ความเห็นที่ 3 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 12 กันยายน 2543 10:07:44 |
เรื่องของความเมตตานั้น มีได้หลายระดับครับ ในทางโลกก็มีความเมตตา แบบมีผู้เมตตา และมีผู้ที่รับความเมตตา เช่นมีพ่อมีแม่ ที่ให้ความเมตตาต่อลูกของตน มีคนใจบุญ ที่เมตตาต่อคนอื่น หรือสัตว์อื่น ความเมตตาระดับนี้ ยังค่อนข้างแปรปรวนง่าย เช่นพ่อแม่เมตตาลูกแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นราคะ คือเกิดผูกพันเป็นเจ้าของ หรือคนใจบุญ อาจจะเลิกเมตตาคนบางคน เพราะไอ้หมอนั่นมันพูดกวนโทสะ ขึ้นมา เป็นต้น
อุบายที่จะให้เกิดความเมตตาระดับนี้ ก็มีอยู่มากมาย เช่นสร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่น มองผู้อื่นเหมือนลูกหลาน หรือคิดถึงอกเขาอกเรา เห็นเขาเคยคิดผิด ทำผิด เหมือนเราเมื่อก่อน แล้วเขาก็จะต้องจมกับผลทุกข์ที่ตามมา เหมือนที่เราเคยทุกข์มาก่อน ฯลฯ
ความเมตตาอีกชนิดหนึ่ง เป็นความเมตตาแบบเหนือโลก ผู้เมตตานั้นท่านประจักษ์ชัดถึงความประจวบมีขึ้นเป็นคราวๆ ของสรรพสิ่ง ไม่มีเขา ไม่มีเรา แต่กระแสเมตตาก็เกิดขึ้นได้ เพราะจิตของท่านปราศจากศัตรูของความเมตตา (คล้ายกับที่สมาธิเกิดขึ้น เพราะจิตปราศจากนิวรณ์อันเป็นศัตรูของสมาธิ) เมตตาชนิดนี้ ผ่องใส เยือกเย็น อบอุ่น (แปลกนะครับ ทั้งเย็นทั้งอุ่น) เบิกบาน แผ่ไพศาลไม่มีประมาณ และเสมอกันหมดแก่ "สัตว์" ทั้งปวง
จิตที่จะเกิดเมตตาชนิดนี้ได้ ไม่ต้องอาศัยอุบายอะไรเลย ไม่ยุ่งยากและแปรปรวนเหมือนความเมตตาแบบโลกๆ เสียด้วยสิ |
|
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 12 กันยายน 2543 10:07:44 |