เคล็ดวิชาดูจิต

ให้รู้สิ่งที่ปรากฎด้วยจิตที่เป็นกลาง

Link : dhammada.net | สันติธรรม | กระดานข่าววิมุตติ | ลานธรรมเสวนา |
วันวานที่สนทนาประสาเพื่อน | wimutti.net |

 

 

 
 

เขมานันทะ

เคลื่อนไหวไปกับรหัสเงียบ

ในการเคลื่อนไหว อย่าลืมว่าเมื่อเราเคลื่อนไหวนั้น จิตของเราจะสังเกตการเคลื่อนไหวนั้นๆ ด้วย ทุกครั้งที่เราเคลื่อนเองทำเอง ธรรมชาติอันหนึ่งซึ่งเราเรียกว่า จิต มันสังเกตอยู่ จิตนี้เรามองไม่เห็นตัวเห็นตน บอกไม่ได้ว่ามันอยู่ตรงไหน แต่รู้ว่ามันอยู่ในกายที่ยาววานี้แน่ ทีนี้เมื่อเราเคลื่อนไหว มันจะมีเจตนาที่เคลื่อนไหว แต่ในการเคลื่อนนี้ จิตสังเกต จิตรู้ได้ เจ้าตัวสังเกตนี้เอง เรียกว่าผู้สังเกต ที่จริงก็คือจิตนั้นเอง เช่นผมนั่งอยู่ตรงนี้ กระบอกตามันไม่ได้สังเกตอะไร ตามันเห็นอะไรไม่ได้ ปราศจากวิญญาณแล้วไม่มีการเห็น อย่างคนตายนี่ตายังดีๆ อยู่ เราควักลูกตาไปให้คนอื่นยังได้ เอาไปฝากธนาคารตาก็ได้ ตามันไม่เห็น คนเป็นๆ นี้ตาก็มองไม่เห็น แต่สิ่งที่ทำหน้าที่เห็นหรือผู้เห็นนั้น คือวิญญาณ อย่าไปเที่ยวค้นหาว่ามันเป็นอะไร เพราะการทำเช่นนั้นก็เข้าตำรา ขี่ควายไปหาควาย มันจะไม่พบ เพราะตัวที่เที่ยวหาว่าอะไรคือวิญญาณอันนั้นแหละคือวิญญาณ ยิ่งหาก็ยิ่งไม่พบ มันไม่มีตัว ไม่มีตน มันทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ดู ผู้รู้ ผู้ลิ้ม แต่เมื่อรู้จักมัน มันกลับไม่มีทั้งผู้ดูและสิ่งที่ถูกดูก็กลับเป็นอากาศธาตุ
แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเรื่องนี้ ให้ทำโค้ตลับขึ้น ที่จริงก็เป็นการหลอกล่อจิตนั้นเอง เรากำลังหลอกล่อตัวหนึ่ง คือเจ้าตัวสาระแน จิตนี้มันแสนกลมาก เพราะเวลาทุกข์ก็จิตนั้นเองที่ทำเอามันคิดโน่นคิดนี่แล้วมันหลอกล่อตัวมันเอง แต่ตอนนี้เราลวงมัน ล่อมัน เคลื่อน...เคลื่อน...อย่าลืมว่าตัวที่เข้าไปผลักดันให้เคลื่อนก็เป็นเรื่องของจิต แต่เราจะล่อตัวที่สังเกตอยู่ ใหม่ๆ ให้ทำช้าๆ มันจะเริ่มสังเกต เราไม่ต้องใช้ตาดูมันก็รู้ ให้รู้สึกตัวเท่านั้นที่เคลื่อนไหว ในการเคลื่อนไหวหลายวิธีที่ผมเคยแนะ ต้องเข้าใจหลักให้ดีก่อน เราล่อมันช้าๆ ล่อให้มันติดกับ คล้ายๆ เราล่อกวาง เราโรยเหยื่อ โรยอาหารมาตามลำดับ มันจะค่อยๆ ตามมาๆ แล้วเราก็จะจับมันได้ในที่สุด ตอนนี้เราล่อมัน ช้าๆ (ยกมือเคลื่อนแล้วหยุด) ตอนหยุดนี้เราปิดทางมัน ปิดทางกลับของมัน คล้ายๆ เราล่อกวางให้เข้ามาในคอก แล้วปิดคอกชั้นหนึ่ง แต่วงคอกมันยังกว้างเราจับตัวมันไม่ได้ เราก็ล่อมันเข้ามาชั้นใน แล้วปิด เหมือนที่เราทำกับจิต สักครู่หนึ่ง จิตจะเริ่มกลับเข้าไปในร่างกาย หลังจากที่มันท่องเที่ยว ทำงานอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นยอดสถาปนิก เหมือนนักจัดห้อง จัดทั้งวัน จิตนี่มันชอบสร้าง เห็นไม่ได้สร้างโน่นสร้างนี่ มันคิดนึกไปเรื่อย
แต่บัดนี้ เราจะล่อมัน มันจะจังงัง ใช้คำว่าจังงังตามภาษาของผม แปลว่างงก็ได้ ล่อเข้าไปเรื่อย ๆ มันจะเริ่มงง มันจะถูกล้อมเข้า ในที่สุดมันจะเริ่มกลับหลัง มันจะกลับเข้าไปในร่างกาย เมื่อจิตกับกายเข้ามาประมวลกันแล้ว มันจะเป็นอันเดียวกันกับการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวนี้จะเปลี่ยนแปลง จากการเคลื่อนไหวที่มีเจตนาเคลื่อนจะเปลี่ยนไปเอง คือรู้สึกเบาๆ มันเริ่มเป็นเอง แล้วเมื่อการเคลื่อนไหวนี้ถึงซึ่งความเป็นเอง กายกับจิตปรองดองกัน ระบบลมหายใจจะเปลี่ยน ร่างกายจะเริ่ม energizes อย่างสม่ำเสมอ แล้วมันจะเริ่มคลายความตึงเครียด เมื่อเราตึงเครียดมันคล้าย ๆ กับเราเป็นไข้ มันจะจับตามหูตามตามันตึงๆ ที่หน้า มันแค้นๆ จุกๆ ที่อก พอทำแล้วมันจะรู้สึกโล่งๆ ที่ปลายจมูกนี้จะใสๆ เรียกว่ามันมีพลังชีวิตใหม่เกิดขึ้น ตาจะเริ่มสว่างขึ้น และโลกจะปรากฎกับเราเป็นสิ่งใหม่ ความรู้สึกคับแค้นใจจะหายไป ความรู้สึกรักชีวิตปรากฎเข้ามาแทนที่ ความรักชีวิต ความเข้าใจในตัวมันเองนี่เองที่เราถือเป็นของขวัญที่ได้รับในปัจจุบันทันตาเห็น..."

รู้ตัวแบบลืมตัว ลืมตัวแบบรู้ตัว

ในความรู้สึกตัว เมื่อเริ่มปฏิบัติ จะมีความรู้สึกตัว แบบทึบๆ หนักๆ คือรู้สึกตัวได้ดีแล้ว แต่มันยังหนักอยู่ แต่ถ้าปฏิบัติต่อไป มันค่อยๆ กลายเป็นรู้ตัวล้วนๆ รู้ล้วนๆ ไปทีละน้อย เบากายเบาใจไปเรื่อยๆ ที่เราจับการเคลื่อนไหวนั้นเพื่อจะรู้สึกตัว หรือเรารู้สึกตัวในการเคลื่อนไหว เป็นการเสริมกัน แต่ถ้ารู้ตัวมากเกินไปก็จะกลายเป็นจ้องมองตัวเอง แล้วมันจะเครียดขึ้น ดังนั้นภาวะที่เราปรารถนาจริงๆ คือสมดุลระหว่างรู้ตัวและลืมตัว ลืมตัวแบบรู้ตัว รู้ตัวแบบลืมตัว นี่สำคัญ
ถ้าเราพยายามจะรู้ตัวตลอด ยึดติดกับปัจจุบันขณะ จะอึดอัด ชาวพุทธมักเข้าใจว่า นิพพานเป็นปัจจุบัน แล้วพยายามปฏิบัติเพื่ออยู่ในปัจจุบันขณะ นั่นเป็นความยึดติด นิพพาน ไม่เป็นอดีต ไม่เป็นอนาคต ไม่เป็นแม้แต่ปัจจุบัน แต่ปัจจุบัน เป็นฐานของการภาวนา เราต้องตั้งฐานที่ปัจจุบันขณะก่อน ต้องละแม้แต่ปัจจุบัน เพระฉะนั้น ความรู้สึกตัวของเราต้องเป็นความรู้สึกเบาๆ ท่านคงปฏิเสธไม่ได้ว่า วันที่เราสบายที่สุดคือเราเดินแล้วลืมตัว แต่เราไม่ได้บ้า
รู้ตัวแบบลืมตัว ภาวะเช่นนี้เป็นเป้าหมายหลักของเรา เพราะที่ตรงนี้ กฎธรรมชาติจะทำกิจของการปลดปล่อยเอง สัญชาติญาณของความไม่ประสงค์ทุกข์จะทำงานเอง

 

Copyright http://se-ed.net/yogavacara 2005 All rights reserved.
yogavacara@hotmail.com