กลับสู่หน้าหลัก

การเดินจงกรม

โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 09:07:35

ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา การทำสมาธิโดยส่วนใหญ่ของผม จะทำด้วยการนั่งสมาธิเป็นส่วนใหญ่ แม้จะรู้ว่า การเจริญสตินั้นควรจะทำในทุกๆอิริยาบถก็ตาม แต่ก็ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับการเจริญสติในอิริยาบถเดินเท่าใด

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กลับเริ่มรู้สึกว่า ลำพังการเจริญสติเพียงในขณะนั่งนั้น คงไม่เพียงพอเสียแล้ว แม้คำภาวนาบางทีก็ดูเหมือนบังคับไป

สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่าเบาสบายกว่า คือการตามรู้กาย ไม่ว่าจะนั่งจะนอน แต่เมื่อเดินกลับมีปัญหาว่า จะทำอย่างไร

ทั้งนี้ปัญหาเกิดขึ้นเพราะไม่เคยที่จะศึกษาการเดินจงกรมอย่างจริงจัง

ในวันนี้คิดว่าถึงเวลาที่ต้องฝึกหัดเสียที ก็ขอรบกวนท่านผู้รู้ช่วยชี้แนะให้ด้วยครับ
โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 09:07:35

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ มะขามป้อม วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 09:59:53
การเดินจงกรมสำคัญและเห็นประโยชน์มาก
เพราะเหตุสองประการครับ
ประการแรกคือเราลืมตาอยู่
ประการที่สองคือ มีการเคลื่อนไหวของร่าง
หมายความว่าเรากำลังเปิดให้จิตที่รับรู้อารมณ์
อย่างเต็มที่ทั้ง ๖ ทาง (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

วิธีผมใช้คือในขณะเดินต้อง รู้ตัวพร้อม ในห้าทางแรก (คือกาย)
ก่อน สังเกตดีๆ จะเห็นว่าจิตไม่เพ่งลงไปที่จุดใดจุดหนึ่ง แต่จะเห็นทั้งกาย
และรับรู้จากทุกประสาทสัมผัสทางกาย พอใจสงบ ก็เริ่มทิ้งกาย หมายความว่าปล่อยให้ร่างกาย
เดินไปตามอัตโนมัติ หันมาสนใจ มโนทวาร สนใจอารมณ์ต่างที่เกิดขึ้นแล้วดับ
ไป อยู่กับจิตผู้รู้ เดินไปเรื่อยๆ ใจจะสงบดีมากครับ จิตผู้รู้จะเด่น
จากอารมณ์ชัดเจนครับ ความรู้สึกจะเหมือนตัวเบาๆ ลอยๆ นะครับ

เดินจงกรมบ่อยๆ ก็จะมีความชำนาญในการดูจิตในชีวิตประจำวันครับ
ผู้อีกอย่างก็คือ การเดินจงกรมก็เหมือนการดูจิตในชีวิตประจำวันนั้น
แหละครับ ต่างกันที่เราทำให้มันเป็นกิจลักษณะมากกว่าครับ

ฟังประสบการณ์จากท่านอื่นๆ บ้านนะครับ
โดยคุณ มะขามป้อม วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 09:59:53

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ มะขามป้อม วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 10:06:48
โอย...พิมพ์ผิดเต็มเลย ทนๆ เอาหน่อยนะครับ...
พูดอีกอย่างก็คือ การเดินจงกรมก็เหมือนการดูจิตในชีวิตประจำวันนั่น
แหละครับ ต่างกันที่เราทำให้มันเป็นกิจลักษณะมากกว่าครับ

ฟังประสบการณ์จากท่านอื่นๆ บ้างนะครับ
โดยคุณ มะขามป้อม วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 10:06:48

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 10:07:56
เรียน คุณมะขามป้อมครับ

เมื่อผมลองเดินโดยหลับตา ก็ดูเหมือนจะเห็นกายได้ชัดเจนดีครับ แต่พอลืมตาเท่านั้น อะไรๆก็หายไปหมด เหลือแต่มารู้ข้างนอกไปหมดครับ

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ

โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 10:07:56

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ นิดนึง วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 12:02:19
อ่านที่คุณมะขามป้อมบอกแล้วน่าจะหมดจริงๆ ค่ะ
เพราะการเดินจงกรมที่ถูกต้องนั้น ต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ

เพียงแต่ว่าการเริ่มต้นใหม่ๆ สำหรับมือใหม่หัดขับจริงๆ
ต้องเร่ิมจากเท้าไปก่อน เร่ิมให้รู้สึกถึงการสัมผัสจากฝ่าเท้า
กับพื้น และรู้การย่างก้าวไป และไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ รู้สึกทั้งขา
รู้สึกทั้งตัว รู้ลมหายใจ ทำไปอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะที่
พอเหมาะสำหรับแต่ละคน โดยมาดุที่จิตเป็นหลักว่า
จังหวะช้าหรือเร็วอย่างไร ที่ทำให้จิตสงบได้เร็วกว่ากัน
จนเห็นความรู้สึกตัวทั่วพร้อม

อย่างที่คุณมะขามป้อมกล่าวค่ะว่าเป็นการช่วยเสริม
การดูจิตในชีวิตประจำวัน เพราะจิตจะตั้งมั่นเป็นหนึ่ง
ในอิริยาบทแห่งการเคลื่อนไหว และยังมีผัสสะของ
อายตนะทั้งหมดอยู่พร้อมด้วย ก็เลยเป็นการดูจิตแบบ
มีแบบมีแผน เหมือนการทำแบบฝึกหัดคัดลายมือก่อน
จะเขียนจริง อารมณ์ก็อารมณ์เดียวกับการนั่ง
ซึ่งก็มีหลายๆ ท่านที่เดินจงกรมแล้ว ดีกว่านั่งเสียอีกค่ะ

ถ้าหลับตาก็จะอันตรายเพราะอาจจะเดินไปชนอะไรเข้า
และขาดผัสสะไปหนึ่งทางนะคะ ถ้าลืมตาแล้วไม่ดี ลองมอง
พื้นให้ต่ำหน่อย คืิอดูเฉพาะพื้นข้างหน้าที่จะก้าวเพียง
หนึ่งก้าว โดยการมองเส้นทางเดินตลอดเสียก่อนที่จะเดน
คือยืนกำหนดจิตก่อนและมองเส้นทางที่กำหนดมองกลับไป
กลับมา พอเวลาเดินจริงก็มองเพียงหนึ่งก้าว ตาจะเหลือบ
ต่ำมากจนแทบจะเหมือนหลับตา น่าจะได้ผลนะคะ

โดยคุณ นิดนึง วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 12:02:19

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ มะขามป้อม วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 14:28:57
ลืมตาแล้วหายไปหมด ก็แสดงว่า จิตถูกเบนความสนใจมาที่ตาเสียแล้ว
มาปรุงแต่งรูปที่รับเข้ามาทางตา อันนี้ต้องฝึกเอาหน่อยครับ
เพราะเราเคยชินกับการส่งจิตออกนอกอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
วิธีของพี่นิดก็ดีครับไล่มาจากเท้ามาเรื่อยๆ
แต่สุดท้ายควรลืมตาครับ (ถ้าหลับตาก็อดดูต้นไม้ ก้อนหินแสดงธรรมแน่นอน :) )

อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ลองสังเกตจิตดู ถ้าสนใจที่จุดใดจุดหนึ่ง
อันนั้นไม่ใช้ ต้องรู้สึกครอบคุมทั้งกาย ด้วยความรู้สึกเบาๆ ไม่กดเพ่ง
รวมทั้งมีสติสัมปชัญญะอยู่ด้วยอันนี้ถูกแล้ว

ข้อดีอันหนึ่งของการเดินจงกรมก็คือ การที่ร่างกายเราเคลื่อนไหวทั้งตัว
จะเป็นการกระตุ้นสติสัมปชัญญะ ได้ดีกว่าการนั่งอยู่เฉยๆ
โดยส่วนตัวคิดว่า มันช่วยให้เราดำรงสติได้นานกว่าการนั่งสมาธิครับ

แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ พอรู้สึกว่ากำลังถูกเบนความสนใจจากจิตผู้รู้
ก็เริ่มตั้งต้นใหม่ นานๆ เข้าจิตก็จะอยู่ตัวไม่วอกแวกครับ
(เหมือนฝึกสัตว์ป่าแรกๆ ก็ต้องตีกันบ่อยๆ นานๆ เข้าก็เชื่อง ไม่ต้องตี)
ขออย่างเดียว อย่ายอมแพ้กิเลสไปเสียก่อน

โดยคุณ มะขามป้อม วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 14:28:57

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ สันตินันท์ วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 14:34:47
คุณมะขามป้อม และ คุณนิดนึง กับผม เดินแบบเดียวกันเปี๊ยบเลยครับ
ส่วนที่ต้องเริ่มจากการหลับตา เพื่อจะรู้กายนั้น
เข้าใจว่าเพราะคุณพัลวันยังมีกำลังไม่พอ ที่จะเดินไปแล้วรู้กายทั่วพร้อมไป

ทางที่ดีแทนที่จะหลับตา ก็กำหนดความรู้สึกลงที่เท้า
รู้เท้าที่เคลื่อนไหวและกระทบพื้นไป สบายๆ โดยไม่ต้องพะวงถึงจิต
เมื่อจิตจดจ่ออยู่ที่เท้าแล้ว ก็ค่อยกระจายความรู้ตัวไปทั้งกายอีกทีหนึ่ง
โดยไม่ต้องพะวงกับจิตเช่นกัน

พอรู้ตัวทั่วพร้อมดีแล้ว ต่อไปจิตจะสงบและมีกำลังขึ้น
ก็จะจับความสงบได้แล้วเข้ามาดูจิตได้
หรือถ้าไม่สงบ จิตเกิดความคิดแล้วเกิดกิเลส
ก็จะจับกิเลสได้ แล้วดูจิตได้

ถึงจุดนั้น การดูจิตก็จะเหมือนกันหมด ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน

และถึงแม้เราจะดูจิตในชีวิตประจำวันได้แล้วก็ตาม
ในแต่ละวันควรหาเวลาเดินจงกรมบ้าง จะเป็นกำลังครับ
เวลาจะเดินก็อย่าใจร้อนว่าจะต้องดูจิต
ให้ทำไปตามลำดับอย่างที่คุณนิดนึงกับที่ผมเล่ามานี่แหละครับ
ตรงจุดที่จิตเปลี่ยนจากรู้กายไปรู้จิตนั้น
มีสภาพไม่ต่างกับตอนที่เครื่องบิน take off เลยครับ
โดยคุณ สันตินันท์ วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 14:34:47

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 18:26:53
ขอบพระคุณครับ ผมจะนำไปฝึกหัดครับ
_/|\_
โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 18:26:53

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 21:15:34
ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ
เดินหลายครั้งแล้ว  แต่ก็ยังไม่ค่อยเป็นเหมือนกัน  คราวนี้น่าจะมีไอเดียมากขึ้นค่ะ  _/|\_
โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน อังคาร ที่ 21 ธันวาคม 2542 21:15:34

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 08:05:07
เมื่อวานนี้ และในเช้านี้ ได้ทดลองทำตามคำแนะนำของครู คุณมะขามป้อม และพี่นิดนึง ดูบ้าง ก็ได้ผลเหมือนกันครับ คือเดินจงกรมด้วยการลืมตา โดยขั้นเริ่มแรก ก็ส่งความรู้สึกไปรู้ที่กระทบของฝ่าเท้ากับพื้น โดยไม่บังคับ ไม่จงใจ (ที่จริงมีอยู่บ้างครับ แต่ไม่มาก) สักพักก็เห็นมาถึงขาท่อนล่างใต้หัวเข่าครับ แต่บางคราวก็วกกลับไปรู้ที่ฝ่าเท้า แต่บางทีก็พลิกกลับไปดูที่กระดูกข้อนิ้วเท้าบ้าง กระดูกหลังเท้าบ้าง สลับไปกับการเห็นกระดูกขาทั้งท่อนบ้างครับ ก็ไม่บังคับว่าต้องเห็นอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พยายามรักษาให้รู้อยู่แถวๆนั้น ไม่ให้ส่งใจไปข้างนอกด้วยสายตา แค่นั้นครับ

ก็รู้สึกดีครับ เพราะใจก็เบา สบาย เป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ

แต่อย่างไรก็ขอคำชี้แนะ ตำหนิ (ชมไม่เอาครับ) จากท่านผู้รู้อีกสักหน่อยครับ

โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 08:05:07

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ สันตินันท์ วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 08:32:48
หัดอย่างนี้ให้ชำนิชำนาญไปก่อนเถอะครับ
แล้วจะพัฒนาไปดูจิตได้ครับ
โดยคุณ สันตินันท์ วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 08:32:48

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ ดังตฤณ วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 09:01:32
มะขามป้อมน่าไปศาลาลุงชินวันอาทิตย์นี้นะครับ :-)
โดยคุณ ดังตฤณ วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 09:01:32

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 09:20:39
ขอบพระคุณครับครู
_/|\_
โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 09:20:39

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 10:39:28
คุณมะขามป้อมครับ

หากมีเวลา วันอาทิตย์นี้ไปพบกันที่ศาลาลุงชินนะครับ แผนที่และกำหนดการฟังธรรมมีอยู่แล้วที่หน้าแรกครับ
โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 10:39:28

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ มะขามป้อม วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 11:05:47
ยังไม่รับปากว่าจะไปนะครับ
แต่ถ้าไปก็คงจะสายๆ หน่อยนะครับ
เพราะเด็กๆ กว่าจะตื่น กินข้าว แต่งตัว เรื่องเยอะครับ

ว่าแต่ว่าอาทิตย์นี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ
เห็นมี หลวงปู่หลวงตามากันเยอะเลย
โดยคุณ มะขามป้อม วัน พุธ ที่ 22 ธันวาคม 2542 11:05:47

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ ทองจันทร์ วัน พฤหัสบดี ที่ 23 ธันวาคม 2542 12:20:51
สาธุครับคุณอาสันตินันท์ น้านิดและคุณมะขามป้อม
ผมขอเพิ่มเติมวิธีเดินจงกรมตามแบบหลวงปู่ขาว  อนาลโยด้วยครับ เผื่อผู้ที่ยังมีกำลังสมถะไม่พอจะได้ลองนำไปพิจารณาดูตามเหตุการณ์ เริ่มต้นท่านก็ให้กำหนดทางจงกรมไว้ ระยะประมาณ 20 - 25 ก้าว (หากสถานที่ไม่พอก็แล้วแต่ครับ ที่ห้องผมเดินได้ 9 ก้าว) แล้วก็พนมมือตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมและคุณพระสงฆ์ แล้วก็วางมือประสานกันข้างหน้าประมาณต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย สำรวมใจแน่วแน่แล้วก็เดินก้าวเท้าขาวนึกพุทโธ  ก้าวขาซ้ายนึกธัมโมก้าวขาขวานึกสังโฆ สลับกันจนเดินครบสามรอบ ต่อไปก้าวขาขวานึกพุท ก้าวขาซ้ายนึกโธ สลับกันไปเรื่อยๆครับ สำหรับผมเองเบื้องต้นก็กำหนดนึกบริกรรมตามวิธีที่เล่าแล้วนั้นแต่ต่อๆไปเมื่อสติดีขึ้น สงบขึ้นก็จะกำหนดความรู้สึกที่เท้ากระทบและก้าวได้ง่ายขึ้นและก็กำหนดรู้อย่างนั้นเรื่อยๆไปก็จะไปบรรจบกับวิธีตามที่ครูและน้านิดแนะนำไว้เหมือนกันครับ
จากการที่หลวงตามหาบัวได้เรียบเรียงปฏิปทาพระธุดงค์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ไว้ท่านได้แนะนำวิธีเดินจงกรมไว้ซึ่งน่าคิดมากครับ เช่นหลวงปู่มั่นท่านแนะนำลูกศิษย์ท่านให้เดินจงกรมไปมาตามทิศตะวันออกและตะวันตกว่าดีเป็นอันดับหนึ่งและทางทิศเฉียงตะวันดีเป็นอันดับรองลงมา แต่ท่านห้ามไม่ให้เดินทิศเหนือไปใต้เลย ท่านว่าไม่ให้เดินตัดตะวัน   /   หลวงตามหาบัวท่านเล่าว่าพระเถระผู้ใหญ่มักมีอาพาธอันเนื่องมาจากการนั่งนาน ท่านก็เล่าเรื่องขององค์ท่านเองว่าท่านจะปฏิบัติให้อิริยาบทเสมอกัน เช่น ช่วงที่ท่านไปวิเวกในป่าฤดูหนาวอากาศที่ภาคอิสานหนาวมาก และท่านจะไม่นำผ้าห่มติดตัวไปเพียงใช้ผ้าสามผืนและผ้าอาบน้ำฝนเท่านั่น พอกลางคืนอากาศหนาวมากจนนอนไม่หลับท่านก็จะนั่งสมาธิพอจิตสงบรวมเข้าไปก็จะหายหนาวจนจิตถอนออกมาก็จะนอนพักผ่อนก็หนาวมากจนนอนไม่หลับจึงนั้งสมาธิอีกเป็นอย่างนี้เกือบทั้งคืน จะลงไปเดินจงกรมก็เดินไม่ได้เพราะน้ำค้างลงหนักจนเปียกหมดท่านก็แก้โดยกลางวันท่านจะเดินจงกรมเป็นส่วนมากเพื่อแก้กันหากนั่งมากก็จะเดินมากให้อิริยาบทเสมอกันหากนั่งนานจนร่างขายตึงท่านก็จะเดินจนตัวนี่อ่อนหมดท่านจึงหยุด ท่านทำอย่างนี้มาตลอดจึงไม่มีอาพาธเกี่ยวกับการนั่งนาน / และเรื่องการนั่งสมาธิอย่านั่งหันหน้าไปต้านลมโดยตรงให้นั่งเฉียงๆลม เพราะกระแสลมนั้นอาจทำให้เกิดอุปสรรคกับสมาธินั้นได้ ผมก็ขอเล่าเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างครับ
โดยคุณ ทองจันทร์ วัน พฤหัสบดี ที่ 23 ธันวาคม 2542 12:20:51

ความเห็นที่ 18 โดยคุณ สันตินันท์ วัน พฤหัสบดี ที่ 23 ธันวาคม 2542 13:18:25
ขอบคุณจ้อม ที่เล่าเรื่องการเดินจงกรมของครูบาอาจารย์นะครับ
โดยคุณ สันตินันท์ วัน พฤหัสบดี ที่ 23 ธันวาคม 2542 13:18:25

ความเห็นที่ 19 โดยคุณ โยคาวจร วัน ศุกร์ ที่ 24 ธันวาคม 2542 14:57:24
(๏) ขอบคุณมากครับ : )
กำลังหัดเดินอยู่เหมือนกันครับ
โดยคุณ โยคาวจร วัน ศุกร์ ที่ 24 ธันวาคม 2542 14:57:24

ความเห็นที่ 20 โดยคุณ kobe วัน พุธ ที่ 29 ธันวาคม 2542 22:31:50
ขอบคุณครับ
โดยคุณ kobe วัน พุธ ที่ 29 ธันวาคม 2542 22:31:50

ความเห็นที่ 21 โดยคุณ HTML วัน พุธ ที่ 22 มีนาคม 2543 13:01:46
ได้อะไรจากการอ่านที่นี้มากเลยครับ เพราะว่าเดินจงกรม
เป็นชั่วโมงและปกติจะจับบจิตไว้ที่เท้าทำนั้น  จะลองเอาไปปฎิบัติดู
โดยคุณ HTML วัน พุธ ที่ 22 มีนาคม 2543 13:01:46

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com