ปกติแล้วกามราคะ โดยเฉพาะเรื่องสาวนี่ผมก็มีปัญหาครับ
คือเวลาเห็นแล้วมักเกิด ความรัก-ความชอบตามมา(ก็กามราคะแหละครับ

)
แล้วก็มักพยายามหักห้ามความชอบของตัวเองตลอดเลยครับ ตอนนี้แหละที่อาการกดจะรุนแรงมาก
มีครั้งหนึ่งที่อ่านหนังสือ ไม่แน่ใจว่าพระไตรปิฎกหรือเปล่า ท่านว่าเหตุใกล้ของกามราคะคือ ศุภนิมิต
หรือการหมายเอาว่า ของที่ไม่สวยไม่งาน เป็นของสวย ของงาม
ผมก็เลยเอามาสังเกตุครับว่า เรากำลังถูกหลอกว่า แบบนี้ก็หมายว่าสวย แบบนี้เรียกว่างาม
แบบนี้เรียกไม่สวย ไม่งาม ดังนั้นหากบางทีพอผมเห็นผู้หญิงที่หน้าตาดี หรือพวกผู้หญิงที่เป็นชาวต่างชาติ
ความคิดเรื่อง "ศุภนิมิต" ก็จะดังขึ้นมา แล้วจะมีสติ เห็นเป็นกาย เป็นวัตถุ ที่เราไปหมายว่าสวย ว่างามไปเองครับ
ปัญหาคือ บางทีเจอแบบที่สวยติดใจมาก ๆ สติเกิดแล้ว ดับไป เสร็จแล้วก็ยังคงเห็นว่าสวยอยู่
อันนี้ก็ต้องใช้ไม้ตายครับ คือ 1.ปิดตา 2.หันหน้าหนี 3.พาตัวออกจากสถานการณ์เสี่ยงทันทีที่ทำได้ครับ

แหมก็บางคนเขาก็สวยจริง ๆ ครับ สติน้อย ๆ ของผมสู้ไม่ไหวจริง ๆ ครับ ต้องหนีเอาตัวรอดก่อนใจจะหมองไปกว่านี้
อ่านข้างบนแล้วมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกสกิดใจครับ
เรื่อง การใช้ราคะและโทสะคานกัน
กล่าวคือ ราคะมีโทษน้อย แต่โทสะมีโทษมาก
ดังนั้นท่านสันตินันท์จึงแนะนำเรื่องครูบาอาจารย์ใช้ราคะแก้โทสะ
ในทางกลับกัน ผู้เขียน E-mail ไปถามท่านสันตินันท์
เกิดราคะ และใช้โทสะในการระงับราคะ คือการกด ข่มไว้ และไม่อยากให้ราคะเกิด
เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของผู้ปฏิบัติธรรมครับ เพราะผมเองก็เป็น คือราคะเกิดก็ไม่ชอบ และตามไม่ทันโทสะเลยครับ
แต่ปัญหาคือ ราคะกับโทสะเป็นเหมือนไม้กระดานหก ที่ดีดไปดีดมา คงต้องหาจุดพอดีที่ไม่ทำให้เดือดร้อนครับ
ท่านสันตินันท์จึงพูดถึงเรื่องศีลในตอนท้ายเพื่อให้ผู้ปฏิบัติตั้งมั่นเรื่องศีลไว้ก่อน เพราะยังไงก็ห้ามราคะ กับโทสะไม่ได้
และเพราะเราคงไม่สามารถกำจัดราคะ กับโทสะให้หมดไปได้(ไม่ใช่ภูมิของเรา) ดังนั้นจะอยู่กับมันอย่างไม่เป็นปฏิปักษ์กันได้อย่างไร
ส่วนตัวผมคิดว่า ให้โทสะน้อย ๆ แล้วมีราคะ บ่อยกว่า น่าจะเป็นส่วนผสมที่ดีกว่าคงโทสะไว้ แล้วพยายามกำจัดราคะไปนะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อน ๆ ท่านใดมีประสบการณ์ในการสู้กับกามราคะก็ลองนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ
เผื่อผมจะได้มีไอเีดียเอามาปรับใช้บ้าง
