Author Topic: เมื่อถึงทางตันที่คุณลุงถนอมเคยกล่าวไว้  (Read 27857 times)

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ  _/|\_ แวะมาทักทายค่ะ เล่าการภวนาให้ฟังค่ะ

1. ช่วงที่ผ่านมาภวนาก็ค่อนข้าง มีสติ และ สมาธิ อยู่เนืองๆ ค่ะ จิตพอมีความตั้งมั่นอยู่บ้างเป็นขณะๆ ถึงไม่ต่อเนื่องหลายๆขณะเป็นสายโซ่แบบที่เคยเป็นแต่ก็พอรู้สึกได้เป็นขณะบ้างถึงสภาวะแท้ ที่เป็นเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ..เห็นความพอใจตามมาค่ะ เห็นการอยากให้อยู่นานๆค่ะ ก็แล้วแต่เป็นช่วงๆค่ะ แต่รู้สึกมีสมาธิเป็นฐานค่ะ จิตมีความตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน แต่ จิตรู้ก็ละลึกรู้ไปเรื่อยค่ะ ก็รู้ ความโกรธ รู้ความนิ่งค่ะ แต่ไม่ค่อยรู้สุขเวทนาค่ะ เพราะปรกติก่อนๆ เวลาที่จิตมีความตั้งมั่น ส่วนใหญ่ จะมีความสุขมากๆค่ะ แต่ช่วงนี้จิตก็ค่อนข้างตั้งมั่นค่ะ แต่ไม่สุขค่ะ ก็ละลึกรู้ไปเรื่อยๆ สับเปลี่ยนไปค่ะ.

2. ช่วงที่สติ สมาธิ ค่อนข้างดี จะรู้สึกว่า จิตไม่ค่อยส่งออกนอกไปรับสิ่งต่างๆมากค่ะ ก็ไม่ค่อยเหนื่อยค่ะ แต่ช่วงที่ไม่ค่อยมีสติ สมาธิ หรือ เครียดๆ กังวล คิดเยอะ จะรู้สึกเหนื่อยกาย เหนื่อยใจมากๆค่ะ ..ก็มีสติสมาธิ ละลึกรู้สภาวะต่างๆดับเป็นขณะๆลงไปที่กายที่ใจไปเรื่อยๆค่ะ รู้อยู่ที่กาย รู้สึกสบายๆ ไม่เหนื่อยค่ะ ก็วนเวียนเกิดขึ้น ดับลง อยู่ที่กายที่ใจนี่แหระค่ะ ก็สงสัย( ก็รู้ว่าสงสัย) ว่าทำไม เวลา ที่มีสมาธิสติ อยู่ที่กายใจ ดับลงเป็นขณะๆไปจิตจะไม่เหนื่อย เหมือนกายเหนื่อยหรือไม่สบายจิตก็ไม่ทุกข์ทะรนทุราย ก็รู้ไปแล้วก็ดับลงไป ที่ปรกติเวลาเหนื่อยเพราะจิตส่งออกไปรับหลายๆสิ่งเข้ามาเก็บกักเอาไว้หรือ ถึงทำให้เหนื่อยเวลาที่ขาดสติ และ สมาธิ มากๆ

3. มาเล่าสู่กันฟังค่ะ เนื่องจาก ยุ่งๆหลายเรื่องมากค่ะ ยังไม่มีเวลาไปส่งการบ้านหลวงพ่อเลยค่ะ อยู่แค่ชลบุรีแต่ถือเป็นศิษย์ที่ห่างใกลครูไปแล้วเพราะหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ยิ่งไกลยิ่งต้องขยันช่วยเหลือตัวเองให้มากๆค่ะ ไม่ย่อท้อค่ะ แล้ววันนึงจะเอาการบ้านบ้านไปส่งท่าน

บะบายค่ะ ลิลี่

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ  _/|\_
มีคำถามมาปรึกษาค่ะ ลุงถนอมยุ่งหรือคะไม่เห็นค่อยตอบข้อความลิลี่ ;D
ก้อเหมือนๆเดิมค่ะ ภวนาก็เรื่อยๆก็ภวนาในชีวิตประจำวัน แล้วก็ทำในรูปแบบบ้างช่วงเย็นแต่ฟุ้งค่อนข้างเยอะค่ะเพราะมีหลายเรื่องต้องคิด เรื่องอาการป่วยคุณแม่
เรื่องรักษาพยายาบาล หลายอย่างหลายโรคภัยค่ะ ก็สุขๆทุกข์ๆค่ะ ใจฟุ้งค่อนข้างเยอะเพราะมีความกังวล ความอยากให้ท่านหายค่ะ

ลิลี่ขอปรึกษาดังนี้ค่ะ

1. คุณแม่ป่วยหลายโรคค่ะ แล้วก็ยังเดินไม่ได้รอผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ลิลี่ช่วยดูแลท่าน ไม่ทิ้งขว้างท่าน พาหาหมอตลอดค่ะ แล้วก็ตั้งใจภวนา ทำทาน รักษาศีล
อธิฐานให้ผลของกุศลส่งให้ท่านกลับมาเดินได้ หรือ ผ่อนหนักให้เป็นเบา แต่สุขภาพจิตท่านดีขึ้นมากค่ะ ...ลิลี่อยากถามว่า ลิลี่มีทางไหนจะช่วยท่านได้อีกหรือไม่คะ
ลิลี่อยากให้ท่านกลับมาเดินได้บ้างค่ะ ต้องใช้ walker เดินค่ะ เดินแล้วก็เจ็บค่ะ ท่านเป็นคนมีเมตตามากนะคะ ช่วยชีวิตสัตว์ ให้อาหาร ทำท่านช่วยเหลือคน แล้วก็มีศีลค่ะ ถึงไม่สมบูรณ์เป๊ะ มีฆ่ามด ฆ่ายุง บ้างแต่ท่านก็เป็นคนดีค่ะ 

2. วันนี้สับสนฟุ้งซ่านมากค่ะ อยากหาทางช่วยคุณแม่ จะเอาดวงคุณแม่ไปให้หมอดูๆ ว่าพื้นดวงผ่าตัดแล้วจะกลับมาเดินได้มั้ย ก็สองจิตสองใจ เสียดายเงิน แต่ก้อยากทราบว่าท่านจะกลับมาเดินได้มั้ย จะหมดเคราะห็กรรมหรือยัง อะไรมาณนี้ หรือ มีวิธีไหนจะช่วยท่านได้บ้าง อย่าง ปล่อยนก ปล่อยปลา อะไรประมาณนี้ก็พาไปลำบากเพราะเดินไม่ได้ แต่มานึกๆบุญกุศลอย่างอื่นที่ท่านทำก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น บริจาคช่วยเหลือการศึกษาเด็ก ช่วยชีวิตสัตว์ ให้อาหารสัตว์ ก็พอที่จะเป็นบุญได้บ้าง ( ตั้งแต่เช้ามาก็พอมีสิต ตั้งมั่นมานืองๆ พอคิดเรื่องคุณแม่ฟุ้งจัด แล้วก็ถลำเข้าไปกดๆจนเครียดๆค่ะ )

3. ทุกวันนี้ตามสติปัญญาที่ลิลี่มีที่ทำอยู่ ดูแลทางกายภาพ ก็ส่งหาหมออย่างดี ทางจิตใจก็สอนให้ท่านคิดบวก ทำให้ท่านสบายใจ ให้กำลังใจท่าน ดูแลเอาใจใส่
แล้วก็ ทำทาน รักษาศีล ภวนา ทำกุศลเพื่อท่าน ลิลี่ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ลิลี่ควรทำอีกหรือไม่ให้ท่านดีขึ้นในฐานะลูก รบกวนลุงถนอมช่วยแนะนำ หรือ ตักเตือนสติด้วยค่ะ

4.ปรกติเป็นคนที่เชื่อมั่นใความดี เข้าใจกฏแห่งกรรม ไม่เคยมีความคิดอยากดูหมอหรือพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าวิบากที่ต้องรับยากหลีกเลี่ยง กรรมปัจจุบันที่ทำได้ และจะส่งผลถึงอนาคต เพราะฉะนั้นจึงมุ่งมั่นสร้างกรรมปัจจุบันให้ดี ( ทาน ศีล ภวนา )เพื่อผลอนาคตต้องดี และเมื่อวิบากที่ต้องรับ ก็จะยอมรับอย่างเข้มแข็ง แต่พอมีเรื่องคุณแม่ท่านไม่ได้เข้มแข็งอย่างเรา ก็ห่วงท่าน อยากให้ท่านเดินได้ เลยฟุ้งไปคิดว่า เรายังไม่ได้ทำอะไรอีกหรือไม่ ที่จะช่วยท่านได้ อ่านคอลลัมหมอดูเลยนึกอยากเอาดวงท่านไปดูหมอสติก้แย้งว่า ไม่จำเป็น ก็เลยสับสนวกวน แต่ก็ยังไม่ได้ดูค่ะ ก็เลยแวะเข้ามาคุยกับลุงถนอมก่อนค่ะ

5. ถ้าลุงถนอมมีเวลารบกวนตอบด้วยนะคะ ..ข้อความที่แล้วไม่ได้ตอบ ไม่ทราบไม่ได้อ่านหรือ ระบบมีปัญหาหรือเปล่าคะ

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
มีคำถามมาปรึกษาค่ะ ลุงถนอมยุ่งหรือคะไม่เห็นค่อยตอบข้อความลิลี่

ก็ไม่เชิงจะยุ่งอะไรขนาดนั้น (บางช่วงยุ่งจริงเหมือนกันครับ) แต่เห็นเรื่องเล่าให้ฟังแล้ว ไม่ได้มีความเห็นอะไรผุดขึ้นมาน่ะครับ ทำให้ไม่สามารถตอบอะไรไปได้เหมือนกันครับ ต้องขออภัยนะครับ หากไปทำให้เข้าใจว่า ไม่ค่อยตอบคำถามน่ะครับ

Quote
คุณแม่ป่วยหลายโรคค่ะ แล้วก็ยังเดินไม่ได้รอผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ลิลี่ช่วยดูแลท่าน ไม่ทิ้งขว้างท่าน พาหาหมอตลอดค่ะ แล้วก็ตั้งใจภวนา ทำทาน รักษาศีล
อธิฐานให้ผลของกุศลส่งให้ท่านกลับมาเดินได้ หรือ ผ่อนหนักให้เป็นเบา แต่สุขภาพจิตท่านดีขึ้นมากค่ะ ...ลิลี่อยากถามว่า ลิลี่มีทางไหนจะช่วยท่านได้อีกหรือไม่คะ

อันที่จริงแล้ว สังขารร่างกาย ย่อมเสื่อมโทรม โรยรา ไปตามความชรานะครับ หากเราทำใจยอมรับในเรื่องนี้ได้ ก็ดีครับ ส่วนเรื่องหวังไว้นั้น เท่าที่เคยเห็น และมีประสบการณ์ชีวิตมา การปล่อยชีวิตสัตว์ก็จะช่วยทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงกลับขึ้นมาได้เหมือนกัน การปล่อยปลา การไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัด ก็จะช่วยได้เหมือนกันครับ แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมหลักครับว่า
1. การทำทาน ผลของการทำทาน ทั้งหมดนั้นเป็นอนัตตา ดังนั้น เราจะไปคาดหวังหรือบังคับ ให้ผลของทานเหล่านั้น ย้อนกลับคืนมาส่งผลตามใจปราถนาไม่ได้
2. เราต้องทำทานบ่อยๆ ทำเนืองๆ จะทำเองหรือจะร่วมกับเขาทำก็ได้ ให้เป็นอาจินต์ ผลของทานจึงจะได้ผลเร็วครับ ตามหลักแล้ว อาจิณกรรมนั้นให้ผลก่อน หากไม่มีกรรมหนัก กรรมที่เป็นกุศลแรงๆ มาให้ผลอยู่นะครับ

Quote
วันนี้สับสนฟุ้งซ่านมากค่ะ อยากหาทางช่วยคุณแม่ จะเอาดวงคุณแม่ไปให้หมอดูๆ ว่าพื้นดวงผ่าตัดแล้วจะกลับมาเดินได้มั้ย ก็สองจิตสองใจ เสียดายเงิน แต่ก้อยากทราบว่าท่านจะกลับมาเดินได้มั้ย จะหมดเคราะห็กรรมหรือยัง อะไรมาณนี้ หรือ มีวิธีไหนจะช่วยท่านได้บ้าง อย่าง ปล่อยนก ปล่อยปลา อะไรประมาณนี้ก็พาไปลำบากเพราะเดินไม่ได้ แต่มานึกๆบุญกุศลอย่างอื่นที่ท่านทำก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น บริจาคช่วยเหลือการศึกษาเด็ก ช่วยชีวิตสัตว์ ให้อาหารสัตว์ ก็พอที่จะเป็นบุญได้บ้าง ( ตั้งแต่เช้ามาก็พอมีสิต ตั้งมั่นมานืองๆ พอคิดเรื่องคุณแม่ฟุ้งจัด แล้วก็ถลำเข้าไปกดๆจนเครียดๆค่ะ )

ไปทำเองไม่ได้ ก็บอกให้ท่านรับรู้ ทำเสร็จแล้วก็บอกให้ท่านอนุโมทนา จะถ่ายรูปมาก็ได้ครับ

Quote
ทุกวันนี้ตามสติปัญญาที่ลิลี่มีที่ทำอยู่ ดูแลทางกายภาพ ก็ส่งหาหมออย่างดี ทางจิตใจก็สอนให้ท่านคิดบวก ทำให้ท่านสบายใจ ให้กำลังใจท่าน ดูแลเอาใจใส่ แล้วก็ ทำทาน รักษาศีล ภวนา ทำกุศลเพื่อท่าน ลิลี่ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ลิลี่ควรทำอีกหรือไม่ให้ท่านดีขึ้นในฐานะลูก รบกวนลุงถนอมช่วยแนะนำ หรือ ตักเตือนสติด้วยค่ะ

นอกจากคำแนะนำเพิ่มเติมแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะบอกให้ทำมากไปกว่านี้ครับ ขอเพียงให้รักษาความสม่ำเสมอ และภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนทำไปเรื่อยๆครับ และก็ขออนุโมทนาด้วยนะครับ ที่สามารถทำอย่างนี้มาได้เสมอมาครับ  _/|\_

Quote
ปรกติเป็นคนที่เชื่อมั่นใความดี เข้าใจกฏแห่งกรรม ไม่เคยมีความคิดอยากดูหมอหรือพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าวิบากที่ต้องรับยากหลีกเลี่ยง กรรมปัจจุบันที่ทำได้ และจะส่งผลถึงอนาคต เพราะฉะนั้นจึงมุ่งมั่นสร้างกรรมปัจจุบันให้ดี ( ทาน ศีล ภวนา )เพื่อผลอนาคตต้องดี และเมื่อวิบากที่ต้องรับ ก็จะยอมรับอย่างเข้มแข็ง แต่พอมีเรื่องคุณแม่ท่านไม่ได้เข้มแข็งอย่างเรา ก็ห่วงท่าน อยากให้ท่านเดินได้ เลยฟุ้งไปคิดว่า เรายังไม่ได้ทำอะไรอีกหรือไม่ ที่จะช่วยท่านได้ อ่านคอลลัมหมอดูเลยนึกอยากเอาดวงท่านไปดูหมอสติก้แย้งว่า ไม่จำเป็น ก็เลยสับสนวกวน แต่ก็ยังไม่ได้ดูค่ะ ก็เลยแวะเข้ามาคุยกับลุงถนอมก่อนค่ะ

นอกจากเรื่องของกฎแห่งกรรมแล้ว ยังมีเรื่องไตรลักษณ์ที่เราต้องไม่ลืมกันด้วยนะครับ เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ ถึงอย่างไรๆก็ต้องเจ็บ ต้องป่วย ต้องไข้ ต้องตาย กันทุกคน ไม่มีใครที่ไม่เป็นอย่างนั้น แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้รับการยกเว้น เพราะนี่คือธรรมดาของผู้ที่มีกายหยาบ เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ครับ

ดังนั้น นอกจากตั้งใจทำความดีในการดูแลคุณแม่แล้ว เราต้องดูแลใจเราเองด้วยครับ อย่าปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกครอบงำจิตใจ จนกิเลสทำงานบงการจิตจนฟุ้งซ่านอย่างนี้นะครับ หากจิตฟุ้งซ่านไปแล้ว ก็ให้รีบรู้ไวๆ ว่าจิตฟุ้งซ่าน หากจิตดิ้นรนหนีความฟุ้งซ่าน ก็ให้รู้ทันไวๆ ว่าจิตกำลังพยายามดิ้นรนนะครับ

ขอให้มีความเพียร มีฉันทะ มีความใส่ใจ ในการภาวนาต่อไปนะครับ  _/|\_

คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ  _/|\_
ขอบพระคุณมากนะคะ  ;D ;D

ที่นี่เป็นเหมือนบ้านที่เวลาทุกข์ใจ สับสน ฟุ้งซ่าน ก็จะเข้ามาค่ะ อย่างน้อยได้สติ ได้กำลังใจกลับไปค่ะ รู้สึกเช่นนั้นค่ะ
ว่าบ้านหลังนี้มีสัมมาทิฐิ เวลาไขว้เขว ถ้ามาพักพิงบ้านหลังนี้ จะได้สติให้มองตรงทางกลับไปค่ะ

1. ในแต่ละสภาวะ แต่ละเวลา จิตใจไม่คงที่ค่ะ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ช่วงใดที่ตั้งมั่น จะมองปัญหาด้วยใจเข้มแข็งพร้อมสู้พร้อมแก้ปัญหาด้วยใจยอมรับ ไม่ทุกข์ค่ะ ยิ้มรับได้ด้วยเข้าใจว่าเราหนี กฏของความเป็นไตรลักษณ์ไปไม่พ้น มีเกิด แก่ เจ็บ และ ตาย เป็นธรรมดา ทำเหตุปัจจุบันให้ที่สุด แต่อย่างอาทิตย์ที่แล้ว สับสนฟุ้งซ่านกิเลสครอบงำจิตจริงๆ

2. ด้วยพันธนาการต่างๆ ทำให้เราวางอุเบกขาว่าเราทุกคนเป็นไปตามเหตุ มิใช่เป็นตามความหวัง ตามใจอยาก ได้ยากเหลือเกินนะคะ ช่วงที่มีสติสมาธิ จิตตั้งมั่นก็วางได้อยู่หรอกค่ะ พอขาดสติสมาธิ ก็เข้าไปทุกข์อีกแล้วเพราะ อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พลอยคิดน้อยใจตัวเองไปอีกว่าเราช่วยท่าน ดูแลท่านได้ไม่ดีพอหรือเปล่า ไปเรื่อยเปื่อยตามประสาใจช่างฟุ้งค่ะ

 3. ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ตั้งใจ ทำทาน รักษาศีล ภวนา เพื่อกุศลช่วยท่านได้บ้าง เวลาทำทาน เกิด สติ ใจเป็นกุศล จะอธิฐานจิตส่งให้ท่าน ละลึกถึงท่าน ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยท่านได้บ้างมั้ย กรรมของท่านอาจหนักหนา แต่ก็ไม่ท้อที่จะทำ ถึงทำแล้วไม่เป็นดังหวังก็จะไม่เสียใจค่ะ จะฝึกยอมรับ วางอุเบกขา ว่าได้ทำแล้ว

4. ถือเป็นประสบการณ์ของชีวิตก่อนแก่ เจ็บ ตาย ตามกฏธรรมชาติ ค่ะ มีโอกาสฝึกจิตไว้ด้วยการเรียนรู้จากคุณแม่ค่ะ เผื่อวันนึงต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายจะได้อยู่กับมันอย่างไม่ทุกข์ได้

5. ก็ไม่มีอะไรค่ะ ลุงถนอมไม่ต้องตอบอะไรก็ได้ค่ะ อิอิ คราวที่แล้วลิลี่ฟุ้งซ่านไปเองค่ะ แต่เวลาที่ลุงถนอมเข้ามาตอบ หรือ พูดอะไรคำสองคำ ก็ดีใจค่ะ  ;D ;D ;D
เหมือนมีผู้ร่วมทาง ผู้ชี้ทาง ผู้เข้าใจ แต่ต้องพึ่งพาตัวเองก่อนเข้าใจดีค่ะ จะเข้มแข็งค่ะ ให้สมกับมีบุยเก่าติดมาให้ได้พบหลวงพ่อ ได้ฝึกตามคำสอนท่าน ก็ต้องสู้ๆกับชีวิตนะคะ..
สู้ๆ สุ้ตายค่ะ

 _/|\_  :D :D

ลิลี่

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
ที่นี่เป็นเหมือนบ้านที่เวลาทุกข์ใจ สับสน ฟุ้งซ่าน ก็จะเข้ามาค่ะ อย่างน้อยได้สติ ได้กำลังใจกลับไปค่ะ รู้สึกเช่นนั้นค่ะ
ว่าบ้านหลังนี้มีสัมมาทิฐิ เวลาไขว้เขว ถ้ามาพักพิงบ้านหลังนี้ จะได้สติให้มองตรงทางกลับไปค่ะ

ขอบคุณครับ  ;D

Quote
ในแต่ละสภาวะ แต่ละเวลา จิตใจไม่คงที่ค่ะ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ช่วงใดที่ตั้งมั่น จะมองปัญหาด้วยใจเข้มแข็งพร้อมสู้พร้อมแก้ปัญหาด้วยใจยอมรับ ไม่ทุกข์ค่ะ ยิ้มรับได้ด้วยเข้าใจว่าเราหนี กฏของความเป็นไตรลักษณ์ไปไม่พ้น มีเกิด แก่ เจ็บ และ ตาย เป็นธรรมดา ทำเหตุปัจจุบันให้ที่สุด แต่อย่างอาทิตย์ที่แล้ว สับสนฟุ้งซ่านกิเลสครอบงำจิตจริงๆ

เป็นธรรมดาของโลกครับ เมื่อใดที่จิตปราศจากความยึดมั่นถือมั่นแล้ว เราก็จะเห็นว่า โลกก็เป็นอย่างนี้ อะไรๆก็ผ่านมาผ่านไป จิตเป็นเพียงผู้รู้ผู้ดูที่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวไปข้องอะไรอีกแล้ว แต่ถ้ายังไม่ถึง จิตนี้ก็ยังอดเข้าไปเกี่ยวไปข้องไม่ได้ หนักเบาก็ตามส่วนของสังโยชน์-อุปาทานที่ยังละไม่ได้ครับ

Quote
ด้วยพันธนาการต่างๆ ทำให้เราวางอุเบกขาว่าเราทุกคนเป็นไปตามเหตุ มิใช่เป็นตามความหวัง ตามใจอยาก ได้ยากเหลือเกินนะคะ ช่วงที่มีสติสมาธิ จิตตั้งมั่นก็วางได้อยู่หรอกค่ะ พอขาดสติสมาธิ ก็เข้าไปทุกข์อีกแล้วเพราะ อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ พลอยคิดน้อยใจตัวเองไปอีกว่าเราช่วยท่าน ดูแลท่านได้ไม่ดีพอหรือเปล่า ไปเรื่อยเปื่อยตามประสาใจช่างฟุ้งค่ะ

การภาวนาก็ไม่เที่ยง ผลของการภาวนาก็ไม่เที่ยง ไงครับ

Quote
ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ตั้งใจ ทำทาน รักษาศีล ภวนา เพื่อกุศลช่วยท่านได้บ้าง เวลาทำทาน เกิด สติ ใจเป็นกุศล จะอธิฐานจิตส่งให้ท่าน ละลึกถึงท่าน ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยท่านได้บ้างมั้ย กรรมของท่านอาจหนักหนา แต่ก็ไม่ท้อที่จะทำ ถึงทำแล้วไม่เป็นดังหวังก็จะไม่เสียใจค่ะ จะฝึกยอมรับ วางอุเบกขา ว่าได้ทำแล้ว

ครับ ใครทำกรรมใด ก็ย่อมได้ผลของกรรมนั้นถึงตนในวันหนึ่ง เราบังคับผลของกรรมให้มาถึงเราตามในปราถนาไม่ได้ก็จริง แต่ย่อมกลับมาถึงเราในวันหนึ่งข้างหน้า อยู่ดี

Quote
ถือเป็นประสบการณ์ของชีวิตก่อนแก่ เจ็บ ตาย ตามกฏธรรมชาติ ค่ะ มีโอกาสฝึกจิตไว้ด้วยการเรียนรู้จากคุณแม่ค่ะ เผื่อวันนึงต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายจะได้อยู่กับมันอย่างไม่ทุกข์ได้

อยู่ด้วยสติ อยู่ด้วยปัญญา ย่อมถึงความพ้นทุกข์ในที่สุดครับ  ;D

Quote
ก็ไม่มีอะไรค่ะ ลุงถนอมไม่ต้องตอบอะไรก็ได้ค่ะ อิอิ คราวที่แล้วลิลี่ฟุ้งซ่านไปเองค่ะ แต่เวลาที่ลุงถนอมเข้ามาตอบ หรือ พูดอะไรคำสองคำ ก็ดีใจค่ะ  ;D ;D ;D
เหมือนมีผู้ร่วมทาง ผู้ชี้ทาง ผู้เข้าใจ แต่ต้องพึ่งพาตัวเองก่อนเข้าใจดีค่ะ จะเข้มแข็งค่ะ ให้สมกับมีบุยเก่าติดมาให้ได้พบหลวงพ่อ ได้ฝึกตามคำสอนท่าน ก็ต้องสู้ๆกับชีวิตนะคะ..
สู้ๆ สุ้ตายค่ะ

อนุโมทนาครับ  _/|\_
« Last Edit: Mon 2 Apr 12, 11:52:47 by ลุงถนอม »
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ  _/|\_
แวะมาทักทายค่ะ แล้วก็ขอบคุณค่ะที่ช่วยแนะนำหลายๆเรื่องค่ะ

ภวนาก็เรื่อยๆค่ะ ไม่มีอะไรก้าวหน้าค่ะ ก็มีแค่หลงกับรู้ก็เท่านั้นค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะหลงค่ะ เวลาผ่านไปไวค่ะ แล้วชีวิตที่ผ่านไปเรื่อยๆก็มีปัญหาเข้ามาให้แก้ไขอยู่เรื่อยๆค่ะ
ก็ใช้สติปัญญาช่วยก็แก้ไขกันไปค่ะ เน้นอดทน ยอมรับเข้าใจธรรมชาติที่มันเป็นไปค่ะ ก็ตั้งใจภวนาไว้ค่ะจะได้มีการบ้านไปส่งหลวงพ่อ สร้างกุศล ติดตัวไว้เพื่อนำทางค่ะ

ไว้ไปส่งการบ้านแล้วจะมาเล่าให้ลุงถนอมฟังนะคะ 


บะบายค่ะ



Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Quote
แวะมาทักทายค่ะ แล้วก็ขอบคุณค่ะที่ช่วยแนะนำหลายๆเรื่องค่ะ

ด้วยความยินดีนะครับ

Quote
ภวนาก็เรื่อยๆค่ะ ไม่มีอะไรก้าวหน้าค่ะ ก็มีแค่หลงกับรู้ก็เท่านั้นค่

ก็อย่างนี้ล่ะครับ เพราะหน้าที่ของเรา มีแต่หมั่นทำเหตุ คือ ฝึกเจริญสติปัฏฐานไปเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของจิตที่จะดำเนินไปเองนี่ครับ  ;D

Quote
ไว้ไปส่งการบ้านแล้วจะมาเล่าให้ลุงถนอมฟังนะคะ 

รอฟังด้วยใจจดจ่ออย่างยิ่งเลยครับ  :)
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Lily

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +2/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สวัสดีค่ะ  _/|\_ แวะมาทักทายหลังวันสงกรานต์ค่ะ

สงการนต์ ลิลี่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนค่ะอยู่บ้านกับคุณแม่ พาขับรถไปเที่ยวเล่น พาท่านไปดูสำนักปฏิบัติธรรมให้ท่านเห็นว่ายังมีธรรมะช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้นะ
แล้วก็ยังมีผู้เดินตามเส้นทางอของพระพุทธเจ้านะ..

การภวนา

1. ก็หลังจากที่ฟุ้งจัดๆ แล้วก้เครียดๆ สับสน เรื่องการป่วยของคุณแม่ ก็กลับมาย้อนนึกดูว่าไม่น่าจะถูกแล้ว ก็ตามดูตามรู้ไปตามอาการที่ฟุ้งแล้วก็เครียด ก็รุ้ไม่ได้มากเท่าไร
เพราะใจไหลลงไปจมอยู่กับความทุกข์ซะแล้ว ก็กลับมาตั้งต้นใหม่ค่ะ อาศัยการคิดนำก่อนเรื่องพรมวิหารสี่ เรื่อง กรรมวิบาก แล้วก็ค่อยๆตามรู้เอาใหม่จากการเคลื่อนไหว แล้วก็ดูความคิด ดูความฟุ้ง พอสติละลึกรู้ได้เมื่อเริ่มต้นคิด ความคิดก็ดับลง หรือ จิตรู้ ก็ไม่หลงจนฟุ้งซ่านจมกับความทกุข์นานค่ะ ใจก็ค่อยๆเป็นปรกติขึ้นมาได้บ้าง แต่ลึกๆลิลลี่สงสัยเรื่องวิบากจิตค่ะ คือ บางครั้งเหมือนเหตุการณ์เดียวกัน จิตกับเกิดชนิดไม่เหมือนกัน บางครั้งสงบ บางครั้งฟุ้ง เหมือนมีสิ่งลึกๆฝังอยู่ในใจให้สะสมอยู่นานพร้อมแสดงกริยา แต่ถ้าสติ สมาธิ พอดี ก็ยับยั้งจิตชนิดที่เกิดแล้วทุกข์ เครียด เป็นอกุศลจิต ที่ผ่านมาลิลลี่สะสมเรื่องโทสะ เรื่องฟุ้ง หลง ไว้มาก เหมือนบางช่วงเวลาต้องรับวิบากที่สะสมไว้ ทรมารเพราะใจไม่เป็นกลางยอมรับไม่ได้ด้วยค่ะ

2. สภาพจิตก็เปลี่ยนสลับไปเรื่อยค่ะ พอมีความตั้งมั่นจากการเกิดสติได้บ้าง ก็แต่มาช่วงหลัง ภวนาไปๆ รู้สึก แปลกๆ คือ สติ ก็เกิดบ้าง สมาธิก้มีบ้าง แต่รู้สึกตั้งมั่นไม่พอดีเป็นกลาง
เหมือนจิตไม่ถึงฐาน รู้อยู่นอกๆ ได้สติ ได้สมาธิเป็นขณะๆ ไม่ต่อเนื่องทวนเข้าถึงฐานจริงๆ รู้สึกติดอยู่ตรงนี้มาสักพักใหญ่แล้วค่ะ พอทราบว่าไม่ทวนเข้าหาจิตจริงๆเหมือนที่เคยรู้สึกแต่มันก็ยังทำอะไรไม่ได้ เหมือนรู้สึกแค่ได้สติ สมาธิเป็นคราวๆ ไม่เจริญปัญญาเห็นความจริง เป็นกลางแล้วปล่อยวางได้ มันก็เอียงจะเอาสภาวะดี ที่เป็นสุขอยู่ร่ำไป ก่อนๆ ภวนาแล้วรู้สึกถึงทางตัน คราวนี้เหมือนถอยหลังเข้าคลองค่ะ ลิลลี่ติดอยู่ เหมือนติดอะไรสักอย่าง จิตยังไม่เป็นอิสระจริงๆเลย เหมือนเป็นการสร้างอะไรขึ้นมาปกป้องจิตให้ดีๆ แต่ก็พยายามตามรู้ในสิ่งที่เค้าเป็นค่ะ

3. ตั้งใจจะไปส่งการบ้านหลวงพ่อค่ะ ไม่รู้ว่ากว่าจะได้ไปโบสเสร็จพอดีหรือเปล่า แต่ลิลลี่ไม่ทิ้งค่ะ สักวันต้องได้ไปค่ะ ถึงไม่ไปลิลลี่ก็ภวนาทุกวัน ยิ่งไม่ได้ไปยิ่งต้องช่วยตัวเองให้มากค่ะ ต้องไปสักครั้งเพื่อให้ท่านแนะนำค่ะ เป็นแนวทางเดินต่อไปค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ  _/|\_ _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
ขอโทษนะครับ พอดีไม่ได้แวะเข้ามาเสียหลายวัน ก็เลยไม่เห็นว่าได้โพสต์ทิ้งไว้นะครับ

ข้อแรกนะครับ อย่าพยายามทำใจให้เป็นกลาง แต่ให้รู้ทันว่าใจไม่เป็นกลาง แค่รู้ทันเท่านั้นนะครับ รู้ทันจิตใจเกิดความอยากให้เป็นอย่างนั้น ควรเป็นอย่างนี้ ก็ให้รู้ซ้ำเข้าไปอีกครับ

ข้อที่สอง ให้รู้ทันกตามความเป็นจริง ตามที่ได้บอกในบรรทัดบนนะครับ

ข้อที่สาม ได้ไปกราบหลวงพ่อเมื่อไหร่ ก็แวะมาเล่าให้ฟังกันบ้างครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ  _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา