3. เรียนรู้เรื่องวิถีจิตจากตำรา
ถ้านับเลขจาก 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, ถัดไปก็กลับนับเป็น 0. ใหม่ ระบบของวิถีจิตก็คล้ายๆ กับการนับเลขชุดนี้ เพียงแต่ไม่ได้นับไปถึง 9 แล้วต่อด้วย 0 หากแต่นับไปถึง 16 แล้วจึงต่อด้วย 0 รวมเป็นเลขชุดละ 17 ตัว (จิตไม่จำเป็นต้องเกิดครบ 17 ขณะอย่างนี้เสมอไปนะครับ บางกรณีที่อารมณ์ไม่แรง หรือเป็นอารมณ์ทางใจล้วนๆ ก็เกิดน้อยกว่านี้ได้)
เลข 0 หมายถึง ภวังคจิต คือจิตที่อยู่ในภพดั้งเดิมของจิตเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับขันธ์ 5 เป็นสภาพที่จิตยังไม่ได้รับรู้อารมณ์ใดๆ เลย ส่วนเลขตัวถัดๆ มา หมายถึงจิตในแต่ละขณะที่เกิดดับสืบทอดการทำงานกันไป จนหมดวาระการทำงานแล้วก็ตกภวังค์อีกครั้งหนึ่ง
เราลองมารู้จักกับวิถีจิตตาม คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ กันก่อน อย่าตกใจกลัวนะครับ อันที่จริงก็คือศาสตร์อันหนึ่งนั่นเอง ใครไม่สะดวกใจจะศึกษาก็ไม่ว่ากัน ผมเพียงแต่ต้องการเทียบเคียงให้ผู้สนใจเห็นว่า ตำราอภิธรรมก็มีเค้าความจริงที่เห็นได้จากการปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยเหลวใหลแต่อย่างใด
ความหมายของจิตตุปปาทะ วิถีจิต และ ขณะ
คำว่า จิตตุปปาทะ คือ จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับเจตสิกที่ประกอบ ในที่นี้มี ความหมายว่า ในวิถีนั้นมีจิตเกิดขึ้นกี่ดวง นับแต่ อาวัชชนจิต คือ จิตที่รับอารมณ์ ใหม่เป็นต้นไป ส่วน ภวังคจิต แม้จะมีอยู่ในวิถีนั้นด้วยก็ไม่นับ เพราะภวังคจิตเป็น จิตที่รับอารมณ์เก่า
จิตเกิดขึ้นในวิถีนั้นกี่ดวงก็นับเรียงดวงไปเลย ไม่ว่าจิตนั้นจะทำกิจอย่างเดียวกัน หรือทำกิจต่างกัน เช่น ชวนจิตในวิถีนั้นมี 7 ดวง หรือ 7 ขณะ ซึ่งทำชวนกิจอย่างเดียวกัน ก็นับเป็นจิตตุปปาทะ 7 ขณะ หรือ 7 ดวง ตทาลัมพนจิตในวิถีนั้นมี 2 ขณะ หรือ 2 ดวง ซึ่งทำตทาลัมพนกิจอย่างเดียว ก็นับเป็นจิตตุปปาทะ 2 ดวง หรือ 2 ขณะ (คำแปลจะกล่าวถึงทีหลังนะครับ)
คำว่า วิถีจิต คือ จิตในวิถีนั้นมีกี่อย่าง มีความหมายว่า จิตในวิถีนั้น ทำกิจ กี่อย่าง ทำกิจอย่างหนึ่งก็เรียกว่ามีวิถีจิต 1 นับแต่อาวัชชนจิต คือจิตที่รับอารมณ์ ใหม่เป็นต้นไป เช่นเดียวกับจิตตุปปาทะ แต่ไม่นับเรียงดวง นับเป็นพวก ๆ เช่น ชวนจิตมีจิตตุปปาทะ 7 แต่ทำชวนกิจอย่างเดียวเท่านั้นก็เรียกว่าวิถีจิต 1, ตทาลัมพนจิต 2 ดวง ทำตทาลัมพนกิจอย่างเดียวก็เรียกว่า วิถีจิต 1 เช่นกัน รวมชวนจิต 7 ตทาลัมพนจิต 2 เป็นจิต 9 ดวง ก็เรียกว่า มีวิถีจิต 2 เป็นต้น
คำว่า ขณะ คือ จิตเกิดขึ้นดวงหนึ่งก็นับเป็นขณะหนึ่ง เรียกว่า ขณะจิต บางทีก็เรียก ขณะ เฉย ๆ แต่ว่าจิตที่เกิดขึ้นดวงหนึ่งที่เรียกว่าขณะหนึ่งนั้น ยังแบ่ง ได้เป็น 3 อนุขณะ หรือ 3 ขณะเล็ก คือ อุปาทขณะ หมายถึงขณะที่จิตเกิดขึ้น 1 อนุขณะ, ฐีติขณะ หมายถึงขณะที่จิตตั้งอยู่ 1 อนุขณะ และ ภังคขณะ หมายถึง ขณะที่จิตนั้นดับไป 1 อนุขณะ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ขณะจิตหรือจิตแต่ละดวงนั้น มีอายุ 3 อนุขณะ คือ อุปาทขณะ 1 (เกิดขึ้น), ฐีติขณะ 1 (ตั้งอยู่), ภังคขณะ 1 (ดับไป)
อนึ่งจิต 17 ขณะ เท่ากับอายุของรูปธรรมรูป 1 มีความหมายว่า จิตเกิดดับ ไป 17 หน รูปจึงดับไปหนหนึ่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า รูปแต่ละรูปมีอายุเท่ากับ จิตเกิดดับไป 17 ดวง หรือ 17 ขณะ รูปที่มีอายุเท่ากับ 17 ขณะจิต หรือ 51 อนุขณะนั้น มีชื่อเรียกว่า สตฺตรสายุกรูป มีอยู่ 28 รูป ยังมีรูปที่อายุน้อยกว่านี้อีก 6 รูป (ขออนุญาตไม่กล่าว เพราะจะเพิ่มประเด็นมากไป)
(เรื่องอายุรูปนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับตำรา ความจริงรูปจะมีอายุเท่าไร เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ ส่วนพระพุทธศาสนานั้น ท่านถือเอาใจเป็นใหญ่ เอาใจเป็นประธาน อายุของรูปที่ว่านี้จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่จิตสัมพันธ์กับรูปคราวหนึ่งๆ หรือหมายความว่า การรู้รูปคราวหนึ่ง ที่สมบูรณ์แบบนั้น ต้องใช้ 17 ขณะจิต หรือต้องมีจิตเกิดดับสืบต่อกัน 17 ดวง จึงจะรู้รูปได้เต็มที่คราวหนึ่ง ไม่ใช่ตัวรูปจริงๆ มีอายุเท่ากับ 17 ขณะจิต เรื่องนี้ผมเคยคุยกับหมอยุทธ (หมอ tuli) ไว้ครั้งหนึ่ง แต่เพิ่งพบพระวินิจฉัยของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช จึงทราบว่าท่านเคยพิจารณาในจุดนี้ไว้ก่อนแล้ว)
|
|