัฏฐานนะ ไม่ใช่มีสติแล้วก็ลอยๆอยู่เฉยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อริยกันตศีล ศีลที่พระอริยะชมเชย

mp 3 (for download) : อริยกันตศีล ศีลที่พระอริยะชมเชย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทำอย่างไรจะมีศีล ศีลทำไปเพื่ออะไร ศีลไม่ได้ทำไปเพื่อจะนับว่ามีศีล ๘ มากกว่าศีล ๕ มีศีล ๑๐ นั้นเหนือกว่าศีล ๘ มีศีล ๒๒๗ ดีกว่าทุกคนเลย วิเศษวิโส นั่นศีลกิเลสแล้ว เป็นเรื่องของกิเลสแล้ว ศีลไม่ได้เอาไว้อวดกัน แต่ศีลเนี่ยเป็นเครื่องข่ม ข่มจิต เป็นเครื่องข่มจิตใจไม่ให้ทำชั่ว ตามแรงผลักดันของกิเลส

เพราะฉะนั้นเรามาฝึก ศีลที่จำเป็นที่สุดจริงๆ ก็แค่ศีล ๕ เท่านั้นแหละ เป็นพระก็ต้องมีศีล ๕ ถ้าถือศีล ๒๒๗ นะ ตัดออกไปเสีย ๕ ข้อ ไม่มีทางบรรลุมรรคผลเลย เพราะศีลในองค์มรรคจริงๆนะ ข้อหนึ่ง ข้อสอง ข้อสาม ข้อสี่ เท่านั้นเอง (อ่าน: กรรมกิเลส ๔) ข้อห้า เป็นตัวช่วยสัมมาสติ ทำให้มีสติดี ไม่กินเหล้าเมายา สติไม่ดี ตัวศีลจริงๆ ศีลข้อหนึ่ง ข้อสอง ข้อสาม คือสัมมากัมมันตะ สัมมาวาจาก็คือศีลข้อสี่ ๔ ข้อนี้แหละ สำคัญที่สุดเลย

เบื้องต้นต้องตั้งใจไว้ก่อน กิเลสรุนแรงเท่าไร ก็ไม่ยอมให้กิเลสครอบงำพาไปทำผิดศีล เพราะฉะนั้นศีลเบื้องต้นต้องตั้งใจไว้ก่อน นี่คือเจตนางดเว้น เพราะศีลนี่เริ่มต้นที่เจตนางดเว้น ตั้งใจมีเจตนางดเว้นไว้ก่อน มันเคยชินที่จะพูดเท็จ เคยชินที่จะพูดเพ้อเจ้อ ตั้งเจตนางดเว้นไว้ก่อน ตื่นนอนขึ้นมาก็เตือนตนเองว่าวันนี้จะไม่พูดเท็จ วันนี้จะไม่พูดเพ้อเจ้อ อะไรอย่างนี้ ไม่ทำผิดศีล ๕ กลางวันก็คอยนึก วันนี้จะไม่ทำผิดศีล ๕ เย็นๆค่ำๆก็นึก ตลอดคืนนี้จะไม่ทำผิดศีล ๕ เจตนาไว้ก่อน

เมื่อจิตเคยชินที่จะมีศีล ต่อไปการรักษาศีลจะค่อยง่ายขึ้น มีความเคยชินที่จะไม่ทำผิดศีล แล้วถ้าเรามาเจริญสติ มีสติ คอยรู้เท่าทันจิตใจอยู่เรื่อยๆ มีสตินี้เป็นเรื่องของการฝึกจิตแล้ว ถ้ากิเลสเกิดขึ้นกับจิต เรารู้ทัน กิเลสเกิดกับจิต เรารู้ทันเรื่อยๆ กิเลสครอบงำจิตไม่ได้ ศีลอัตโนมัติจะเกิดขึ้น จะเกิดศีลอีกชนิดหนึ่ง เป็นศีลที่สูงขึ้นไปอีก เป็นอินทรียสังวรศีลนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์ก็ให้มันกระทบ เมื่อกระทบแล้วอกุศลใดๆเกิด มีสติรู้ทัน เกิดที่จิต ไม่เกิดที่ตาที่หูที่จมูกที่ลิ้นที่กาย อกุศลเกิดที่จิตอย่างเดียว มีสติรู้ทันจิตอยู่

อกุศลเกิดแล้วรู้ทัน อกุศลก็ดับไป อกุศลครอบงำจิตไม่ได้ มันจะเกิดศีลอัตโนมัติขึ้นมา เป็นศีลที่เกิดจากการสำรวมอินทรีย์ เมื่อตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์แล้วคอยมีสติไว้ เนี่ยศีลมันค่อยปราณีตขึ้น ไม่ใช่มีแค่ศีล ๕ ศีล ๘ แล้ว ต่อไปนี้ ศีลเป็นศีลหนึ่งเท่านั้นเอง ก็คือ จิตเป็นปกติจากกิเลส กิเลสมาทำให้จิตผิดปกติไม่ได้ เนียศีลก็พัฒนาขึ้นไป สุดท้ายได้ธรรมะแล้วมีศีลอีกชนิดหนึ่งชื่อ อริยกันตศีล

อริยกันตศีล เป็นศีลที่พระอริยะชมเชย เป็นศีลสบายนะ ไม่ใช่ศีลลำบาก ศีลอย่างพวกเราเป็นศีลลำบาก ห้ามโน่นห้ามนี่ ศีลที่พระอริยะชมเชยเป็นศีลที่มีความสุข มีศีลแล้วสบาย มีศีลแล้วปลอดโปร่ง มีศีลแล้วเกื้อกูลคุณงามความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
Track: ๑๙
File: 550601.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีลที่พระอริยะชมเชย

mp 3 (for download) : ศีลอะไรสำคัญที่สุด?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศีลตัวที่ต้องเรียนให้มากนะคืออินทรียสังวรศีล ศีล ๕ ศีล  ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ เนี่ยเรียกว่าปาฏิโมกขสังวรศีล

ถ้าเราเรียนอินทรียสังวรศีลได้เนี่ยเราจะได้ศีลหมดเลย อินทรียสังวรศีลเนี่ยเมื่อตามองเห็นรูปความยินดียินร้ายเกิดที่จิต มีสติรู้ทัน ถ้ารู้ไม่ทันกิเลสจะครอบงำจิต ถ้าถูกกิเลสครอบงำจิต ศีลก็เสียไป เมื่อหูได้ยินเสียงความยินดียินร้ายเกิดที่จิตให้มีสติรู้ทัน ถ้ารู้ไม่ทันกิเลสครอบงำศีลขาดอีกแล้ว

ศีลคือความเป็นปกติของจิตที่ไม่ถูกกิเลสครอบงำ เมื่อใจไปรู้ธรรมารมณ์่เช่นไปรู้ความคิดใจไปรู้ความคิด กิเลสเกิดขึ้นที่จิตคือความยินดียินร้ายเกิดที่จิตให้มีสติรู้ทัน เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไรเรามีสติคอยรู้ทันจิตใจของเราเรี่อยๆ อินทรียสังวรศีลจะเกิดขึ้นแล้ว ศีลข้างนอกมันเกิดขึ้นเอง

ยกตัวอย่าง อย่างหนุ่มๆเห็นสาวสวยเค้าก็มีสามีแล้วอะไรเงี้ย แต่ใจมันรัก ใจมันมีราคะมันรักเค้า มีสติรู้ทันราคะครอบงำใจไม่ได้ ไม่ไปเป็นชู้กับเค้า เดินตามหลังคนไปเห็นเค้าทำโทรศัพท์มือถือตกอุ๊ยรุ่นนี้ถ่ายรูปได้ด้วยสวยอยากได้ อยากได้เห็นว่าอยากได้น ะกิเลสครอบงำใจไม่ได้ ก็ไปเรียกเจ้าของมาเอาคืนได้ ไม่ไปเอาของเค้า ข้อผิดศีลข้อลักข้อขโมยก็ไม่มี ความโกรธเกิดขึ้นที่จิตมีสติรู้ทันความโกรธครอบงำใจ ไม่ได้ไม่ไปด่าใครหรอก ไม่ไปฆ่าไม่ไปตีใครหรอก

งั้นถ้ารักษาศีลโดยการมีสติรู้ทันเข้าถึงจิตถึงใจอย่างแท้จริง ศีล ๕ เนี่ยเกิดขึ้นอัตโนมัติ เพราะงั้นศีลที่เกิดจากอินทรียสังวรจนเป็นอัตโนมัติเนี่ย เป็นศีลที่พระอริยะชมเชย เรียกว่าอริยกันตศีล ดีกว่าศีลที่เป็นข้อๆ ถือโดยไม่ได้อยากจะถือ แต่อยากเป็นคนดีก็เลยต้องถือด้วยความจำใจ ส่วนศีลของผู้ปฏิบัติเนี่ยนะเราเห็นเลยว่า ถ้าจิตใจเราเศร้าหมองถูกกิเลสครอบงำมันไม่มีความสุข ไม่ดี สกปรก จิตใจก็ไม่ถูกกิเลสครอบงำ บริสุทธิ์สะอาดผุดผ่องอยู่ มีความสุขอยู่ จิตใจจะรักษาศีลของมันเอง

ถ้ารักษาศีลให้ถึงใจ รักษาง่าย ศีลเกิดขึ้นโดยง่าย ถ้ารักษาศีลอยู่ที่มือที่เท้าที่ปากนะ ถือยากนะ อย่างอยากด่าเค้าแทบจะขาดใจแล้ว อยากด่าเต็มทีพยายามไม่ด่า ลำบาก แต่ถ้ามีสติรู้ว่ามันโกรธเค้าแล้ว เห็นความโกรธเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันไม่ด่าเองน่ะ แต่ว่าศีล ๕ จำเป็นนะต้องถือไว้ก่อนขั้นต่ำเป็นเครื่องป้องกันตัว เอาศีล ๕ ไว้ก่อน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๗
Track: ๑๑
File: 480130B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔๑ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๔๔ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่