จากหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 24 มิถุนายน 2543 เห็นว่าน่าอ่านดีก็เลยcopy เอามาให้อ่านกันครับ ว่างๆก็แวะไปเว็บเขาหน่อยนะครับ ก๊อบเขามาเฉยๆ : ) www.matichon.co.th (ธรรมมงคล(1) หาไม่เจอทั้งหนังสือพิมพ์ธรรมดาและ หนังสือพิมพ์บนเว็บเลยมาเริ่มที่ธรรมมงคล(2)ครับ )
ธรรมมงคล(2) 'ในหลวง-ราชินี'ปุจฉา 'หลวงพ่อพุธ'วิสัชนา หมายเหตุ- เพื่อให้เนื้อหาพิเศษในหนังสือที่ระลึกงานศพ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ซึ่งเป็นคำสนทนาธรรม โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นองค์ปุจฉา และหลวงพ่อพุทธ เป็นองค์วิสัชนา ได้แพร่หลายเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของพุทธศาสนิกชนยิ่งขึ้น "มติชน" จึงได้นำเนื้อหาดังกล่าวมาเสนอเป็นตอนๆ โดยใช้ชื่อว่า "ธรรมมงคล" ดังนี้
พระปัจเจกพุทธเจ้า
ไม่แสดงธรรมและไม่ตั้งศาสนา
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : ดิฉันขอยกข้อดีว่า ถ้าไม่มีพระบวรพุทธศาสนานี้คงจะอยู่บนโลกนี้ด้วยความยากลำบาก เพราะว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเป็นแสงสว่างจริงๆ ทำให้สามารถระงับความโกรธ ความเกลียด ความผิดหวังอะไรได้ทุกอย่าง และน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านได้มีพระเมตตาคุณ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เหมือนกับพระพุทธเจ้าอย่างไรเจ้าคะ
หลวงพ่อพุธ : พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เหมือนกับพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตรงที่ไม่แสดงธรรมและไม่ตั้งศาสนาถ้าใครทำบุญทำทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านเพียงแต่ให้ศีลให้พร หรือถ้าแสดงธรรมก็ไม่เป็นเรื่องเป็นราวพอที่จะจับเอามาปฏิบัติได้ อย่างดีก็เพียงแต่แนะนำให้รักษาศีล ให้ภาวนาให้ทาน เป็นแต่เพียงแนะนำเท่านั้น ส่วนมากไม่แสดงธรรมเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยวิสัยของท่านพระปัจเจกพุทธไม่มุ่งที่จะมีสาวก ถ้าหากจะมีคำสอนปรากฏอยู่บ้าง ก็เป็นไปเพื่อชีวิตของท่านเท่านั้น ไม่ไว้สาวกเพื่อสืบพระศาสนา
การตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ก็มีความเสมอกันกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยทั่วๆ ไปก็คือ ความเป็นอาสวักขญาณ คือความสามารถทำกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป
พระปัจเจกพุทธเจ้าบางองค์ก็ทำให้จิตให้เป็นสมาธิ มีความละเอียดยิ่งๆ ขึ้นไป จนกระทั่งสามารถตัดกิเลสออกจากจิตไปได้โดยไม่ต้องอาศัยเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนมากพระปัจเจกพุทธเจ้าจะสำเร็จเป็นพระปัจเจกได้โดยเจโตวิมุตติ คือ การทำจิตให้ละเอียดลงไป แล้วก็ตัดกิเลสด้วยกำลังจิตที่เข้มแข็งเหล่านั้น เพราะฉะนั้น เมื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะพระองค์ท่านแล้ว ท่านจึงไม่สามารถแสดงธรรมได้อย่างกว้างขวางอย่างมีเหตุมีผล เหมือนกับพระพุทธเจ้าโดยทั่วๆ ไป
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างพระปัจเจกพุทธเจ้าและสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : ดิฉันอยากจะถามว่า สมัยนี้มีพระปัจเจกพุทธเจ้าบ้างไหม
หลวงพ่อพุธ : หากอาศัยหลักเกณฑ์ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาแล้ว พระพุทธเจ้าของเราทรงกำหนดอายุพระศาสนาไว้ 5,000 ปี พระศาสนาขณะนี้ได้ดำเนินมา 2,500 ปีเศษแล้ว ศาสนาพุทธก็ยังปรากฏอยู่ในโลก ยังไม่ว่างจากพระศาสนาในช่วงที่ยังมีพระพุทธศาสนาปรากฏอยู่ยังไม่สิ้นอายุของพระศาสนา พระปัจเจกพุทธเจ้ายังไม่มี ถ้าอาศัยหลักฐานตามคัมภีร์แล้ว ก็จะยืนยันได้ตามนั้น ปัจจุบันนี้พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่มี
ฆราวาสบรรลุธรรมได้หรือไม่
ฆราวาสก็สามารถที่จะชำระจิตให้ถึงวิมุตติความหลุดพ้นได้
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : หากเผื่อว่าไม่ได้บวชเป็นพระนี้ จะสามารถชำระจิตของท่านจนสามารถบรรลุถึงธรรมไหมเจ้าคะ
หลวงพ่อพุธ : อาศัยตามหลักฐานในพระคัมภีร์ ผู้ที่เป็นฆราวาสก็สามารถที่จะชำระจิตให้ถึงวิมุตติความหลุดพ้นได้
ยกตัวอย่างเช่น สมเด็จพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา พระองค์ก็สำเร็จพระอรหันต์ ในขณะทรงเป็นฆราวาสอยู่ เพราะเมื่อได้ฟังเทศน์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็สำเร็จพระอรหันต์ทั้งๆ ที่ยังเป็นฆราวาสอยู่
ในปัจจุบันนี้ คฤหัสถ์ที่ยังครองเพศอยู่ก็สามารถที่จะปฏิบัติในทางจิต ทำให้มีจิตสงบเป็นสมาธิ รู้ธรรมรู้เห็นธรรมได้เหมือนกับพระในพระพุทธศาสนา
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : หมายความว่า ถ้าแม้ว่าเขาถึงพระอรหันต์แล้ว ถ้าไม่บวชก็ซางเบญจขันธ์ได้อย่างสิ้นเชิงใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงพ่อพุธ : ตามพระคัมภีร์ก็ยืนยันว่าเป็นอย่างนั้น แต่ถ้านำมาพิจารณาให้รู้แน่นอน และจะหาเหตุผลมาขัดแย้ง ก็อาจจะมีทาง เพราะในแง่ที่จะขัดแย้งได้มีว่า โดยธรรมชาติของพระอรหันต์แล้ว ท่านจะวางเบญจขันธ์ คลายความยึดมั่นหมดกิเลสตัณหา มานะทิฐิ แม้อาสวะน้อยหนึ่ง ก็ไม่มีในจิตใจของท่าน อาจจะดำรงชีพอยู่จนกระทั่งอายุขัยก็ย่อมเป็นได้ ถ้าหากว่าหามติมาขัดแย้งได้ แต่ว่าคุณของความเป็นพระอรหันต์นั้น เป็นคุณธรรมหรือเป็นสัจธรรมที่สูง ซึ่งโดยหลักธรรมชาติของธรรมะขั้นนี้แล้วจะไปสิงสถิตอยู่ในร่างของคฤหัสถ์ซึ่งเป็นร่างของชาวบ้านธรรมดา เป็นการไม่คู่ควรกัน จึงสามารถทำให้ร่างของฆราวาสผู้สำเร็จอรหันต์แล้วต้องสลายตัวไป อันนี้เป็นกฎของความจริงของธรรมชาติในขั้นนี้
ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับแร่ธาตุบางอย่างในโลกนี้ ในเมื่อมาพบกันเมื่อใดแล้ว จะต้องมีปฏิกิริยาสลายตัวหรือเกิดธาตุใหม่ขึ้นมา ในกรณีเช่นนี้ ธาตุแท้แห่งพระอรหันต์บริสุทธิ์สะอาดอย่างแท้จริง เมื่อเกิดอยู่ในร่างของคฤหัสถ์ธรรมดา จึงมีประสิทธิภาพหรือมีอำนาจที่จะทำให้ร่างกายของคฤหัสถ์สลายตัวลงไปได้ เพราะเป็นร่างกายที่ไม่ควรจะรองรับคุณธรรมของพระอรหันต์
บาปกรรมอยู่ที่ใจ
แนะนำวิชาอาชีพแต่มิได้สั่งให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นฆ่าสัตว์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : ดิฉันสนับสนุนให้ประชาชนปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนี้เจ้าค่ะ เคยมีลูกศิษย์ของท่านอาจารย์แบนเรียนด้วยความหวังดีว่า "อย่าทำเลยหม่อนไหม วันๆ หนึ่งชาวบ้านต้มไหมเป็นล้านๆ ตัว"
เพราะเหตุว่าเห็นสภาพที่เขาอดอยาก พิการ ตาบอด ก็เลยคิดว่าการสนับสนุนให้เขาปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนี้จะทำให้เขาอยู่ดีกินดีขึ้น แม้ว่าเขาผลิตแล้วไม่นำออกมาขายก็ไม่ได้เงินมาเลี้ยงชีพ
ดิฉันอยากจะช่วยเด็กๆ ที่ยากจน แต่ลูกศิษย์พระอาจารย์ก็เตือนมาเรื่อยๆ ก็เลยคิดว่าเราได้ช่วยคนมามากๆ ดีกว่าคนที่เขาไม่ได้เข้าวัด ไม่ทำอะไรเลย เราหากินสุจริต ทำบุญได้หากินได้ ทำอะไรได้ เลี้ยงลูกได้ พระคุณเจ้ามีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร
หลวงพ่อพุธ : ตามที่แนะนำให้ราษฎรเขาทำอย่างนั้น เพียงแต่ว่าได้แนะนำให้เขาเลี้ยง แต่ไม่ได้แนะนำให้เขาต้มตัวไหม ในเมื่อเขาทำขึ้นมาแล้ว เขาจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของเขา
ส่วนจะขัดข้องกังวลใจ เพื่อความเบาใจก็ถือเสียว่าเพียงแต่ได้แนะนำวิถีทางดำเนินชีวิตเท่านั้น ซึ่งมีหลายวิธีการที่เขาจะทำ ในเมื่อเขาทำลงไปแล้ว เขาจะปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แม้ว่าจะไม่สั่งให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ เขาทำไปเอง ถ้าหากสมมุติว่าทำใจได้อย่างนี้ก็เป็นที่เบาใจมากขึ้น
และข้อเปรียบเทียบเวลานี้ เป็นการแนะนำวิชาอาชีพแต่มิได้สั่งให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นฆ่าสัตว์ เพราะไม่ได้สั่งว่าให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นแต่เพียงว่าปลูกหม่อนนะ เลี้ยงไหมนะ ทำอะไรเพียงแค่นี้ ในเมื่อมีผลิตผลแล้ว เขาจะทำอะไรเป็นหน้าที่ของเขา เช่นอาจจะแต่งตั้งใครสักคนหนึ่งที่มีความชำนิชำนาญในเรื่องนี้ให้คำแนะนำ ถ้าจะเปรียบก็คล้ายกับว่าหมอทั้งหลายเขารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนมากหมอจะไม่มีคำพูด หรือความตั้งใจเจาะจงลงไปว่าฉันจะฆ่าเชื้อโรคอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นแต่เพียงว่าคนนี้ป่วยเป็นโรคอย่างนี้ จะให้ยาอย่างนี้เพื่อให้เขาหายจากโรคภัยไข้เจ็บ
ที่ได้มีเมตตาแก่ประชาชน ที่แนะนำให้เขาทำอยู่ในปัจจุบัน พยายามทำใจว่าได้แนะนำให้เขาทำอย่างนี้ เมื่อเขาปลูกหม่อนแล้วจะต้องมีสัตว์สำหรับกินหม่อน เขาจะหาอะไรมาทำนอกจากตัวไหมใบหม่อน เมื่อเขามาเลี้ยงเติบโตขึ้นมาแล้ว เขาจะทำไปทำรวงทำรังที่ไหน รวงรังของเขาจะเป็นประโยชน์ขึ้นมา คนที่เขาเลี้ยงเขาย่อมรู้จักหน้าที่ของเขาว่าควรทำอย่างไร
เพื่อไม่ให้เป็นการกังวลใจมากนัก อาตมาขอแนะนำวิถีทางทำให้เบาใจ เมื่อแนะนำให้เขารู้จักประกอบอาชีพ พยายามนึกในใจว่าเราไม่ได้แนะนำให้เขาฆ่าสัตว์ เขาจะทำอะไรเป็นหน้าที่ของเขา ให้พยายามทำใจอย่างนี้ อาตมาเห็นว่าความกังวลใจอาจจะลดน้อยลง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : บาปกรรมทั้งหลายนี้อยู่ที่ใจจริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงพ่อพุธ : อยู่ที่ใจ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ : ทีนี้ถ้าเผื่อว่า จิตใจของดิฉันมิได้ใฝ่ใจในเรื่องตัวไหมเลย แต่ใฝ่ใจในเรื่องชีวิตเด็ก ไม่ให้ตาย ไม่ให้พิการ อันนี้สำคัญกว่าใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงพ่อพุธ : สำคัญกว่า
|
|