Author Topic: [กระทู้เก่ามาเล่าใหม่] ปัจจัยแห่งความเจริญงอกงามในธรรม โดยคุณ สันตินันท์  (Read 3165 times)

Offline หงส์น้อยบ้านโค้งดารา

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 118
  • คะแนนความนิยม: +4/-0
  • Gender: Male
เขียนเมื่อ วัน พฤหัสบดี ที่ 9 พฤศจิกายน 2543 08:38:46

หมู่เพื่อนมักได้ยินผมเคี่ยวเข็นอยู่เสมอว่า
(1) ให้พยายามมีสติสัมปชัญญะ รู้ อยู่ในชีวิตประจำวันให้ได้
จะยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ฯลฯ ก็ให้มีสติรู้กายรู้ใจอยู่เสมอ
(2) ให้ปฏิบัติธรรมไปอย่างซื่อๆ ตรงๆ
อย่าเอาแต่วุ่นวายกับการคิด การหาอุบายทางลัด และนิมิตต่างๆ
เพราะนั่นล้วนเป็นทางแห่งความเนิ่นช้า
(3) อย่าเอาแต่รวมกลุ่มสัญจรไปตามสำนักโน้นสำนักนี้
เที่ยวสนุกกับการไปฟังธรรมที่โน้นที่นี้ ละเลยการฟังธรรมในจิตใจตนเอง
(4) มีผลการปฏิบัติใดๆ เกิดขึ้นในระหว่างทาง
ก็อย่าเอาแต่ไปเขียนเล่าในกระทู้ให้กิเลสกระเพื่อม จนปฏิบัติต่อไปไม่ได้อีก
และ (5) ขอให้ตั้งใจจริงจังเพื่อเอาตัวให้รอด ลองเอาจริงสัก ปี สองปีก็ยังดี
โดยยอมเสียสละเรื่องรกรุงรังในจิตใจเสียสักช่วงหนึ่ง
แล้วตั้งใจปฏิบัติให้สม่ำเสมอ
อย่าประมาทว่ายังหนุ่มยังสาว เพราะความตายจะมาถึงเมื่อใดก็ไม่รู้
ถ้าพบพระพุทธศาสนาแล้วยังเอาดีไม่ได้ เพราะไม่ตั้งใจจะเอาดี
ในอนาคตเมื่อไม่มีพระพุทธศาสนา จะเจริญได้อย่างไรกัน

ผมพร่ำเคี่ยวเข็นพวกเราซ้ำซากเช่นนี้อยู่เสมอจนบางคนหัวเราะ
เพราะรู้ว่า ถ้าพูดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ จะถูกบ่นว่าอย่างไรบ้าง
บางคนเอาไปพูดล้อเลียนกันเล่นก็มี เพราะไม่ได้นึกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตลกขบขัน
แต่เป็นคำเตือนที่มาจากประสบการณ์
ที่ได้พบเห็นรู้จักผู้ที่มีความเจริญในธรรมเป็นจำนวนมาก

ผมไม่เคยเห็นใครเจริญในธรรมด้วยความฟลุ้ค
ด้วยความเฉลียวฉลาดคิดหาทางลัดได้ นอกเหนือจากการเจริญสติ
ด้วยการรวมกลุ่ม พูดคุย สรวลเสเฮฮา
หรือวุ่นวายอยู่กับบอร์ดแบบผลัดกันเขียน เวียนกันอ่าน วานกันชม
เคยเห็นแต่คนที่เจริญได้ด้วยความตั้งใจปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจริงจัง

ผมอ่านคำสอนของพระศาสดาคราวใด จะซาบซึ้งกินใจทุกครั้ง
เมื่อได้ยินท่านสรรเสริญคุณของความมักน้อย สันโดษ อยู่วิเวกทั้งกาย วาจา ใจ
ไม่คลุกคลีกับหมู่คณะ ทำความสงบในจิต เจริญสติสัมปชัญญะอยู่อย่างสม่ำเสมอ
หนทางของปราชญ์ผู้ถึงมรรคผลนิพพาน
จะหนีไม่พ้นไปจากแบบฉบับที่พระศาสดาทรงวางไว้เลย
ถ้าเราเชื่อพระศาสดา เราก็ต้องเลือกเดินทางที่ท่านสอนไว้

คนเมือง มีครอบครัว มีหน้าที่การงานมากมายในแต่ละวัน
ก็สามารถปฏิบัติธรรมเอาดีได้ โดยมีตัวอย่างให้เห็นอยู่เสมอๆ
พวกเราเมื่อเห็นตัวอย่างแล้ว
ลองพิจารณาดูเถิดครับว่าคนที่เขาเจริญในธรรมนั้น
เขามีปัจจัยแห่งความเจริญงอกงาม ดังที่ผมกล่าวไว้หรือเปล่า

หมู่นี้ผมเขียนกระทู้เร่งเร้าการปฏิบัติมากสักหน่อย
เพราะวิธีปฏิบัติก็บอกกล่าวกับพวกเราไปหมดแล้ว
เหลือแต่ว่า พวกเราจะต้องปฏิบัติเอาจริงกันเองเท่านั้น
แล้วหลังจากนี้ เราต่างต้องแยกย้ายกันไปตามกรรมแล้วครับ

ผู้ปฏิบัตินั้นต้องกล้าหาญและตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติธรรมอันเป็นกิจเฉพาะตัว
มีกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นบ้าน หรือที่อยู่อาศัย หรือวิหารธรรมของจิต
มีตปะ คือความเพียรแผดเผากิเลส เป็นกำลังความมุ่งมั่นของจิต
มีสติ เป็นเพื่อนคู่ชีวิตประจำจิตของตน ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนปฏิบัติภายนอกก็ได้
มีสัมปชัญญะ เป็นครู ไม่ต้องมีครูภายนอกก็ได้
ขจัดศัตรู คือความยินดียินร้ายในโลกออกเสีย
เมื่อพากเพียรมากเข้า จิตก็จะถอดถอนตนเองออกจากกองทุกข์คือขันธ์ได้
หัดรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

Offline เด็กน้อย

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 62
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
_/l\_ _/l\_ _/l\_  สาธุค่ะ และหนูขอน้อมรับมาปฎิบัติตามอย่างเต็มกำลังค่ะ ^^
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มาก แล้วจะสิ้นสงสัย" ^^

Offline หลี่จิ้ง

  • Global Moderator
  • Full Member
  • *
  • Posts: 56
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • Dhammada.net คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา
นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้หลุดพ้นแล้ว ขอนอบน้อมแด่วิมุตติธรรมของท่านผู้หลุดพ้นแล้ว

Offline ภูหนาว

  • Jr. Member
  • **
  • Posts: 36
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • นักรู้
ภิกษุทั้งหลาย ! เธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส อย่าได้ประมาท เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจในภายหลังเลย