อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงผมเองก่อนหน้านี้
เคยคิดว่าอภิญญาเป็นของดี
คิดว่าอยากได้อภิญญา เพราะถ้าพ้นทุกข์เฉย ๆ คงไม่เท่ห์เท่าไหร่

หรือเรียกอีกอย่างว่าพระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสกะ เพราะไม่เก่งเท่าท่านที่ได้อภิญญา6 หรือวิชา3
พอดูจิตมาได้ระยะใหญ่ ๆ ก็เคยคิดทบทวนเรื่องนี้ว่า
ความจริงอภิญญาต่าง ๆ หาประโยชน์จริง ๆ ในการทำให้ตนเองบริสุทธิ หลุดพ้นจากความทุกข์ไม่ได้เลย
เช่นเรารู้ว่าชาติก่อนเราไปทำอะไรมา ก็ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ ในปัจจุบันดีขึ้นสักนิด
อาจช่วยได้ก็แค่สบายใจได้ว่าไม่มีเทพองค์ใดมาบันดารให้เราแย่อย่างที่เป็นอยู่นี้หรอก นอกจากเราทำตัวเราเอง
ที่เห็นจะเป็นประโยชน์จริง ๆ ก็มีเจโตฯ กับทิพจักษุที่เห็นสภาวะจิตผู้อื่นได้
ซึ่งจะทำให้แนะนำผู้อื่นให้ได้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมอย่างมากมาย
คิดได้อย่างนี้ก็ไม่คิดอยากได้อภิญญาต่าง ๆ อย่างตอนแรก ๆ ที่เริ่มปฏิบัติธรรมอีก เพราะกลัวหลงของเล่นไปกันใหญ่
รวมถึงนิมิตต่าง ๆ เช่น เคยได้ยินว่ามีผู้เห็นพระพุทธเจ้าปรากฎตัวเพื่อสอนธรรมะให้ หรือบอกให้ทำภารกิจบางอย่าง(เหมือนศาสนาอื่นเลย)
ผมก็อิจฉาว่า เราจะมีวาสนาอย่างนั้นบ้างหรือเปล่าหนอ
มาถึงตอนนี้ รู้สึกว่าถ้าเห็นแบบนั้นคงแย่แน่เลยครับ เพราะไม่รู้จริงหรือเปล่า

แถมต้องเอาสิ่งที่ได้เห็นได้ยิมมาเทียบกับคำสอนของพระพุทธเจ้ากันยกใหญ่แน่เลย
ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจริง หรือไม่จริง ผมคงเป๋ไปพักใหญ่แน่ ๆ เลยครับ
คิดว่าเอาแบบไม่ต้องเห็นอะไร ดูจิตไปเรื่อย ๆ แบบนี้แหละดีที่สุดแล้วครับสำหรับผม
