ความเห็นที่ 4 โดยคุณ สันตินันท์ วัน อังคาร ที่ 28 ธันวาคม 2542 10:16:12 |
เป็นธรรมที่น่าร่าเริงใจครับ อ่านแล้วเห็นคุณของศีลได้เป็นอย่างดี รวมทั้งได้เห็นโทษของปาณาติบาตและความถือดีด้วย
การดำรงชีวิตอยู่กับโลกนั้น บ่อยครั้งที่เกิดความขัดแย้งที่ยากจะตกลงใจ เช่นเมื่อเลี้ยงสุนัขแล้ว ไม่อาบน้ำให้ ปล่อยให้เป็นขี้เรื้อน ก็เท่ากับทำผิดหน้าที่ ขาดความเมตตากรุณา ครั้นอาบน้ำให้มัน ก็มีโทษ ทำให้เห็บและหมัดตาย ก็เป็นการขาดความเมตตากรุณาอีกด้านหนึ่ง
ปัญหาลักษณะนี้ นักปฏิบัติกลุ้มใจกันมามากครับ
มีทหารคนหนึ่งเข้าไปกราบเรียนหลวงปู่เทสก์ด้วยความกลุ้มใจว่า เขาเป็นทหารมีหน้าที่รบ เวลาต้องยิงข้าศึกนั้น จิตเป็นทุกข์มาก เพราะเห็นว่าศีลด่างพร้อย จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม (คงทุกข์มากกว่าที่ทำหมัดตาย) ท่านก็กรุณาตอบว่า อย่าไปคิดว่าเราจะฆ่าคน อย่าให้จิตมีความอาฆาตมาดร้ายต่อข้าศึกศัตรู ให้กำหนดในใจอยู่อย่างเดียวว่า เรากำลังทำหน้าที่ เพื่อความสงบสุขของชาติบ้านเมืองและประชาชนจำนวนมาก
กรณีคล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลเหมือนกัน คือเพชฌฆาตผู้หนึ่ง ได้ฟังธรรมจากท่านพระสารีบุตรเมื่อตอนตัวแก่ใกล้ตาย แต่จิตไม่สงบเลย เพราะคิดอยู่่ว่า เราเป็นคนไม่ดี เราฆ่าคนมามาก ท่านพระสารีบุตรทราบวาระจิต จึงออกอุบายถามว่า ที่ท่านฆ่าคนนั้น ท่านทำตามหน้าที่ หรือท่านอยากฆ่าเขา เพชฌฆาตก็ตอบตามตรงว่า ไม่ได้อยากฆ่าหรอก แต่ต้องทำตามหน้าที่ แล้วจิตของแกก็คิดว่า เราทำตามหน้าที่ เราทำตามหน้าที่ ความรู้สึกผิดบาปในใจก็ลดลง น้อมใจลงฟังธรรม จนสามารถไปสู่สุคติได้
พวกเราที่เคยอ่านเรื่องกำลังภายใน คงเคยพบว่าพระเส้าหลินเวลาจะปราบมารเพื่อความสุขของยุทธภพ ก็จะวางใจว่า เราไม่เข้านรก ใครจะเข้านรก
พระอรชุน เมื่อจะเข้ารบกับพระญาติพระวงศ์ แล้วจิตเกิดสลดหดหู่ เมื่อได้ฟังธรรมจากพระกฤษณะ อันเป็นนารายณ์อวตาร ว่ากษัตริย์มีหน้าที่รบ ข้าศึกที่จะตายนั้น ย่อมถึงที่ตายจึงตาย
ที่ผมยกตัวอย่างมาหลายเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อสรรเสริญการฆ่าตามหน้าที่ และก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพระเส้าหลิน หรือพระกฤษณะ เพียงแต่บอกว่า ถ้ามีหน้าที่ ก็วางใจลงว่าเราทำหน้าที่ เหมือนหมอที่ฆ่าเชื้อโรคเพื่อช่วยชีวิตคน ถ้าหมอคิดว่า เราเกลียดเชื้อโรค จะฆ่ามันให้ตายให้หมด อันนี้ก็เศร้าหมองมาก ถ้าคิดว่า เราจะช่วยชีวิตคนอื่น ช่วยบรรเทาทุกขเวทนา กรรมดีก็มีผลแรงกว่ากรรมชั่ว (ของดเว้นประเด็นอภิปรายเรื่อง เชื้อโรคเป็นสัตว์ตามนิยามของพระพุทธศาสนา และมีจิตหรือไม่)
สำหรับเรื่องความถือดีและคิดล่วงเกินครูบาอาจารย์ ก็เป็นปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของนักปฏิบัติ เพราะความคิดมันเป็นอนัตตา ห้ามไม่ได้ กิเลสคือความถือดี ก็เป็นอนัตตา บังคับไม่ให้เกิดไม่ได้ เวลาคิดถึงครูบาอาจารย์ บางครั้งกระทั่งต่อหน้า ความคิดอกุศลต่อครูบาอาจารย์ก็ยังเกิดขึ้น จนบางคน ไม่กล้าเข้าใกล้ครูบาอาจารย์ เพราะกลัวความคิดไม่ดีของตนเอง
ลำพังความคิดผุดขึ้นนั้น มันเป็นเพียงเงาๆ เกิดแล้วก็ดับไป แบบนี้ก็ไม่เกิดกรรมทางใจ เพราะจิตไม่ได้มีพฤติกรรมใดๆ เลย นอกจากรู้ความคิดที่ผุดขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าคิดร้ายกับครูบาอาจารย์แล้ว จิตเคลื่อนตามเข้าไปเล่นด้วย เกิดเป็น เราอย่างนั้น เราอย่างนี้ ในทางลบหลู่ครูบาอาจารย์ แบบนี้จึงเป็นมโนกรรม แต่ธรรมชาติของเรา ยังเหลือวิสัยที่จะเลี่ยงกรรมชนิดนี้ได้ หากพลาดพลั้งไปแล้วก็ให้รู้ว่า คิดอย่างนี้ไม่ถูก อบรมสั่งสอนตนเองเสีย และนึกขอขมาท่านเสียก็พอแล้ว หรือถ้าไม่สบายใจมากจริงๆ มีโอกาสก็ขอขมาท่านเสีย
มีเรื่องจริงมาเล่าให้พวกเราฟัง คือ พุทธนันท์ นั้น เป็นคนจิตซุกซนอย่างร้ายกาจ จิตใจเคยลบหลู่ครูบาอาจารย์ชั้นสูงถึง 3 องค์
องค์หนึ่งคือ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร แห่งถ้ำผาปล่อง ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่เชียงใหม่ ได้ไปกราบหลวงปู่สิมพร้อมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ฟังเพื่อนถาม และหลวงปู่ตอบคำถามแล้วก็คิดว่า คำถามเหล่านี้ เราก็ตอบได้เหมือนกัน (รู้สึกว่าเรากับหลวงปู่ก็รู้พอๆ กัน)
อีกคราวหนึ่งได้ไปกราบ หลวงปู่แหวน สุจินโณ แห่งดอยแม่ปั๋ง ได้เห็นท่านแสดงอาการอึดอัดเพราะหายใจไม่ออกที่คนเข้าไปรุมล้อมท่าน ก็คิดในใจว่า พระอรหันต์อะไรอย่างนี้ คือตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่า พระอรหันต์ก็ต้องเสวยเวทนาทางกาย
คราวหนึ่งไปกราบหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่หินหมากเป้ง ไปเรียนท่านว่า หลวงปู่ครับ ผมอยากจะละกาม แต่จิตมันยังอาลัยอยู่ เจตนาที่กล่าวอย่างนี้ ก็เพื่อจะขออุบายปฏิบัตินั่นเอง แต่หลวงปู่กลับอุทานขึ้นเสียก่อน ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากว่า อ้าว อาลัยมันก็ไม่ได้น่ะสิ เพียงเท่านี้ ความอายทำให้โกรธจนหน้าแดง ไม่ถามอะไรท่านต่อไป ท่านเห็นเงียบไป ก็เกิดความเมตตา กลัวจะตกนรกหมกไหม้เสีย ก็เลยสอนนุ่มๆ ว่า ต้องเห็นโทษของกาม จิตจึงจะละได้
นี่ขนาดคนที่ปฏิบัติมานานนักหนาแล้ว จิตยังโอหังบังอาจคิดปรุงไปได้ขนาดนี้ แต่เพราะความสำนึกผิดในภายหลัง ได้กราบขอขมาครูบาอาจารย์ด้วยตนเองบ้าง องค์ใดไม่มีโอกาสขอขมาโดยตรง ก็ขอขมาในใจ เพราะผิดแล้วสำนึกผิดอย่างนี้ การปฏิบัติของพุทธินันท์ก็ก้าวหน้ามาตามลำดับ จัดว่าเป็นนักปฏิบัติที่ดีอีกคนหนึ่งได้
ที่เล่าเรื่องนี้ ก็เพื่อให้พวกเราคลายความกังวลใจ เมื่อเกิดพลาดพลั้งทางใจขึ้น |
|
โดยคุณ สันตินันท์ วัน อังคาร ที่ 28 ธันวาคม 2542 10:16:12 |