กระทู้ในลานธรรมครับ ฝากไว้ที่นี้ด้วย เพราะอยากฟังความเห็นของพี่ปราโมทย์ครับ
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวิญญาณ
ตามความหมายในพจนานุกรมพุทธศาสน์กล่าวไว้ว่า วิญญาณ คือ ความรู้แจ้งอารมณ์, จิต, ความรู้ที่เกิดขึ้นเมื่ออายตนะภายใน และอายตนะภายนอกกระทบกัน เช่นรู้อารมณ์ในเวลาเมื่อรูปมากระทบตาเป็นต้น ได้แก่ การเห็น การได้ยินเป็นอาทิ; วิญญาณ ๖ คือ ๑. จักขุวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางตา (เห็น) ๒. โสตวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู (ได้ยิน) ๓. ฆานวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางจมูก (ได้กลิ่น) ๔. ชิวหาวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางลิ้น (รู้รส) ๕. กายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย (รู้สิ่งต้องกาย) ๖. มโนวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางใจ (รู้เรื่องในใจ)
วิญญาณคือความรู้แจ้งนั้นนับตามเหตุที่เกิดก็นับได้ 6 อย่างข้างต้น แต่ทั้งหมดก็คือวิญญาณเหมือนกัน (ดูในมหาตัณหาสังขยสูตรข้างล่าง) ในขณะหนึ่งๆ จะมีวิญญาณชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้นสับเปลี่ยนหมุน เวียนกันไป แล้วแต่ว่าจะเกิดผัสสะทางไหน
************************************************************************************** มหาตัณหาสังขยสูตร ปัจจัยเป็นเหตุเกิดแห่งวิญญาณ [๔๔๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูปทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุ วิญญาณ วิญญาณอาศัยโสตและเสียงทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ วิญญาณ อาศัยฆานะและกลิ่นทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ วิญญาณอาศัยชิวหาและรส ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าชิวหาวิญญาณ วิญญาณอาศัยกายและโผฏฐัพพะทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่ากายวิญญาณ วิญญาณอาศรัยมนะและธรรมารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ เปรียบเหมือนไฟอาศัยเชื้อใดๆ ติดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยเชื้อนั้นๆ ไฟอาศัยไม้ ติดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ไฟไม้ ไฟอาศัยป่าติดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ไฟป่า ไฟอาศัยหญ้าติดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ไฟหญ้า ไฟอาศัยโคมัยติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟโคมัย ไฟอาศัยแกลบติดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ไฟแกลบ ไฟอาศัยหยากเยื่อติดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ไฟหยากเยื่อ ฉันใด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูปทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ วิญญาณอาศัยโสตและ เสียงทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ วิญญาณอาศัยฆานะและกลิ่นทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ วิญญาณอาศัยชิวหาและรสทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ชิวหาวิญญาณ วิญญาณอาศัยกายและโผฏฐัพพะทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า กายวิญญาณ วิญญาณอาศัยมนะและธรรมารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ. *******************************************************************************************
วิญญาณในทางปฏิบัติ ถ้าอยากรู้ว่าวิญญาณในทางปฏิบัติคือ อะไร ก็คงต้องหาช่วงที่วิญญาณดับไปมาเปรียบเทียบกันดู เมื่อวิญญาณทางอายตะใดดับไปความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุด ก็คือความรู้สึก สักแต่ว่า เช่น เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ก็คือ สภาพที่จักขุวิญญาณดับไป ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ก็คือ สภาพที่โสตวิญญาณดับไป อย่างนี้เป็นต้น แต่ที่สังเกตยากที่สุดคงเป็น มโนวิญญาณ เพราะในการปฏิบัติถึงแม้ว่า บางครั้งเราจะพบกับสภาวะที่วิญญาณทางกายดับไป แต่จะมีวิญญาณทางใจ คือมโนวิญญาณยังมีอยู่เสมอ ดังนั้นการทำความเข้าใจเรื่องมโนวิญญาณจึงเป็นเรื่องยากสำหรับปุถุชน เพราะยังไม่เคยเห็น หรือ รู้จักกับภาวะที่มโนวิญญาณดับไป จึงไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ ความดับแห่งมโนวิญญาณจะเกิดมีเมื่ออวิชชาดับ และเจตนาดับไป ในมรรคญาณเท่านั้น
|
|