Author Topic: ธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ "การภาวนาในชั้นละเอียด ต้องระวัง กิเลสจะดูเหมือนกุศล"  (Read 4871 times)

Offline โอ.เค

  • Clips
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 152
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
[size=10pt]การภาวนาในชั้นละเอียด ต้องระวัง กิเลสจะดูเหมือนกุศล[/size][/b]

(ธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันที่ ๑๗ ต.ค. ๕๓)

พวกเราภาวนาแล้วรู้สึกไหม เราชั่วกว่าที่เราคิด นึกออกไหม น่าเกลียด รู้สึกไหม กิเลสตัวไหนน่าเกลียดมาก นึกออกไหม ตัวไหน ตัวไหนดีนะ พวก Self จัดน่ะ รู้สึกไหม เวลา Self จัดนะ กูขึ้นมา โห ถ้าเห็นเท่านั้นนะ ขยะแขยงเลย Self จัด พวกนี้น่าเกลียดมาก ตายแล้วเป็นอะไร เป็นอสุรกาย น่าเกลียด

กิเลสทั้งหลายน่าเกลียดทุกตัวแหละ ไม่มีกิเลสน่ารักหรอก แต่ถ้าภาวนาไม่ประณีตพอนะ ในชั้นละเอียดเนี่ยน่าดู กิเลสในชั้นละเอียดนะ ดูเหมือนกุศล แยกไม่ออกหรอก ว่ากิเลสหรือกุศล มันเกินขั้นที่สติปัญญาจะรู้ทัน แยกไม่ได้

อย่างเวลาเราเห็นครูบาอาจารย์ปุ๊บนะ เรามีศรัทธากับท่านนะ โอ๊ ท่านดีจังเลยนะ มองตัวเองแว๊บเดียว ทำไมมันแย่อย่างนี้ เทียบเขาเทียบเราปั๊บ นี่คือมานะนะ เห็นไหม พลิกนิดเดียวเองน่ะ โอ๊ กำลังศรัทธาๆ พอหันมามองดูตัวเองนะ ไม่ได้เรื่อง มีเขามีเราขึ้นมาแล้ว มีมานะนะ เทียบเขาเทียบเรา นึกว่าศรัทธา

หรืออย่างเจริญปัญญา เจริญปัญญาไป รู้รูปรู้นามเห็นความเกิดดับไปเรื่อย ถึงจุดหนึ่งนะ มันคิดนำหน้า เห็นตัวนี้ขึ้นมานะขี้เกียจดูแล้ว เดี๋ยวมันก็ดับ มันล้ำหน้าไปแล้ว แทนที่จะเห็นสภาวะเกิดแล้วดับต่อหน้าต่อตา เนี่ยไม่เอาแล้ว ไปจับอันใหม่ จับๆๆไปเรื่อยนะ

หรือพิจารณาธรรมะมากๆ คิดพิจารณาไม่เลิกเลยนะ ค้นคว้าพิจารณาในกาย สมมุติว่าพิจารณาร่างกาย พิจารณาเนี่ย จิตหมุนติ้วๆๆไปทั่วกายเลยนะ นี่ฟุ้งซ่าน ฟุ่งซ่านกับปัญญานะคาบเส้นกันนิดเดียว คือถ้ามีสมาธิอยู่ มีจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่นะ การที่จิตออกรู้อารมณ์เนี่ยเจริญปัญญานะ ถ้าจิตออกรู้อารมณ์โดยที่จิตไม่ตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ดู ฟุ้งซ่านนะ ดูยากนะ กิเลสเนี่ยพอละเอียดดูยากสุดๆเลย

รูปราคะ อรูปราคะ ก็ดูยาก พอใจในความสงบเพราะการเพ่งรูป พอใจในความสงบเพราะการเพ่งนาม เพ่งรูป เช่น รู้ลมหายใจไป จิตสงบมีความสุข พอใจอยู่ในความสุขความสงบ รู้ยากนะว่าพอใจในความสุขความสงบ ตัวพอใจ ยินดีพอใจในความสุขความสงบ ตัวเนี้ยแหละตัวราคะ รูปราคะ อรูปราคะ ดูยาก มันคล้ายๆวันๆนะเราสันโดษนี่ เราสำรวมอินทรีย์ ไม่ยุ่งกับใครเลย วันๆอยู่แต่ในห้องนั่งสมาธินี่ดี ไม่รู้หรอกว่าราคะครอบอยู่นะ ดูยาก

กิเลสพอละเอียดดูยากนะ หน้าตาเหมือนกุศลเลย อย่างมีมานะก็คิดว่ามีศรัทธา ฟุ้งซ่านก็คิดว่ามีปัญญา มีราคะก็คิดว่ารักสันโดษ มักน้อย ไม่คลุกคลี ความจริงราคะแทรกเข้าไปแล้ว มีหลายแบบ เพ่งรูปก็ได้ เพ่งนามก็ได้ เพ่งรูป เช่น ดูท้องพองยุบ จิตสงบอยู่กับท้อง เพ่งลมหายใจนะ เพ่งมือเพ่งเท้า เพ่งอิริยาบถสี่ วันๆไม่สนใจอะไรนะ มีแต่อิริยาบถ ดูไปเรื่อย จ้องอยู่อย่างนั้นนะ จิตสงบ จิตสงบแล้วยินดีพอใจในความสงบที่เกิดขึ้นเนี่ย เรียกว่า รูปราคะ อีกอันหนึ่ง อรูปราคะ เนี่ย ติดใจในอรูป เช่น ภาวนาไปนะ อย่างดูจิตดูใจ พวกดูจิตเนี่ยจะไปติดอรูป ต้องระวังนะ

พวกดูกาย ถ้าดูไม่ดีนะจะไปติดรูปฌาณนะ มีรูปราคะ พวกดูจิตเนี่ยจะไปติดอรูปราคะ อรูป หมายถึง ไม่มีรูปนะ อรูป เช่น อันแรกที่พวกเราฝึกไปเรื่อยแล้วจะเป็น เป็นแทบทุกคนนะ ที่ว่าดูจิตๆนะ ดูบางทีจิตมันเคลื่อนออกไปข้างหน้า อารมณ์มันหนีน่ะ ดูอยู่แล้ววิ่งหนีได้นะ อารมณ์น่ะมันเคลื่อนหนีออกไป ก็ตามไปดู พวกรายการตามไปดูนะ เนี่ยส่งออกนอกนะ จิตเคลื่อนออกไปอยู่ข้างหน้าเนี้ย แล้วสมมุติว่าเห็นโทสะโผล่ออกมา แล้วมันเลื่อนไปอยู่ข้างหน้าแล้วไปดู พอมันดับปั๊บ คราวนี้อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เข้าบ้านแล้ว โล่งว่างอยู่อย่างนี้นะ เพ่งอยู่ในความว่าง การเพ่งความว่างเนี่ย เป็นอรูปฌาณชนิดหนึ่ง ชื่อ “อากาสานัญจายตนะ”  ไปเพ่งอรูป

บางคนเห็นตรงนี้แล้ว เอ๊ะ ไอ้นี่ไม่ใช่จิตนี่ ว่างๆตรงนี้ยังไม่ใช่จิตนะ จิตเป็นคนดูย้อนเข้ามาเพ่งตัวผู้รู้ผู้ดู พอมาดูตัวผู้รู้ปั๊บ ตัวผู้รู้กลายเป็นตัวถูกรู้ เกิดตัวผู้รู้ใหม่ซ้อนลึกเข้าไปอีกนะ พอถูกรู้อีก มีตัวผู้รู้ซ้อนเข้าไปอีก ซ้อนๆๆ วิญญาณเป็นอนันต์ วิญญาณไม่มีที่สุด ตัวนี้แหละ เรียกว่า “วิญญาณัญจายตนะ”

อีกพวกหนึ่งนะประคอง ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา รักษาจิตให้แน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว อะไรๆก็ไม่เอา ไม่ยึดอะไรซักอย่างเลยนะ อยู่แต่ในความว่าง รักษาจิตให้ว่าง พวกนี้ชื่อ “อากิญจัญญายตนะ”

เห็นไหมวิธีดูจิตที่ผิดเนี่ย สารพัดแบบเลยนะ อย่านึกนะว่าดูจิตแล้วจะไปมรรคผลนิพพานง่ายๆ ส่วนใหญ่ไปติดอรูป ดูไม่เห็นหรอก ดูยากนะ พอติดอรูปแล้วพอใจ โอ๊ย ใจเราไม่มีกิเลสเลยนะ ว่าง สว่าง เหมือนพระอาทิตย์พระจันทร์ทั้งวัน สว่างพอใจ ไม่เห็นหรอกว่ามีความพอใจอยู่ เนี่ย ราคะมันครอบอยู่ ก็คิดว่าเราเป็นคนมักน้อย สันโดษ ไม่คลุกคลีนะ ฟังแล้วดีใช่ไหม พระพุทธเจ้าสอนเนี่ย มักน้อย สันโดษ ไม่คลุกคลี ปรารภความเพียร วันๆก็อยู่แต่ในห้อง สงบแน่วอยู่เลย พอใจ ไม่เห็น เนี่ย กิเลสพอละเอียดนะเหมือนกุศลด้วยซ้ำไป นึกว่าเป็นกุศลนะ



Offline ภูหนาว

  • Jr. Member
  • **
  • Posts: 36
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • นักรู้
ภิกษุทั้งหลาย ! เธอทั้งหลายจงเพียรเผากิเลส อย่าได้ประมาท เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจในภายหลังเลย

Offline Dawnheart

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • "ทุกข์" ให้ "รู้"
"ทุกข์" ให้ "รู้"

Offline อรุณเบิกฟ้า

  • Clips
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 106
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
ในอนาคตภายภาคหน้าถ้าไม่เลิก ไม่เดินผิดทางไปเสียก่อน คงจะได้เห็นกิเลสละเอียดกับเขาบ้าง (อะ มานะใช่ไหมนี่)
แต่ตอนนี้กิเลสหยาบๆ ยังไม่เห็น & เอาตัวไม่รอดเลยครับ :P

สาธุคุณโอเคครับ  ;D
ยิ่งอยากยิ่งไม่ได้ ยิ่งแสวงหายิ่งไม่เจอ

Offline nitivit

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 73
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • ดูอย่างเดียว
ขอบคุณครับ
ตัวแรกที่ต้องฟาดฟันกันก็น่าจะเป็นสักกายะทิฐินี่แหละ
 _/|\_
"สติจำเป็นในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ" หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

Offline เด็กน้อย

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 62
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
 _/l\_ _/l\_ _/l\_ ขออนุโมทนา สาธุ คุณโอเคด้วยนะคะ  ^^

ในอนาคตภายภาคหน้าถ้าไม่เลิก ไม่เดินผิดทางไปเสียก่อน คงจะได้เห็นกิเลสละเอียดกับเขาบ้าง (อะ มานะใช่ไหมนี่)
แต่ตอนนี้กิเลสหยาบๆ ยังไม่เห็น & เอาตัวไม่รอดเลยครับ :P

สาธุคุณโอเคครับ  ;D

โดนใจไปเต็มๆเลยค่ะพี่อรุณเบิกฟ้า (หนูวัยเบญจเพสค่ะ อิอิ แอบเรียกพี่ไปก่อนแล้ว
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าผิดพลาดยังไง ขออภัยด้วยนะคะ  อิอิ) ตอนนี้หนูคิดว่าพอจะเห็น
กิเลสหยาบๆบ้างแล้วค่ะ แบบว่าโดนเล่นงาน เอาตัวไม่รอดค่ะ แหะๆ
ยังไงพี่อรุณเบิกฟ้าก็สู้ๆนะคะ อิอิ เพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกๆท่านด้วยนะคะ อิอิ  ^^

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มาก แล้วจะสิ้นสงสัย" ^^