Author Topic: [กระทู้เก่ามาเล่าใหม่] อุบายสลายกาม โดย คุณสันตินันท์  (Read 3413 times)

Offline หงส์น้อยบ้านโค้งดารา

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *
  • Posts: 118
  • คะแนนความนิยม: +4/-0
  • Gender: Male
เขียนไว้เมื่อ วัน ศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2543 11:35:56

กามนั้นจำแนกเป็นสองส่วนคือ วัตถุกาม กับกิเลสกาม
วัตถุกามได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นที่ตั้งแห่งความรักใคร่
และแม้จะไม่เจอของจริง หรือวัตถุจริงๆ
แต่บางทีจิตก็เข้าไปตั้งยึดอยู่ในกามสัญญา
เช่นมโนภาพเกี่ยวกับสาวงาม เป็นต้น
ส่วนกิเลสกาม หรือกามราคะ เป็นความกำเริบของจิต
ที่เข้าไปรักใคร่ ผูกพันกับวัตถุกาม

นักปฏิบัติเมื่อผจญการคุกคามของกิเลสกาม
ก็มีอุบายหลายอย่างที่จะต่อสู้เอาตัวรอด
เช่นพิจารณาวัตถุกามให้เห็นเป็นของไม่สวยงาม
บางทีก็เพ่งที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เบี่ยงเบนความสนใจเสีย
เช่นเพ่งลมหายใจ เพ่งพุทโธ
บ้างก็พยายามดูจิต โดยหวังให้พ้นจากการคุกคามของกิเลสกาม

แต่หลายคราวคงพบว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร
จิตก็ยังถูกกิเลสกามครอบงำอยู่นั่นแหละ
วันนี้จึงมีอุบายง่ายๆ มาแนะนำกันอีกอย่างหนึ่ง
พอเป็นเครื่องเล่นของนักปฏิบัติ

คือเวลาที่จิตถูกกิเลสกามครอบงำ จนไม่มีกำลังจะดูจิตได้จริง
ยิ่งพยายามดิ้นรน อยากจะให้จิตพ้นการครอบงำของกิเลส ก็ยิ่งทุกข์มากยิ่งขึ้น
ก็ให้ลองเปลี่ยนอารมณ์ ไปรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียก่อน
เช่นหันไปมองสาวสวยหรือหนุ่มหล่อที่ชอบใจให้เต็มตาเสียเลย
แล้วจับความรู้สึก/ความรับรู้แรก ที่เห็นรูปในแว้บแรกให้ทัน
(ตรงนี้เป็นการเล่นเกมส์ที่ไม่เหมาะกับพระหนุ่มๆ เพราะถ้าพลาดก็แย่ไปเลย)

ความรู้สึกแรกนั้น มันเป็นกลาง เฉยๆ เบิกบาน อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
ถ้าจับความรู้สึกนี้ทัน ก่อนที่มันจะปรุงเป็นกิเลสกามขึ้นมา
จิตจะพ้นจากอำนาจครอบงำของกิเลสกามทันที
เพราะจิตดวงเก่าที่ถูกกิเลสกามครอบงำ
มันตายไปแล้วเมื่อเรามีจิตดวงใหม่ไปรู้อารมณ์ใหม่
ส่วนจิตดวงใหม่ก็ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะอันว่องไว
ยังไม่ถูกกิเลสกามครอบงำ

ถ้าจับจุดนี้ทัน ต่อให้นาวงามสามโลกมาเดินอยู่ต่อหน้า
จิตก็จะเพียงสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นรูป
เพราะจิตใหม่มีสติสัมปชัญญะ
พ้นจากการครอบงำของกิเลสกามที่เคยกลุ้มรุมไปได้แล้ว
หลังจากนั้น ก็คอยดูจิตต่อไปอย่างที่เคยฝึกหัดกันมา

ผมเคยสังเกตจิตใจของผู้ปฏิบัติในสายอภิธรรมหลายสำนัก
พบว่าเขาพยายามใช้สติ ระลึกรู้ความรู้สึกแรกที่ตากระทบรูป
หรือเท้ากระทบพื้น อยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าเขาไม่มีสัมปชัญญะจริง ไม่มีธรรมเอกหรือสัมมาสมาธิจริง
จิตของเขาจะเคลื่อนเข้าไปจ่ออยู่ในรูปที่รู้
อันเป็นการเสียสมรรถนะที่จะรู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลางไปในทันที
ดังนั้น เมื่อจับความรู้สึกแรกได้แล้ว
ระวังอย่าให้จิตเคลื่อนหลงเข้าไปในความรู้สึกนั้นนะครับ
มันจะกลายเป็นการทำสมถะ ทั้งที่แขวนป้ายว่า กำลังทำวิปัสสนาอยู่

(ที่เล่ามานี้เป็นการยกตัวอย่างการดำเนินของจิต
แบบเล่าสู่กันฟังภายใน "บ้านของชาววิมุตติ" ที่เป็นญาติมิตร พี่น้องกัน
ไม่มีเจตนาไปล่วงเกิน หรือชวนทะเลาะกับท่านผู้หนึ่งผู้ใดนะครับ
เพราะวิมุตติ ไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่เป็นที่เฉพาะสมาชิกเท่านั้น)


น้องๆ หลานๆ นักปฏิบัติ จะลองวิธีนี้เล่นบ้างก็ได้
ถือเป็นการเล่มเกมส์กับกิเลส ประเภทใครดี - คนนั้นอยู่ทีเดียว
หัดรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

Offline nitivit

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 73
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • Gender: Male
  • ดูอย่างเดียว
ขอบคุณครับ
ต้องลองเอาไปปฏิบัติดู
เพราะเท่าที่ผ่านมา เจอสาวสวยทีไรสติมาไม่ทันทุกที :-[
คือพอตามอง จิตไหลไปแล้ว ดูตอนที่ปรุงไม่ทันเลยครับ
รู้ตัวตอนที่มองตามไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วิ
ตั้งใจว่าจะรู้ตัวให้ได้ก่อนที่จะหันตาม (สู้มันหน่อย) อย่างน้อยสัก 2 วิ ก็ยังดี ;D
"สติจำเป็นในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ" หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

Offline เด็กน้อย

  • Full Member
  • ***
  • Posts: 62
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา
_/l\_ _/l\_ _/l\_  ขออนุโมทนา สาธุค่ะ ^^

มีโอกาสจะลองเอาไปปฏิบัติดูค่ะ อิอิ ^^

ขอขอบคุณพี่หงษ์น้อยมากๆเลยนะคะ _/l\_ ^^
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มาก แล้วจะสิ้นสงสัย" ^^

Offline pormaid

  • Newbie
  • *
  • Posts: 8
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
...พักนี้รบกันดุเดือดกับกามพอดีเลยครับ ทั้งวัตถุกาม ทั้งกามสัญญา


...ยังไม่ถึงกับโดนตีแตก แต่เพลี่ยงพล้ำทีเดียว ตอนนี้เอาแต่หลบอยู่ในป้อม(สมถะ) ซะส่วนใหญ่...


...ได้อุบายอันนี้ เหมือนรื้อค้นเจออาวุธชิ้นใหม่ในคลังแสง เดี๋ยวจะเอาไปฟาดมันบ้าง


ขอบคุณครับ ^^