1. ในขณะที่ปฏิบัติภวนาอยู่นั้น พบแสงจ้ามาก เหมือนจ้องดูดวงอาทิตย์ จ้าจนแสบตาจนน้ำตาไหล แปลกใจว่า ขณะที่ภวนา เรานั่งหลับตา แล้วใครหลบแสงจ้านั้น
จิตในขณะที่เกิดความรู้สึกว่าเป็นเรา จะรู้สึกว่าเราไม่ชอบ เราจะเป็นอันตราย ก็เลยพยายามหลบแสงจ้านั้น แต่พอเกิดจิตที่รู้สึกตัวขึ้นมา เป็นผู้รู้ผู้ดู ก็จะรู้ทันอาการหลบแสงจ้านั้น
2. หลังจากที่พยายามหลบแสงจ้า หลบยังไงก็ไม่พ้น แสบตามาก หนูก็เลยจับแสงเป็นวิหารธรรมมันซะเลย อย่างนี้ได้มั้ยคะ
ถ้าจิตเขาสนใจในแสงจ้านั้น ก็แค่รู้แค่ดู ให้จิตเขาดูไป แล้วก็คอยสังเกตอาการของจิตต่อไป จิตเกิดความยินดี รู้ทัน จิตเกิดความสุข รู้ทัน จิตเกิดความลำพอง (ว่าตนเก่ง) รู้ทัน
3. เมื่อแสงถูกจับเป็นวิหารธรรม สติอยู่กับลมหายใจ (แสบตาก็แสบ แต่ไม่รู้ว่าแสบตาได้ยังไงเพราะหลับตาอยู่) เมื่อจับแสงเป็นวิหารธรรม หนูก็คอยดูแสงเกิดดับ แสงก็เกิด-ดับให้ดูค่ะ เกิดสว่างจ้า แล้วก็ดับ ดำมืด แล้วก็สว่างอีก ดับอีก ตอนเค้าสว่างมาก หนูเคืองตามาก เป็นอย่างนี้ซักพัก เริ่มไม่ไหว ก็เลยออกจากสมาธิ มานั่งน้ำตาไหลพราก T_T" เพราะแสบตา ... อาการนี้เค้าเป็นอะไรไป
แสงจ้านั้นเคยเห็น แต่ที่ไม่เคยเป็นก็คือแสบตา เพราะเอาเข้าจริงไม่ได้แสบตาจริงๆสักหน่อย แต่เป็นสัญญาว่าจะต้องแสบตา เพราะเราเคยมีสัญญาเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เด็ก ว่าไม่ให้จ้องแสงที่ส่วางมากๆนั้น
อย่างนี้ไม่เป็นอะไรหรอกนะครับ แสงสว่างที่ว่านี้ คนที่ทำสมาธิ อยากเข้าอุปจารสมาธิให้ได้ เขาปราถนานักหนา เพราะนี่เป็นสัญญลักษณ์ว่าฝึกเข้าไปจ่ออุปจารสมาธิได้แล้ว ต่อไปหากสามารถรักษาแสงสว่างนี้ให้นิ่ง คงที่ได้ ก็จะได้อุปจารสมาธิเต็มตัว และจ่อเข้าอัปนาสมาธิ หากสามารถบังคับแสงสว่างนี้ ให้ขยายออก หรือหดเล็กลงได้ หรือเข้าใกล้ หรือถอยไปไกลได้ ก็จะได้อัปณาสมาธิเต็มตัว
หากทำได้ชำนาญ แล้วรู้จักการถอยเข้าออก เข้าออกระหว่าง ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปณาสมาธิ ได้อย่างชำนาญแล้วล่ะก็ และสามารถอธิษฐานจิตได้ ก็จะมีฤทธิ์ได้ เป็นฤทธิ์ชนิดที่เขาเรียกกันว่า "บุญฤทธิ์" สามารถอธิษฐานได้ในหลายๆอย่างครับ พระโมคคลานะท่านเข้าออกแบบนี้ได้ชำนาญมาก จึงมีฤทธิ์มากครับ
แต่เล่นตรงนี้ไม่พ้นทุกข์นะครับ แล้วใครรู้เข้า เราก็จะทุกข์มากด้วยเหตุ 2 ประการ
1. คนที่ไม่ชอบเรา พวกที่เขามีวิชาอาคมแก่กล้า เขาจะเข้ามาทดสอบเรา คล้ายหนังจีนแหละครับ มีการท้าประลองฝีมือกันตลอดเวลา หรือ
2. คนที่เขาหาของวิเศษ หาวัตถุมงคล เขาจะเข้ามาก่อกวน ขอนั่นขอนี่จากเรา และรวมทั้งคนที่กำลังประสบปัญหาในชีวิต ก็จะมาขอพรจากเรา เพื่อให้เกิดความโชคดีบ้าง เพื่อปัดเป่าเคราะห์ให้พ้นไปจากตัวบ้าง
ดังนั้น ที่เกิดประโยชน์กับเราก็คือ เจริญสติปัฏฐานต่อไปในสมาธิได้เลยครับ เวลาที่จิตมารู้ลมหายใจ จิตก็ไม่ได้เรู้แสงสว่างนั้น เวลาที่จิตมารู้แสงสว่างนั้น จิตก็ไม่ได้รู้ลมหายใจ เป็นอย่างนี้นะครับ แล้วแสงสว่างนั้นก็ไม่ได้เที่ยง เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวไม่สว่าง ก็ให้รู้ไป หรือจะดูอีกว่า เรื่องแสบตา ดูดีๆ เป็นความกังวลว่าจะแสบตา เกิดไหวด้วยความไม่สบายใจขึ้นมา จิตพยายามแก้ไข อย่างนี้ก็ได้นะครับ
ดูไปๆ ก็จะเห็นว่า ทั้งหมดทั้งปวง เกิดขึ้นได้เอง เราไม่ได้สั่ง แต่เมื่อใดมีเหตุเกิด เขาก็เกิด หมดเหตุ เขาก็ดับ ดูไปอย่างนี้นะครับ ดูปรากฎการณ์ ดูสาภวะทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง อะไรเกิดขึ้นมาในจิตใจ ก็คอยรู้ คอยสังเกตไปนะครับ
ภาวนาได้เก่งมากครับ ของเก่าคงมีเยอะ ดังนั้น ต้องรีบหาโอกาสไปขอคำแนะนำจากครูบาอาจารย์โดยเร็วนะครับ อย่าฟังความเห็นของลุงถนอมมากนักครับ ลุงถนอมยังเตาะแตะๆอยู่ครับ เชื่ออะไรไม่ได้หรอกครับ
ต้องไปส่งการบ้านแล้วครับ จะได้คำแนะนำที่จะเดินทางต่อไป ไม่เสียเวลา แล้วได้ความอย่างไร ก็ช่วยมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับ
ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นครับ