นานหลายสัปดาห์แล้วครับ ที่ตั้งใจจะ post เรื่อง "ใหม่" แต่ไม่ได้โอกาสสักทีครับ เพิ่งจะมีเวลาก็เช้านี้เองครับ และยิ่งได้อ่านเรื่อง "ถุง" ของคุณมะขามป้อมด้วย ยิ่งเห็นเนื้อหาน่าจะสอดคล้องกัน จึงได้เวลาลงมือเสียทีครับ
ในวันก่อน ได้มีโอกาสสนทนากับคุณ Glory (ณ.ลานธรรมเสวนา) ก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่อง อารยธรรมตะวันตก ที่ผมมีความเชื่อว่า รากฐานของแนวคิด คือการตอบสนองต่อความต้องการ ซึ่งก็คือเป็นการตอบสนองต่อกิเลส - ตัณหา นั่นเอง
อารยธรรมตะวันตก ผมหมายเอาเรื่องของเทคโนโลยี่เอาไว้ด้วย ผมคุยกับคุณ Glory ว่า โดยพื้นฐานแล้ว เทคโนโลยี่อย่างอินเตอร์เน็ต ก็เติบโตมาจากอารยธรรมตะวันตก ซึ่งแน่นอนว่าตามธรรมชาติแล้ว ย่อมต้องตอบสนองต่อตัณหาได้ง่ายกว่าปัญญา
หากเราจะนำเทคโนโลยี่มาตอบสนองต่อปัญญา เราต้องมีกฎเกณฑ์กติกา ต้องมีการควบคุม content เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้
อารยธรรมตะวันตก ยังมีความหมายรวมที่กว้างกว่านั้นด้วย เช่นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ เรื่องของการตลาด เรื่องของการประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
หากใครสังเกตสักนิด เมื่อเราชมโฆษณา ไม่ว่าจะทางโทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์ หรือแผ่นพับ หรือสื่ออื่นๆก็ตาม มีคำๆหนึ่งที่เราจะได้พบเห็นหรือได้ยินกันบ่อยๆ คำนั้นก็คือ คำว่า "ใหม่" หรือ "NEW"
วันนี้หากมีโอกาส ก็ลองสังเกตสักนิดเถอะครับ สินค้าที่ใช้คำนี้บ่อยที่สุด จะเป็นสินค้าที่ใช้ในประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ทั้งนี้เพราะสินค้าเหล่านี้มี Life Cycle ที่สั้น หมายถึงว่า สินค้าเหล่านี้จะมีอายุในตลาดไม่นานนัก ก็จะเสื่อมความนิยมลงไป (แต่สินค้าบางประเภทเช่น เหล้า จะไม่กล้าใช้เลย เพราะภาพลักษณ์ของเหล้า จะต้อง "ยิ่งเก่า ยิ่งดี" - นี่กล่าวจากประสบการณ์ของตนเองในอดีตนะครับ)
คำๆนี้สำคัญมาก ทรงพลัง และสามารถสร้างยอดขายได้ด้วย!
ลองคิดดูง่ายๆสิครับ หากว่ามนุษย์เราไม่ชอบของใหม่ ไม่ชอบลองของใหม่ แต่ว่าอยู่กับสิ่งเดิมๆทุกเมื่อเชื่อวัน วันนี้ก็คงจะไม่มีคำว่า แฟชั่น หรอกครับ แต่ในวันนี้มี และเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักให้กับหลายๆประเทศด้วย
จากข้อสังเกตตรงนี้ กับการเทียบเคียงการปฎิบัติของเรา จะพบว่า ในขณะที่เราพยายามเบิ่งตามองธรรมทั้งหลาย ตามความเป็นจริงนั้น เราก็จะพบว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นก็หน้าเดิมๆ หมุนเวียนกันเข้ามาซ้ำๆหน้ากันทั้งนั้น และมิใช่ว่าธรรมทั้งหลายเหล่านั้น จะมีให้แยกแยะอะไรมากมายนัก ก็มีไม่กี่อย่าง ยินดี-ยินร้าย-เฉยๆ โกรธ-ไม่โกรธ โลภ-ไม่โลภ หลง-ไม่หลง รู้-เผลอ ล้วนแต่ธรรมหน้าเดิมทั้งสิ้น หากผู้ใดมีสติ-สัมปชัญญะเต็มพร้อม ความหลุดพ้นก็เป็นอันหวังได้ในชาตินี้อย่างแน่นอน เพราะธรรมทั้งหลาย มิได้พิศดารประการใดเลย หากแต่เราสังเกตให้ดีจะพบว่า จิตนี้จะทะยานไปด้วยแรงตัณหา เมื่อเสพอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งแล้ว จิตก็จะละไปเสพอารมณ์อันอื่นๆต่อไป แต่แรงทะยานอยากหรือตัณหาที่ครอบงำจิตนั้นไว้ การทะยานออกไปเสพในอารมณ์อีกอันหนึ่งซึ่งไม่ใช่อารมณ์เดิม ก็คือ "อารมณ์ใหม่" นั่นเอง คำว่า"ใหม่"จึงมีความหมายและทรงพลังตามนัยยะอันนี้
ตัณหาสามารถหลอกให้จิตหลงคลุกคลีอยู่ด้วยในสังสารวัฏฏ์ ด้วยการทำให้จิตหลงไปยึดเอาอารมณ์อันใหม่มาเสพอยู่เรื่อยๆ มิได้หยุดหย่อน แต่ตัณหาก็ไม่สามารถเสกสรรสร้างธรรมใหม่ๆมาให้ได้เรื่อย ก็ยังคงหลงวนเวียนอยู่แต่ในธรรมเก่าๆหน้าเดิมๆทั้งหลายเสมอมา เพียงแต่ตัณหาสามารถหลอกจิตให้หลงไป "ยินดี" กับ "อารมณ์อันใหม่" ได้เท่านั้นเอง
ลองสังเกตจิตใจของเราในวันนี้กันเลยครับ ว่า "ใหม่" มีอานุภาพมากเพียงไร???
|
|