กลับสู่หน้าหลัก

ขอคำแนะนำจากพี่ๆเพื่อนๆเรื่องการภาวนาในที่ทำงานค่ะ

โดยคุณ ต๊าน วัน เสาร์ ที่ 17 มิถุนายน 2543 10:49:10

เริ่มทำงานมา 6 วันแล้วค่ะ  พอทำงานแล้ว เหนื่อยมากเลยค่ะ
ต้องติดต่อกับคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา  ที่ทำงานเป็นแบบครื้นเตรงมาก
เม้าได้ตลอดเวลาค่ะ แล้วก็เป็นนิสัยของต๊านเองด้วยที่ไม่ชอบอยู่เฉยๆ
แล้วที่ทำงานก็โดนแหย่ประจำค่ะ คงเห็นต๊านอ้วนปุ๊กลุ๊ก น่าแหย่มั๊งคะ อิอิ
แล้วคงเด็กที่สุดในที่ทำงานด้วย
กลับมาจากที่ทำงานก็เหน่ือยมากหัวทิ่มบ่อเลยค่ะ  ไม่เป็นทำอะไร
อยู่ที่ทำงานก็รู้ได้น้อยจริงๆค่ะ
แล้วพี่ๆเพื่อนๆภาวนาที่ทำงานยังไงคะ
ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
โดยคุณ ต๊าน วัน เสาร์ ที่ 17 มิถุนายน 2543 10:49:10

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน เสาร์ ที่ 17 มิถุนายน 2543 16:33:17
ช่วงที่ผมหัดใหม่ๆ นั้น ต้องทำงานในหน่วยงานที่เครียดมาก
ผมใช้วิธีฉกฉวยโอกาสปฏิบัติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

พอตื่นนอนตอนเช้าก็รีบดูจิต
อาบน้ำ ทานข้าว ก็ดูจิต
ขึ้นรถเมล์ไปทำงาน หรือขึ้นรถบริการไปทำงานก็ดูจิต
ลงจากรถ เดินเข้าที่ทำงานก็ดูจิต
ส่วนเวลาทำงาน ต้องคิดอย่างจดจ่อกับงาน ช่วงนี้ไม่มีปัญญาดูจิต
แต่พอเหนื่อย พอเครียด พอขี้เกียจ หรืออยากให้งานเสร็จเร็วๆ ก็ดูจิต

พักทานข้าวกลางวันก็ดูจิต
ทานเสร็จแล้วหลบไปเข้าวัดใกล้ที่ทำงานนั่งภาวนา
ตอนเดินไปวัดและเดินกลับมาทำงานช่วงบ่าย ก็เดินจงกรมเอา
ตอนพักเหนื่อย เดินไปเข้าห้องน้ำ ก็ดูจิต
แวะคุยเล่นกับคนอื่น ก็พยายามคุยเล่นไป ดูจิตไป
เห็นความรื่นเริงซุกซนของตนเอง
ตอนกลับบ้าน รอรถเมล์ ขึ้นรถเมล์ ก็ดูจิต
กลับบ้านอาบน้ำ ทานข้าว ดูข่าว ภาวนา ก็ดูจิต
หลับ ก็หลับไปกับการดูจิต
กลางคืนเกิดตื่นมาเข้าห้องน้ำ ก็ดูจิต
ถ้าโมหะยังคลุมจิตอยู่ จะไม่ยอมนอนอีก ต้องต่อสู้เอาชนะให้ได้ก่อน

ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า
เวลาทำงานวันหนึ่งๆ กับเวลาที่ไม่ได้ทำงานนั้น
เวลาทำงานน้อยกว่า(สำหรับคนทั่วๆ ไป)
อย่างเวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมงนั้น
ลองนับเวลาทำงานจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงหรอกครับ
(แค่เวลานั่งโต๊ะ เปิดลิ้นชัก หยิบเอกสาร เปิดคอมพิวเตอร์ ก็หมดไป 5 นาทีแล้ว)

ดังนั้น ถ้าเราทอดทิ้งการปฏิบัตินอกเวลาทำงาน
แล้วไปสนใจว่าตอนทำงานจะปฏิบัติได้อย่างไร
อาจจะเป็นความพลาดของเราแล้วครับ
คือเราหลอกตนเองว่า เราไม่มีเวลาปฏิบัติเพราะต้องทำงาน

ถ้าเวลาทำงานก็ตั้งใจทำไป แต่มีโอกาสเมื่อไรรีบเจริญสติเมื่อนั้น
ดูทีหรือว่า ต๊านจะเอาดีในการปฏิบัติไม่ได้เลย
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน เสาร์ ที่ 17 มิถุนายน 2543 16:33:17

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ นิดนึง วัน อาทิตย์ ที่ 18 มิถุนายน 2543 22:18:00
เห็นด้วยกับพี่ปราโมทย์ค่ะ
ตอนทำงาน office ก็รู้ได้เลยว่าเรามีเวลาดูจิตได้มากถ้าไม่เผลอ
เพราะเวลาที่ทำงานอย่างจริงจัง มีช่วงระยะหนึ่ง แล้วก็ต้องเปลี่ยน
ไปทำอย่างอื่นที่ไม่ต้องใช้ความคิด หรือการจดจ่อกับการงานมาก
แต่ตอนนี้ก็มาเจองานอีกแบบ (เนื่องจากเปลี่ยนงาน) เป็นงานที่ต้อง
พบคนและพูดกับคนมากๆ หลายๆ แบบ กว่าจะปรับตัวได้ แทบล้ม
เพราะคิดว่าทำให้ปฏิบัติไม่ได้เลย เลยมานึกถึงคำพูดของคุณพัลวัน
ที่เคยบอกน้องๆ ว่า ให้เว้นวรรค ก็เลยนึกอุบายได้ เวลาเราพูดบางที
ต้องใช้ความคิดมาก ดูไม่ค่อยทัน เมื่อถึงเวลาเราต้องฟังคนอื่นพูด
เราก็ใช้เวลาตรงนี้ดูจิตตัวเอง แม้จะคลาดเคลื่อนหรือห่างไปหน่อย
แต่ก็ทำให้ไม่ทิ้งหายไปไกล แล้วค่อยๆ ขยับมารู้ตัวเวลาที่เราเองพูดด้วย
พอมีเวลาช่วงไหนพอจะว่าง หลีกลี้หลบตาผู้คนได้ ก็เดินจงกรม
ได้แค่ไหน ก็ทำแค่นั้น ดีกว่าไม่ได้ทำเลย แต่ก็ยังพยายามอยู่ค่ะ
เพียรเพื่อให้ปฏิบัติได้มาก เท่าที่จะทำได้
มีเกร็ดเล็กน้อยที่ดูจิตตอนฟังคนอื่นพูด บางทีมันเห็นว่าแหม กิเลส
ทั้งนั้น ก็ย้อนมาดูจิตเราเอง นี่เราส่งออกไปนอก ไปเห็นกิเลสคนอื่น
ไม่เห็นกิเลสตัวเอง ก็โยนิโสมฯ ไป นึกถึงคำของหลวงปู่มั่น ที่ท่านว่า
ความผิดของคนอื่น มันไม่ทำให้เราตกนรกหรอก สิ่งที่มันอยู่ในใจเรา
นั่นแหละมันพาเราไปนรก
โดยคุณ นิดนึง วัน อาทิตย์ ที่ 18 มิถุนายน 2543 22:18:00

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 2543 08:31:33
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน จันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 2543 16:01:36
หัดใหม่ ๆ  จะรู้สึกว่าเหนื่อยมากเลยค่ะ ต๊าน  คงคล้ายคนเพิ่งหัดขับรถมือใหม่มังนะ ต้องระวังหน้า-หลัง ข้าง ๆ ตลอดเลย  แต่พอขับไปสักพัก ก็จะค่อย ๆ สบายขึ้นเอง  แถมยังอาจจะเผลอไปซะอีกถ้าประมาท

เผลอไปแล้ว ก็ช่างมันเถอะ  นึกได้ก็ดูใหม่แล้วกันค่ะ
โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน จันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 2543 16:01:36

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 08:27:59
เหตุผลที่เหนื่อยมากเมื่อหัดเจริญสติใหม่ๆ
ก็เนื่องจากหลายปัจจัยประกอบกัน

ข้อแรกก็คือ พวกเราส่วนมากไม่ได้ฝึกสมาธิ หรือทำสมถะกันมาก่อน
จิตจึงไม่มีความตั้งมั่น
เมื่อจะให้ตั้งมั่น ก็ต้องเร่งกำลังของสติขึ้นมาชดเชยความด้อยของสมาธิ
คือต้องพยายามเพ่ง จ้อง ควบคุม ตั้งใจมากๆ
แต่ถ้าใครมีกำลังของ(สัมมา)สมาธิมาก่อน
การจะให้มีสติสัมปชัญญะก็เป็นเรื่องง่าย
เพราะสัมมาสมาธิ เป็นเครื่องทำสติให้บริสุทธิ์เพราะอุเบกขา

ถ้าใครรู้ตัวว่าขาดกำลังหนุนของสมถะ
ขอให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนไปหัดรู้ตัว หรือหัดดูจิต
เพราะอาจจะเหนื่อยมากไป จนท้อใจ
ให้ลองเดินจงกรมเล่นๆ เรื่อยๆ ไป
เท้ากระทบพื้น ก็รู้ความรู้สึกที่เท้ากระทบพื้นไปเรื่อยๆ
แต่อย่าเพ่งที่เท้า หรืออย่าให้จิตเผลอไปอยู่ที่เท้า หรือไปคิดเรื่องเท้า
ให้เดินสบายๆ รู้ความรู้สึกที่เท้ากระทบพื้นไปอย่างสบายๆ
เมื่อจิตมีกำลังแล้ว จะเกิดกำลังรู้ตัว
พอที่จะดูจิตหรือเจริญสติปัฏฐานใดๆ ต่อไปได้

เหตุที่เหนื่อยอีกประการหนึ่งก็คือ ความไม่ชำนาญในการ รู้
การจะให้รู้โดยไม่เผลอ หรือไม่เพ่ง เป็นจุดพอดีที่ทำยากมาก
ยิ่งพยายามทำ ก็ยิ่งผิด
แต่ถ้าไม่ระมัดระวัง ไม่พยายาม ก็ต้องเผลอ เพราะเผลอมาหลายกัปป์แล้ว
หรือถ้าจะไม่ให้เผลอ ก็ต้องเพ่งเอา ซึ่งส่วนมากก็เพ่งแบบเผลอๆ อีก
คือเพ่ง แต่ไม่รู้ตัวว่ากำลังเพ่งอยู่
ความรู้ตัวจึงเหมือนการที่เราต้องประคองตัวอยู่บนปลายเสาเล็กๆ
จะให้สบายเหมือนยืนอยู่บนพื้นกว้างๆ ไม่ได้แน่

อันที่จริงเราอย่าไปพยายามสร้างความรู้ตัวขึ้นมา
เอาแค่ว่าเผลอก็รู้ว่าเผลอ เพ่งก็รู้ว่าเพ่ง
พอไม่เผลอและไม่เพ่งแล้ว ก็รู้ตัวขึ้นมาเอง
พอฝึกมากเข้า ชำนาญเข้า เราจะพบว่า
ในขณะที่รู้ตัวนั้น จิตใจเบิกบาน สบายโดยอัตโนมัติ
แต่ในขณะที่หลงที่เผลอ ซึ่งเคยคิดว่าเป็นความสบายมาแต่ก่อนนั้น
มีสภาพไม่ผิดกับการนั่งกอดขยะกองใหญ่เอาไว้ทีเดียว
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 08:27:59

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ กระต่าย วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 09:30:56
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ ปิ่น วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 18:29:45
สวัสดีครับพี่ปราโมทย์_/|\_
รบกวนเรียนถามพี่ว่าในขณะที่ทำความรู้ตัวอยู่
ผมเองสติชอบมาจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ทำให้
ความรู้ตัวแผ่วลง  อย่างนี้ผมควรจับเอาสติมา
อยู่ที่ลมหายใจอย่างเดียวเลยจะได้ไหมครับ?
หรือควรจะทำควบคู่กันโดยรู้ลมและอาการทางกาย
ด้วยในขณะเวลาเดียวกัน   ขอบพระคุณครับ_/|\_
โดยคุณ ปิ่น วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 18:29:45

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 19:38:28
เรียนคุณปิ่น
ให้มีสติรู้ลมหายใจไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องอาการทางกายหรอกครับ
เพราะอันที่จริง การรู้ลมหายใจก็คือการรู้อาการทางกายอยู่แล้ว
แต่การรู้ลมหายใจนั้น ให้รู้ไปอย่างสบายๆ
อย่าเผลอเพลิดเพลินส่งจิตไปจมอยู่กับลมหายใจ
ให้เห็นว่า ลมหายใจกำลังถูกรู้ ไปเรื่อยๆ เท่านั้นก็พอครับ

การที่เรารู้ลมหายใจอยู่นั้น ก็คือการมี สติอย่างต่อเนื่อง สบายๆ
และในขณะนั้น ไม่เผลอส่งจิตไปที่ลม หรือหลงไปคิดเรื่องอื่น
ถ้าจิตทรงตัวต่างหากจากลมก็รู้ จิตจมลงในลมก็รู้ จิตหลงไปที่อื่นก็รู้
ตรงที่รู้ รู้ รู้ นี้เองคือจิตที่ประกอบด้วยอโมหะ
คือจิตที่มีความรู้ตัว(สัมปชัญญะ) คือจิตที่มีปัญญา
เมื่อปฏิบัติโดยมีทั้งสติและสัมปชัญญะอยู่อย่างนี้แล้ว
ก็ไม่ต้องกังวลว่า จะไม่รู้ทันกิเลสตัณหาหรอกครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2543 19:38:28

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ ปิ่น วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 09:00:32
_/|\_ ขอบพระคุณพี่ปราโมทย์มากครับที่ช่วยชี้แนะ
ผมจะพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ
( วันอาทิตย์ที่25นี้พี่เข้าที่ศาลาฯหรือเปล่าครับ
  ผมคงมีโอกาสได้เข้าไปอาทิตย์นี้เหมือนกันครับ)
โดยคุณ ปิ่น วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 09:00:32

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 09:54:24
คิดว่าจะไปศาลาลุงชินครับคุณปิ่น
ส่วนเช้าวันที่ 24 กะไปใส่บาตรที่สวนแสงธรรม
เอากำไรไว้ก่อนรอบหนึ่งครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 09:54:24

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ ปิ่น วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 11:04:25
อนุโมทนาด้วยคนนะครับ ผมยังไม่มีโอกาสได้
ไปที่สวนแสงธรรมเลยยังไงก็ขอส่งใจไปแทนก่อน
นะครับ ( ^_^ )
   
        _/|\_
โดยคุณ ปิ่น วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 11:04:25

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ ต๊าน วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 23:48:01
เอ่อ!มาสายไปหน่อยนะคะ เพิ่งได้มาเล่นก็วันนี้ค่ะ
ปกติโทรไม่ติดแล้วก็ง่วงมากเลยไม่ได้มาเล่น
:-Dขอบพระคุณมากค่ะอา และน้า พี่ๆทุกคนที่กรุณา
จริงๆมีแต่ความอยากดู แต่ไม่ดูเองแย่จังเลยค่ะอา
เหมือนพูดไปลอยๆ แล้วก็ไม่ทำ ถึงในวันหยุดก็ไม่ทำ
หาข้ออ้างให้ตัวเองสารพัดสารเพ 
ี่บิ๊กเคยพูดแนะนำไว้ว่า "ต๊าน ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำนะ อย่าทิ้ง"
ทำได้ขาดๆหายๆบ้างก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำ นึกได้ก็ทำค่ะ_/|\_





โดยคุณ ต๊าน วัน พุธ ที่ 21 มิถุนายน 2543 23:48:01

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ listener วัน ศุกร์ ที่ 23 มิถุนายน 2543 20:29:46
สาธุ ขอบพระคุณคุณปราโมทย์ครับ
โดยคุณ listener วัน ศุกร์ ที่ 23 มิถุนายน 2543 20:29:46

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com