ครูสันตินันท์เคยกล่าวไว้ว่า สมถะ กับ วิปัสสนา พลิกกันนิดเดียว
อ่านแล้วดูงงๆนะครับ เพราะสมถะ กับ วิปัสสนา ไม่น่าจะต่างกันนิดเดียวจริงๆ แต่พอลงมือปฏิบัติจริงๆ ได้ถูกต้องแล้ว ก็จะพบว่า พลิกกันนิดเดียวจริงๆครับ
ที่พลิกกันนิดเดียว ก็พลิกกันที่ มีความรู้สึกตัวหรือเปล่า นั่นล่ะครับ
คือ คนที่หัดภาวนาอยู่ และเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมมีสติอยู่แล้วโดยพื้นฐานนะครับ แต่สตินั้น อาจเป็นสติที่ประกอบไปด้วยสัมปชัญญะ (หรือความรู้สึกตัว ความรู้ตัว) หรือไม่ ก็ได้ (แต่ในทางกลับกัน เมื่อมีสัมปชัญญะ ย่อมต้องมีสตินะครับ สัมปชัญญะไม่อาจเกิดขึ้นโดดๆโดยไม่มีสติได้ และต้องเป็นสติชนิดที่รู้กาย รู้ใจ ด้วยครับ ไม่ใช่ไปรู้อย่างอื่น หรือไปรู้กายรู้ใจของคนอื่นนะครับ)
เมื่อมีสติ แล้วมีสัมปชัญญะ จิตเดินปัญญาได้ ตรงนี้เป็นวิปัสสนา (แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อมีสติ และ สัมปชัญญะ แล้ว จะเดินปัญญาเสมอไป บางท่าน จิตท่านเดินปัญญาได้เองเลย เพราะเคยเดินปัญญามาก่อนแล้ว จิตคุ้นเคยที่จะเดินปัญญา แต่บางท่าน จิตไม่เดินปัญญา ไปสว่าง สบาย สงบ อยู่เฉยๆก็มีครับ ต้องอาศัยการฟังธรรมเรื่องอริยสัจจ์ เรื่องไตรลักษณ์ของกายของใจเนืองๆ จิตจะน้อมไปเดินปัญญาได้เอง โดยไม่ต้องจงใจไปดู จงใจไปคิด จงใจไปพิจารณา หรือจงใจใดๆ เพราะหากมีความจงใจ แม้แต่นิดเดียว จิตมีกิเลส เจริญปัญญาไม่ได้ครับ แต่ในการฝึกฝนให้จิตเคยชินที่จะเจริญสติ เจริญปัญญา ก็จะมีความจงใจอยู่ด้วยนะครับ แต่ไม่ต้องกังวลครับ หากเราจงใจเพียงนิดเดียว ไม่มาก ไม่บังคับเอาไว้ เอาแค่เตือนตน พอจิตคุ้นเคยการเจริญสติแล้ว ตรงนี้จะคลายไปเองครับ)
เมื่อมีสติ แต่ไม่มีสัมปชัญญะ จิตย่อมเดินปัญญาไม่ได้ ตรงนี้เป็นสมถะครับ
เรื่องจิตแยกกับกายนั้น ใช้เป็นเครื่องวัดว่าขึ้นวิปัสสนาได้หรือไม่ ยังไม่อาจใช้เป็นมาตรฐานได้จริงนะครับ เพราะจากที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า "ผู้ที่ไม่ได้สดับ(ธรรมะของพระพุทธองค์) สามารถเห็นได้ว่ากายไม่ใช่เรา แต่ไม่สามารถเห็นได้ว่าจิตไม่ใช่เรา" แสดงว่า ในสำนักอื่น อาจเห็นได้ว่า กายไม่ใช่จิต กายกับจิตแยกออกจากกันได้ จะด้วยวิธีการอื่น ที่ไม่ใช่สติปัฏฐาน จะเป็นวิธีการใดก็ตาม ก็เป็นข้อความที่ยืนยันได้ว่ามีอยู่
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อจิตเริ่มเดินปัญญา เป็นวิปัสสนา ก็เริ่มด้วยการที่ จิต กับ กาย แยกออกจากกันครับ แต่หลักสำคัญจริงๆ ที่แยกแยะว่าเป็นสมถะ หรือเป็นวิปัสสนา กลับอยู่ตรงที่ มีความรู้สึกตัว หรือ สัมปชัญญะหรือเปล่าครับ
เชื่อหรือไม่ครับว่า เห็นจิตไปรวมกับอารมณ์ เป็นอันเดียวกัน ก็เป็นวิปัสสนาได้ ถ้าเห็นด้วยความเป็นกลางนะครับ ถ้าพูดอย่างนี้ แล้วใ้ช้หลักตามที่เข้าใจ จะไม่มีวันเข้าใจเลยว่า จิตที่รวมกับอารมณ์ เป็นวิปัสสนาได้อย่างไร
แต่ถ้าเข้าใจ ว่าใช้หลักว่า จิตที่มีสติ และสัมปชัญญะ จะเป็นจิตที่พร้อมจะเจริญวิปัสสนา (และอาจเดินปัญญา เป็นวิปัสสนา ได้ด้วย) แล้ว จะเข้าใจครับ แล้วจะไม่พยายามไปแยกจิตออกจากกายด้วยครับ
อ่านตรงนี้แล้วอาจรู้สึกขัดแย้งสักหน่อยนะครับ แต่หากเราจำหลักของวิปัสสนาได้ว่า "รู้ลงที่กาย รู้ลงที่ใจ เป็นปัจจุบัน ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง" จะไม่สงสัยเลยครับ เพราะจิตที่รู้ลงปัจจุบัน นั่นคือ สติ, ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง นั่นคือจิตที่มีความรู้สึกตัว นั่นเองครับ
ขอให้เจริญในธรรมครับ