Author Topic: เมื่อถึงทางตันที่คุณลุงถนอมเคยกล่าวไว้  (Read 27862 times)

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ  _/|\_

1. เวลาผ่านไปเร็วค่ะ ประมาทไม่ได้เลยค่ะ นี่ก็เกือบ  4 เดือนแล้วว่าสักพักจะไปรายงานผลการปฏิบัติกับหลวงพ่อท่านแล้วค่ะ
2. ก็เหมือนเดิมค่ะ เกร็งๆเวลาไปรายงานผลค่ะ เพราะ รู้สึกว่าภวนาไม่เข้าท่าเลย อิอิ อยากเอาจิตดีๆไปส่งท่าน แต่ก็นึกถึงคำที่ลุงถนอมบอก ไม่จำเป็นต้องเป็นจิตๆดี
    แต่ขอให้ภวนาเท่านั้นเอง
3. ตอนนี้สภาวะก็มีแค่รู้ เพ่ง เผลอ ..แล้วก็รู้แบบเคลื่อนออกไปรู้ กับรู้แบบจิตตั้งมั่น

แวะมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
บะบายค่ะ  ;D

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
ก็รู้เท่านี้ล่ะครับ แต่ขอให้รู้ ตรงตามความเป็นจริง และ รู้ได้บ่อยๆ ในแต่ละวัน

ที่สำคัญก็คือตรงนี้ครับ ไม่ใช่ว่าจะต้องรู้หลากหลายเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าต้องรู้ลึกซึ้งละเอียดละออ แต่ให้รู้ตรงตามความเป็นจริง และรู้ได้บ่อยๆในแต่ละวัน ครับ

อยากได้ยินผลการส่งการบ้านอีกนะครับ ^__^
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ ลุงถนอม  _/|\_
แวะมาทักทายด้วยความละลึกถึงค่ะ แล้วก็คุยสรรพเพเหระ  :D

1. ช่วงนี้ภวนาก็เรื่อยๆค่ะ สติก็ละลึกเรื่อยๆ ต่อเนื่องบ้างไม่ต่อเนื่องบ้าง ขณะที่ละลึกเค้าก็ทำหน้าที่ของเค้าไปไม่เกี่ยวกับเรา ไม่มีเราเป็นผู้กระทำ แต่ช่วงขณะที่สติไม่ค่อยละลึก
ก็อาศัยตามรู้สภาวะที่เกิดขณะปัจจุบันไปเรื่อยๆแบบเจือด้วยคิดเอาค่ะ ดีกว่าปล่อยหลงไปค่ะ

2. บางช่วงจิตไม่ค่อยตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูเท่าไร เค้ายังงัยไม่รู้ เอาแต่จะรู้ความนิ่ง พลิกเข้าเป็นสมถะอยู่เนืองๆ แต่ก็ตามรู้ไปเรื่อยค่ะ เกิดสติสลับบ้าง  ชอบบ้าง ไม่เป็นกลางบ้าง เฉยๆบ้าง แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทำสมถะมากมายเพิ่มขึ้นจากที่ทำอยู่ปรกติอะไรค่ะ ก็ปรกติ ส่วนใหญ่ได้สมาธิจาการเกิดสติแล้วก็สมาธิจากการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วค่ะ เพราะตามจริตฟุ้งซ่านทำสมถะไม่สงบง่าย แต่ช่วงนี้เหมือนจิตเข้าสมถะเองอัตโนมัติได้โดยทีไม่ได้จงจงนั่งหายใจหรือเดินจงกรมเลยค่ะ แต่จิตเป็นสมถะก็ยังดีกว่าหลงยาวไปค่ะ

3. ช่วงที่ป่วยหรือเกิดเวทนาเนืองๆ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหมือนจิตเกี่ยวเนื่องกาย กายป่วยส่งผลจิตไม่ตั้งมั่น ไหลลงสู่เวทนาเป็นเนื้อเดียวกัน แถมตามมาด้วยใจที่ไม่เป็นกลางโดยยินร้ายซ้ำกระหน่ำเข้าไปอีกค่ะ ลิลลี่ก็หนีเข้าไปอยู่ที่สมถะบ้างเอาแรง ( ทำบ่อยๆ พอป่วยก็หนีไปอยู่กับสมถะ) แต่รู้สึกว่าหนีบ่อยๆชักไม่ใช่แล้วค่ะ จิตไม่เกิดปัญญาเป็นกลางกับสภาวะขณะปัจจุบัน ไม่ชอบก็เอาแต่หนีๆ หนีจนเคยตัวแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ต้องเรียนรู้ความจริงในมุมของการเกิดเวทนา ..ลิลลี่จำได้ลุงถนอมเคยตอบไว้แต่จำไม่ได้แล้วกระทู้ไหนที่ การฝึกเจริญสติในขณะที่เกิดเวทนารุนแรงแรง หรือ กายป่วย คือ ให้รู้ใจที่ไม่ชอบไปเรื่อยๆหรือคะ..

4.ฝึกภวนามาจนถึงวันนี้มีโอกาสเห็นการทำงานของใจได้บ้าง ก็ได้เห็นว่าเพระใจปรุงแต่งความคิดเป็นเรื่องราวเป็นภาพต่างๆให้ค่าโยงยัยเกี่ยวพันธ์ยึดถือขึ้นมาแล้วก็ทุกข์เพระสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา เพียงได้เห็นแต่ยังไม่สามารถหลุดออกมาจากวงจรนั้น ก็ยอมรับคะสติปัญญายังไม่เพียงพอ ต้องสู้ต่อไป..( ลึกๆก็ใจไม่กลางนั่นแหระ อิอิ ) ลิลลี่เคยไปถามหลวงพ่อแบบซื่อๆมากเลย มีสติ สมาธิ กิเลสก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เหมือนไม่มีปัญญาล้างได้จริง เหมือนพอมีอะไรกระทบสิ่งลึกๆก็ทำงานขึ้นมาอีก นิสัยไม่ดีต่างๆก็เกิดได้อีก...ท่านตอบว่าล้างได้ไม่เกิดอีกคือเกิดอริยะมรรคนะ โห ตอนนั้นลิลลี่ก็ท้อเลย ต้องอยู่กับมันจนเกิดอริยมรรคหรือ ไม่รู้อีกนานเท่าไร อิอิ ..ท่านชมว่าหนูนี้ถามได้ดี ให้ไปดูไตรลักษณ์ดูมาได้ดีเลย..
ตอนนี้ก็คงเกิดกิเลสตัวใหม่ค่ะ..ของดียังไม่ได้ ของร้ายยังไม่เลิก ทำให้จิตห่างไกลจากความเป็นกลางออกไปอีกค่ะ ...

5. พันธนาการแห่งใจที่โยงยังผูกมัด..คราวที่ยึดเหนียวแน่นติดข้อง พยายามแค่ไหนก็สลัดออกไปไม่ได้เหมือนมีอะไรบังตา ถึงวันที่จะว่าง่ายก็เหมือนพลิกฝ่ามือ เพียงแค่จิตเปลี่นมุมมองได้เห็นความจริงมากขึ้นเท่านั้นเอง

6. ลุงถนอมช่วยเป็นกำลังใจให้ลิลลี่ด้วยนะคะ..สู้ก็สู้ตายค่ะ แต่บางทีก็ท้อแท้บ้างเป็นธรรมดาที่ใจยังไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง  :)

7. ขอบพระคุณค่ะ  _/|\_ ถือเป็นการรายงานผล ปรึกษา แล้วก็บ่นให้ฟังนะคะ  :)

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
สวัสดีครับ (วันนี้แอบมาเล่นในเวลางานได้ด้วยหรือครับ?  ;D)

Quote
ช่วงนี้ภวนาก็เรื่อยๆค่ะ สติก็ละลึกเรื่อยๆ ต่อเนื่องบ้างไม่ต่อเนื่องบ้าง ขณะที่ละลึกเค้าก็ทำหน้าที่ของเค้าไปไม่เกี่ยวกับเรา ไม่มีเราเป็นผู้กระทำ แต่ช่วงขณะที่สติไม่ค่อยละลึก
ก็อาศัยตามรู้สภาวะที่เกิดขณะปัจจุบันไปเรื่อยๆแบบเจือด้วยคิดเอาค่ะ ดีกว่าปล่อยหลงไปค่ะ

ถ้ารู้ทัน ว่ารู้สึกอะไร ทำอะไรอยู่ กิเลสอะไรกำลังบงการครอบงำจิตใจ ก็ไม่ผิดหรอกครับ

Quote
บางช่วงจิตไม่ค่อยตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูเท่าไร เค้ายังงัยไม่รู้ เอาแต่จะรู้ความนิ่ง พลิกเข้าเป็นสมถะอยู่เนืองๆ

รู้ทันอยู่ ก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ครับ จิตเขาก็แสดงธรรมชาติธรรมดาของเขา เรามีหน้าที่คอยตามรู้เท่านั้นเองครับ

Quote
ช่วงที่ป่วยหรือเกิดเวทนาเนืองๆ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหมือนจิตเกี่ยวเนื่องกาย กายป่วยส่งผลจิตไม่ตั้งมั่น ไหลลงสู่เวทนาเป็นเนื้อเดียวกัน

รู้ทันว่าจิตเป็นเนื้อเดียวกันกับเวทนา ก็ใช้ได้นะครับ ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ครับ

Quote
ลิลลี่จำได้ลุงถนอมเคยตอบไว้แต่จำไม่ได้แล้วกระทู้ไหนที่ การฝึกเจริญสติในขณะที่เกิดเวทนารุนแรงแรง หรือ กายป่วย คือ ให้รู้ใจที่ไม่ชอบไปเรื่อยๆหรือคะ

ความจริงก็คือ กิเลสอะไรกำลังครอบงำจิต ก็รู้ทัน ตามความเป็นจริงนั่นแหละครับ หากว่าไม่มีโทสะครอบงำอยู่ จะไปดูโทสะที่ไหนล่ะครับ แต่ถ้ามีครอบงำอยู่ ก็รู้ทันครับ

Quote
ฝึกภวนามาจนถึงวันนี้มีโอกาสเห็นการทำงานของใจได้บ้าง ก็ได้เห็นว่าเพระใจปรุงแต่งความคิดเป็นเรื่องราวเป็นภาพต่างๆให้ค่าโยงยัยเกี่ยวพันธ์ยึดถือขึ้นมาแล้วก็ทุกข์เพระสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมา เพียงได้เห็นแต่ยังไม่สามารถหลุดออกมาจากวงจรนั้น ก็ยอมรับคะสติปัญญายังไม่เพียงพอ ต้องสู้ต่อไป

ก็แค่รู้ทันไปนะครับ

Quote
ตอนนั้นลิลลี่ก็ท้อเลย ต้องอยู่กับมันจนเกิดอริยมรรคหรือ ไม่รู้อีกนานเท่าไร

จริงครับ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ อาจจะค่ำนี้ พรุ่งนี้ ปีหน้า ใครจะรู้ แต่นั่นทั้งหมดนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราแม้แต่น้อยเลยครับ หน้าที่ของเรา มีแค่รู้ทันกิเลสต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น และครอบงำจิตอยู่ในปัจจุบันนั่นแหละครับ

Quote
ตอนนี้ก็คงเกิดกิเลสตัวใหม่ค่ะ..ของดียังไม่ได้ ของร้ายยังไม่เลิก ทำให้จิตห่างไกลจากความเป็นกลางออกไปอีกค่ะ

รู้ทันความไม่เป็นกลางลงไปตรงๆเลยครับ อย่าไปพยายามทำให้จิตเป็นกลาง หรือหาทางสร้างเหตุให้จิตเป็นกลางเป็นอันขาด แค่รู้ทันไปตรงๆครับ ว่าจิตไม่เป็นกลาง

Quote
พันธนาการแห่งใจที่โยงยังผูกมัด..คราวที่ยึดเหนียวแน่นติดข้อง พยายามแค่ไหนก็สลัดออกไปไม่ได้เหมือนมีอะไรบังตา ถึงวันที่จะว่าง่ายก็เหมือนพลิกฝ่ามือ เพียงแค่จิตเปลี่นมุมมองได้เห็นความจริงมากขึ้นเท่านั้นเอง

เพราะจิตเป็นผู้สร้างขึ้นมา และจิตก็ถูกร้อยรัดด้วยพันธนาการที่จิตสร้างขึ้นมา เหมือนแมงมุมที่ถูกใยเหนียวของตัวเองร้อยพัน(เป็นมัมมี่) ก็แค่หยุดสร้างใย เครื่องร้อยรัดพันธนาการก็จะเสื่อมสลายหายไป เรามีหน้าที่เี่พียงแค่ทำให้จิตได้รู้ได้เห็นความเป็นจริงตามความเป็นจริงอันเป็นปัจจุบัน ด้วยการรู้ทันกิเลสที่กำลังครอบงำจิตใจ เท่านั้นเองครับ

Quote
ลุงถนอมช่วยเป็นกำลังใจให้ลิลลี่ด้วยนะคะ..สู้ก็สู้ตายค่ะ แต่บางทีก็ท้อแท้บ้างเป็นธรรมดาที่ใจยังไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง

ก็อย่าไปพยายามอะไรสิครับ อย่าไปตั้งเป้าอะไร แค่พึงพอใจที่จะรู้ทันสภาวะทีเ่กิดขึ้น รู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้น และกำลังครอบงำจิตใจ กำลังบงการใจเรา แค่รู้ทัน รู้ทัน รู้ทัน เท่านี้เองครับ ไม่ต้องใช้กำลังใจอะไรเลย

Quote
ขอบพระคุณค่ะ  _/|\_ ถือเป็นการรายงานผล ปรึกษา แล้วก็บ่นให้ฟังนะคะ  :)

ขอให้เจริญในธรรมครับ  _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีตอนเย็นค่ะ  _/|\_

ตอนนี้เล่นได้แล้วค่ะ ลิลลี่ copy web dhammada ขึ้นไว้บน Address เลย ไม่ได้เข้าผ่าน Google ค่ะ ถ้าเข้าผ่าน Google เข้าไม่ได้ค่ะ  ;D
ขอบพระคุณมากค่ะที่ตอบคำถามไร้สาระตามประสาเด็กเลอะเทอะเปอะเปื้อนไปด้วยกิเลส จะลองฝึกดูค่ะ รู้ลงปัจจุบันไปเรื่อยๆ รู้แล้วผ่านๆ ไม่เปรียบเทียบ
ตั้งความหวัง เป้าหมาย เพราะเมื่อตั้งความหวัง ก็อาจย่อมมีผิดหวังค่ะ

บะบายค่ะ ลิลลี่สีชมพู  _/|\_





Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
สวัสดีตอนเย็นค่ะ  _/|\_

สวัสดีครับ (ตอนเช้าตรู่)  _/|\_  :)

Quote
ตอนนี้เล่นได้แล้วค่ะ ลิลลี่ copy web dhammada ขึ้นไว้บน Address เลย ไม่ได้เข้าผ่าน Google ค่ะ ถ้าเข้าผ่าน Google เข้าไม่ได้ค่ะ

แปลกดีครับ ไม่เข้าใจ ไหงเป็นงั้นไปได้  :o

Quote
ขอบพระคุณมากค่ะที่ตอบคำถามไร้สาระตามประสาเด็กเลอะเทอะเปอะเปื้อนไปด้วยกิเลส จะลองฝึกดูค่ะ รู้ลงปัจจุบันไปเรื่อยๆ รู้แล้วผ่านๆ ไม่เปรียบเทียบ ตั้งความหวัง เป้าหมาย เพราะเมื่อตั้งความหวัง ก็อาจย่อมมีผิดหวังค่ะ

ตั้งใจนั้นตั้งได้นะครับ แต่ให้ตั้งไว้ที่ "พอใจที่จะทำเหตุ" คือ ตั้งใจที่จะภาวนาไปเรื่อยๆ ตั้งใจที่จะมีวินัยกับตัวเอง (ที่เหมาะกับกำลังของตัวเอง - ตึงนิดหน่อย อย่าให้สบายเกินไป)

Quote
บายค่ะ ลิลลี่สีชมพู  _/|\_

ขอให้เจริญในธรรมครับ  _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายตอนเช้าค่ะ  _/|\_ ;D เมื่นวานไปฟังธรรมมาค่ะ

เช้านี้ค่อนข้าง สว่าง ตั้งมั่น เห็นความพอใจเรียงเข้ามาเป็นสาย ก็ตามรู้ลงไปเรื่อยๆค่ะ มันก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน..

ขอบคุณประโยคนี้ค่ะ
" ถ้าไม่ตั้งความหวังไว้ที่ผล แต่พอใจที่จะทำ เราจะทำมันได้ทุกวัน ไม่ว่าจะยากลำบากขนาดไหน หรือจะยาวนานเท่าใดก็ตาม"

ก็ยอมรับก็ตั้งความหวังเหมือนกันค่ะบางที แต่ก็ทำทุกวันค่ะแม้ลำบากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ก็ตื่นมาพร้อมกับ จิตที่ละลึกเสมอว่ามีงานหลักต้องทำ
ตื่นมาพร้อมกับ หัวใจนักสู้ ผู้สมเป็นศิษย์มีครู ในทุกๆวันค่ะ ...เพราะรู้ดีว่าสู้กับอะไรหรือจะยากเท่าสู้กับกิเลสในใจตน ต้องอดทน พากเพียรแค่ไหน ..

ลิลลี่สีขาว  _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
ก็ยอมรับก็ตั้งความหวังเหมือนกันค่ะบางที แต่ก็ทำทุกวันค่ะแม้ลำบากแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหน ก็ตื่นมาพร้อมกับ จิตที่ละลึกเสมอว่ามีงานหลักต้องทำ

ตื่นมาพร้อมกับ หัวใจนักสู้ ผู้สมเป็นศิษย์มีครู ในทุกๆวันค่ะ ...เพราะรู้ดีว่าสู้กับอะไรหรือจะยากเท่าสู้กับกิเลสในใจตน ต้องอดทน พากเพียรแค่ไหน ..


อนุโทนาครับ  _/|\_  ;D
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายตอนบ่ายค่ะ  _/|\_
เล่าการภวนาสู่กันฟังค่ะ  ;D
1. ช่วงนี้สมาธิค่อนข้างดีค่ะ ทั้งสมาธิที่อยู่ในอารมณ์อันเดียว และสมาธิตั้งมั่นในการรู้อารมณ์ ผลของสมาธิ ความตั้งมั่นก็ทำให้ใจสบายๆ นะคะ โปร่งโล่งเบา เกื้อต่อการเกิดสติ

2. แล้วช่วงนี้เห็นจิตที่ดิ้นรนทำงานด้วยความอยากชัดมากๆค่ะ..อาจเป็นผลจากสมาธิดีจึงเห็นได้ชัด คือ อาการที่จิตดิ้นรนทำงาน ด้วยอยากได้อารมณ์นั้นนี้ หรือไ ม่พอใจอารมณ์ที่เป็นอยู่ ต้องการขยับไปๆ เรื่อยๆ เห็นมันทุกข์โดยตัวของมันเองค่ะ ที่ต้องดิ้นรนไปเรื่อยๆ เหมือนเหนื่อยโดยตัวของมันเองค่ะ แต่อาศัยสติรู้ทันเอาค่ะ เห็นทั้งวันเลย ก็ตามรู้เอาค่ะ
ก้เห็นว่าสมาธิเป็นอาการ เป็นสภาพธรรมที่จิตไปรู้ แล้วก้พลิกกลับ เป็น จิตที่ดิ้นรนทำงาน แล้วสติก็ละลึกรู้ ก็สลับกันไปค่ะ

3. 2-3 วันมานี้สมาธิค่อนข้างดี แล้วก็รู้สึกว่าเป็นกลางมากขึ้น ( แต่อาจจะเป็นกลางด้วยสมถะค่ะ ยังไช่กลางด้วยปัญญาของจริง) แต่สภาวะที่เป็นแบบนี้ก้สุข สงบ ดีนะคะ
ก็เห็นความพอใจบ้างค่ะ มีสติรู้ทัน ไม่หลงไปยึดกับความสงบ

4. เห็นจิตที่มันดิ้นรนทำงานอยากได้อารมณ์ แล้วโห น่ากลัวจังค่ะ มันทุกข์โดยตัวของมันเอง เหนื่อย ดิ้นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้ สมาธิ สติ ปัญญา เกิดสลับบ้าง คงเหนื่อยน่าดู ถ้าต้องไปวิ่งไปตามความอยากนั้น .. :D

บะบายค่ะ  _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายตอนบ่ายค่ะ  _/|\_
สวัสดีตอนค่ำครับ  _/|\_  ;D

Quote
1. ช่วงนี้สมาธิค่อนข้างดีค่ะ ทั้งสมาธิที่อยู่ในอารมณ์อันเดียว และสมาธิตั้งมั่นในการรู้อารมณ์ ผลของสมาธิ ความตั้งมั่นก็ทำให้ใจสบายๆ นะคะ โปร่งโล่งเบา เกื้อต่อการเกิดสติ
อนุโมทนาครับ  _/|\_

Quote
2. แล้วช่วงนี้เห็นจิตที่ดิ้นรนทำงานด้วยความอยากชัดมากๆค่ะ..อาจเป็นผลจากสมาธิดีจึงเห็นได้ชัด คือ อาการที่จิตดิ้นรนทำงาน ด้วยอยากได้อารมณ์นั้นนี้ หรือไ ม่พอใจอารมณ์ที่เป็นอยู่ ต้องการขยับไปๆ เรื่อยๆ เห็นมันทุกข์โดยตัวของมันเองค่ะ ที่ต้องดิ้นรนไปเรื่อยๆ เหมือนเหนื่อยโดยตัวของมันเองค่ะ แต่อาศัยสติรู้ทันเอาค่ะ เห็นทั้งวันเลย ก็ตามรู้เอาค่ะ ก้เห็นว่าสมาธิเป็นอาการ เป็นสภาพธรรมที่จิตไปรู้ แล้วก้พลิกกลับ เป็น จิตที่ดิ้นรนทำงาน แล้วสติก็ละลึกรู้ ก็สลับกันไปค่ะ
อนุโมทนาครับ  _/|\_

Quote
3. 2-3 วันมานี้สมาธิค่อนข้างดี แล้วก็รู้สึกว่าเป็นกลางมากขึ้น ( แต่อาจจะเป็นกลางด้วยสมถะค่ะ ยังไช่กลางด้วยปัญญาของจริง) แต่สภาวะที่เป็นแบบนี้ก้สุข สงบ ดีนะคะ ก็เห็นความพอใจบ้างค่ะ มีสติรู้ทัน ไม่หลงไปยึดกับความสงบ
อนุโมทนาครับ  _/|\_

Quote
4. เห็นจิตที่มันดิ้นรนทำงานอยากได้อารมณ์ แล้วโห น่ากลัวจังค่ะ มันทุกข์โดยตัวของมันเอง เหนื่อย ดิ้นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้ สมาธิ สติ ปัญญา เกิดสลับบ้าง คงเหนื่อยน่าดู ถ้าต้องไปวิ่งไปตามความอยากนั้น .. :D
อนุโมทนาครับ  _/|\_

Quote
บะบายค่ะ  _/|\_
บายครับ

เป็นกระทู้ที่ตอบง่ายที่สุดเท่าที่เคยตอบมาเลยครับ  ;D

เห็นมะ ผลของการภาวนาก็ไม่เที่ยง ขอแค่ไม่ถอดใจ ไม่ต้องพยายามเอาชนะ แค่ไม่ยอมแพ้ แล้วรักษาการภาวนาสม่ำเสมอ ก็จะเป็นเช่นนี้แล...  ;D

ขออนุโมทนาอีกครั้งนะครับ  _/|\_  ;D ;D ;D
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ  _/|\_ เล่าการภวนาให้ฟังเล่นๆค่ะ

1. ลิลลี่ไม่รู้หรอกลุงถนอมอยากฟังมั้ย แต่ลิลลี่อยากเล่า อิอิ เพราะปรกติก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่องการภวนากับใครเลย แม้กระทั่งครอบครัว ( เค้าไม่ศรัทธา)
ก็มีมาเล่าสู่ลุงถนอมฟัง ที่เข้าใจกันเรื่องภวนา เวลาได้คุยกับกับครู จิปาถะ เรื่องภวนา เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจให้มีแรงเดินต่อไป ครูอีกท่าน ก็คล้ายๆลุงถนอมแหระ
บอกว่าตอบคำถามของลิลลี่ง่ายมาก อิอิ อ่ะคับๆ อยู่คำเดียว ท่านว่า ก็ที่เอาการบ้านมาส่ง ก็ทำถูกแล้ว จะให้ตอบอะไร.. ก็ทำไปต่อเนื่อง :D

2. เหลือเชื่อนะคะ แม้ครูที่ไม่เคยเห็นหน้า รู้จักเพียงทางเน็ต กลับเหมือนส่งพลังของใจถึงกันได้มากกว่า คนใกล้ชิด หรือ ที่ทำงานซะอีก  ;D

3. ภวนาละเอียดๆขึ้น ประมาทกิเลสไม่ได้เลยนะคะ ลิลลี่เห็นแล้ว โห โดนหลอกอ่ะค่ะ ..คือช่วงก่อน สมาธิดี มีสติดี จิตก็ตั้งมั่น ขณะที่เราหลงไปว่าเราภวนาดี กิเลสไม่ค่อยมี
เพราะขณะนั้นเรากำลังติดข้อง ในกำลังของสมาธิ ในสภาวะดีๆที่เป็น เราไม่รู้เลยว่าโดนหลอกอยู่ พอมีสิ่งภายนอกกระทบ โอ้โห เค้าแสดงความจริงให้ดู แสดงไตรลักษณ์ให้ดูว่า กิเลสยังนอนเนื่องอยู่ภายในใจพร้อมทำงานเสมอ.. เพียงแต่เจตสิกที่ประกอบจิตแต่ละประเภทที่เกิดขึ้นนั้น เค้าแสดงสภาพธรรมของเค้าให้ดู เป็นเพียงอาการลักษณะเฉพาะตัวของเค้า ผลของสมาธิก็สุขสว่าง ผลของโทสะก็ทุกข์ จิตแต่ละประเภทเค้าทำกิจเกิดสลับ สับเปลี่ยนต่อเนื่องกันไปเท่านั้นเอง เราก็ไปหลงยึดอาการเหล่านั้นว่าทั้งหมดมันคือเรา ชอบอันนั้น เกลียดอันนี้


4. เห็นน่ะเห็นอยู่แต่ยังไม่หลุด ค่อยๆสั่งสมไป เพียงแต่ยังมีโอกาสเห็นความจริง ก็ยังดีนะคะ .. :D

 _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ  _/|\_ เล่าการภวนาให้ฟังเล่นๆค่ะ
สวัสดีครับ ขออภัยที่ทักทายกันช้าไปหน่อยนะครับ

Quote
ลิลลี่ไม่รู้หรอกลุงถนอมอยากฟังมั้ย แต่ลิลลี่อยากเล่า อิอิ
อยากฟังหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้นะครับ รู้แต่ว่า ได้ฟังทีไร ก็ชื่นใจทุกที  ;D

Quote
ก็คล้ายๆลุงถนอมแหระ บอกว่าตอบคำถามของลิลลี่ง่ายมาก อิอิ อ่ะคับๆ อยู่คำเดียว ท่านว่า ก็ที่เอาการบ้านมาส่ง ก็ทำถูกแล้ว จะให้ตอบอะไร.. ก็ทำไปต่อเนื่อง
ถ้าเข้าใจหลัก และลงมือทำได้แล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไร นอกจากคำว่า "ให้ทำต่อไป" จำได้ว่าหลวงพ่อท่านก็บอกอย่างนี้นี่ครับ ลุงถนอม ลูกศิษย์ตัวกระจ๊อก จะพูดอะไรได้มากกว่านี้อีก  ;D

Quote
เหลือเชื่อนะคะ แม้ครูที่ไม่เคยเห็นหน้า รู้จักเพียงทางเน็ต กลับเหมือนส่งพลังของใจถึงกันได้มากกว่า คนใกล้ชิด หรือ ที่ทำงานซะอีก
เรื่องนี้ไม่ต้องเชื่อหรอก แต่รู้สึกได้ด้วยใจ แล้วเอาเข้าจริง เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นพระมหากรุณาของพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญครับ พระมหากรุณาของท่าน มิได้หมดไปเมื่อท่านเสด็จดับขันธปรินิพพานสักหน่อย หมั่นเจริญสติอยู่อย่างนี้ เวลาน้อมระลึกถึงคุณของท่าน ก็จะสัมผัสได้ถึงมหากรุณาของท่าน ที่ยังคงซึมซ่านอยู่ในทุกสิ่งทั้งภายนอกและภายในใจของเรา เพียงแต่เราต่างหากที่ไปปิดกั้น ไม่ยอมรับรู้ในสิ่งที่มีอยู่ เท่านั้นเอง

Quote
ภวนาละเอียดๆขึ้น ประมาทกิเลสไม่ได้เลยนะคะ ลิลลี่เห็นแล้ว โห โดนหลอกอ่ะค่ะ ..คือช่วงก่อน สมาธิดี มีสติดี จิตก็ตั้งมั่น ขณะที่เราหลงไปว่าเราภวนาดี กิเลสไม่ค่อยมี
เพราะขณะนั้นเรากำลังติดข้อง ในกำลังของสมาธิ ในสภาวะดีๆที่เป็น เราไม่รู้เลยว่าโดนหลอกอยู่ พอมีสิ่งภายนอกกระทบ โอ้โห เค้าแสดงความจริงให้ดู แสดงไตรลักษณ์ให้ดูว่า กิเลสยังนอนเนื่องอยู่ภายในใจพร้อมทำงานเสมอ.. เพียงแต่เจตสิกที่ประกอบจิตแต่ละประเภทที่เกิดขึ้นนั้น เค้าแสดงสภาพธรรมของเค้าให้ดู เป็นเพียงอาการลักษณะเฉพาะตัวของเค้า ผลของสมาธิก็สุขสว่าง ผลของโทสะก็ทุกข์ จิตแต่ละประเภทเค้าทำกิจเกิดสลับ สับเปลี่ยนต่อเนื่องกันไปเท่านั้นเอง เราก็ไปหลงยึดอาการเหล่านั้นว่าทั้งหมดมันคือเรา ชอบอันนั้น เกลียดอันนี้
ครับ ก็ค่อยๆลอกกาบกล้วยออกไปทีละชั้นๆ ด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยตัวของเราเอง พระพุทธเจ้าท่านถึงบอกกับนักภาวนาไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน (ไปอ่านเจอในพุทธพจน์นะครับ เจอประโยคเต็มๆ ท่านกล่าวไว้ให้กับนักภาวนานะครับ ส่วนคนที่ไม่ภาวนา ท่านสอนให้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งครับ)

Quote
เห็นน่ะเห็นอยู่แต่ยังไม่หลุด ค่อยๆสั่งสมไป เพียงแต่ยังมีโอกาสเห็นความจริง ก็ยังดีนะคะ ..
ดีมากต่างหากล่ะครับ เมื่อเจอต้นทาง และลงมือ(เอ๊ย ก้าวเท้า) ไปตามทาง เดี๋ยวก็ถึงครับ สิ่งที่ยากที่สุด ไม่ใช่การก้าวขาเดิน แต่ที่ยากที่สุดก็คือ หาทางให้พบ เมื่อพบแล้ว และลงมือเดิน ไม่ยากหรอกครับที่จะไปถึงปลายทางในวันหนึ่งข้างหน้า  ;)

ขอให้เจริญในธรรมครับ  _/|\_ :)


คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ  _/|\_
เล่าการภวนาสู่กันฟังตามประสา   ;D

ช่วงที่ผ่านมา ก็มีเหตุการณ์กระทบใจเกิดขึ้น คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ แต่ดีขึ้นมากแล้ว ช่วงที่ผ่านมา ใจมีแต่โทสะ ทั้งทุกข์ กังวล เหนื่อย สาระพัด แต่ก็ไม่ทิ้งการภวนาค่ะ ทำอะไรไม่ค่อยได้ ก็อาศัยดูกาย ดูการเคลื่อนไหวเป็นหลัก แล้วช่วงที่แย่มากๆ ได้เพียงสมถะก็เอา แล้วสักพักก็ต้องกลับมาอาศัยสติ เป็นหลักเพราะ ดูแลผู้สูงอายุ แล้วป่วย ใจก็มีแต่โทสะค่ะ.
ต้องกลับมาวางใจไว้ที่ใหม่ ดูแลท่านด้วยจิตที่เป็นเมตตา เข้าใจและไม่คาดหวังให้ท่านเป็นดังใจ ...เหนื่อยมากค่ะ เหนื่อยกาย ไม่เท่าเหนื่อยใจ แต่สู้เสมอค่ะ กับการเรียนรู้ใจตนเอง เหตุการณ์ทั้งหลายสอน ลิลลี่ได้มากค่ะ ว่าประมาทในชีวิตไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับเราได้บ้าง แม้วันนี้ ทำเหตุแห่ง สติ สมาธิ ปัญญา แต่วิบากกรรมเก่าที่เคยทำไรไว้ก็ไม่สามารถรู้ได้ ไม่ปล่อยเวลาเสียไปเปล่าๆ

ช่วงนี้ใจก็ยังคงมีแต่โทสะเป็นหลัก จิตชนิดที่มีโทสะเจตสิกเกิดขึ้นจำนวนมากกว่าจิตชนิดอื่นๆค่ะ มีสติ สมาธิ เกิดบ้าง สลับไป แล้วก็ตามมาด้วยใจที่ไม่เป็นกลาง เห็นโลกด้วยความเบื่อหน่าย เบื่อ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เบื่อวงจรที่ต้องตกเป็นทาสที่ยังหลุดออกไปไม่ได้ ลิลลี่นั่งดูสิ่งต่างๆ เห็นแต่ทุกข์ เห็นแต่ใจที่ไม่เป็นกลาง ลิลลี่ไม่เข้าใจทำไมมนุษย์ถึงคิดว่าตัวเองมีความสุข ทั้งๆที่ชีวิตถ้ามองภาพรวม ไม่ได้สุขแท้จริง เราถูกหลอก แล้วถึงแม้ว่าเราเห็นว่าเราถูกหลอก แต่เราก็หลุดออกไปไม่ได้ ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่เห็นว่าเราเป็นทาส เราถูกขังอยู่ แล้วไม่เคยที่จะคิดดิ้นรนออกจากกรงขังนั้นๆเลย ลิลลี่ห่วงแม่มาก อยากให้แม่มีสัมมาทิฏฐิมีบุญกุศล ติดตัว แต่ท่านไม่เชื่อในเรื่องนี้ ก็ไม่รู้จะทำยังงัย เวลาของแต่ละคนก็เหลือกันไม่มากหรอกจริงๆแล้ว พูดธรรมะให้ฟัง หรือ เปิดให้ฟัง ท่านก็ไม่ชอบฟัง ได้แต่เพียงทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้ววันนึงจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่เสียใจ เพราะวันนี้ทำดีที่สุดแล้ว ..
แล้วก็รู้ได้เลย ว่ายังไม่พอ สติ สมาธิ ปัญญา ยังไม่พอ แต่จะเพียรสะสมไป สู้ตาย มีท้อ แต่ไม่มีถอย อยากไปกราบหลวงพ่อเหลือเกิน แต่ช่วงนี้เวลาพักผ่อนยังไมมีเลย..ฝากกราบหลวงพ่อด้วยนะคะ  ...ศิษย์คนนี้จะสู้จนลมหายใจสุดท้าย...

บ่นมายืดยาว ขอบคุณที่กรุณาอ่าน ลุงถนอมถือเป็นคนนึงที่เข้าใจในสิ่งที่ลิลลี่รู้สึก เพราะโลกใบนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจลิลลี่ นอกนั้นเค้ามีความสุขกับชีวิตในกรงขัง ที่ไม่เคยหาทางออก แล้วยังว่าชีวิตลิลลี่แสนสุขสบาย อิอิ ทำไมถึงไม่อยากเกิด แสวงหาทางพ้นทุกข์อะไรนักหนา ชีวิตก็มีพร้อมทุกอย่าง อิอิ

ลิลลี่  _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
อนุโมทนาครับ

เรื่องของคุณแม่ หากว่าคุณแม่ไม่เชื่อในทางนี้ ก็ขอให้คุณแม่คอยนึกถึงความดีที่เคยทำมา ที่เคยช่วยเหลือผู้อื่นไว้นะครับ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระศรีอาริย์เองครับ อีกราว 9 ล้านปี ก็จะประมาณอายุขัยของเทวดาในสวรรค์ชั่นล่างสุด คือ จาตุมหาราชิกา ครับ

เราทำได้เท่านี้ ก็เท่านี้ครับ

ส่วนเรื่องการภาวนา ขออนุโมทนาด้วยนะครับ _/|\_ มีให้สังเกตเพิ่มนิดนึ่งก็คือ เวลาที่ความโกรธจางหายไป ดับไป แต่มิใช่ดับไปเพราะจิตมีสติ ไม่ได้ดับไปเพราะความรู้สึกตัวแท้ๆ หากเราสังเกตจิตในช่วงนั้น เราจะเห็นกิเลสอีกตัวหนึ่ง คือ โมหะ นะครับ เพราะจิตไปเกลือกกลั้วกับโทสะแล้ว แม้โทสะดับไป แต่จิตไม่ได้เป็นอกุศล จิตก็จะไปเกลือกลั้วกับโมหะ ซึ่งเป็นรากฐานของโทสะน่ะครับ (ปกติแล้ว เวลาที่โทสะเกิด จะมีโมหะจะเกิดร่วมด้วยเสมอ โทสะเป็นเหมือนไฟ โมหะก็เป็นเหมือนควัน ยังไงก็มี แต่เราไม่ได้สังเกตเห็น เพราะโทสะจะเห็นชัดกว่า แต่เมื่อโทสะหายไป ก็จะเห็นโมหะได้ง่ายขึ้น)

ขออนุโมทนาอีกครั้งครับ _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะลุงถนอม  _/|\_

ช่วงนี้ยุ่งๆค่ะ เลยไม่ได้แวะมา แต่ก็ละลึกถึงเสมอ เปิดเวปอ่านดูบ้าง แต่ไม่ค่อยมีสมาธิ อ่านเข้าไปที่ใจเท่าไร ฟุ้งๆลอยๆตลอดค่ะ จิตอยู่นอกๆตลอด
วันนี้แวะมาถือเป็นการขอคำแนะนำเพื่อให้มีกำลังใจ และ ทำในสิ่งที่ควรทำออกมาให้ดีกว่าเดิมค่ะ..

1. ลิลลี่เหนื่อยมาก เหนื่อยใจนะคะ ไม่ใช่เหนื่อยกาย การดูแลผู้สูงอายุที่เอาแต่ใจและขี้หงุดหงิด ทำเท่าไรก็ไม่พอดังใจเสียที ลิลลี่ต้องทำงานจ้างคนดูแล ก้ไม่ได้ดังใจแม่
ทำขนาดไหนก็ยังเป็นลูกที่ไม่ได้ดังใจ ทั้งๆที่ไม่ได้ทิ้งขว้างแต่ด้วยสังคมหน้าที่ก็ต้องทำงาน ..ลึกลงไปทุกข์เพราะอยากเป็นคนดี คาดหวังให้เค้าพอใจ แต่เราทำไม่ได้จึงทุกข์   มากมายถูกมั้ยคะ

2. พี่สาวงานยุ่งไม่มีเวลาดูแลแม่ ไม่ได้สนใจเท่าไร แต่ช่วยเหลือเรื่องเงิน แต่เค้าก็ไม่ทุกข์ ทำตามเท่าที่เค้าทำได้ แล้วแม่ก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่า เหมือนทุกอย่างมาลงที่ลิลลี่ ที่ต้องรับภาระดูแลไปโดยปริยาย เพราะ พี่สาวไม่มาดูแล แล้วก็ต้องรับทุกอย่าง ปล่อยวางออกไปไม่ได้ ..รู้สึกเป็นลูกที่ยังไม่ดีพอตลอดเวลา แต่พยายามทำทุกอย่างแล้ว

3. เหมือนความต้องการของคนสูงอายุมากมาย เราเองก็เห็นแก่ตัวเองอยากให้เค้าเข้าใจเรา เป็นดังใจเรา นึกถึงใจเราบ้าง จนถึงวันลี่ยอมรับลิลลี่เห็นกิเลสตัวเองเยอะแยะมากมาย
ว่าคนแต่ละคนรักตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด ลิลลี่ก็หนีสภาวะนี้ไปไม่พ้น ลิลลี่อยากทำให้ดีที่สุด แต่ ก็ยังไม่ดีพอดังใจ ลิลลี่รักตัวเองจึงอยากให้แม่เป็นดังใจเพื่อที่เราจะเหนื่อยน้อยลง ทุกข์น้อยลง แม่เองก็รักตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด มีความต้องการมากมายเหลือเกิน พอเราทำให้ไม่ได้ ไม่ถูกใจ ก็กลายเป็นลูกที่ไม่ดี

4. เห็นกิเลส เห็นความเห็นแก่ตัว แล้วรังเกียจ ตัวเอง แล้วก็เบื่อหน่ายกับชีวิตคนที่ต้องตกอยู่ในวังวนแบบนี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย วันนึง ลิลลี่ก็ต้องเป็นคนแก่แบบนี้ ลิลลี่กลัวๆ จริงๆค่ะ ว่าแก่แล้วจะเป็นคนแก่แบบนี้

5. การภวนาคว่ำลงไม่เป็นท่า แต่ก็ยังสู้ ทั้งๆที่หมดแรงจริงๆ เหนื่อยใจจนท้อ แต่ก็พยายามนับหนึ่งใหม่ทุกๆวัน ว่าเป็นหน้าที่เป็นกุศลที่ต้องทำ ล้มลุกคลุกคลานกับโทสะ ความเจ็บที่ใจ อยากห่างออกมาเหมือนพี่สาวทำ แต่ก็ทำไม่ได้ รู้สึกผิดมากมาย อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มีความสุขมีแต่โทสะ วางใจไว้ไม่ถูกเลย

6. ขอบคุณค่ะที่กรุณาฟัง