หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2543
ปุจฉา-วิสัชนา "หลวงตาบัว" บนเกาะอังกฤษ
ตัณหาเป็นที่เกิดของทุกข์ใช่ไหม?
- ทุกข์อย่างไรเป็นตัณหา อย่างไหนไม่เป็นตัณหา ต้องพิจารณาอีกคือความอยากให้ทุกข์หายไปเฉยๆ เป็นตัณหา แต่ถ้าอยากรู้เหตุผลว่า ทุกข์เป็นอะไร มีอะไรเป็นเหตุ จะดับทุกข์ได้อย่างไร นี่เป็นมรรคความยากในทางที่จะปลดเปลื้องทุกข์ หันไปหาทางสันติสุข ไม่ใช่ตัณหา เป็นมรรค
สติกับสมาธิเป็น 2 ขั้นของมรรค 8 ดูเหมือนจะเป็นขั้นที่ 7-8 สติกับสมาธิในมรรค 8 ต่างกันอย่างไร?
- สติเป็นตัวกำกับจิต สมาธิอาศัยสติควบคุมจนจิตตั้งตรงอยู่ได้เกิดเป็นความสงบขึ้นมาหลายครั้ง คือครั้งแรก เป็นขณิกสมาธิ สงบชั่วครู่แล้วก็ถอน ต่อมาสงบลึกขึ้นหน่อย เป็นอุปจารสมาธิ ต้องอาศัยสติควบคุมจนกระทั่งปัญญาเข้ามาพิจารณา ปัญญาก็ต้องอาศัยสติจึงจะพิจารณาสิ่งต่างๆ ได้ตลอด และสติก็เป็นมหาสติ ปัญญาก็เป็นมหาปัญญา ได้ถ้ามีสติเข้าควบคุม จิตที่มีโทษอยู่ อาศัยสติเป็นเครื่องป้องกันแก้ไขโทษในจิต ถ้าจิตสงบเป็นอิสระ ไม่มีกิเลสฟุ้งแล้ว ก็ไม่ต้องแก้ไขในขณะนั้น จิตก็สงบอย่างแนบแน่น เป็น อัปปนาสมาธิ พูดตามภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้
การฝึกหัดเบื้องต้นลำบาก ประการหนึ่งยังไม่เคยทำ ไม่เคยเห็นผลของการทำมาบ้าง ต้องอาศัยสติบังคับ เป็นการฝืนใจเราด้วยเหตุผล พอผลเริ่มปรากฏในจิตแล้ว ความสนใจ ความมีแก่ใจ ความพยายามจะค่อยตามมา ยิ่งปรากฏผลมากน้อยเพียงไร ก็ยิ่งอยากเห็นผลที่แปลกประหลาดยิ่งๆ ขึ้นไป ความเพียรก็ตามมาเอง ธรรมเครื่องให้ถึงความสำเร็จ คือ อิทธิบาท 4 มีฉันทะ-ความพอใจ, วิริยะ-ความเพียร, จิตตะ-ความชอบใจ ฝักใฝ่, และวิมังสา-คือการใคร่ครวญ ต่างมีกำลังมากขึ้นตามๆ กัน จนสามารถยังผู้บำเพ็ญให้ถึงจุดที่มุ่งหมายได้โดยไม่มีอุปสรรคมากีดขวางได้
เมื่อทำสมาธิได้แล้ว จะถึงเวลาที่ผู้ปฏิบัติไม่ต้องนั่งภาวนาอีกต่อไปหรือคะ?
- ก่อนที่เราจะอ่านหนังสืออก เราต้องพากเพียรเรียนและสะกดให้เป็นคำหัดเขียน ใช่ไหม ? พอเราจะเขียนคำว่า "ท่าน" ก็ต้องท่องว่า "ท่าน" ต่อมาเขียนได้ไว พอนึกถึงท่านก็เขียนได้โดยไม่ต้องท่อง "ท่าน" เมื่ออ่านเขียนได้แล้ว ผู้นั้นเลยหยุดอ่านหยุดเขียนกระนั้นหรือ ?
การฝึกสมาธิก็เหมือนกัน ตอนแรกต้องใช้สติคอยควบคุม บังคับให้ต้องทำ ทำไปๆ ผู้ปฏิบัติจะได้ผล พบผลต่างๆ เอง และเกิดความคล่องแคล่วชำนิชำนาญขึ้น เมื่อทำสมาธิและพยายามถอดถอนกิเลส จนหลุดพ้นแล้วเมื่อไร ท่านผู้หลุดพ้นก็ยังทำสมาธิอยู่ต่อไป แต่ไม่ใช่ทำความเพียรเพื่อปลดเปลื้องกิเลสกันอีก เพราะกิเลสหมดไปแล้ว เวลาพักนอนหลับท่านก็หยุด เวลาตื่นขึ้น สติกับปัญญาก็ใช้ในกิจการต่างๆ ตลอดการทำสมาธิภาวนาต่อไปไม่ทอดทิ้งงานที่เคยทำ เหมือนผู้รู้หนังสือ อ่านเขียนได้มาก ก็อ่านเขียนไปเพื่อเป็นประโยชน์ต่างๆ ยิ่งขึ้น มิได้หยุดไปเลยเพราะความที่เขียนได้อ่านออกเพียงเท่านั้น การทำสมาธิภาวนาของผู้สิ้นกิเลสแล้วก็เช่นกัน จำต้องทำไปเพื่อวิหารธรรม ความอยู่สบายในทิฐธรรมที่ธาตุขันธ์ยังครองตัวอยู่
|
|