กลับสู่หน้าหลัก

ธรรมที่ไม่ถูกยึดถือ เป็นเรื่องง่ายๆ

โดยคุณ ไพ วัน ศุกร์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2542 15:06:53

บังเอิญไปรื้อหาหนังสือเก่าๆอ่าน ก็เลยไปเจอ sheet ธรรม
ของลูกศิษย์ท่านแม่ชีบังอรที่ระนองเกี่ยวกับการดูจิตพอดี
เห็นว่ามีประโยชน์ ก็เลยมาโพสท์ให้อ่านกันค่ะ

         การปฏิบัติธรรมในเรื่องของการตามดูจิตนั้นจริงๆแล้วเป็นเรื่องง่าย
ที่ว่าง่ายก็เพราะไม่ใช่ว่าต้องคอยติดตามดูตลอด 24 ชั่วโมง  เราจะเอา
กาลเวลาเป็นตัวกำหนดการปฏิบัติธรรมไม่ได้  เพราะว่าจิตไม่มีกาล ประมาณ
และเวลา  เหตุผลก็เพราะว่า จิตไม่มีตัวตน แล้วเราจะเอากาล ประมาณ
และเวลามาเป็นตัวปฏิบัติได้อย่างไร
         จิตจะเกิดขึ้นตอนที่มีสิ่งมากระทบทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ  แล้วจิต
ของเราเข้าไปยึดถือสิ่งที่กระทบ ทำให้เกิดตัวตนในขณะที่ยึดถือ ตรงจุดนี้
คนปฏิบัติธรรมทั้งหลายส่วนมากไม่ค่อยไหวทันกับสิ่งที่จิตกำลังยึดถือ
แต่มักจะพยายามทำสิ่งที่จิตเข้าไปยึดถือที่กำลังเกิดขึ้นนั้นให้หายไปจากจิต
แต่จริงๆแล้วแก่นแท้ของการปฏิบัติธรรมนั้น แค่เรารู้ทันสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่า
สิ่งนั้นจะเป็นอารมณ์ชนิดไหน เราไม่ไปยึดถือกับสิ่งที่เกิดขึ้น นั้นแหละคือ
การปฏิบัติธรรมที่ว่าง่ายๆ
          ตามความเป็นจริงการปฏิบัติธรรม จุดสำคัญมีเพียงแค่เรารู้เท่าทัน
อารมณ์ที่เกิดขึ้นก็พอแล้ว ไม่ใช่ว่าการตามดูจิตนั้น ตั้งแต่ตื่นนอนต้องมีสติ
อยู่ตลอดเวลาห้ามเผลอ มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะโดยปรกติคนเรามีสติอยู่แล้ว
ตั้งแต่ตื่นนอน แต่เป็นสติสามัญธรรมดา ซึ่งทุกคนทั่วไปก็มีสติอย่างนี้ แต่การ
ปฏิบัติธรรมตามดูจิตนี้มันเป็นสติพัฒนาอีกระดับหนึ่ง เป็นสติแบบรู้เห็นเท่าทัน
ในอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นโดยเราไม่เข้าไปยึดถือ  การตามดูจิตต้องดูกันที่ตรงนี้
ตรงที่ไม่ยึดถือกับสิ่งใดที่เกิดขึ้นกับจิต
          เราจะเข้าห้องน้ำ กินข้าว กินน้ำ พูดคุย ไม่ว่าทำอะไรตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
ถ้าเราไปทำให้มีสติ สติแบบนี้ทำให้มีขึ้นมามันก็มีได้ แต่มันเป็นความยึดถือ
ต้องบังคับต้องควบคุม ถ้าลักษณะนี้ ปฏิบัติไปได้ไม่นาน ถ้าขาดการควบคุม
จิตก็กลับสภาพเดิม ในที่สุดก็กลายเป็นความท้อถอย เรื่องที่ปฏิบัติกันง่ายๆ แต่แปลก
คนเราทำให้มันยาก
          อย่างกรณีจิตของพระอรหันต์เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา มักเข้าใจว่าพระอรหันต์
มีจิตสมบูรณ์เต็มรอบด้วยสติตลอดเวลาไม่ขาดสาย จริงๆแล้วก็ถูกต้อง แต่เป็นความ
ถูกต้องตามความคิดเห็น ตามความเป็นจริงที่ว่าพระอรหันต์มีสติตลอดเวลา
สติที่ว่านี้คือสติที่ไม่มีความยึดถือกับสิ่งใดที่เป็นอารมณ์เลย  ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า
จิตของพระอรหันต์ขาดอุปาทานตลอดสาย "ความยึดถือทั้งหลายดับหมดไม่เหลือ"
สติที่พระอรหันต์ใช้อยู่เป็น "กริยาสติอัตโนมัติ" ไม่มีตัวตน เราจะเห็นได้เลยว่า
สติที่ถูกสร้างให้เกิดเป็นอุปาทาน กับสติที่ขาดอุปาทานมีข้อแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ตรงนี้แหละที่สามารถเห็นความบริสุทธิ์ของสติพระอรหันต์ที่ว่ามีตลอดสายไม่มีประมาณ
ที่ว่าไม่มีประมาณเพราะว่า ไม่มีอุปาทานมาสร้างขอบข่ายกฎเกณฑ์ให้มีให้เป็นขึ้นมา
สติที่ถูกสร้างถูกปรุงขึ้นมาเป็นเรื่องของอัตตาตัวตนทั้งนั้น แต่ก็เป็นที่นิยมนำมาปฏิบัติกัน
           จริงๆแล้วการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ปล่อยวางสภาพปรุงแต่ง ความสมดุลย์
ก็จะเกิดขึ้นทันทีในขณะนั้น "เหมือนสายกีตาร์หย่อนก็ให้ตึง ตึงก็ให้ผ่อน" ความจริง
ตามสภาวะจิต จุดเริ่มต้นก่อนที่จะมีอารมณ์อะไรนั้น ภาวะจิตนั้นเป็นภาวะจิตที่สมบูรณ์
เป็นปกติ แต่พอมีสิ่งมากระทบปรุงเป็นอารมณ์ขึ้นมา จะสังเกตุเห็นได้ว่าภาวะสมดุลย์
เปลี่ยนไป (ผู้ปฏิบัติธรรมเราต้องสังเกตุกันตรงนี้) ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผิดปรกติ
พอรู้เท่าทันไม่ไปยึดถือเท่านั้นก็พอ
           แต่นิสัยคนปฏิบัติธรรมจะให้มีภาวะปรกติตลอดสายโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
มันเป็นไปไม่ได้ หรือพอเกิดความผิดปรกติไม่สมดุลย์เกิดขึ้นมาก็มักอยากทำให้มัน
หายเร็วๆ ทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพียงแค่เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น โดยที่เราไม่ต้องไปให้ค่า
หรือคะแนนแต่อย่างใด แค่ "รู้" เฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นก็พอแล้ว ตรงนี้แหละคือการปฏิบัติ
ธรรมตามดูจิต ดูความจริงตามสัจจะที่เกิดขึ้น
          แล้วต่อจากนั้นสังเกตุอาการต่อไปแบบธรรมดาๆ โดยไม่ต้องพยายามทำให้มัน
ปรกติหรือให้มันผิดปรกติ แค่สังเกตุธรรมดาๆก็พอแล้ว ฝึกให้ได้อย่างนี้เรื่อยๆ
จะชำนาญและเป็นอัตโนมัติในที่สุด จริงๆแล้วการปฏิบัติธรรมมีแค่นี้เอง เหตุนี้เอง
ถึงได้บอกว่าการปฏิบัติธรรมนั้นง่ายๆไม่ยากอย่างที่คิด เพราะการปฏิบัติธรรมไม่ใช่
ความคิด แต่เป็นเพียงผู้รู้เห็นเหตุและปัจจัยที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นธรรมดา
"ดูจิตอย่างเดียวไม่ต้องร่วมปรุง"

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ แมวแก่ วัน ศุกร์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2542 23:22:42

ขอบคุณพี่ไพมากครับ _/|\_

โดยคุณ แมวแก่ วัน ศุกร์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2542 23:22:42

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ สันตินันท์ วัน เสาร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2542 05:07:37

สำนักนี้น่าสนใจดีครับไพ
ว่างๆ พาพี่ไปดูหน่อยนะครับ
ถ้าการปฏิบัติจริงกับคำพูดตรงกัน
จะได้นำมาแนะนำชักชวนพวกเราให้ไปกันบ้าง
เหมือนที่เคยแนะนำให้ไปเขาสวนหลวงกันมาแล้ว


โดยคุณ สันตินันท์ วัน เสาร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2542 05:07:37

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ ทรายแก้ว วัน เสาร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2542 09:53:27

ขอบพระคุณมากค่ะพี่ไพ

โดยคุณ ทรายแก้ว วัน เสาร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2542 09:53:27

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2542 07:52:19

ลึกซึ้งดีเยี่ยมครับ คุณไพ

สาธุครับ ในธรรมทาน ที่ตั้งใจเผยแผ่ครับ


โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2542 07:52:19

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ นิดนึง วัน จันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2542 13:22:10

สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ หลังเขา วัน จันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2542 15:05:52

ส่งความคิดเห็นไม่ได้ครับ
ไม่รู้เป็นอะไร


โดยคุณ หลังเขา วัน จันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2542 15:05:52

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ Lek วัน พุธ ที่ 1 ธันวาคม 2542 13:36:01

_/|\_ สาธุค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ คุณพี่ไพ :-)


โดยคุณ Lek วัน พุธ ที่ 1 ธันวาคม 2542 13:36:01

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ Lek วัน พุธ ที่ 1 ธันวาคม 2542 13:36:39

สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ Lek วัน พุธ ที่ 1 ธันวาคม 2542 13:53:44

สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ สายขิม วัน จันทร์ ที่ 13 ธันวาคม 2542 14:54:47

สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ kobe วัน เสาร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2543 22:10:11
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ นิพ วัน พฤหัสบดี ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2543 15:36:45
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com