กลับสู่หน้าหลัก

สติปัญญาเป็นเครื่องถอดถอนจิตออกจากกองทุกข์

โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 14:33:35

ผมเพิ่งไปกราบหลวงปู่สุวัจน์ แห่งวัดป่าเขาน้อย บุรีรัมย์
และได้ปรึกษากับญาติธรรมเกี่ยวกับการสร้างสุญญาคาร
การไปคราวนี้ได้พบญาติธรรมที่เพิ่งสูญเสียคุณแม่ไปเมื่อไม่นานมานี้
เห็นว่าจิตของเธอยังจมแช่อยู่กับกองทุกข์
จึงอธิบายให้เธอฟังว่า จิตของสัตว์ทั้งหลาย
ย่อมจมแช่อยู่กับกองทุกข์กองกิเลสเสมอๆ
จะโดยรู้ตัว หรือไม่ ก็ตาม

ผู้ไม่ได้ปฏิบัติ เขาไม่ค่อยทราบหรอกว่า
จิตของเขาจมแช่กองทุกข์และกิเลสอยู่
ส่วนผู้ปฏิบัติ มักจะทราบว่า จิตกำลังมีความทุกข์
หรือทราบว่าจิตจมแช่อยู่กับกิเลส
แต่ยอมจำนน เพราะไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไรดีบ้าง
หรือพยายามแก้ไข อันเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มากยิ่งขึ้นบ้าง

การยอมจำนน ไม่ใช่ทาง
แต่การพยายามแก้ไข ก็ไม่ใช่ทางเช่นกัน
เพราะทางมีทางเดียวคือ
การรู้สภาวธรรมที่กำลังปรากฏ ด้วยจิตที่เป็นกลาง


การที่จะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้มากน้อยเพียงใดนั้น
ขึ้นอยู่กับกำลังของสติปัญญาโดยตรง
หากสติหยาบ ก็กำหนดรู้ได้เฉพาะอารมณ์ที่หยาบ
หากสติละเอียด ก็กำหนดรู้ได้ทั้งอารมณ์ที่หยาบและละเอียด
ส่วนปัญญาที่หยาบ ก็ละได้เฉพาะอารมณ์ที่หยาบ
ปัญญาละเอียด ก็ละได้ทั้งอารมณ์ที่หยาบและละเอียด

เมื่อเวลาลงมือปฏิบัตินั้น แรกทีเดียวสติยังมีกำลังน้อย
ผู้ปฏิบัติก็รู้ได้เฉพาะกิเลสหยาบๆ เช่นโทสะหยาบๆ และราคะหยาบๆ
เมื่อสติกำหนดรู้ลงไปที่อารมณ์อันนั้นแล้ว ด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ
สัมปชัญญะคือตัวปัญญา
ก็จะถอดถอนจิตออกจากอารมณ์หรือกิเลสที่หยาบนั้นเอง
หากกำลังของปัญญายังไม่เพียงพอ
ผู้ปฏิบัติก็จะรู้สึกว่า จิตจมแช่อยู่กับอารมณ์หรือกิเลสนั้น
แต่หากกำลังปัญญาเพียงพอ
จิตก็จะถอดถอนตนเองออกจากกองทุกข์กองกิเลสนั้นได้เอง
โดยผู้ปฏิบัติไม่ต้องใช้ความพยายาม ในการแยกจิตออกจากทุกข์หรือกิเลส

เมื่อสติละเอียดยิ่งขึ้น ก็จะสามารถกำหนดรู้สภาวธรรมที่ละเอียดได้
เช่นสามารถรู้ถึงความขัดใจ ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นโทสะ
สามารถรู้ถึงความพึงพอใจ ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นกามราคะหยาบๆ
สามารถรู้ถึงมานะ รูปราคะ และอรูปราคะอันเป็นราคะละเอียด
สามารถรู้ถึงโมหะ ทั้งที่เป็นความหมองมัวซึมเซา และที่เป็นความฟุ้งซ่านของจิต ฯลฯ

เมื่อสติรู้เท่าทันสภาวธรรมที่กำลังปรากฏแล้ว
หากปัญญามีกำลังไม่เพียงพอ ผู้ปฏิบัติจะรู้สึกถึงความจมแช่ของจิต
อยู่ในกองทุกข์ กองกิเลสนั้น
แต่หากกำลังเพียงพอ จิตก็จะถอดถอนตนเอง
ออกจากกองทุกข์และกองกิเลสละเอียดนั้น
เช่นเดียวกับที่ปัญญาอย่างหยาบ
ช่วยถอดถอนจิตออกจากกองทุกข์และกองกิเลสหยาบๆ นั่นเอง

ผมเล่าให้เธอฟังต่อไปว่า
ถ้าผู้ปฏิบัติมีสติรู้เท่าทันสิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งหยาบ/ละเอียดขั้นไหน
ปัญญา ซึ่งจะเกิดตามหลังมา
ก็จะประหัตประหารกองทุกข์ กองกิเลสได้ หยาบ/ละเอียดในขั้นนั้น
ปัญญาจะไปประหารกองทุกข์ กองกิเลส
ที่ละเอียดกว่ากำลังของสติจะกำหนดรู้ ไม่ได้
เพราะปัญญา จะเกิดขึ้นได้จากการมีสติ
ไปรู้สภาวธรรม หรือปรมัตถธรรม ที่กำลังปรากฏ
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เท่านั้น
เมื่อสติรู้ชัดเพียงใด ปัญญาก็ละได้เพียงนั้น


ผมเล่าให้เธอฟังต่อไปว่า แม้แต่จิตของผมเองในขณะนี้
ก็จมแช่อยู่กับกองทุกข์ กองกิเลสที่มองไม่เห็น
เมื่อมองไม่เห็น จึงไม่เกิดปัญญาที่จะถอดถอนจิตออกจากโลกได้
แต่ที่ทราบว่าจิตยังติดข้องอยู่ ก็เพราะได้รู้เห็นสภาวจิตของพ่อแม่ครูอาจารย์
ที่ท่านไม่ติดข้องกับอะไรๆ ในโลกแล้ว
จำเป็นที่ผมจะต้องให้เวลากับตนเองเพื่อพัฒนากำลังของสติ สมาธิ ปัญญา
ให้ละเอียดเท่าทันกับกองทุกข์และกองกิเลส
ที่ละเอียดจนเหมือนเนื้อเดียวกับความว่าง
หากทำไม่สำเร็จ ก็จะติดอยู่เพียงเท่านี้เอง
เพราะไม่รู้เห็นสภาวะหรือปรมัตถธรรมที่จิตไปติดข้องอยู่

สรุปแล้ว สติละเอียดเพียงใด ปัญญาก็เกิดได้ละเอียดเพียงนั้น
ส่วนสติจะละเอียดเพียงใด ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนในด้านสมาธิ หรือปัญญาด้วย

คือถ้าจิตมีสัมมาสมาธิ สติก็บริสุทธิ์ มีกำลังมาก
หรือหากมีปัญญาอันเกิดจากการเจริญสติมาก
ก็ส่งเสริมให้สติสามารถรู้เท่าทันอารมณ์ที่ละเอียดยิ่งขึ้นไปได้อีก

การปฏิบัติ จึงมีทั้งแบบที่ใช้สมาธินำ และใช้ปัญญานำ
แต่ไม่ว่าจะใช้สิ่งใดนำ ในที่สุดก็ต้องมีพร้อมทั้งสติ สมาธิ และปัญญา
จิตจึงสามารถถอดถอนตนเอง ออกจากกองทุกข์และกองกิเลสได้


***********************************

ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ คือการที่ผมไปบุรีรัมย์บ่อยๆ นั้น
ทำให้เกิดข่าวเล่าลือว่า ผมจะไปบวชอยู่ที่บุรีรัมย์
ผมเองได้รับคำถามเรื่องนี้อยู่เสมอๆ แต่ไม่ได้ให้คำตอบ
เพราะเห็นว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนอย่างหนึ่ง
และเพราะเกรงว่า จะถูกรบกวนการปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง

แต่เมื่อมาถึงวันนี้ ทุกอย่างก็ดูเป็นรูปร่างพอสมควรแล้ว
และผมทราบดีว่า ไม่สามารถปกปิดพวกเราได้นานนัก
เพราะพวกเราบางคน เช่นปรีชา น่าจะรู้ที่ซ่อนของผมได้ในเวลาอันสั้น
เนื่องจากรู้จักทั้งท่านเจ้าอาวาสวัดที่ผมจะไปอยู่ด้วย
และรู้จักโยมเจ้าของที่ ที่จะเป็นผู้สร้างวัด

ผมจึงขอตอบคำถามของทุกท่านเสียในคราวเดียวเลยว่า
เมื่อผมบวชแล้ว ผมจะไปอยู่กับท่านพระอาจารย์สุจินต์
ที่สำนักสงฆ์บ้านหนองน้ำเขียว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
หรือที่ สวนโพธิญาณอรัญญวาสี ตำบลหนองพังตรุ
อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

ส่วนจะอยู่ที่ใดแน่ ขึ้นอยู่กับว่า
การสร้างสวนโพธิญาณจะแล้วเสร็จทันเข้าพรรษาปีหน้าหรือไม่
เพราะขณะนี้ เจ้าของที่ กำลังเร่งลงมือก่อสร้างอยู่

สวนโพธิญาณ จะเป็นวัดเล็กๆ มีกุฏิพระเพียงไม่เกิน 5 หลัง
เพื่อจำกัดจำนวนพระ ไม่ให้เกินกำลังที่ชาวบ้านจะถวายอาหารบิณฑบาตได้
พร้อมทั้งมีศาลาอเนกประสงค์เล็กๆ หลังหนึ่ง ซึ่งจะใช้เป็นโบสถ์ไปในตัว
ขณะนี้ได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาให้สร้างได้แล้ว

ที่แห่งนี้จะไม่มีที่พักของญาติโยม และไม่มีโรงครัว
ดังนั้น ถ้าญาติโยมจะเข้าไปทำบุญหรือฟังธรรม
ก็อาจจะพบผมได้ภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 10.00 น.
และไม่สามารถค้างปฏิบัติธรรมที่วัดได้

เช่นเดียวกับสวนพุทธธรรมที่ป่าละอู

สำหรับชาวลานธรรม/วิมุตตินั้น ถ้าจะไป
ก็น่าจะรวมกันไปไม่เกินเดือนละครั้ง
เช่นวันอาทิตย์ที่สามของเดือน ไม่เกิน 11.00 น.
เว้นแต่จำเป็นในเรื่องการปฏิบัติจริงๆ แต่ก็ขอให้อยู่ในเวลา 10.00 น.
เพราะพระที่นั่น ต่างก็จะต้องปฏิบัติกิจของตนๆ
ไม่มีเวลาให้กับญาติโยมมากนักหรอกครับ

พบกันครึ่งทางอย่างนี้ น่าจะเหมาะสมแล้วนะครับ
อีกประการหนึ่ง ผมขอวานให้คุณพัลวัน ป๋อง และแมน
ช่วยระวังอย่าให้ใครนำรูปผม หรือแผนที่ทางไปสวนโพธิญาณ
ไปเผยแพร่ในลานธรรมนะครับ
สำหรับโฮมเพจอื่นๆ ก็ไม่ควรจะนำไปลงเช่นกัน
ถึงผมจะไม่มีสิทธิห้าม หรือขอให้พวกเราไปช่วยลบได้
ก็ขอให้พวกเราทราบว่า เป็นเจตนารมณ์ของผมที่จะไม่ให้นำไปลงเผยแพร่
เพราะผมต้องการเป็นพระหลวงตาบ้านนอก อยู่อย่างเงียบๆ
ไม่ต้องการเป็นสินค้าใหม่ ให้ใครนำไปเร่ขายครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 14:33:35

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ tana วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 14:41:26
ความเมตตาไม่มีหมดเลยนะครับ  ครู
โดยคุณ tana วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 14:41:26

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ พีทีคุง วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 15:16:40
_/|\_
โดยคุณ พีทีคุง วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 15:16:40

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ อาจ วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 15:46:11
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ พัลวัน วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 19:31:21
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 19:33:21
เป็นประเด็นเรื่อง ความเป็นธรรม มากกว่าเรื่อง ความเมตตา ครับคุณธนา
เพราะผมเห็นว่า ปิดอย่างไรก็ไม่มิด
สู้เปิดเสียเลย แล้วจัดระบบป้องกันปัญหาจะดีกว่า
มิฉะนั้น คนที่เกรงใจผม ก็จะไม่กล้าไปพบผม
เหมือนที่คุณธนา ไม่ไปหาครูบาอาจารย์ที่ป่าละอู
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 19:33:21

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ filmman วัน อาทิตย์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2543 20:29:17
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ ธีรชัย วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 08:04:41
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ ธาตุธรรม วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 08:23:05
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 08:34:49
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ สุรวัฒน์ วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 09:42:22
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ จ้อม วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 10:13:13
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ dawn วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 12:48:47
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ หนึ่ง วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 15:52:13
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ ฐิติมา วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 19:43:26
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ กาลามะชน วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 21:01:24
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ ป๋อง วัน จันทร์ ที่ 13 พฤศจิกายน 2543 21:08:51
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 10:17:49
^-^ _/|\_
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 10:17:49

ความเห็นที่ 18 โดยคุณ กอบ วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 12:36:47
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 19 โดยคุณ อี๊ด วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 09:12:33
ขอบพระคุณครับ
โดยคุณ อี๊ด วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 09:12:33

ความเห็นที่ 20 โดยคุณ ปิ่น วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 09:51:28
ขอให้พี่ประสพความสำเร็จในเร็ววันครับ
ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ก็ระลึกถึงพี่
และคำสอนเสมอครับ _/|\_
โดยคุณ ปิ่น วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 09:51:28

ความเห็นที่ 21 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 พฤศจิกายน 2543 07:44:23
ชอบคุณครับคุณปิ่น
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 พฤศจิกายน 2543 07:44:23

ความเห็นที่ 22 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 พฤศจิกายน 2543 07:45:48
ขอบคุณคุณปิ่นครับ (ข้อความข้างบนพิมพ์ผิดเป็นชอบคุณน่ะครับ)
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 16 พฤศจิกายน 2543 07:45:48

ความเห็นที่ 23 โดยคุณ นิดนึง วัน ศุกร์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2543 08:17:51
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com