ความรู้ตัวทั่วพร้อม ที่จริงก็คือ รู้ หรือ ผู้รู้ นั่นแหละครับ ที่นี้ถ้าเรารู้ ได้ถูกต้องไม่เผลอมันก็เกิดความรู้สึกที่เรียกว่า รู้ตัวทั่วพร้อมคือ รู้ครอบคลุมเบาๆ โดยไม่เพ่งที่จุดใดจุดหนึ่ง
มันมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองอย่างครับ คือ ความไม่เผลอ ทำให้เกิดความรู้ตัวทั่วพร้อม ในขณะเดียวกัน ความรู้ตัวทั่วพร้อม ก็ทำให้ไม่เผลอครับ
ผมเองใช้การรู้ตัวทั่วพร้อมแบบนี้เป็นอุบายไม่ให้จิตเพ่ง และหลงไปกับอารมณ์ที่เข้ามาที่จุดใดจุดหนึ่ง แต่ให้รู้ทั่วอย่างครอบคลุม อย่างเบาๆ หลายคนอาจสับสนว่าทำได้อย่างไรอย่างที่พี่ปราโมทย์กล่าว แต่จริงๆ แล้วก็คือ พยายาม รู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (จริงๆ แล้วรู้ทั้งหมดทำไม่ได้หรอกครับ)
เหมือนเรามีน้ำแก้วหนึ่ง ถ้าเอาไปใส่ขวด น้ำหนักของน้ำต่อพื้นที่ ที่มันกดลงที่ก้นขวดก็จะมาก กว่าถ้าเราเอาน้ำนี้ ไปใส่ในภาชนะที่มีก้นกว้างกว่าเช่นกาละมัง พอจะนึกภาพออกไหมครับ
เหมือนกับนกบางชนิดที่มันเดินบนใบบัวที่ผิวน้ำได้ เพราะว่ามันมีนิ้วเท้าที่ยาว ทำให้น้ำหนักกระจายออกไป ไม่กดลงไปที่จุดใดจุดหนึ่งไงครับ
ถ้าใครถนัดเรื่องเทคโนโลยี ก็เหมือนกับเทคโนโลยีโทรศัพท์แบบ CDMA ที่กระจายพลังงานออกไปในทุกความถี่ทำให้สามารถ รองรับผู้ใช้ได้มากกว่าเทคโนโลยีแบบเก่า
อุบายแบบนี้มีตัวอย่างให้เห็นมากมายในธรรมชาติครับ :)
ทำไมอุบายนี้จึงใช้ได้? ทำให้รู้โดยไม่หลงได้ จิตนั้นเริ่มแรกสุดมันทำหน้าที่หลักของมันครับคือ รู้อารมณ์ หลังจากนั้นมันก็จะเริ่มปรุงแต่งเกาะไปตามอารมณ์ ถ้าเรา หางานหลักให้มันทำมากที่สุด คือ รู้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันก็ไม่เหลือ เวลาจะไปเที่ยวเล่น ตามอารมณ์ นี่เรียกว่า หางานให้จิตทำ คือ ไม่ให้มันว่างมากจนหลงไปตามอารมณ์
********************* ถ้าดูในพจนานุกรม ความรู้ตัวทั่วพร้อม ก็คือสัมปชัญญะนั่นเองครับ
สัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม, ความรู้ตระหนัก, ความรู้ชัดเข้าใจชัด ซึ่งสิ่งที่นึกได้; มักมาคู่กับสติ (ข้อ ๒ ในธรรม มีอุปการะมาก ๒)
|
|