กลับสู่หน้าหลัก

การฝึกดูจิต ทำให้ IQ เพิ่ม

โดยคุณ กาลามะชน วัน พุธ ที่ 20 กันยายน 2543 20:23:44

ผมเคยรู้สึกสงสัยว่าการฝึกดูจิตจะทำให้ความฉลาดลดลง
เพราะต้องแบ่งกำลังของสมองส่วนหนึ่งไปใช้สร้างความรู้ตัว
รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ถึงแม้จะฉลากน้อยลง ผมก็ยอม เพราะคุ้ม

ก่อนหน้านี้ ผมเคยวัด IQ สามครั้ง ได้ระหว่าง 135-140
แต่หลังจากเริ่มฝึกแล้วไม่เคยมีโอกาสได้ทดสอบวัด IQ อีกเลย
พอดีอาทิตย์ที่แล้วมีคนเอาแบบทดสอบชุดหนึ่ง ที่ผู้ทำโฆษณาว่าดีที่สุดในเวลานี้
มาให้ลองทำ ผมก็เลยลองวัดดู อยากรู้ว่ามันจะลดลงซักเท่าไร
ปรากฏว่าขณะที่ทดสอบ กลับ รู้สึกว่าทำได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ
คิดว่าต้องเพิ่มแน่ๆ และก็จริง ได้ 157 สูงอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

ผมลองวิเคราะห์เหตุผล
1. พบว่ามีสิ่งหนึ่งเข้ามาทดแทน คือผลของการฝึกอาจจะทำให้ EQ เพื่มขึ้น
ผมเอาชนะความรู้สึกถูกกดดันที่ต้องตอบปัญหาแข่งกับเวลาได้ดีมาก
เมื่อไม่อยู่ภายใต้ความเครียก ก็สามารถใช้ตรรกได้ดี
2. ความคมชัดในการรับรู้ดีขึ้น ทำให้ความทรงจำระยะสั้นดีขึ้นด้วย
ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากเวลาต้องใช้ตรรกเปรียบเทียบรูปทรง
3. นอกจากนี้ความเร็วของการคิดก็รู้สึกว่าจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย
ซึ่งอันนี้ก็รู้สึกว่าจะเป็นผลจากการฝึกจิตเช่นกัน

ถ้าเรื่องนี้เป็นผลพลอยได้ที่แน่นอน คือจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ฝึกดูจิต
ต่อไปคงจะมีคนสนใจหันมาฝึกดูจิตเพิ่มขึ้นอีกมาก

แต่ก็ยังสงสัยว่าการฝึกวิปัสนาในสายอื่น จะมีผลแบบนี้ด้วยหรือเปล่า

ขอกราบขอบคุณอาจารย์ครับ
โดยคุณ กาลามะชน วัน พุธ ที่ 20 กันยายน 2543 20:23:44

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ Lee วัน พุธ ที่ 20 กันยายน 2543 21:14:17
ทำไมเก่งจัง

ผมเองยังคิดว่า IQ ผมนี่ท่าจะไม่ถึง 100 ครับ
แต่ไม่เคยทดสอบเหมือนกัน

กลัวนะ จะถูกหาว่าโง่ หลังทำ Test
โดยคุณ Lee วัน พุธ ที่ 20 กันยายน 2543 21:14:17

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:00:05
เรายังไม่มีตัวอย่างที่มากพอจะสรุปได้ครับ
ว่าการดูจิตมีความสัมพันธ์กับ IQ อย่างไร
แต่ด้าน EQ นั้น เห็นจะน่าจะดีขึ้น
เรื่องนี้คงต้องฟังความเห็น หรือข้อมูลจากท่านอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:00:05

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ อี๊ด วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:08:06
น่าสนใจครับ
ส่วนด้าน EQ ผมทดสอบเป็นประจำ
โดยอาศัยแบบทดสอบที่คุณอาให้ไว้ในกระทู้ก่อน

<ฟ้า>ก่อนที่กิเลสจะเกิดขึ้น มันจะต้องมีผัสสะ
คือการกระทบอารมณ์ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
หากกระทบแล้ว สติปัญญาตามทัน มันก็จบอยู่เพียงเท่านั้น
ถ้าตามไม่ทัน จะพบว่า เมื่อมีผัสสะ
ก็จะมีการปรุงสัญญาคือความจำได้หมายรู้ และเวทนา ขึ้นมาในจิต
หากรู้ทันตรงนี้ กระบวนการปรุงแต่งของจิตก็จบอีก
แต่ถ้ายังรู้ไม่ทัน สัญญาและเวทนาจะปรุงเป็นความคิดขึ้นมา
ถ้ารู้ทันตรงนี้ กระบวนการปรุงแต่งของจิตก็จบอีก
แต่ถ้ารู้ไม่ทัน ตะกอนกิเลสที่อยู่ในภวังคจิตก็จะเริ่มฟุ้งขึ้นมา
กิเลสจะผุดขึ้นมากลางอก
ถ้ารู้ทันตรงนี้ กระบวนการปรุงแต่งของจิตก็จบได้เหมือนกัน
แต่ถ้าไม่รู้ทัน กิเลสจะหลอกล่อให้จิตเกิดตัณหา เป็นแรงทะยานออกไปยึดอารมณ์
ตรงนี้ถ้ารู้ทัน กระบวนการปรุงแต่งของจิตก็จบลงอีก
แต่หลังจากนั้น ถ้าจิตหลงส่งทะยานออกไปยึดอารมณ์แล้ว
จิตจะเกิดความเป็นตัวกู ของกู ขึ้นมากระโดดโลดเต้นทันที
ตรงนี้สายเสียแล้ว ที่จะพ้นจากความทุกข์เพราะความเป็นตัวตนของจิต
(คัดมามาจากกระทู้113)

ผมว่านี้ก็เป็นแบบทดสอบอย่างดีเหมือนกันครับ
ว่าสติสัมปชัญญะเราจะทำงานรู้ทันการเกิดของ
กิเลสตัณหาได้มากน้อยแค่ไหน?
และสามารถทดทดสอบได้ตลอดเวลาที่มีผัสสะ
โดยคุณ อี๊ด วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:08:06

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:22:09
สัมพันธ์กันแน่ๆเลยครับ
เพราะเมื่อมีสติดี สมาธิก็ย่อมดีตาม เมื่อสมาธิดีตาม
การเรียนรู้ก็ยิ่งเป็นไปได้ดีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวน่ะครับ
ผมเคยคิดเรื่องนี้เล่นๆ ว่า เมื่อเราตั้งสติรู้ตัวอยู่เฉพาะหน้า
ดีแล้ว เรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามา และดับไปนั้น
มันมีอยู่ตลอดเวลา พวกเราอยู่ในเมือง เรื่องที่ผ่านเข้ามา
โดยมากก็จะเป็นเรื่องของสังคม ข่าวสารต่างๆ
เมื่อสติดีการเก็บเกี่ยวผลพลอยได้ มันก็เลยดีไปเอง
อย่างที่พระธุดงค์ท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องป่า
ตามความเห็นผม ก็คงจะเป็นด้วยเหตุเช่นเดียวกันนี่เองน่ะครับ

โยงไปโยงมา เป็นแบบนี้อีกแล้ว " สติ->สมาธิ->ปัญญา "
: )
โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:22:09

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ ดังตฤณ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:26:25
ดีจริงครับ
ได้เป็นหลักฐานให้พระไตรปิฎก
ที่ท่านว่าผู้เจริญสติย่อมได้อานิสงส์หนึ่ง
คือบันเทิงในปัญญากว้างขวาง
โดยคุณ ดังตฤณ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 08:26:25

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 09:02:37
ผมสังเกตเห็นความแตกต่างในการทำงาน
ระหว่างผู้ปฏิบัติกับผู้ไม่ปฏิบัติ อยู่ 3 - 4 ประการครับ
อย่างแรกคือถ้าเกิดความเครียด ผู้ปฏิบัติจะรู้ทัน แล้วปล่อยวางได้เร็ว
ถ้าเกิดความฟุ้งซ่าน ก็จะตั้งสติจดจ่อลงกับงานได้เร็ว
ถ้าพบจุดที่ติดขัดทางความคิด ก็จะถอนตัวออกมาเป็นคนดู
หรือเหมือนคนขึ้นไปยืนบนที่สูง หาทางออกจากจุดที่ติดขัดง่าย
และเพราะไม่ยึดติดรุนแรงในความคิดและวิธีการทำงาน
ก็หาแนวความคิดใหม่ๆ หรือวิธีการทำงานใหม่ๆ ได้เสมอๆ
ประการสำคัญคือ ทำงานเป็นทีมได้ดีครับ เพราะเห็นแก่ตัวน้อยหน่อย

แต่ทั้งนี้ หมายถึงผู้ปฏิบัติที่เจริญสติสัมปชัญญะนะครับ
ถ้าเป็นผู้ปฏิบัติที่ติดสมถะ จะหนีโลก และโมโหง่ายกว่าคนปกติ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 09:02:37

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ พัลวัน วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 13:09:13
[^(---..---)^]
โดยคุณ พัลวัน วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 13:09:13

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ listener วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 15:25:57
คุณกาลามชนเล่าเหมือน เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมสังเกตว่า จาก 145 ไป 157 คือจากระดับ super bright ไปเป็น genious ครับ  เห็นความอิจฉาวูบขึ้นมา ในจิตตัวเองหน่อยนึงครับ
โดยคุณ listener วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 15:25:57

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ กอบ วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 17:21:09
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ กาลามะชน วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 19:16:54
>ถ้าพบจุดที่ติดขัดทางความคิด ก็จะถอนตัวออกมาเป็นคนดู
>หรือเหมือนคนขึ้นไปยืนบนที่สูง หาทางออกจากจุดที่ติดขัดง่าย
>เพราะไม่ยึดติดรุนแรงในความคิด

ตรงนี้ ใช่เลยครับครู ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ
ตอนที่ทำแบบทดสอบ พอรู้ตัวว่าแนวทางที่คิดติดขัด
ก็จะเปลี่ยนวิธีคิดทันที ไม่อาลัยยึดติดความคิดเดิม
ทำให้ไม่เสียเวลาคิดวนไปวนมา จึงแก้โจทย์ได้เร็วขึ้น
ผมคิดว่านี่คือสาเหตุหลักที่ผมตอบคำถามได้มากขึ้น

ตอนแรกผมอธิบายไม่ถูก พอเห็นความเห็นของครู
รก็เลยเข้าใจ เพราะตรงกับความรู้สึกที่สังเกตเป๊ะเลย
โดยคุณ กาลามะชน วัน พฤหัสบดี ที่ 21 กันยายน 2543 19:16:54

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 22 กันยายน 2543 10:54:36
ช่วงหลังๆ มานี่ ที่ทำงานผมเขาลงทุนมากในการจัดฝึกอบรมพนักงาน
ให้เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดหรือการแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ในการทำงาน และการทำธุรกิจ
เขาเน้นตรงที่ให้ลืมความคิดและวิธีการเก่าๆ เสีย แล้วคิดหาสิ่งใหม่
ถึงกับสอนกันว่า "เราไม่สามารถขุดหลุมใหม่ได้ ถ้าขุดอยู่ที่เดิม
มีแต่จะได้หลุมเก่าที่ลึกกว่าเดิม แล้วติดอยู่ตรงนั้นเอง"

การปฏิบัติธรรม ช่วยให้เราไม่ติดอยู่ที่หลุมเดิม
แต่มันจะเกี่ยวกับการเพิ่ม IQ หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 22 กันยายน 2543 10:54:36

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ ธาตุธรรม วัน ศุกร์ ที่ 22 กันยายน 2543 19:28:45
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน จันทร์ ที่ 25 กันยายน 2543 19:36:16
^-^ _/|\_ iq เพิ่มหรือเปล่าอันนี้ หนูคงไม่มีคำตอบ (แต่ถ้า เทียบกับการเล่นเกมส์ในตอนนี้กับเมื่อก่อนละก็ แหะๆ หนูเล่นเก่งขึ้นเยอะ แหะๆ) แต่ที่แน่ๆ  หนูขอยืนยันกับครูค่ะว่า Eq ดีขึ้นจริงๆ เพราะถ้าเป็นก่อนที่พบครูถ้าหนูเจอะอะไรที่เป็นแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ซ้ำซ้อนหลายครั้งหนูจะคลั่งจนถึงขนาดจองเวรเจ้ากรรมนายเวรเอาเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวนี้ เมื่ออะไรเกิดขึ้น ถ้ามันหนักหนาเอาจริงๆจนตามดูจิตไม่ไหว ก็ได้แต่ใช้ความคิดมาเตือนตัวเองว่า เราทำเขาไว้ก่อน เราถึงได้รับแบบนี้ แล้วก็หันไปหาความสุขทางโลกหากไม่สามารถจะอดทนดูจิตได้ค่ะ เพราะมันจะอึดอัดเอามากๆ เป็นพักๆ ค่ะ
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน จันทร์ ที่ 25 กันยายน 2543 19:36:16

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 26 กันยายน 2543 07:48:36
ถ้าเอี้ยงเจริญสติปัญญาพิจารณากายให้มากเข้า
ว่ามันไม่ใช่เรา มันเกิดแล้วแปรปรวนไปตามสภาพของมัน
เอี้ยงไปบังคับให้มันเป็นไปตามใจไม่ได้
ถ้าใจยอมรับตรงจุดนี้ได้จริงๆ ก็จะไม่กลุ้มใจเพราะกายอีก
เพราะเห็นว่า ความทุกข์ของกายมันเป็นเรื่องธรรมดาๆ

ธรรมะสอนให้เรายอมรับความเป็นธรรมดาของธรรมชาติ
เมื่อจิตยอมรับ จิตก็ไม่ดิ้นรนอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
จิตก็จะไม่เป็นทุกข์ เมื่อกายนี้แก่ เจ็บ ตาย
แม้พี่เองก็ฝึกรู้อยู่อย่างนี้เหมือนกันครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 26 กันยายน 2543 07:48:36

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ หนึ่ง วัน อังคาร ที่ 26 กันยายน 2543 14:18:48
แต่ก่อนก็ดิ้นรนมากที่จะเป็นคนฉลาดครับ เพราะ
คิดว่าฉลาดแล้ว ... จะมีความสุข
แต่ก็ไม่เห็นจะฉลาดสมหวังกับเขาซะที

พอมาปฏิบัติพักหนึ่ง ก็เลยรู้ว่าไม่ต้องฉลาด ...
.... ก็มีความสุขได้

เลยทำให้เชื่อว่า การปฏิบัติทำให้ฉลาดขึ้นจริงๆครับ
โดยคุณ หนึ่ง วัน อังคาร ที่ 26 กันยายน 2543 14:18:48

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ น้ำ วัน พุธ ที่ 27 กันยายน 2543 00:54:28
ผมเองดูตัวเองก็ยังไม่แน่ใจนักครับเกี่ยวกับ IQ
เฉพาะผมเองอายุอยู่ในวัยที่เริ่มเข้าขาลงด้วยน่ะครับ แต่ที่พบแน่ๆคือ "ใจถึงขึ้น" เรียกอย่างนี้ถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ นั่งรถโดยสารหรือซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ อันเป็นวัตรประจำวันทำงาน ก็ไม่รู้สึกหวาดเสียว เพราะดูแต่จิตตัวเองไปเรื่อยๆ รถราวิ่งไปก็ใส่ใจแค่ว่าไปถึงใหน เท่านั้นเองครับ

ส่วนเรื่องทำงานเป็นทีมนั้นเห็นจะจริงครับ แม้ผมจะแก่กว่าเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ทำตัวสงบเสงี่ยมร่วมทีมกับนายช่างรุ่นน้องๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ งานที่เราไม่ชำนาญเราก็พร้อมเป็นผู้ช่วยเขา ไม่คิดจะออกมายืนแถวหน้าครับ เห็นเขาทำงานราบรื่นมีความสุขเราก็สุขใจ เห็นเขาทุกข์ ตามเกมคนอื่นไม่ทันเราก็ขออาสาลุยให้นะน้อง อะไรทำนองนี้ครับ เขาจะเรียกเราว่าพี่หรือใช้เพียงคำว่า คุณ นำหน้าก็ไม่อึดอัด เขาจะมาใหม่ไม่รู้ว่าเราเป็นใครก็นิ่งเสีย สบายดีครับ เมื่อไรมีงานที่เราถนัดเราก็สำแดงให้ประจักษ์เสียทีหนึ่ง รอดตัวจากการถูกหมั่นไส้ได้อีกต่างหาก เพราะไม่มีใครเขาเห็นว่าเราเก่งเกินไป
โดยคุณ น้ำ วัน พุธ ที่ 27 กันยายน 2543 00:54:28

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com