สวัสดีครับ (วันนี้แอบมาเล่นในเวลางานได้ด้วยหรือครับ?
)
ช่วงนี้ภวนาก็เรื่อยๆค่ะ สติก็ละลึกเรื่อยๆ ต่อเนื่องบ้างไม่ต่อเนื่องบ้าง ขณะที่ละลึกเค้าก็ทำหน้าที่ของเค้าไปไม่เกี่ยวกับเรา ไม่มีเราเป็นผู้กระทำ แต่ช่วงขณะที่สติไม่ค่อยละลึก
ก็อาศัยตามรู้สภาวะที่เกิดขณะปัจจุบันไปเรื่อยๆแบบเจือด้วยคิดเอาค่ะ ดีกว่าปล่อยหลงไปค่ะ
ถ้า
รู้ทัน ว่ารู้สึกอะไร ทำอะไรอยู่ กิเลสอะไรกำลังบงการครอบงำจิตใจ ก็ไม่ผิดหรอกครับ
บางช่วงจิตไม่ค่อยตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูเท่าไร เค้ายังงัยไม่รู้ เอาแต่จะรู้ความนิ่ง พลิกเข้าเป็นสมถะอยู่เนืองๆ
รู้ทันอยู่ ก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ครับ จิตเขาก็แสดงธรรมชาติธรรมดาของเขา เรามีหน้าที่คอยตามรู้เท่านั้นเองครับ
ช่วงที่ป่วยหรือเกิดเวทนาเนืองๆ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหมือนจิตเกี่ยวเนื่องกาย กายป่วยส่งผลจิตไม่ตั้งมั่น ไหลลงสู่เวทนาเป็นเนื้อเดียวกัน
รู้ทันว่าจิตเป็นเนื้อเดียวกันกับเวทนา ก็ใช้ได้นะครับ ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ครับ
ลิลลี่จำได้ลุงถนอมเคยตอบไว้แต่จำไม่ได้แล้วกระทู้ไหนที่ การฝึกเจริญสติในขณะที่เกิดเวทนารุนแรงแรง หรือ กายป่วย คือ ให้รู้ใจที่ไม่ชอบไปเรื่อยๆหรือคะ
ความจริงก็คือ กิเลสอะไรกำลังครอบงำจิต ก็
รู้ทัน ตามความเป็นจริงนั่นแหละครับ หากว่าไม่มีโทสะครอบงำอยู่ จะไปดูโทสะที่ไหนล่ะครับ แต่ถ้ามีครอบงำอยู่ ก็
รู้ทันครับ
ฝึกภวนามาจนถึงวันนี้มีโอกาสเห็นการทำงานของใจได้บ้าง ก็ได้เห็นว่าเพระใจปรุงแต่งความคิดเป็นเรื่องราวเป็นภาพต่างๆให้ค่าโยงยัยเกี่ยวพันธ์ยึดถือขึ้นมาแล้วก็ทุกข์เพระสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา เพียงได้เห็นแต่ยังไม่สามารถหลุดออกมาจากวงจรนั้น ก็ยอมรับคะสติปัญญายังไม่เพียงพอ ต้องสู้ต่อไป
ก็แค่
รู้ทันไปนะครับ
ตอนนั้นลิลลี่ก็ท้อเลย ต้องอยู่กับมันจนเกิดอริยมรรคหรือ ไม่รู้อีกนานเท่าไร
จริงครับ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ อาจจะค่ำนี้ พรุ่งนี้ ปีหน้า ใครจะรู้ แต่นั่นทั้งหมดนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราแม้แต่น้อยเลยครับ หน้าที่ของเรา มีแค่
รู้ทันกิเลสต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น และครอบงำจิตอยู่ในปัจจุบันนั่นแหละครับ
ตอนนี้ก็คงเกิดกิเลสตัวใหม่ค่ะ..ของดียังไม่ได้ ของร้ายยังไม่เลิก ทำให้จิตห่างไกลจากความเป็นกลางออกไปอีกค่ะ
รู้ทันความไม่เป็นกลางลงไปตรงๆเลยครับ อย่าไปพยายามทำให้จิตเป็นกลาง หรือหาทางสร้างเหตุให้จิตเป็นกลางเป็นอันขาด แค่
รู้ทันไปตรงๆครับ ว่าจิตไม่เป็นกลาง
พันธนาการแห่งใจที่โยงยังผูกมัด..คราวที่ยึดเหนียวแน่นติดข้อง พยายามแค่ไหนก็สลัดออกไปไม่ได้เหมือนมีอะไรบังตา ถึงวันที่จะว่าง่ายก็เหมือนพลิกฝ่ามือ เพียงแค่จิตเปลี่นมุมมองได้เห็นความจริงมากขึ้นเท่านั้นเอง
เพราะจิตเป็นผู้สร้างขึ้นมา และจิตก็ถูกร้อยรัดด้วยพันธนาการที่จิตสร้างขึ้นมา เหมือนแมงมุมที่ถูกใยเหนียวของตัวเองร้อยพัน(เป็นมัมมี่) ก็แค่หยุดสร้างใย เครื่องร้อยรัดพันธนาการก็จะเสื่อมสลายหายไป เรามีหน้าที่เี่พียงแค่ทำให้จิตได้รู้ได้เห็นความเป็นจริงตามความเป็นจริงอันเป็นปัจจุบัน ด้วยการ
รู้ทันกิเลสที่กำลังครอบงำจิตใจ เท่านั้นเองครับ
ลุงถนอมช่วยเป็นกำลังใจให้ลิลลี่ด้วยนะคะ..สู้ก็สู้ตายค่ะ แต่บางทีก็ท้อแท้บ้างเป็นธรรมดาที่ใจยังไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง
ก็อย่าไปพยายามอะไรสิครับ อย่าไปตั้งเป้าอะไร แค่พึงพอใจที่จะ
รู้ทันสภาวะทีเ่กิดขึ้น
รู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้น และกำลังครอบงำจิตใจ กำลังบงการใจเรา แค่
รู้ทัน รู้ทัน รู้ทัน เท่านี้เองครับ ไม่ต้องใช้กำลังใจอะไรเลย
ขอบพระคุณค่ะ ถือเป็นการรายงานผล ปรึกษา แล้วก็บ่นให้ฟังนะคะ
ขอให้เจริญในธรรมครับ