ความเห็นที่ 6 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 5 กันยายน 2543 08:11:51 |
สาธุ คุณมะขามป้อม กล่าวเป็นธรรมครับ
คำสอนทางพระพุทธศาสนาจัดเป็นศาสตร์ เพราะมีเหตุมีผลที่พิสูจน์ได้ เช่นถ้าผู้ใดเจริญสติสัมปชัญญะถูกต้อง จิตใจก็พัฒนาไปสู่ภาวะอันเดียวกัน คือสงบ สะอาด สว่าง รู้ ตื่น และเบิกบาน ปฏิบัติถูกต้อง ก็เห็นผลทันที จนผู้ปฏิบัติต้องอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ ว่าธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งอัศจรรย์โดยแท้
จากจิตที่ปฏิบัติสมาธิเท่าไรก็ไม่สงบ พอรู้ตัวจิตก็สงบทันที จากจิตที่เที่ยวแบกรับภาระและขยะ กลายเป็นจิตที่หมดภาระและสะอาด จากจิตที่มัวซัวซึมเซา กลายเป็นจิตที่ผ่องใส จากจิตที่หลับฝัน กลายเป็นจิตที่ตื่นจากฝัน จากจิตที่ต้องหาความสุขด้วยอามิสหรือสิ่งเร้าภายนอก กลายเป็นจิตที่เบิกบานอยู่ในตัวเอง โดยไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากการเจริญสติสัมปชัญญะ ใครปฏิบัติถูกต้อง ก็พัฒนาไปสู่ผลอันเดียวกัน
พระพุทธศาสนาเป็นศิลปะบริสุทธิ์งดงาม แต่ละคนจะมีทางเฉพาะตัวที่จะดำเนินจิต เช่นทำอย่างไรเราจะหลอมรวมการปฏิบัติธรรมกับการดำรงชีวิตเข้าเป็นหนึ่งเดียวได้ ทำอย่างไรจะเข้าถึงความเป็นกลาง ไม่เผลอและไม่เพ่ง ทำอย่างไรจะรู้เท่าทันความปรุงแต่งที่ละเอียดซับซ้อนในจิตของตน ทำอย่างไรจะรู้ ได้โดยไม่เจตนาจะรู้ ควรจะอบรมสมาธิเมื่อไร เพียงใด ควรจะเจริญปัญญาเมื่อใด เพียงใด ควรเจริญปัญญาไปตรงๆ หรือควรมีอุบายพลิกแพลงอย่างใด เมื่อใด ฯลฯ
เรื่อง ศาสตร์ นั้นพอจะสอนกันได้ครับ แต่เรื่อง ศิลปะ เป็นเรื่องที่ควรพัฒนาทักษะของตนกันเอาเอง |
|
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 5 กันยายน 2543 08:11:51 |