คำสอนฮวงโป แปลโดยพุทธทาสภิกขุ ภาคหนึ่ง บันทึกชึนเชา ๒ สำหรับการบำเพ็ญปารมิตาทั้งหก( ทาน, ศีล, ขันติ, วิริยะ, สมาธิและปัญญา:ผู้แปล) ก็ดี การบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติที่คล้ายๆกันอีกเป็นจำนวนมากก็ดี หรือการได้บุญมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาก็ดี เหล่านี้นั้น จงคิดดูเถิด ถ้าเมื่อเธอเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสัจจะพื้นฐานในทุก ๆ กรณีอยู่แล้ว (คือเป็นจิตหนึ่ง หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพุทธะทั้งหลายอยู่แล้ว) เธอก็ไม่ควรพยายามจะเพิ่มเติมอะไรให้แก่สิ่งซึ่งสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ด้วยการบำเพ็ญวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้น มิใช่หรือ. เมื่อไรโอกาสอำนวยให้ทำ ก็ทำมันไปและเมื่อโอกาสผ่านไปแล้ว อยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน. ถ้าเธอยังไม่เห็นตระหนักอย่างเด็ดขาดลงไปว่า จิต นั้น คือ พุทธะ ก็ดี. และถ้าเธอยังยึดมั่นถือมั่น ต่อรูปธรรมต่าง ๆ อยู่ก็ดี ต่อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ อยู่ก็ดี และต่อพิธีการบำเพ็ญบุญกุศลต่าง ๆ อยู่ก็ดี แนวความคิดของเธอก็ยังผิดพลาดอยู่ และไม่เข้าร่องเข้ารอยกันกับทาง ทางโน้น (ทาง ทางโน้น คำนี้เป็นสำนวนที่ต้องการความหมายเป็นพิเศษ คือหมายถึงวิธีปฏิบัติที่ทำให้จิตหนึ่ง หรือพุทธะแท้ ปรากฏตัวได้เท่านั้น:ผู้แปล) เสียเลย. จิตหนึ่ง นั่นแหละ คือ พุทธะ. ไม่มีพุทธะอื่นใดที่ไหนอีก ไม่มีจิตอื่นใดที่ไหนอีก. มันแจ่มจ้าและไร้ตำหนิ เช่นเดียวกับความว่าง คือมันไม่มีรูปร่างหรือปรากฏการณ์ใด ๆ เลย. การใช้จิตของเธอให้ปรุงความคิดฝันไปต่าง ๆ นั้น เท่ากับเธอละทิ้งเนื้อหาอันเป็นสาระเสีย แล้วไปผูกพันตัวเองกับรูปธรรม ซึ่งเป็นเหมือนกับเปลือก. พุทธะ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลนั้น ไม่ใช่พุทธะทางรูปธรรมหรือพุทธะของความยึดมั่นถือมั่น. การปฏิบัติปารมิตาทั้งหก และการบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยเจตนาที่จะได้เป็นพุทธะสักองค์หนึ่งนั้น เป็นการปฏิบัติชนิดคืบหน้าไปทีละขั้น ๆ. แต่ พุทธะ ซึ่งมีอยู่ตลอดกาลดังที่กล่าวแล้วนั้น หาใช่พุทธะที่ลุถึงได้ ด้วยการปฏิบัติเป็นขั้น ๆ เช่นนั้นไม่. เรื่องมันเพียงแต่ตื่น และลืมตาต่อ จิตหนึ่ง นั้นเท่านั้น และไม่มีอะไรที่จะต้องบรรลุถึงอะไร. นี่แหละ คือ พุทธะ ที่แท้จริง. พุทธะ และสัตว์โลกทั้งหลาย คือ จิตหนึ่ง นี้เท่านั้น ไม่มีอะไรอื่นนอกไปจากนี้อีกเลย.
|
|