กลับสู่หน้าหลัก

Listener

โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 09:09:24

บันทึกซึมเซาอันดับที่ 1
เพิ่งไปที่ศาลาลุงชินครั้งแรก จดบันทึกที่ครูแนะนำ เพื่อเตือนตนเอง และหากคลาดเดลื่อนครูจะได้แก้ไขให้ และเพื่อหมู่เพื่อน จะได้รู้ว่ามีเต่ากำลังขอเดินต้วมเตี้ยมตามหลังมาด้วยคน
 คิดเอาไม่ได้นะ
 ตอนนี้มันยังไม่ใช่ ยังเป็นการคิดเอา และมิจฉาสมาธิ (เหมือนน้ำเย็นราดศีรษะให้ตื่นเลยครับ ที่ทำมา 20 ปี ยังไม่ใช่ทาง ถ้าไม่มีครูช่วยเตือน จะเสียเวลาไปอีกกี่แสนชาติ)
 ตอนนี้จิตยังซึม ไม่พร้อมจะฝึกให้กลับมาอีก ( ก็เลยค่อยรู้ตัว ว่าควรจะเปิดทางให้คนอื่นได้รับการชี้แนะบ้าง ไม่เสียเวลาของครูโดยเปล่าประโยชน์)
 ต้องหาทางเอาชนะความซึมเซา เพราะโมหะให้ได้ก่อน โมหะเป็นสิ่งที่รู้ได้ยาก
 ให้หา กรรมฐานหยาบๆ ก่อน อย่าเพิ่งไปจับอารมณ์ละเอียดเช่น ธรรมารมณ์ – ถามว่าแนวหลวงพ่อเทียนใช้ได้ไหม ก็ใช้ได้แต่ต้องระวังการเผลอสติเช่นกัน
 ตอนลาครู –ดูว่าตอนนี้ซึมกว่าเมื่อกี้ ใช่ไหม เพราะเราไม่ได้เพ่ง ว่ากำลังปฏิบัติ

ที่แอบฟังครูชี้แนะคนอื่น
 บางคนพอมาปฏิบัติแล้วง่วงซึม เพราะในวันปกติฟุ้งไปมาก พอมาปฏิบัติ จิตเลยตีกลับ ดังนั้น อินทรีย์สังวร ในเวลาปกติก็เป็นสิ่งสำคัญ
กลับมาพร้อมกลับ ความรู้ว่า ถ้าเราปฏิบัติไม่ดี การเก้อเขิน เวลาสนทนากับหมู่เพื่อน กับครูอาจารย์เป็นอย่างไร แต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ใช่คนขี้อายเท่าใดนัก ยอมเก้อเขินตอนนี้ดีกว่าเสียเวลาอีกไม่รู้เท่าไหร่ ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าวันนั้นง่วงเพราะรีบไปโดยไม่ได้กินกาแฟเลยเสียฟอร์ม (ติดสิ่งเร้าภายนอกอีกแล้ว)

ตอนนี้จะดูการเคลื่อนไหวร่างกาย และการกระพริบตา การหายใจ ไปก่อน ทิ้งอารมณ์ละเอียด และการภาวนาไปก่อน จนกว่าจะตื่น ไปให้ครูดูไหม่

ปล. วันนั้น เห็นหน้าหมู่เพื่อน ที่เห็นรูปใน web ของคุณศรัณย์ หลายท่าน เห็นอัธยาศัยท่าทางล้วนเป็นกัลยาณมิตร โดยเฉพาะอยากคุยกับ คุณน้ำ คุณเจื้อย คุณศรัณย์  แต่โอกาสไม่อำนวยเพราะ ต้องรีบกลับไปเป็นสารถีให้ลูก สารภาพว่าดูไม่ออกว่าคนใดคือคุณศรัณย์ สงสัยตัวจริงจะหล่อกว่าในรูป

เอ – วัชรกฤษณ์
โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 09:09:24

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 10:46:06
ขอเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ
คือเมื่อวานนี้ จิตคุณเอยังมีโมหะแทรกอยู่
เข้าใจว่าเพราะเวลาปฏิบัติจะน้อมใจลงไป พยายามควบคุมดูแลจิตตนเอง
เหมือนการกล่อมจิตตนเอง ก็เลยเกิดความซึมๆ ขึ้นมา
(ตอนที่คิดเลิกปฏิบัติแล้ว ความซึมจึงหายไป)

อาการเช่นนี้ไม่ใช่ว่าคุณเอจะด้อยกว่าคนอื่น
หมู่เพื่อนที่หัดมาแรกๆ เป็นแบบคุณเอมากมายครับ
ต้องค่อยปรับค่อยแก้ไป ซึ่งการแก้ไขจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่ฟังปุ๊บจะแก้ได้ปั๊บ
แล้วทีนี้เมื่อวานนี้ มีหมู่เพื่อนใหม่ๆ ไปกันมากสิบกว่าท่าน
คุณเอ เข้าไปทีหลังเพื่อน จึงมีเวลาให้ คุณเอ ไม่มากพอ
ผมก็เกรงว่าคุณเอ จะท้อใจเสียก่อน จึงบอกให้ไปที่ศาลาอีก
ไม่ใช่ว่าเมื่อวานไม่ดีพอนะครับ แต่ไม่มีเวลาพอที่จะแก้ไขจิตชนิดนั้นได้

ที่ผมแนะให้ทำกรรมฐานหยาบ
ไม่ได้หมายความว่าจิตไม่มีคุณภาพแบบคนที่ใช้กรรมฐานละเอียด
เพราะกรรมฐานหยาบ เช่นกายคตาสตินั้น
คือสุดยอดกรรมฐานที่พระศาสดาทรงยกย่องมาก
กระทั่งท่านพระอานนท์ ก็บรรลุพระอรหันต์(ได้ทั้งวิชชา 3 อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทา 4)
ก็ด้วยการเจริญกายคตาสตินี่แหละ
แม้ครูบาอาจารย์พระป่าสายหลวงปู่มั่น
ท่านก็เจริญกายคตาสติกันแทบทั้งนั้น
จนเป็นผู้ที่น่าเคารพกราบไหว้นับเป็นร้อยๆ องค์

คำว่ากรรมฐานหยาบที่ผมเอ่ยถึง หมายถึงอารมณ์ที่หยาบ
หรือผัสสะที่แรง พอที่จะกระตุ้นให้จิตไหวง่าย
เพื่อไม่ให้จิตจมแช่อยู่กับความซึมเซา
เหมือนการเขย่าปลุกคนที่นอนหลับลึก ให้ตื่นขึ้น

จิตของเรา หลับ มาไม่รู้ว่ากี่กัปป์กี่กัลป์แล้ว
จะปลุกให้ตื่นขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ
เข้มแข็ง อดทนไว้นะครับ ผมและเพื่อนๆ เอาใจช่วยเต็มที่เลย
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 10:46:06

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:10:20
สาธุ!!!

ึคุณเอมีความกล้าหาญที่เปิดเผยในสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่เขาไม่กล้าจะเปิดเผยกัน

ในวันแรกที่ผมได้ไปฝึกการดูจิตกับครูนั้น ต้องเรียกได้ว่า ล้มเหลว โดยสิ้นเชิงเลยครับ เหตุเป็นเพราะว่า เราตั้งใจมาก่อน ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของเรา เหมือนๆกับที่เราจะได้ขึ้นเวทีไปพูดเป็นครั้งแรกของชีวิต ความตื่นเต้นย่อมมาเยือนเป็นธรรมดา แต่หลังๆจากนั้นความตื่นเต้นและแกล้งทำก็หายไป เหลืออยู่แต่ความเป็นธรรมชาติของตัวเราครับ

ทุกวันนี้ผมก็ยังนิยมที่จะฝึกด้วยกายคตาสติบ้าง มรณานุสติบ้าง หรือแม้แต่อสุภกรรมฐานบ้าง แล้วแต่ว่าอันไหนที่ทำให้ใจสงบสติแจ่มชัด ก็เอาอันนั้น บางทีก็ดูเวทนา ดูการเกิดดับของเวทนา ดูเวทนาเป็นสิ่งที่ถูกรู้บ้าง เลี้ยวลดไปมา ไม่มีสูตรตายตัวที่แน่นอน บ้างก็ดูที่ความยินดียินร้าย ดูอาการของจิตที่ขยับไปทำโน่นทำนี่ตามแรงอยากบ้าง สลับกันไปมาเพราะครูสอนไว้แต่แรกแล้ว ว่าจิตเป็นอนัตตาเราจึงไปบังคับมันไม่ได้ ได้แต่ตามรู้ไปเท่านั้นเอง

ได้เห็นข้อเขียนของคุณ เอ ในวันนี้ ก็รู้ได้แน่ว่า คุณเอต้องมีความก้าวหน้าในธรรมอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณเอได้เรียนรู้ในวันนั้นกับการกระทำของคุณเอที่ได้นำเรื่องราวมากล่าวไว้ ทำให้รู้ได้ว่า คุณเอได้ยกเอาธรรมไว้เหนือหน้าตาหรือชื่อเสียงของคุณเอเอง

สาธุ!!!

โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:10:20

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:13:51
สิ่งที่คุณ Listener เขียนเล่ามานั้น  ใช่ว่าจะแตกต่างไปจากสิ่งที่ผู้มาใหม่ทั้งหลายได้รับรู้ และรู้สึก ในวันแรก ๆ ที่ได้ฝึกการทำความรู้ตัว  เพียงแต่อาจจะต่างกันไปบ้างในรายละเอียดเท่านั้น

บางคนก็สงสัยอยู่นั่นแล้วค่ะ  สงสัยอยู่ได้เป็นเดือน ๆ แถมยังหงุดหงิดอีกต่างหาก เวลาถูกบอกให้ดูเจ้าตัวสงสัยเนี่ย :-)  คิดวนอยู่ได้เป็นหลายสิบรอบ กว่าจะเข้าใจ และค่อย ๆ ตั้งสติได้   เกือบปีเลยมั้งคะกว่าจะรู้สึกว่าเข้าใจและพอทำได้บ้างแล้ว

ไม่เห็นว่าจะต้องเก้อเขินอะไรเลยค่ะ  ถ้าเพิ่งหัดใหม่ ก็เป็นธรรมดาที่เราจะต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไป  และก็คงเป็นเรื่องธรรมดาอีกเหมือนกันที่ผู้เรียนจะมีพัฒนาการไปตามลำดับ  จะให้เรียนรู้ได้ไวอย่างคุณเกาทัณฑ์ใน ทางนฤพาน ก็ออกจะนิยายไปหน่อย  ขออภัยค่ะ คุณดังตฤณ :-)

ขอให้มีกำลังใจที่จะเดินไปด้วยกันกับพวกเราทุก ๆ คนค่ะ คุณเอ
โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:13:51

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ นิพ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:32:43
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:39:04
มีที่คุณเอ เขียนตกนิดหนึ่งครับ

? ตอนลาครู ดูว่าตอนนี้ซึมน้อยกว่าเมื่อกี้ ใช่ไหม
เพราะเราไม่ได้เพ่ง ว่ากำลังปฏิบัติ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:39:04

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ ไพ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:49:44
มาให้กำลังใจคุณเออีกคนด้ว...ย..ย..(อย่างงี้แปลว่าตะโกนอยู่)
ตอนตัวเองมาเจอพี่เขาใหม่ๆ  เลวร้ายกว่าคุณเอเยอะเลยแหละ
มันไม่รู้อะไรเลย  มีแต่ความฟุ้งซ่าน ความคิด พิจารณาไปแบบ
ไร้ทิศทาง ไร้ขอบเขต  แล้วที่สำคัญ..ยังไม่รู้่ตัวอีกแน่ะ
กลับบ้านทีไรก็จะท้อใจทุกที อะไรหว่า ไอ้นี่ก็ไม่ถูก ไอ้โน่นก็ไม่ถูก
พอพยายามฝึกใหม่ กลับไปเจอพี่อีกที ก็หัวคะมำกลับบ้านอีก
หัวคะมำไปซุกอยู่ในตุ่มซักพัก พอตั้งสติได้ ก็โผล่หัวออกมาลอง
ผิดลองถูกใหม่  เรียกได้ว่า ขะหมุกขะมอม ขะหมุกขะมัวไปทั้งตัวเลย
ถ้าเปรียบว่าถูกยิงด้วยแสงเลเซอร์นะ ก็พรุนซะ....
จนมาถึงวันนี้..ก็ดีขึ้นแค่เล็กๆ แต่ไม่ท้อใจแล้ว
เพราะเริ่มรู้แล้วว่า เส้นทางเดินที่ถูกอยู่ทิศไหน
คุณเอ..อดทนหน่อยนะ  ไม่นานหร็อก ก็จะเหมือนพวกที่นั่ง
ข้างหลังพี่เขา  พอพี่เขาหันมาดูปั๊บ ก็รีบรู้ตัวกันพรึ่บพั่บน่ะ:-)
โดยคุณ ไพ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:49:44

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ บัวใต้น้ำ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:53:50
อนุโมทนากับคุณเอด้วยครับ
พยายามเข้าต้องสำเร็จแน่นอนครับ
โดยคุณ บัวใต้น้ำ วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 11:53:50

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ กระต่าย วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 12:23:24
มาให้กำลังใจคุณเอด้วยคนค่า (.....แต่ไม่ทราบว่าคนไหน :-))
อ่านของคุณเอ แล้วให้ได้อายจังเลยค่ะ
เพราะคราวแรกที่ได้ไปหาคุณอาปราโมทย์ ไปนั่งต่อหน้าคุณอาจริงๆจังๆที่ทศท.เลยคราวนั้น
ไปด้วยความอวดดี อวดเก่งมากมายเลย (ทำผิดทำถูกไม่รู้ อวดเก่งไว้ก่อน :-)
อัตตาพองคับโรงอาหารเลย แต่ไม่รู้ตัว อิอิอิ
คราวหลังต่อจากนั้น ก็ล้มคะมำไม่เป็นท่า ไม่เพ่งก็เผลอ ไม่เผลอก็หลง
พอหลงมากๆก็เละ เคยนั่งร้องไห้เลยก็มี ครั้นพอดีขึ้นมาหน่อยก็ประมาท
เคยอ่านเมลคุณอาที่ตอบกลับมา แล้วน้ำตาร่วงผล็อยๆเลย อิอิอิ
ปฏิบัติผิดๆ แบบทุกข์ๆมานานหลายเดือน จนตอนนี้ก็แค่ค่อยยังชั่วขึ้นเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น สู้เค้านะคะ ยังมีเพื่อนร่วมเดินทางอีกเต็มไปหมด :-)

ว่าแต่ว่าคราวหน้าไปที่ศาลา กระซิบให้ทราบบ้างนะคะว่าคนไหนคุณเอ :-)
โดยคุณ กระต่าย วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 12:23:24

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ นุดี วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 13:12:16
ตามมาให้กำลังใจ อย่าเพิ่งท้อแท้ค่ะ
ตอนแรกที่ไปฝึกนั้นแย่มากค่ะ คุณเอยังดีกว่ามากมาย
ก่อนที่จะไปนั้นไม่เคยฝึกอะไรเลย นั่งสมาธิก็ไม่เคย รู้ตัวก็ไม่เป็น เหม่อๆตลอด ศัพท์พื้นฐานที่ควรจะรู้ก็ไม่รู้อะไรเลย ได้ยินคำว่าขันธ์ 5 โมหะ โทสะ ฯ ก็ตะลึ่ง ไม่รู้สักอย่าง นานหลายเดือนกว่าจะเข้าใจวิธีการปฏิบัติ ก็ค่อยเริ่มทำมาเรื่อยๆ ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ^_^
โดยคุณ นุดี วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 13:12:16

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ โยคาวจร วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 14:11:59
หุหุ ผมคงจะไม่น้อยหน้าใครอื่น
เจอครูวันแรกก็คว้ากระดาษปากเตรียมจดเลย
จนครูบอกว่าเอาเก็บไว้ก่อน
การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องของความจำความเข้าใจแบบโลกๆ
แต่เป็นเรื่องของความทุกข์และทำอย่างไรถึงจะไม่มีทุกข์
่เป็นเรื่องของการรู้ตัวรู้กิเลสที่เกิดขึ้นตอนนี้่
ผ่านมาเป็นปี ไปที่ศาลาเกือบทุกครั้ง
แต่เหมือนเพิ่งรู้วิธีปฏิบัติเมื่อไม่นานมานี่เอง
ต้องให้ครูบอกแล้วบอกอีก ว่านี่เผลอนี่เพ่งๆ
เห็นครูเหน็ดเหนื่อยพร่ำสอนพวกเราแล้ว
สงสารครูเหลือเกิน ที่มีศิษย์ไม่ได้เรื่อง แถมไม่ขยัน(ขี้เกียจ)อย่างผม
แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเข็นไม่ค่อยขึ้น
ก็คงต้องคอยเข็นตัวเองแล้วหล่ะครับ

ลองคิดดูว่าเราไม่เคยรู้ตัวมานานเท่าไหร่แล้ว
จะให้มารู้ปุ๊บปั๊บวันเดียว คงเป็นไปไม่ได้
ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อไปเสียก่อนนะครับ
ค่อยๆ เพาะ ค่อยๆ บ่มไป
สักวันคงมีผลที่น่าชื่นใจเองแหละครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคน : )
โดยคุณ โยคาวจร วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 14:11:59

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 15:36:24
อ่านของคุณโยแล้วทำให้นึกไปว่า

เออ... จริงเนาะ เผลอมากี่กัปป์ก็ไม่รู้ จะให้รู้ตัวได้ในวันเดียวนี่ คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากจริงๆ

โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 15:36:24

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ หนึ่ง วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 16:21:30
จำได้ว่าครั้งแรกที่เข้าไปหาคุณอาปราโมทย์นั้น ผมแอบพกเอา
ความมั่นใจเล็กๆไปด้วยว่า ที่เคยปฏิบัติจากการอ่านหนังสือด้วย
ตนเอง และลองเจริญสติมา 4-5 เดือนนั้น ต้องอยู่ในเกณฑ์
ใช้ได้บ้างละน่า ..... :-D

ปรากฏว่า เช้านั้นเป็นเช้าที่มึนสนิทเลยครับ เพราะเมื่อเข้าไปนั่ง
ล้อมวงอย่างที่เราปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ คนอื่นๆเขาจะได้รับคำแนะ
นำหลายๆอย่างเช่น ... อันนี้เผลอแล้วนะ ... อันนี้คิดแล้ว ...
อันนี้ใช้ได้.... ฯลฯ เรียกได้ว่า ดูแล้วพอมีส่วนถูกกันทุกคน

แต่สำหรับผม... ทุกครั้งที่คุณอาหันมา ท่านจะเตือนอยู่คำเดียว
ว่า "เพ่ง" ...  "เพ่ง" ....  "อันนี้เป็นการเพ่ง" .... "อันนี้ยังเพ่ง
อยู่" ... รวมทั้งหมดร่วมๆ 7-8 ครั้งได้ โดยท่านยังบอกถึงวิธี
แก้ที่ตรงไปตรงมาที่สุดว่า "เมื่อเพ่ง ก็ให้รู้ว่าเพ่ง แค่นี้ก็เป็นอัน
ใช้ได้แล้ว" (แน่นอนครับ ตอนนั้นผมไม่ get เลย :-))

กลับบ้านไปนั่งมึนอยู่ครึ่งวัน เพราะไม่เคยปฏิบัติอย่างอื่นอย่าง
ใดเลย นอกเหนือจากอาการที่คุณอาเรียกว่าเป็นการเพ่ง
ตกกลางคืนจึงค่อยๆมาสังเกตดูตัวเองว่า ที่ทำอยู่ทำไมจึงเป็น
การเพ่งนะ ? แล้วก็หาวิธีสังเกตตัวเองอยู่หลายวิธี

หลังจากนั้นก็พยายามแก้ไขและปฏิบัติไปเรื่อยๆครับ ตอนนั้น
เสียกำลังใจบ้างแต่ก็เลิกไม่ได้ครับ จะให้กลับมาทนกับกิเลส
ตัณหาของตัวเองอย่างไม่มีทางสู้แบบเดิมนั้น ... ไม่มีทางแน่

เมื่อหมั่นปฏิบัติและสังเกตตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่นานก็เริ่ม get
กับเขาครับว่า คำที่คุณอาสอนมานั้น กระชับ รวบรัด และตรง
ประเด็นที่สุดแล้ว แค่เรารู้จักสังเกตจนเห็นอาการที่ว่า และรู้ทัน
เมื่อเกิดขึ้น ก็เป็นอันว่าเราปฏิบัติถูกต้องเข้าไปเรื่อยๆ

พักหลังยิ่งปฏิบัติยิ่งพออนุมานได้ครับว่า สภาพการรู้ตัวอย่าง
ถูกต้องนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบาย หรือสอนโดยตรง บาง
ครั้งจึงต้องเรียนรู้เอาโดยทางกลับกัน คือ คัดเอาที่ผิดพลาดออก
เรื่อยๆ จนเข้าใกล้สิ่งที่ถูกต้องไปเอง

ตอนนี้เลยเป็นวัฏจักรไปกลายๆแล้วครับ ต้องไปขอคำแนะนำจาก
คุณอาเพื่อให้ท่านสอนว่า "ยังผิดตรงไหน" … ได้ยินแล้วก็จ๋อยไป
นิดหนึ่งหรือมากน้อยแล้วแต่สถานการณ์ :-) จากนั้นก็พยายามไป
สังเกตดูว่าที่ยังผิดยังพลาดนั้น เราไปหลงโดนหลอกเอาอย่างไร
จะได้รู้ทันอาการพวกนี้ และปฏิบัติให้ดีขึ้น

แต่ที่ยังแก้ไม่หายสักทีคืออาการกลัวคุณอาครับ ไม่รู้เป็นอย่างไร
อย่างน้อยเป็นต้องหวาดๆทุกครั้ง ทั้งๆที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีที่
สุดเท่าที่เคยพบมา แต่ลองเราจะกลัวนี่ กลัวดื้อๆ ไม่มีเหตุผลเอา
เสียเลย :-)
โดยคุณ หนึ่ง วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 16:21:30

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 17:35:46
กราบขอบคุณคุณครู และขอบคุณผองเพื่อนที่ให้กำลังใจอย่างอบอุ่น
ไม่ท้อหรอกครับ แสวงหาเป้าหมายแห่งชีวิตมานาน ได้รู้จักเป้าหมายแล้ว นานแค่ไหนก็จะไปให้ถึงครับ

อ้อแล้วชื่อกระทู้ที่พึลึกๆ ก็เพราะความเผลอของผมอีกนะครับ ไม่ได้ดูให้ดีก่อน post ตั้งใจจะใช้ว่า บันทึกซึมเซา

เอ
โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 17:35:46

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 17:36:14
กราบขอบคุณคุณครู และขอบคุณผองเพื่อนที่ให้กำลังใจอย่างอบอุ่น
ไม่ท้อหรอกครับ แสวงหาเป้าหมายแห่งชีวิตมานาน ได้รู้จักเป้าหมายแล้ว นานแค่ไหนก็จะไปให้ถึงครับ

อ้อแล้วชื่อกระทู้ที่พึลึกๆ ก็เพราะความเผลอของผมอีกนะครับ ไม่ได้ดูให้ดีก่อน post ตั้งใจจะใช้ว่า บันทึกซึมเซา

เอ
โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 17:36:14

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ tana วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 18:48:23
ปฏิบัติช้าไม่เป็นไร
ปฏิบัติหลงไปก็ไม่เป็นไร
ตราบใดที่รู้ว่าเผลอ  รู้ว่าเพ่ง รุ้ว่าหลง
ทิ้งมันไปครับ  เริ่มต้นใหม่
นั่นแหละครับ  รู้ตัวแล้วละครับ
พวกเราในนี้หกลุกคลุกคลานก้นมาตลอดครับ  แต่กำลังใจไม่เคยเหือดหาย  มีแต่เพิ่มเติมมาจากพ้องเพื่อนโดยตลอด  
โดยคุณ tana วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 18:48:23

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ ฐิติมา วัน จันทร์ ที่ 26 มิถุนายน 2543 20:21:19
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ thesky วัน อังคาร ที่ 27 มิถุนายน 2543 11:35:25
มาเป็นกำลังใจให้คุณ listener อีกคนค่ะ
โดยคุณ thesky วัน อังคาร ที่ 27 มิถุนายน 2543 11:35:25

ความเห็นที่ 18 โดยคุณ น้ำ วัน อังคาร ที่ 27 มิถุนายน 2543 23:42:08
สวัสดีอีกครั้งหนึ่งครับคุณเอ (สวัสดีครั้งแรกที่ศาลาฯไงครับ)

วันนั้นทักทายกันได้นิดเดียว เพราะเห็นคุณเอกำลังติดภารกิจสำคัญ (คุยกับพี่ใหญ่ของเรา สำคัญน้อยอยู่เมื่อไหร่ครับ) วันนั้นผมก็เพิ่งมาหาพี่ปราโมทย์เพื่อขอวิชาเป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ อิอิ แต่ไม่มีอะไรเล่าแฮะ เขิน....

เอาเป็นว่าเราเป็นศิษย์รุ่นเดียวกันก็แล้วกันนะครับ
โดยคุณ น้ำ วัน อังคาร ที่ 27 มิถุนายน 2543 23:42:08

ความเห็นที่ 19 โดยคุณ โจ้ วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 08:38:07
ถ้าจดเป็นบันทึกละก้อ ป่านนี้คงจะได้หลายเล่ม
ทั้งบันทึกท้อใจ บันทึกฟุ้ง ฯลฯ...และที่สุดแห่งบันทึก คือ
บันทึกเผลออีกแล้ว (อันนี้เรื่องยาว แล้วก็ยังไม่จบซะที)
ก็ได้ครูบาอาจารย์และเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ แถวนี้คอยแนะนำ
แล้วก็ได้กำลังใจที่ดี  ถึงค่อยพอมีแรงขึ้นมากว่าเดิม (หน่อยนึง)

มาเร็วมาช้า ไม่ได้หมายความว่าจะตามหลังเสมอไป
แถว ๆ นี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ (น่าชื่นชมจริง ๆ)
....มีความเพียรซะอย่าง
โดยคุณ โจ้ วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 08:38:07

ความเห็นที่ 20 โดยคุณ ดังตฤณ วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 09:03:32
> มาเร็วมาช้า ไม่ได้หมายความว่าจะตามหลังเสมอไป
เวอรี่เกรท
โดยคุณ ดังตฤณ วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 09:03:32

ความเห็นที่ 21 โดยคุณ เจื้อย วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 10:56:47
เอ๊ะ คุณ listener นี่คนไหนหนอ วันนั้น เห็นมีหน้าใหม่ๆไปกันเยอะทีเดียว อยากรู้จักคุณ listener เช่นกันค่ะ (เพราะเราเป็นพวกเดียวกัน - พวกติดสิ่งเร้าภายนอกไง อิอิ) ตอนหนูเจอคุณอาปราโมทย์ครั้งแรก ก็ถูกคุณอาทักว่า ยังรู้ตัวไม่เป็นเลย หนูก็ยังนึกในใจว่า เอ๊ะ แล้วรู้ตัวเป็น นี่มันยังไงเหรอ ไอ้ที่เรากำลังรู้ตัวอยู่นี่ เค้าไม่ได้เรียกว่ารู้ตัวเหรอ

อู๋ย กว่าจะเข้าใจได้ว่า รู้ กับ เผลอ เป็นยังไงนี่ ปาเข้าไปหลายเดือนอยู่นะ แบบว่าชอบคิดว่ารู้ แต่ไม่ได้รู้ว่าคิดน่ะ และก็จึงได้รู้ตัวอีกว่าชีวิตที่ผ่านๆมานี่ เราหลงฝันทั้งที่ลืมตาตื่นมาตลอด (แต่ขนาดรู้แล้ว ก็ยังคอยหลงฝันต่ออยู่บ่อยๆ ด้วยความเผลอ)

ทุกวันนี้ก็พยายามไปศาลาลุงชินให้ได้เป็นประจำทุกเดือน ไปคอยฟังคุณอาสอนคนอื่น ฟังแล้วได้ความเข้าใจดีขึ้นเรื่อยๆตามกาล และรู้สึกพลอยได้ประโยชน์ไปด้วยทุกครั้ง เวลาได้เห็นได้ฟังคุณอาสอนคนหน้าใหม่ที่เข้ามา เห็นคุณอาสอน/ทักเค้าให้เค้ารู้จักความรู้ตัว เห็นเวลาเค้างง เค้าสงสัย เห็นความอยากจะถามของเค้า เห็นคุณอาเบรคเค้าไว้ ให้เค้าได้มองเห็นหรือรู้ถึงความอยากตรงนี้ เห็นเค้าหยุดชะงัก เห็นเค้ามองตัวเอง เห็นเค้าเริ่มเข้าใจ...

แต่แล้ว ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า อ้าว เราเผลอไปอีกแล้วหนอ มัวแต่นั่งดูคนอื่น แต่ขณะนั้นลืมดูตัวเองไปซะนี่ แหะๆ ก็งี้แหละค่ะ ล้มลุกคลุกคลานมาเรื่อยๆ แต่ก็พยายามทำตัวอยู่ในกระแสธรรมเข้าไว้ เพราะไม่อยากไปตกอยู่ในกระแสโลกอีกแล้ว ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีวันพ้นทุกซักที
โดยคุณ เจื้อย วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 10:56:47

ความเห็นที่ 22 โดยคุณ หนึ่ง วัน พุธ ที่ 28 มิถุนายน 2543 12:45:01
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 23 โดยคุณ อี๊ด วัน อาทิตย์ ที่ 2 กรกฎาคม 2543 11:25:39
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com