กลับสู่หน้าหลัก

พระธรรมเทศนา หลวงปู่ดูลย์

โดยคุณ tuli วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 06:24:37

         เราสามารถเพียงแต่ทำจิตของเราสงบ   แม้ที่น้อยที่สุด  ไม่ให้จิตเคลื่อนไหว  แม้ที่น้อยที่สุดให้ได้  จิตของเราก็จะสงบ  เมื่อจิตของเราสงบแล้ว  กุศลธรรมทั้งปวงก็รวมอยู่ในจิตที่สงบนั้นเอง 
       เพราะฉะนั้นนักปฏิบัติต้องปฏิบัติอะไร   คือปฏิบัติจิตนั้นเอง  คือทำจิตให้สงบ  ทำจิตให้สว่าง  ทำจิตให้บริสุทธิ์   จิตบริสุทธิ์ก็คือความสงบนั่นเอง
       เบื้องต้นที่จะทำจิตให้สงบก็ไม่มีอะไรมากมาย  คือภาวนา   การภาวนาก็ไม่เอาอะไรมากมายนัก   เอาพุทโธอย่างเดียวก็พอแล้ว   ก่อนที่จะภาวนา เราต้องตัดอารมณ์ข้างนอกออกให้หมดเสียก่อน  คือไม่ส่งอารมณ์ออกไปนอก   อารมณ์ที่ส่งไปนอกไปหาปรุง หาแต่ง ไปหาก่อหาเกิดไม่มีที่สิ้นสุด  จิตของเราไม่สงบ   เพราะฉะนั้นก่อนที่จะภาวนาเราต้องตัดอารมณ์ออกให้หมด  ไม่ต้องส่งจิตไปนอก   หันมาดูจิตของเรา  อยู่ในจิตของเรา  ตั้งสติอยู่ในจิต  แล้วก็บริกรรม   ให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง  ไม่เอาอะไรมากมาย พุทโธอย่างเดียวก็พอแล้ว  แต่ว่าให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง  ให้จิตเป็นผู้ว่าเอง  ไม่ต้องว่ากับปาก
       วิธีนั่งบริกรรม นั่งขัดสมาธิก็ได้  นั่งพับเพียบก็ได้  เอาตีนขวาทับตีนซ้าย  ตั้งกายให้ตรง  แล้วก็หลับตา  แล้วก็ดูจิต  คือผู้รู้นั้นเอง   จิตผู้รู้มีประจำอยู่แล้วในคนทุกคน  ไม่ต้องไปหาที่อื่น  ตั้งจิตอยู่ในจิต  ตั้งสติอยู่ในจิต   ให้จิตเป็นผู้บริกรรมเอง   ไม่เอาอะไรมากมายเอาพุทโธอย่างเดียว  แล้วบริกรรมพุทโธ  พุทโธ  พุทโธไป   จนจิตของเรามันสงบ 
       ในการบริกรรมพุทโธ  ผู้บริกรรมพุทโธอยู่ตรงไหน ตั้งสติอยู่ตรงนั้น   ให้จิตเป็นผู้ว่าเอง  ไม่ต้องว่ากับปาก  ตาของเราหลับ แล้วให้จิตเป็นผู้ว่าเอง  ตั้งสติอยู่ตรงนั้นบริกรรมเรื่อยไป
       เวลามันสงบเราจะรู้เอง  คือจิตมันรวม  มันรวมวูบลง  แล้วก็จิตมีอารมณ์อันเดียว  นั่นมันสงบแล้ว  แล้วถ้าจิตสงบแล้วเราไม่ต้องบริกรรมต่อไป  จิตกำหนดอยู่เฉยๆ  หมายถึงว่า จิตหลุดจากคำบริกรรมไป นั่นจิตมันรวม จิตมันสงบ  แล้วเราก็ไม่ต้องหันมาบริกรรมอีก  ความสงบอยู่ไหนก็ตั้งสติอยู่นั้น  แล้วกำหนดดูอาการของสมาธินั้นเป็นอย่างไร  แล้วก็ต้องจำให้ชัดเจน  จิตของเราสงบแล้ว  นี่ให้รู้จักว่าจิตของเราสงบแล้ว
       กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงก็ไปรวมอยู่ที่จิตที่สงบนั้นเอง  ที่สูงสุดอยู่ตรงนี้ หาที่อื่นไม่พบ   จิตที่สงบนั้นคือตัวบุญ  เราต้องจำให้ชัด  เวลาเรารู้ เรารู้เอง  มันผุดขึ้นมาในจิตของเราให้รู้เฉพาะตน  นั่นละตัวบุญที่แท้จริง  แล้วไปหาที่อื่นไม่พบหรอกบุญ  ต้องหาจากจิตจากใจของเรา  ถ้าจิตของเราสงบ บุญเกิดขึ้นแล้ว  ไม่ต้องไปหาที่อื่น  หาที่อื่นก็ไม่พบ   บุญกับบาปก็ประจำอยู่แล้วทุกๆคนนั่นแหละ   แต่บุญคือความสุข บาปคือความทุกข์   ทำจิตของเราให้สงบแล้ว หมายความว่าเราทำบุญเกิดแล้ว
       จิตไม่มีตัวตนอะไรหรอก  แต่มันมีประจำอยู่แล้วในคนทุกๆคน   จิตก็คือพุทธะ  พุทธะคือจิต  จิตคือพุทธะสิ่งสูงสุด  ย่อมรวมสิ่งทุกสิ่งลงในตัวมันทั้งหมด  นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้วทั้งหลาย  เป็นที่สุดในเบื้องสูง  ลงไปจนกระทั่งถึงสัตว์ประเภทที่ต่ำต้อยที่สุด ทั้งสัตว์เลื้อยคลานและแมลงต่างๆ เป็นที่สุดในเบื้องต่ำ   สิ่งเหล่านี้ย่อมมีส่วนแห่งความเป็นพุทธะเท่ากันหมด  แล้วทุกๆสิ่งนี้เนื้อหาเป็นอันเดียวกับจิตหนึ่งนั้น  ดังนั้นสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็มีเนื้อหาเป็นอันเดียวกันกับพุทธะอยู่แล้วตลอดเวลา  
       ถ้าพวกเราเพียงแต่สามารถทำความเข้าใจในจิตของเราเองนี้ให้สงบ  เราค้นพบธรรมชาติอันแท้จริงของเราเองได้  ด้วยความเข้าใจอันนี้เท่านั้น  มันก็ไม่มีอะไรที่เราจะต้องแสวงหาแม้แต่อย่างใดเลย
       จิตของเรานี้ถ้าเราทำความสงบอยู่จริงๆ  เว้นจากความคิดนึก  ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิต  แม้น้อยที่สุดเสียได้จริงๆ  คล้ายๆกับมันจะปรากฏออกมาเป็นของว่าง  แล้วเราก็จะพบว่ามันเป็นสิ่งที่ปราศจากรูป  ไม่กินเนื้อที่อะไร อะไร แม้แต่จุดเดียว  และเป็นสิ่งที่มีความเป็นอยู่หรือไม่มีความเป็นอยู่แม้แต่ประการใดเลย
       แต่จิตนี้เรารู้ด้วยอายตนะไม่ได้ เพราะว่า(หลวงปู่พักหอบ).......   มันเป็นครรภ์หรือเป็นกำเนิด ซึ่งไม่อาจมีใครทำให้เกิดขึ้น และไม่อาจถูกทำลายด้วยประการใดได้เลย   ในการทำปฏิกริยาตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆนั้น  มันเปลี่ยนรูปตัวมันออกมาเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ    เพื่อสะดวกในการพูดก็พูดถึงจิตในฐานะที่เป็นตัวสติปัญญา   แต่ในขณะที่มันไม่ได้ทำการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม  คือไม่ได้เป็นตัวสติปัญญา คือสร้างสิ่งต่างๆนั้น  มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจพูดกล่าวถึง  ในการที่จะบัญญัติว่ามันเป็นความที่มีอยู่ หรือไม่ใช่ความที่มีอยู่   ยิ่งไปกว่านั้นอีก  แม้ขณะที่มันทำหน้าที่สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมา ในฐานะที่ตอบสนองต่อกฏของความเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันนั้น   มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรารู้ไม่ได้ทางอายตนะ  ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมโนทวารนั่นเอง
     ถ้าเราทราบตามเป็นจริง  เราทำความสงบ     และสงบอยู่ในภาวะแห่งความไม่มีอะไร   ในขณะนั้น พวกเรากำลังเดินอยู่แล้วในทางแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายโดยแท้จริง
                     นี้เราควรเจริญจิต   ซึ่งหยุดอยู่   ในความไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น
                
โดยคุณ tuli วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 06:24:37

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 07:29:08
คุณหมอถอดเทปเสียงหลวงปู่ได้ นับว่าเก่งทีเดียว
เพราะท่านแสดงธรรมด้วยเสียงที่ใหญ่ เบา และพูดเร็วมาก
ที่แปลกกว่าพระอื่นก็คือ หลวงปู่ไม่ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ตามประเพณี
แต่จะแสดงธรรมสั่งสอนเฉพาะบุคคล หรือกลุ่มคนจำนวนน้อยๆ
หากไม่เห็นประโยชน์ ท่านก็ไม่แสดงธรรม แต่จะนั่งเงียบๆ
ญาติโยมจะนั่งมองท่านก็มองไป เขาเบื่อเขาก็กลับไปเอง
จัดเป็นพระที่ไม่เอาใจโยม เว้นแต่โยมจะสนใจธรรมเท่านั้น
ท่านจึงจะสั่งสอนด้วยความตั้งอกตั้งใจอย่างยิ่ง
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 07:29:08

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 07:29:42
ลืมอนุโมทนาไปครับ
ขออนุโมทนาครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 07:29:42

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ ธีรชัย วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 07:49:50
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ listener วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 08:48:32
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ ธาตุธรรม วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 08:49:31
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ พัลวัน วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 09:02:43
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ สุรวัฒน์ วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 09:06:23
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ คิดเอาเอง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 09:27:12
ผมเคยไปที่วัดของหลวงปู่และได้ถามหาเทปธรรมเทศนาของหลวงปู่เหมือนกันครับ
แต่ทางวัดไม่มี ผมก็ได้ซื้อหนังสือที่ทางวัดจัดทำเป็นประวัติของหลวงปู่เล่มใหญ่เพราะชอบอ่านสิ่งที่
ท่านเทศนาไว้ เนื่องจากได้อ่านคำสอนของท่านในหนังสือหลวงปู่ฝากไว้แล้วรู้สึกกินใจมากทำให้อยาก
ได้ฟังธรรมของท่านในที่อื่น ๆ อีก
ที่คุณ tuli มีเทปของหลวงปู่แล้วยังถอดเทปมาให้ฟังอีกผมขออนุโมทนาด้วยครับ และอยาก
จะรบกวนอีกอย่างคือถ้าผมอยากจะขอให้คุณ tuli ก๊อปปี้เทปของหลวงปู่แล้วส่งให้ผมหน่อยจะได้ไหม
ครับ และผมจะติดต่อกับคุณ tuli ได้อย่างไรครับส่วนค่าใช้จ่ายผมยินดีจะจัดการให้ครับ
ได้อ่านแต่ตัวหนังสือที่เป็นคำสอนของหลวงปู่เก็บความอยากไว้ในใจว่าสักวันอาจจะมี
โอกาสได้ฟังเสียงของหลวงปู่แล้วความฝันก็ใกล้ความจริงขอรบกวนคุณ tuli ช่วยทำความฝันของผม
ให้เป็นความจริงด้วยนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
อีเมล์ของผม nop39@thaimail.com
เบอร์โทร 506-3927
นพชัย  นุชเนื่อง
โดยคุณ คิดเอาเอง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 09:27:12

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 10:17:03
^-^ _/|\_
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 10:17:03

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ tana วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 10:45:54
อนุโมทนา
โดยคุณ tana วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 10:45:54

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ หนึ่ง วัน อังคาร ที่ 14 พฤศจิกายน 2543 13:32:10
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ อี๊ด วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 07:45:26
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ โยคาวจร วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 09:36:10
ผมกำลังทำเวบหลวงปู่ดูลย์อยู่ครับ
http://www.geocities.com/pudule/
เพิ่งทำไปได้หน้าแรก คงจะ update ไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็เอาจากหนังสืออตุโลเป็นหลัก
ว่าจะรวบรวมทุกแง่มุมของหลวงปู่
ใครมีข้อมูลที่ต้องการเผยแพร่ หรือมีความคิดเห็นอย่างไร
ส่งมาได้ที่ yogavacara@hotmail.com
จักขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ : )
โดยคุณ โยคาวจร วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 09:36:10

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ Tuledin วัน ศุกร์ ที่ 17 พฤศจิกายน 2543 16:07:24
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ กอบ วัน ศุกร์ ที่ 17 พฤศจิกายน 2543 20:42:46
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ filmman วัน อาทิตย์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2543 10:01:52
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ นิดนึง วัน เสาร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2543 08:35:29
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com