กลับสู่หน้าหลัก

คำสอนฮวงโป

โดยคุณ ธีรชัย วัน ศุกร์ ที่ 7 เมษายน 2543 20:38:45

คำสอนฮวงโป แปลโดยพุทธทาสภิกขุ
ภาคหนึ่ง บันทึกชึนเชา

สำหรับการบำเพ็ญปารมิตาทั้งหก( ทาน, ศีล, ขันติ, วิริยะ, สมาธิและปัญญา:ผู้แปล) ก็ดี การบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติที่คล้ายๆกันอีกเป็นจำนวนมากก็ดี หรือการได้บุญมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาก็ดี เหล่านี้นั้น จงคิดดูเถิด ถ้าเมื่อเธอเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสัจจะพื้นฐานในทุก ๆ กรณีอยู่แล้ว (คือเป็นจิตหนึ่ง หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพุทธะทั้งหลายอยู่แล้ว) เธอก็ไม่ควรพยายามจะเพิ่มเติมอะไรให้แก่สิ่งซึ่งสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ด้วยการบำเพ็ญวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้น มิใช่หรือ. เมื่อไรโอกาสอำนวยให้ทำ ก็ทำมันไปและเมื่อโอกาสผ่านไปแล้ว อยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน.
ถ้าเธอยังไม่เห็นตระหนักอย่างเด็ดขาดลงไปว่า จิต นั้น คือ พุทธะ ก็ดี. และถ้าเธอยังยึดมั่นถือมั่น ต่อรูปธรรมต่าง ๆ อยู่ก็ดี ต่อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ อยู่ก็ดี และต่อพิธีการบำเพ็ญบุญกุศลต่าง ๆ อยู่ก็ดี แนวความคิดของเธอก็ยังผิดพลาดอยู่ และไม่เข้าร่องเข้ารอยกันกับทาง ทางโน้น (ทาง ทางโน้น คำนี้เป็นสำนวนที่ต้องการความหมายเป็นพิเศษ คือหมายถึงวิธีปฏิบัติที่ทำให้จิตหนึ่ง หรือพุทธะแท้ ปรากฏตัวได้เท่านั้น:ผู้แปล) เสียเลย.
จิตหนึ่ง นั่นแหละ คือ พุทธะ. ไม่มีพุทธะอื่นใดที่ไหนอีก ไม่มีจิตอื่นใดที่ไหนอีก. มันแจ่มจ้าและไร้ตำหนิ เช่นเดียวกับความว่าง คือมันไม่มีรูปร่างหรือปรากฏการณ์ใด ๆ เลย. การใช้จิตของเธอให้ปรุงความคิดฝันไปต่าง ๆ นั้น เท่ากับเธอละทิ้งเนื้อหาอันเป็นสาระเสีย แล้วไปผูกพันตัวเองกับรูปธรรม ซึ่งเป็นเหมือนกับเปลือก.
พุทธะ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลนั้น ไม่ใช่พุทธะทางรูปธรรมหรือพุทธะของความยึดมั่นถือมั่น. การปฏิบัติปารมิตาทั้งหก และการบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยเจตนาที่จะได้เป็นพุทธะสักองค์หนึ่งนั้น เป็นการปฏิบัติชนิดคืบหน้าไปทีละขั้น ๆ. แต่ พุทธะ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลดังที่กล่าวแล้วนั้น หาใช่พุทธะที่ลุถึงได้ ด้วยการปฏิบัติเป็นขั้น ๆ เช่นนั้นไม่.
เรื่องมันเพียงแต่ตื่น และลืมตาต่อ จิตหนึ่ง นั้นเท่านั้น และไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร. นี่แหละ คือ พุทธะ ที่แท้จริง. พุทธะ และสัตว์โลกทั้งหลาย คือ จิตหนึ่ง นี้เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากนี้อีกเลย.
โดยคุณ ธีรชัย วัน ศุกร์ ที่ 7 เมษายน 2543 20:38:45

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ พัลวัน วัน เสาร์ ที่ 8 เมษายน 2543 06:35:57
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อาทิตย์ ที่ 9 เมษายน 2543 17:08:53
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ ธาตุธรรม วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 07:45:56
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ นิดนึง วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 09:52:00
พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สาธุ _/I\_

เมื่อตอนหัดปฏิบัติใหม่ ทำทาน ศีล ภาวนา เต็มรูปแบบ
ด้วยความยากลำบาก กว่าจะได้สมบูรณ์ เพราะโอกาสอำนวยบ้าง
ไม่อำนวยบ้่าง ก็เกิดทุกข์ขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว ว่าเอ..เราทำไม ตั้งใจ
ทำทาน ถือศีล อยู่แท้ๆ กลับวุ่นวาย ผลบุญไม่ส่งผลเลยหรือไงหนอ..

ได้บ่นดังๆ ไปทางเมล์ไปให้พี่ปราโมทย์ฟัง พี่ปราโมทย์ก็เลยบอกว่า
น้องยังทำมาค้าขายเป็นแม่ค้าหาบเร่อยู่ จึงยากลำบาก กว่าจะได้ทีละบาท
ถ้าทำมากขึ้น ถูกต้อง ถูกวิธีแล้ว อีกหน่อยน้องก็จะได้เป็นนายห้าง
อย่างพี่ นั่งอยู่ในห้องแอร์สบายๆ กำไรมากมาย ไม่ต้องไปเหนื่อยยากอีก
อ่านไปก็ขำไป พี่เขาว่าน้องเป็นแม่ค้าหาบเร่ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ
กำลังพยายามเป็นนายห้างอย่างพี่อยู่ค่ะ
โดยคุณ นิดนึง วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 09:52:00

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ นิพ วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 10:39:39
สาธุครับ
อ่านจากที่น้านิดเขียนแล้ว คุณอาเปรียบได้ดีจริงๆ ถ้าน้านิดยังเป็นแม้ค้าหาบเร่อยู่
ผมก็คงยังเป็นแค่จับกังครับ ต้องทำงานหนักๆสะสมให้มากๆ สักวันคงอาจจะตั้งตัวได้
เป็นนายห้างกะเขาบ้าง "คนตัวเปล่า เป็นนายห้าง เพราะตัวเอง" อิ อิ ^-^
โดยคุณ นิพ วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 10:39:39

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ ธีรชัย วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 20:34:56
ในบทนี้เองที่ความผิดพลาดเข้ามาเยือนในการปฏิบัติของผม
อันเนื่องมาจากการตีความไปเอง
เรื่องมันเพียงแต่ตื่น และลืมตาต่อ จิตหนึ่ง นั้นเท่านั้น
และไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร. นี่แหละ คือ พุทธะ
ที่แท้จริง. พุทธะ และสัตว์โลกทั้งหลาย คือ จิตหนึ่ง
นี้เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากนี้อีกเลย.


ท่อนข้างบนนี้แหละครับ ฟังดูแล้วง่ายๆ ก็เพียงมีสติ ตื่น
ต่อจิตหนึ่งเท่านั้น คิดว่าการตั้งใจดูจิต(เจตนา) ก็คงไม่ยาก
ผมก็เลยตั้งใจดูจนลืมคิดไปว่า จิตนี้ที่เราไป"ตื่น"ใส่นั้นมันกลาย
เป็นอาการของจิตไปแล้วต่อให้"ตื่น"ไปอีกนานเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์
เพราะเราส่งจิตออกไปอยู่กับจิต(ปลอม)ที่เราสร้างขึ้นมาเองแท้ๆ
จนกระทั่งจิตแห้งผากไปหมด บางครั้งพาลนึกไปว่าเราขาดสมถะก็มี
ทั้งๆที่สาเหตุจริงๆนั้นเราตีความไปผิด, ปฏิบัติผิด
และที่สำคัญ กำลังทำให้เซ็นไม่เป็นเซ็น"


และจากการนำความนี้ไปบอกกับอาจารย์ ท่านก็เมตตาบอกมาว่า
ที่ว่าตื่นนั้น ก็คือการรู้นั่นแหละ
ดังนั้นผมก็เลยเลิกตื่นตามแบบฉบับของผมแล้วมาตื่น
ตามแบบที่ถูกต้องอีกครั้งคือ

"เฝ้ารู้ กุศล อกุศล สุข ทุกข์ ที่หมุนเวียนเข้ามาสู่จิต
และรู้ปฏิกิริยาของจิตอันเป็นความยินดียินร้าย
และตัณหาคือความทะยานอยากของจิต รู้ชัดกระทั่งว่า
จิตถูกอารมณ์ครอบงำหรือจิตเป็นอิสระจากอารมณ์ที่กำลังปรากฏ"


โดยไม่ต้องสนใจว่าตื่นหรือไม่ตื่น ก็เท่านั้นเองครับ
ขอบคุณครับ
โดยคุณ ธีรชัย วัน จันทร์ ที่ 10 เมษายน 2543 20:34:56

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ นิดนึง วัน เสาร์ ที่ 29 เมษายน 2543 08:31:55
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com