Author Topic: [กระทูู้้เก่ามาเล่าใหม่] ระเบียบปฏิบัติเมื่ออยู่วัดป่า โดยคุณ สันตินันท์  (Read 3372 times)

Offline หงส์น้อยบ้านโค้งดารา

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 118
  • คะแนนความนิยม: +4/-0
  • Gender: Male
เขียนเมื่อ วัน พุธ ที่ 19 มกราคม 2543 10:16:52

เวลานี้พวกเราเริ่มออกไปปฏิบัติตามสำนักวัดป่ากันมากขึ้น
สมควรทราบระเบียบปฏิบัติของวัดป่ากันไว้
เพื่อจะปฏิบัติตน ได้ถูกกาละเทศะ ไม่เป็นที่เดือดร้อนรำคาญของผู้อื่น

กฏระเบียบของวัดป่าแต่ละแห่งอาจจะเหลื่อมๆ กันบ้าง
แต่โดยภาพรวมมักจะหนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้

1. ควรขออนุญาต ก่อนการเข้าพักที่วัดป่า และต้องรายงานตัวเมื่อไปถึงวัด
2. พักในกุฎิหรือสถานที่ ที่ทางวัดจัดให้
3. แต่งกายสุภาพ ไม่ยั่วกิเลสของตนหรือผู้อื่น
       (ก่อนไปวัดป่าควรตรวจสอบเสียก่อนว่า วัดนั้น ฆราวาสแต่งกายอย่างไร
       บางวัดผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงดำ สวมเสื้อขาว
       ผู้ชายก็ต้องสวมกางเกงขาว/ดำ สวมเสื้อขาว
       แต่บางวัดไม่มีกำหนดตายตัว
       ขอเพียงสุภาพเรียบร้อยและไม่ฉูดฉาดเกินไปก็พอ)
4. เบิกอุปกรณ์จำเป็นที่วัดจัดให้ไปใช้ได้ เช่นเสื่อ หมอน ผ้าห่ม
        (บางแห่งมีกระติกน้ำร้อนด้วย) จาน ช้อน แก้วน้ำ ฯลฯ
       แต่ต้องดูแลไม่ให้เสียหาย รักษาความสะอาด
       และส่งคืนผู้รับผิดชอบเมื่อเลิกใช้
5. ปฏิบัติตามกำหนดเวลาของวัด ในเรื่องการทำวัตรเช้า การรับประทานอาหาร
        การทำกิจกรรมส่วนรวมเช่นการกวาดลาน และการทำวัตรเย็น
         (ควรสอบถามกำหนดการจากบุคคลในวัด ตั้งแต่เมื่อแรกเข้าพักที่วัด)
6. สำรวมระวังไม่สร้างความรบกวนแก่ผู้อื่น ด้วยการพูดคุยเสียงดังรื่นเริงเฮฮา
         ร้องเพลง ผิวปาก ฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ เดินย่ำใบไม้เสียงดัง
         แม้กระทั่งการกวาดวัดนอกเวลาที่กำหนด
 7. ไม่เข้าไปในพื้นที่หวงห้าม เช่นผู้ชายเข้าไปอยู่ในกุฏิผู้หญิง
          (บางวัดห้ามเฉพาะเวลาวิกาล และห้ามอยู่ด้วยกันตามลำพัง
         แต่บางวัดหรือบางกุฏิ จะห้ามตลอดเวลา)
        หรือผู้หญิงเข้าไปหาผู้ชายในที่ลับหูลับตาตามลำพัง
        หรือทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เข้าไปยุ่งในเขตพระโดยไม่ได้รับอนุญาต
        หรือเข้าไปใช้สอยเสนาสนะ ห้องน้ำ ห้องส้วม  ห้องนอน
        และลานจงกรมของครูบาอาจารย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น
8. รักษาสมบัติของวัดไม่ให้เสียหาย รวมทั้งรักษาความสะอาดด้วย
        ไม่เด็ดดอกไม้ ตัดต้นไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และระมัดระวังอย่าให้ไฟไหม้ป่า
9.  มีสติ สัมปชัญญะอยู่เสมอ มีความเพียรอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง
          (ข้อนี้สำคัญที่สุดครับ)
10. เมื่อจะกลับ ต้องส่งคืนสิ่งของที่เบิกมาใช้ ยังที่ที่เบิกไป
          ปัดกวาดเช็ดถูกุฏิ ล้างห้องน้ำ ปิดประตูหน้าต่าง และคืนกุญแจกุฏิ 
  เก็บสิ่งของที่นำไปใช้คืนที่เดิม กราบลาครูบาอาจารย์
           และลาบุคคลในวัดซึ่งเราได้เข้าไปพึ่งพาอาศัยเขา
           (กระทั่งการจะออกไปทำกิจนอกวัดเป็นการชั่วคราว
            ก็ควรขออนุญาตครูบาอาจารย์ หรืออย่างน้อยต้องบอกกล่าวบุคคลภายในวัด
             โดยไม่เห็นวัดเป็นเหมือนโรงแรมที่อาศัยนอน แล้วตระเวนเที่ยวไปนอกวัด)

ถ้าเข้าใจกฏเกณฑ์เหล่านี้แล้ว เราจะกลมกลืนเข้ากับชาววัดได้ง่าย
และไม่เดือดร้อนรำคาญใจในเวลาอยู่วัด
เมื่อกลับไปแล้ว ชาววัดจะคิดถึง
แล้วอยากให้เรากลับไปปฏิบัติอีก ในครั้งต่อไป

กฏเกณฑ์เหล่านี้ดูเหมือนจะมาก
แต่ความจริงก็อยู่ในกรอบของคำเพียง 2 - 3 คำเท่านั้น
คือ 1. ความมีมารยาท รู้กาละเทศะ 2. ความรู้จักเกรงใจผู้อื่น
และ 3. ความมีสติสัมปชัญญะ
ถ้าเรามีคุณธรรมเหล่านี้อยู่ในใจแล้ว
เราจะอยู่ในวัดป่า หรืออยู่ที่ใด ก็อยู่ได้อย่างกลมกลืนทั้งสิ้น
หัดรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

Offline หงส์น้อยบ้านโค้งดารา

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 118
  • คะแนนความนิยม: +4/-0
  • Gender: Male
อันนี้ อดีตคุณสันตินันท์ เคยให้คำแนะนำเกี่ยวกับ คนกลัวผีครับ วันหลังจะเอากระทู้เต็มมาให้ได้อ่าน

เขียนเมื่อ : วัน พุธ ที่ 15 ธันวาคม 2542 15:43:18

สิ่งที่น่ากลัวมากอีกอย่างหนึ่งก็คือผี
เรื่องนี้ขอให้ทำใจดีๆ ไว้ ที่จริงเป็นปัญหาความความจำและคิดของเราเอง
คนที่หัดทำความสงบ หัดรู้กายรู้ใจมาช่วงหนึ่งแล้ว ยังไม่เคยเจอผีเลย
ก็ขอให้เลิกกลัวได้แล้ว เพราะชาตินี้โอกาสที่จะเจอผีนั้นยากมาก
หากใครมีจริตนิสัยที่จะเจอ หัดภาวนาวันสองวันก็เจอแล้ว
ผมมีญาติคนหนึ่งเป็นหมอ ไปนั่งภาวนาด้วยกันที่วัดป่าดงคู ที่สุรินทร์
ญาติคนนี้เพิ่งหัดภาวนาไ่ม่กี่วัน ช่วงสักตี 3 หรือตี 4 นี่แหละ
จู่ๆ ก็กระโดดเข้ามาผมซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ
บอกว่ามีคนมาเกาเสื่อที่เขานั่งอยู่ดังแกรกๆ
ซึ่งก็จริงครับ รายนั้นขี้เล่น มานั่งเกาเสื่อเรียกร้องความสนใจเพื่อขอส่วนบุญ

ที่เล่านี้เพื่อจะบอกพวกเราว่า พวกเราที่ปฏิบัติกันมาจนป่านนี้แล้วไม่เห็นผี
ขอให้เลิกกลัวได้แล้ว เพราะยังไงก็ไม่เห็นหรอกครับ
ส่วนคนที่เห็น ถ้าเห็นบ่อยๆ ก็เลิกกลัวไปเองแหละ
หัดรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

Offline ภูหนาว

  • Jr. Member
  • **
  • Posts: 36
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • นักรู้
ภิกษุทั้งหลาย ! เธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส อย่าได้ประมาท เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจในภายหลังเลย

Offline โอ.เค

  • Clips
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 152
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ

Offline เด็กน้อย

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 62
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
_/l\_  หนูเป็นโรคกลัวผีมากๆเลยค่ะ กลัวผีขึ้นสมอง จำได้ว่าตอนเด็กๆ ดูไตเติ้ลละครเรื่องศรีษะมารแล้วไข้ขึ้นเลยคะ
แต่ตอนนี้ก็พอทำใจได้บ้างแล้วค่ะ ตอนไปภาวนาที่วัดบุญญาวาส ก็จำที่หลวงพ่อสอนนี่ละคะมาปลอบใจตัวเอง
หลวงพ่อบอกว่าถ้าจะเจอ ภาวนาไม่กี่วันก็เจอแล้ว เราภาวนามาก็ร่วมสองปีแล้ว(ทำจริงจังยังไม่ถึงปีค่ะ แหะๆ) ยังไม่เจอเลย
ก็ใจชื้นขึ้นเยอะค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าหายกลัวผีแล้วนะคะ อิอิ ^^
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มาก แล้วจะสิ้นสงสัย" ^^

Offline nitivit

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 73
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • ดูอย่างเดียว
มีอยู่ทีหนึ่งนั่งสมาธิอยู่แล้วอยู่ ๆ มันก็เกิดกลัวขึ้นมา
ไม่รู้ว่ากลัวอะไร จะลืมตาก็ไม่กล้า
กลัวมาก ๆ ดูความกลัวก็รู้สึกว่ามันใหญ่เกินกว่าสติเราจะเอาอยู่
ไม่รู้ทำไงก็คิดถึงหน้าหลวงพ่อเอาไว้
กะว่าทำอะไรไม่ได้ถ้าจะช็อกตายก็ให้มีหน้าหลวงพ่อติดอยู่ในใจไปด้วยละกัน(เผื่อจะได้ขึ้นสวรรค์) ;D
"สติจำเป็นในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ" หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

Offline หลี่จิ้ง

  • Global Moderator
  • Full Member
  • *
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • Dhammada.net คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา
นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว ขอนอบน้อมแด่วิมุตติธรรมของท่านผู้หลุดพ้นแล้ว