กลับสู่หน้าหลัก

พูดจาภาษาใจ

โดยคุณ สันตินันท์ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 10:34:55

เราเพิ่งคุยกันเมื่อไม่นานมานี้เองว่า 
นักปฏิบัติคุยกันคนละภาษา ก็สามารถสื่อความเข้าใจกันได้ 
เพราะต่างก็นำเอาสภาวะภายในที่พบเห็นจริงๆ มาคุยกัน 
 
ผมเองก็ชอบที่จะสนทนากับนักปฏิบัติด้วยกัน เพราะคุยกันรู้เรื่องดี 
อย่างเช่น เราพูดกันถึงเรื่องความมีสติและสัมปชัญญะ 
เราก็นึกออกถึงภาวะที่ "ไม่ฝัน ทั้งที่ลืมตาตื่น" 
ในขณะที่ผู้ที่ไม่ใช่นักปฏิบัติที่แท้จริงจะเถียงคอเป็นเอ็นว่า 
เขามีสติสัมปชัญญะ เขารู้ตัว เขาตื่น จะว่าเขาหลับฝันได้อย่างไร

หรือเมื่อเราพูดกันถึงเรื่องว่า "เรามีสติรู้กิเลสที่กำลังปรากฏ" 
นักปฏิบัติจะไม่สงสัยเลยว่า มันเป็นไปได้อย่างไร 
ในเมื่อตำราระบุไว้ว่า สติเกิดกับกุศลจิตเท่านั้น 
แล้วจะไปรู้อกุศลที่กำลังปรากฏได้อย่างไร 

ความจริงตำราเองก็ไม่ผิด เพราะเมื่อใดจิตมีสติสัมปชัญญะ จิตก็เป็นกุศลจิต 
เพียงแต่นักปฏิบัติไปพบว่า จิตที่เป็นกุศลนั้น 
สามารถไปรู้อารมณ์ที่เป็นอกุศลได้ 
ทำนองเดียวกับจิตในตติยฌาน ที่เป็นอุเบกขา 
แต่มีสติไประลึกรู้อารมณ์ ที่เป็นสุขเวทนาได้ 
ทั้งที่อุเบกขา กับสุขเวทนา ไม่น่าจะเกิดพร้อมกันได้เลย

ที่เราไม่สงสัยก็เพราะเราพบว่า จิตกับอารมณ์เป็นคนละส่วนกัน 
แต่บางครั้ง อารมณ์ก็เข้าครอบงำจิต 
บางครั้ง จิตกับอารมณ์จะต่างคนต่างอยู่ 
เช่นเมื่อเกิดความโกรธขึ้น บางครั้งจิตถูกความโกรธครอบงำ 
จิตก็ดิ้นเร่าๆ ไปด้วยอำนาจของความโกรธ เป็นอกุศลจิต
แต่บางครั้งจิตมีสติ สัมปชัญญะ 
จิตต่างคนต่างอยู่กับความโกรธ เหมือนดอกบัวที่อยู่กับน้ำ แต่ไม่ติดน้ำ 

เมื่อนักปฏิบัติอ่านมหาสติปัฏฐานสูตร 
ที่ท่านสอนว่า "จิตมีราคะก็รู้ ไม่มีราคะก็รู้ 
มีโทสะก็รู้ ไม่มีโทสะก็รู้ มีโมหะก็รู้ ไม่มีโมหะก็รู้" 
อ่านแล้วจะไม่สะดุดเลยว่า 
ในขณะที่มีกิเลสนั้น ยังมีสติระลึกรู้เข้าไปได้อย่างไร

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราพบเห็นจากการปฏิบัติ
และลงกันได้อย่างลงตัวกับคำสอนดั้งเดิมทางพระพุทธศาสนา
แต่สิ่งเหล่านี้ หากพูดแพร่หลายไปในวงกว้าง
ก็จะเกิดความขัดแย้งอย่างไม่จบสิ้นกับผู้ศึกษาตำราชั้นหลัง
ซึ่งเป็นเรื่องเสียเวลามากเหลือเกิน ที่จะต้องกางตำราเถียงกัน

ไม่เหมือนการคุยกันในหมู่นักปฏิบัติ ที่พูดกันด้วยหัวใจ
บางทีไม่ทันต้องอ้าปาก ก็เข้าใจกันทะลุปรุโปร่งไปแล้ว
โดยคุณ สันตินันท์ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 10:34:55

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ วิทวัส วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 10:51:16
อ่านธรรมะจากพี่ทีไรรู้สึกถึงใจทุกที ขอบคุณมากครับ
โดยคุณ วิทวัส วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 10:51:16

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ Acura วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 10:57:12
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ....
อ่านแล้ว จิตใจสงบลงเลยครับ
_/|\_
โดยคุณ Acura วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 10:57:12

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ พัลวัน วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 11:59:34
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ มะขามป้อม วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 12:00:57
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ แมวแก่ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 12:03:10
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ นิดนึง วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 13:09:17
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ ทรายแก้ว วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 13:53:51
สาธุค่ะ ขอบพระคุณค่ะ _/|\_
โดยคุณ ทรายแก้ว วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 13:53:51

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ เจื้อย วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 14:43:59
สาธุค่ะ _/I\_

หลังๆนี้ หนูสังเกตว่า เวลาเรามีสติหรือมีความรู้ตัวต่อเนื่องดีๆ
มันจะไม่รู้สึกอยากพูดอะไรออกมา (ถ้าไม่มีความจำเป็นต้องพูด)
คือพอรู้ตัวว่ากำลังอยากจะพูดอะไร และพอไปรู้ทันมันปุ๊ป
ก็จะไม่รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องพูดมันออกมา ก็เลยทำให้พูดน้อยลง
โดยคุณ เจื้อย วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 14:43:59

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ ทองคำขาว วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 15:13:58
_/|\_ สาธุในธรรมจากคุณอาด้วยครับ
เป็นธรรมที่น่าฟัง อ่านแล้วก็สงบเย็นใจทีเดียว
โดยคุณ ทองคำขาว วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 15:13:58

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ dolphin วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 17:21:39
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ ดังตฤณ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 19:40:11
ทางไปนิพพานนั้นอุปสรรคหลายด่านจริงๆครับ
ต่อให้หลุดจากดงหนามดงขวากของภาษา
ก็ไปเจอดงเหม่อ ดงกิเลสหุ้มจิต ปิดบังอีกเยอะ
ถ้าจะเพียรไปให้ถึงนี่ ต้องมีแรงบันดาลใจพร้อมจริงๆ

พอใจจ่ออยู่กับกาย เวทนา จิต ธรรมจริงๆ
จะเห็นอะไรเพิ่มขึ้นวันละเล็กวันละน้อยเสมอ
แต่ไม่แน่ว่าจะปล่อยวางได้เพิ่มขึ้นวันละนิดวันละหน่อยหรือเปล่า
ก็เรื่องกำหนดจิตไว้ผิดนั่นแหละ
ยิ่งวันก็ยิ่งเห็น ว่าถ้าเดินทางผิดองศาจากความปล่อยวางนิดเดียว
เป้าหมายก็ไม่ใกล้เข้ามาสักทีเหมือนกัน
โดยคุณ ดังตฤณ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม 2543 19:40:11

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ พัลวัน วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 07:28:01
อ่านจากข้อความของคุณดังตฤณแล้ว ทำให้ผมนึกไปว่า เส้นทางของความหลุดพ้นนี้ ช่างไม่ง่ายนัก เหมือนดั่งความพยายามที่จะเลี้ยงลูกปิงปองไว้บนปลายมีด เริ่มแรกช่างลำบากยากเข็ญนัก พอวางลูกปิงปองบนปลายมีดปุ๊บ ก็หล่นปั๊บ ต้องคอยไล่เก็บกันไม่มีพัก แต่พอชำนาญแล้วก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง หล่นน้อยลงเริ่มตรงที่ตรงทาง เรื่องของเรื่องก็คือการรักษาใจหรือกำหนดใจอย่างที่คุณดังตฤณว่าไว้แหละครับ และเห็นว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะเส้นทางนี้มิใช่เส้นทางที่เดินโดยง่าย แต่ว่าเส้นทางเป็นเส้นทางที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า มากกว้าเส้นทางไหนๆทั้งหมดประดามี
โดยคุณ พัลวัน วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 07:28:01

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ นิพ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 08:25:38
สาธุกับธรรมที่คุณอาสันตินันท์แสดงครับ เป็นธรรมที่อ่านแล้วเบิกบานอยู่ในใจจริงๆครับ :-)
ผมชอบที่คุณพัลวันเรียบเทียบครับ อ่านแล้วเห็นภาพเลยจริงๆครับ ^-^
โดยคุณ นิพ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 08:25:38

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ บัวใต้น้ำ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 08:38:26
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ สันตินันท์ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 08:54:54
เรื่องการกำหนดจิตผิดก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ
ส่วนมากก็เรื่องเผลอ กับเรื่องเพ่ง โดยไม่รู้ทันนี่เอง
จิตจึงไม่สามารถจะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ด้วยความเป็นกลาง หรือสักแต่รู้ได้

นักปฏิบัติอย่าไปกังวลสนใจว่า เราจะเดินอย่างไรให้ถูกตรงทุกองศา
ถ้าคิดจะเดินให้ถูก ก็จะผิดทันที เพราะจะเกิดการเสแสร้งแกล้งปฏิบัติขึ้นมา
เช่นการกดข่มจิตใจ การเพ่งจ้อง ฯลฯ
ที่เหมาะที่ควร เอาแค่ว่า อย่าให้ผิด ด้วยการเผลอและการเพ่ง
เมื่อไม่ผิดแล้ว ก็ไม่ต้องไปคิดเรื่องถูก มันจึงจะถูกได้จริง
ถ้ายังคิด ยังทำเรื่องถูก ยังไงก็ไม่ถูกครับ

ดังนั้นเวลาปฏิบัติอย่าไปกังวลใจใดๆ
ให้รู้เท่าทันกายใจของตนไปตามธรรมชาติธรรมดา
ยิ่งเป็นธรรมชาติธรรมดามากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น
เพราะความจริงแล้ว ธรรมะก็คือเรื่องธรรมดานี่เอง
กิเลสต่างหาก ที่ทำให้การปฏิบัติธรรมกลายเป็นสิ่งยุ่งยากไปหมด

เมื่อวันเสาร์ก่อนผมไปที่วัดป่าเชิงเลน เพื่อกราบเยี่ยมครูบาติ๊ก
ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง อายุมากกว่าผม เธอเข้ามาถามธรรมะ
เมื่อผมอธิบายถึงสภาวะ "รู้" จนเธอเข้าใจและเห็นตามได้แล้ว
เธอก็อุทานออกมาว่า "ธรรมะเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ
แต่เธอเสียเวลาปฏิบัติ ทำโน่นทำนี่อยู่หลายสิบปี
เพราะไม่มีใครบอกให้เธอลืมตาตื่นต่อธรรมะที่เต็มบริบูรณ์อยู่ต่อหน้าแล้ว"

ดังนั้น จิตมีกิเลส ก็รู้ว่ามีกิเลส
จิตมีกุศล ก็รู้ว่ามีกุศล
จิตตั้งมั่น ก็รู้ว่าตั้งมั่น
จิตไม่ตั้งมั่นเพราะทะยานไปตามแรงผลักของตัณหา ก็รู้ทันมัน
ทำไปเถอะครับ ถ้ารู้ทันจริงๆ แล้ว ไม่ต้องไปคิดเรื่องผิดถูกอะไรหรอก
เพราะบรรดาความผิดทั้งหลายนั้น
มันมาจากความไม่รู้ทันมารยากิเลสที่มาหลอกจิตใจ
จึงไม่เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
เท่านั้นเอง
โดยคุณ สันตินันท์ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 08:54:54

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ พัลวัน วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:25:45
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ สันตินันท์ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:30:28
เห็นข้อความของหนูเจื้อยแล้วก็ขำๆ ดีครับ
เพราะที่ผ่านมา ทุกคนคุ้นเคยกับภาพหนูเจื้อยที่เจื้อยแจ้วแจ่มใส
ความจริงหนูเจื้อยเพิ่งจะเคยฟังธรรมจากผมจริงจังเมื่อปลายเดือนก่อนนี้เอง
ก่อนหน้านั้น ฟัง แต่ไม่เข้า(ถึง)ใจ
เพราะไม่เคยมีสมาธิฟังอย่างต่อเนื่องเลย

เมื่อรู้ทันกิเลสตัณหาในใจแล้ว ต่อไปก็จะเหลือแต่การพูดด้วยเหตุผล
แต่หนูเจื้อยไม่ต้องกังวลว่า จะเสียเอกลักษณ์นะครับ
เพราะนิสัยใจคอของคนเราไม่เปลี่ยนง่ายๆ หรอก
เจื้อยก็จะยังเป็นเจื้อยที่มนุษยสัมพันธ์ดีเหมือนเดิมต่อไปนั่นเอง
เพียงแต่จะพูดจาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น
โดยคุณ สันตินันท์ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:30:28

ความเห็นที่ 18 โดยคุณ นิดนึง วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:34:57
มีอยู่วันหนึ่ง ไปหาพี่สันตินันท์ เดินเข้าไป พี่เขาก็ทักขึ้นว่า
นั่นดีอยู่แล้ว อย่างนั้นแหละ พอพี่เขาทักปุ๊บ ความรวดเร็วของจิต ก็ทำท่าจะตั้งท่าขึ้นมาทันที พี่เขาก็ร้องทักขึ้นมาเกือบจะทันทีว่า อย่า อย่าดึงเข้ามาอย่างนั้น

การปฏิบัติที่เป็นธรรมชาติ มันดูง่ายเสียจนทำยาก
พาลให้นึกว่าเอ..แบบนั้น กำลังปฏิบัติอยู่หรือเปล่า
แล้วความโง่ก็พาให้ พยายามจะปฏิบัติเพื่อหาความรู้
อยู่เรื่อย โดยไม่เฉลียวใจว่า การปฏิบัตินั้นปัญญาไม่ได้
เกิดจากการคิดเอา เพราะเหตุที่ปัญญาไม่ได้สื่อกับ
อายตนะทั้งหลายนั้นเอง แต่ปัญญาจะเกิดได้เมื่อเรา
เห็นและละวางได้ แยกแยะได้ เป็นการเห็นที่ยากเพราะ
เพียงเราอยู่ว่างๆ เท่านั้นแหละจึงเห็นได้
โดยคุณ นิดนึง วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:34:57

ความเห็นที่ 19 โดยคุณ นิดนึง วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:40:57
ที่จริงคิดว่าจะเขียนความเห็นอย่างหนึ่ง พอมาเห็น
พี่สันตินันท์เขียนข้างบนเลยเขียนเล่าต่อไป ที่ตั้งใจจะเขียนก็มีว่า ในหัวข้อของพี่ที่ว่าพูดจาภาษาใจนั้น

บางทีพบกับพี่แล้วไม่ต้องพูดกับพี่เลย
เหมือนมันนึกไม่ออกว่าจะถามอะไร จะบอกอะไร
ไปรอฟังอย่างเดียวพอแล้ว แล้วก็ส่วนมากเป็นอย่างนั้น
จริงๆ ไม่รู้ว่า นี่ก็เป็นการพูดจาภาษาใจด้วยหรือเปล่า
แต่ก็เป็นอย่างนี้เสมอๆ คุยกับใครได้เป็นคุ้งเป็นแคว
เวลาเจอกับพี่แล้วปากปิดเงียบไม่มีอะไรจะพูด
โดยคุณ นิดนึง วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 09:40:57

ความเห็นที่ 20 โดยคุณ สุรวัฒน์ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 12:36:02
   การนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับครูบาอาจารย์นั้น  ผมเองก็เป็นเหมือนกับคุณนิดนึงครับ   แต่เท่าที่สังเกตดูพบว่า  การพูดไม่ออกกับครูบาอาจารย์นั้น  มักไม่ได้เป็นเพราะจิตที่รู้อย่างเป็นกลาง  แต่น่าจะเป็นเพราะอำนาจของโมหะมากกว่า  เพราะที่จริงแล้วผมเองก็ยังมีข้อสงสัยอีกมาก  แต่พอพบกับครูบาอาจารย์ก็มักเป็นใบ้เสียทุกที  เหมือนมีมารมาบดบังจิตใจไม่ให้เราถาม ด้วยเขาคงกลัวว่า ถ้าเรารู้แล้วเราก็จะหลุดพ้นจากอำนาจของเขากระมัง
   มีบางครั้งที่ความอยากรู้เขามาแสดงอำนาจ  ก็เลยเกิดคำถามขึ้นมามากมาย  หากรู้ไม่ทันก็จะถามใหญ่เลย  แต่ก็ถามอย่างเผลอครับไม่ได้ถามอย่างรู้  แถมยังฟังอย่างเผลอเข้าไปอีก  ก็เลยเอาที่ได้ยินได้ฟัง มาปฏิบัติแบบเสแสร้งแกล้งทำอย่างที่พี่สันตินันท์กล่าวไว้
   แต่มีบางครั้ง (น้อยครั้งมาก) ที่รู้เท่าทันได้ แล้วก็ปล่อยวางความรู้สึกสงสัยลงได้  อย่างหลังนี้กระมังครับ ที่ครูบาอาจารย์พร่ำสั่งสอนให้เราเป็น   แต่ก็เป็นไม่ง่าย(ตามที่คุณพัลวันกล่าวไว้)  และก็ต้องมีแรงบันดาลใจพร้อมจริงๆ จึงจะเป็นได้ (ตามที่คุณดังตฤณกล่าวไว้)
   ขอให้ทุกท่านมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
โดยคุณ สุรวัฒน์ วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 12:36:02

ความเห็นที่ 21 โดยคุณ ธาตุธรรม วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 14:19:08
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 22 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 14:56:47
^-^ _/|\_
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 14:56:47

ความเห็นที่ 23 โดยคุณ เจื้อย วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 16:10:36
_/I\_  : )
ตอนหลังที่ได้ฟังธรรมอย่างเข้า(ถึง)ใจจริงๆ จากคุณอาสันตินันท์
หนูก็เกิดอาการ ของไม่จริง นิ่งเป็นใบ้ ขึ้นมานิดหน่อยน่ะค่ะ
แบบว่า พอมันเข้าถึงใจปุ๊ป มันก็ไม่รู้ว่าจะถามจะพูดอะไรต่อ
นึกไม่ออกด้วยว่าอยากจะถาม จะบอกอะไร ก็รอฟังอย่างเดียวเหมือนกัน
คือมันไม่รู้สึกอยากพูดอะไรออกมา และพอเราตั้งใจพยายามรู้ตัว
เราก็ดูอยู่กับตรงที่รู้นั้น (แต่จะหนักไปทาง เผลอเพ่ง อยู่บ่อยๆ)
มันก็ไม่เกิดแรงผลักดันที่จะอยากพูดออกมาน่ะค่ะ

ตอนหลังนี้ บางทีขนาดกำลังเหม่อๆเผลอๆอยู่ ไม่ได้กำลังดูจิตหรือรู้ตัวอยู่หรอก
มันก็ยังไม่รู้สึกอยากจะพูดเลย หรือพอนึกว่าจะพูดขึ้นมา แต่ในที่สุดก็เงียบไปซะ
วันนั้นที่นั่งดูคุณอาสอนคุณลุงผู้ชายอีกคน แล้วมองเห็นความสงสัยและความอยากพูด/ถามของเค้า
มันเหมือนมองภาพสะท้อนของตัวเองเลยค่ะ ว่าตอนแรกเราก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ไม่ยอมดูหรือพยายามรู้ความอยากของตัวเอง ไม่เห็นแรงขับที่ผลักให้อยากจะถามออกมา
คิดแต่ว่าก็เราสงสัยนี่ เราจะต้องถามออกมา เพื่อที่จะได้รับคำตอบ
แต่ไม่ได้มาดูรู้หรือมองเห็นกิเลสตัณหาที่เป็นแรงผลักดันนั้นเลย

อ่านที่คุณน้านิดนึงเล่า หนูก็เป็นอาการเดียวกับคุณน้านิดนึงเหมือนกันค่ะ
เวลาเจอคนอื่น คุยฟุ้งได้ แต่พอเจอคุณอาแล้วไม่รู้จะพูดอะไรดี
เลยปิดปากเงียบ รอฟังคุณอาพูดอย่างเดียว แล้วเราก็ส่งภาษาใจแทน
(เสร็จแล้วก็จะโดนคุณอาคอยสะกิดเรื่อยๆว่า นั่น เผลอแล้ว...) แหะๆ
โดยคุณ เจื้อย วัน ศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2543 16:10:36

ความเห็นที่ 24 โดยคุณ พัลวัน วัน เสาร์ ที่ 18 มีนาคม 2543 12:31:15
ได้อ่านข้อความของครูในความเห็นที่ 15 แล้วก็นึกขึ้นมาว่า เรานี้ชอบทำร้ายใจของเราอยู่ตลอดเวลาจริงๆ แม้แต่การปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้น เราก็ยังไปทำร้ายใจของเราไม่เลิกราจริงๆ
โดยคุณ พัลวัน วัน เสาร์ ที่ 18 มีนาคม 2543 12:31:15

ความเห็นที่ 25 โดยคุณ ทองคำขาว วัน เสาร์ ที่ 18 มีนาคม 2543 14:21:46
"เพราะความจริงแล้ว ธรรมะก็คือเรื่องธรรมดานี่เอง
กิเลสต่างหาก ที่ทำให้การปฏิบัติธรรมกลายเป็นสิ่งยุ่งยากไปหมด"

_/|\_ สาธุในธรรมครับ
ขอเก็บตรึกเป็นเครื่องระลึกสอนใจต่อไปครับ
โดยคุณ ทองคำขาว วัน เสาร์ ที่ 18 มีนาคม 2543 14:21:46

ความเห็นที่ 26 โดยคุณ ทองจันทร์ วัน จันทร์ ที่ 20 มีนาคม 2543 12:54:55
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 27 โดยคุณ กระต่าย วัน จันทร์ ที่ 20 มีนาคม 2543 12:59:34
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 28 โดยคุณ ฝน วัน จันทร์ ที่ 20 มีนาคม 2543 23:25:22
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 29 โดยคุณ HTML วัน พุธ ที่ 22 มีนาคม 2543 12:34:40
ธรรมที่ครูอธิบาย ผมอ่านแล้ว เหมือน ผมอยู่ในที่มืดแล้ว
ครูก็มาจุดไฟให้เห็นทางแต่วันนี้จิตไม่แจ่มใสเท่าไหร่ ต้องอ่านผ่าน...
โดยคุณ HTML วัน พุธ ที่ 22 มีนาคม 2543 12:34:40

ความเห็นที่ 30 โดยคุณ โยคาวจร วัน พุธ ที่ 22 มีนาคม 2543 12:50:12
(๏) สาธุครับ : )
โดยคุณ โยคาวจร วัน พุธ ที่ 22 มีนาคม 2543 12:50:12

ความเห็นที่ 31 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน พฤหัสบดี ที่ 23 มีนาคม 2543 14:21:03
^-^ _/|\_
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน พฤหัสบดี ที่ 23 มีนาคม 2543 14:21:03

ความเห็นที่ 32 โดยคุณ naruntorn วัน จันทร์ ที่ 27 มีนาคม 2543 01:13:53
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 33 โดยคุณ listener วัน อังคาร ที่ 6 มิถุนายน 2543 19:27:35
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com