ความเห็นที่ 1 โดยคุณ พีทีคุง วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 15:25:18 |
------------------------------------ หลายปีต่อมา ร่างกายของท่านเริ่มหมดกำลังไปทีละน้อยๆ แม้อย่างนี้ก็ไม่ขาดร่วมประชุม ยังพยุงตัวเองขึ้นฟังธรรมด้วยความเคารพธรรมอยู่มิได้ขาด นอกจากเวลาป่วย
ท่านได้เริ่มป่วยมากเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๐๘ เมื่อเริ่มป่วยใหม่ๆ มีผู้หนึ่งไปเยี่ยม ถามว่า "คุณตาเป็นอย่างไรบ้างคะ" ท่านลุกขึ้นยิ้มตอบว่า "ไม่เป็นไร อยู่เฉยๆว่างๆรู้ตัวเอง ปล่อยตัวเองเสียแล้ว ก็ไม่เจ็บป่วยอะไร" ผู้เยี่ยมตอบรับว่า "ค่ะ หนูก็เห็นคุณตาไม่ได้เป็นอะไร คุณตาป่วยแต่ร่างกายแท้ๆ"
ผู้เยี่ยมเห็นอากัปกิริยาของท่านแล้ว เป็นภาพที่เตือนสติตนเองอย่างมาก ผู้เยี่ยมทุกคนได้รับประโยชน์ในด้านจิตใจเป็นส่วนมาก
ต่อมามีท่านหนึ่งให้ยาบอกว่าจะได้ชื่นๆใจ ท่านก็พูดว่า "ไม่ต้องก็ได้ จิตใจมันก็เบิกบานสดชื่นอยู่แล้ว"
วันต่อมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ลูกสาวได้ไปเชิญหมอมาตรวจ หมอมาถึงก็ให้ลองปรอท ปรอทก็ขึ้นร้อยหนึ่ง หมอพูดว่า "อาการไม่มากนักอยู่ในขั้นธรรมดาของคนแก่ที่ไม่สบาย" ท่านถามหมอว่า "ใครให้มา" หมอบอกว่า "ลูกสาวไปตามมา" ท่านบอกว่า "ทีนี้ไม่ต้องมานะ เขาไปตามก็ไม่ต้องมา" หมอถามว่า "ใช้ยาอะไรอยู่" ท่านชี้ไปขวดยาเม็ดสีแดง แต่พูดว่า "ลองไม่ใช้ยามา ๓ วันแล้ว" หมอถามว่า "ที่แล้วมาอาการเป็นอย่างไร" ท่านตอบว่า "ก็ไม่เป็นอะไร สบายดีอยู่ว่างๆ วางเฉย ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย จิตใจเป็นธรรม" หมอว่า "แกไม่ได้เป็นอะไร แกไม่ให้รักษา แกมีความแน่ใจอะไรของแกแล้ว" ลูกๆจะให้ฉีดยาสักเข็ม แต่หมอว่า "แกไม่ได้เป็นอะไร จะฉีดทำไม" แล้วหมอก็ลากลับไป
ต่อมาพวกลูกๆเข้าไปใกล้ชิด ท่านบอกกับลูกสาวว่า "ไปตามหมอมาทำไม ทีนี้อย่าไปตามมานะ ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วมาปฏิบัติทำไมล่ะ" แล้วนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
ต่อมาหลายวัน ผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งทำน้ำโสมชงเพื่อให้ชุ่มคอให้ดื่ม เห็นรู้สึกกลืนไม่ใคร่สะดวก จึงบอกให้ค่อยๆดื่ม แล้วจะทำแป้งมาให้รับประทานเพื่อจะได้ระงับเวทนา ท่านว่า "ก็เวทนาไม่มี แล้วจะมาดับอะไร" ผู้ให้เลยต้องนิ่งไป
ขณะป่วยได้พยายมยามช่วยตัวเองทุกระยะ โดยไม่รบกวนใคร เสร็จแล้วก็นอนเฉยๆตลอดวันและคืน หลังจากป่วยแล้วหลายวันได้ช่วยตัวเองอยู่โดยอาการอย่างนี้ วันหนึ่งขณะลุกขึ้นยืนจะเข้าห้องน้ำจึงได้ล้มฟาดลงมาทั้งยืน รุ่งขึ้นมีผู้ปฏิบัติถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง คงตอบว่าไม่เป็นอะไรเช่นเคย อยู่เฉยๆไม่เป็นอะไร ผู้ปฏิบัติหลายคนคิดจัดแจงให้ความสะดวกเรื่องห้องน้ำ ท่านกลับพูดว่า "ช่างปรุงช่างแต่งกันไปเอง" มีผู้หนึ่งถามว่าแล้วเวทนาไม่รวบรัดคุณตาบ้างหรือ ก็ตอบว่า "ทำไมไม่รวบ ทำไมไม่รัด แต่รู้ดับ รู้ปล่อยเสียแล้ว มันไม่มีอะไร"
ต่อมาวันหนึ่ง ผู้ปฏิบัติสนทนากันถึงเรื่องขันธ์ห้า ว่าเมื่อวันประชุม ท่านให้พวกเราพิจารณาให้รู้ความลับของขันธ์ห้า ถามกันว่าอะไรเป็นความลับของขันธ์ห้า คุณตาได้ยินจึงพูดขึ้นว่า "ก็ความไม่เที่ยงน่ะ ซี เป็นความลับ" มีผู้หนึ่งถามว่า ใช่หรือ ท่านยืนยันว่า "ทำไมจะไม่ใช่"
----------------------------------------- ต่อจากนี้เป็นเวลาที่ป่วยหนัก ซึ่งผู้ปฏิบัติได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับธรรมะในด้านจิตใจของท่านไว้ดังต่อไปนี้
วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๐๘ หลาน(ที่ร้านธรรมดานิยม) มาเยี่ยม ถามว่า "คุณลุงเป็นอะไรบ้างคะ" ตอบว่า "จิตใจเป็นธรรมนำผู้ปฏิบัติออกจากทุกข์ออกจากกิเลส อยู่ว่างๆ เปล่าๆ ไม่ยึดถืออะไร ไม่มีอะไร รู้ของไม่เที่ยง จิตใจว่างไม่ยึด ไม่ถือ"
๖ กันยายน ๐๘ ผู้เยี่ยมถามว่า "วันนี้คุณตาเป็นอย่างไรบ้างคะ" ตอบอย่างวันก่อน "จิตใจเป็นธรรม นำผู้ปฏิบัติออกจากกองทุกข์กองกิเลส จิตใจรู้ว่าง ไม่มีอะไร ไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย อยู่ที่ว่างๆเสียแล้วก็ไม่มีอะไร รู้เองเห็นเอง จิตใจอยู่ที่ไม่ยึดถือ มันก็ว่างจากทุกข์"
๗ กันยายน ๐๘ เช้า ท่านผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งไปเยี่ยม คำแรกคุณตาพูดขึ้นว่า "จิตใจเป็นธรรม นำผู้ปฏิบัติออกจากทุกข์ จิตใจสว่างไสว" ท่านผู้ปฏิบัติธรรมตอบว่า "ค่ะ ธรรมอย่างนี้เป็นของพ้นโลก" ท่านผู้ปฏิบัติธรรมปรารภธรรมต่อว่า "พระธรรมราชามีอยู่ในเรือนไฟไหม้นี้" คุณตาขานรับคำอย่างหน้าสดชื่นเบิกบาน ท่านผู้ปฏิบัติธรรมพูดว่า "ไม่เกิดไม่ดับ เป็นลักษณะของจิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นจิตที่บรรลุนิพพาน" ท่านก็ขานรับทราบอีก
มีผู้พยาบาลให้ยารับประทาน ท่านพูดว่า "จิตมันว่างเปล่าอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ยาอะไรๆก็ดี แต่สู้จิตว่างเปล่าไม่ได้"
๘ กันยายน ๐๘ ท่านได้พูดกับผู้มาเยี่ยมว่า "จิตใจเป็นธรรมนำผู้ปฏิบัติออกจากกองทุกข์กองกิเลส อย่างจัดแจงอะไรจะอยู่เฉยๆ" คำว่าจะอยู่เฉยๆ พูดอยู่เสมอ เพื่อจะรู้ภายในให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
๙ กันยายน ๐๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. มีบุตรหลานมาเยี่ยมหลายคน มีเสียงพูดคุยกัน ขณะที่มีลูกนั่งอยู่ใกล้ ท่านได้ยกมือขึ้นสองข้างแล้วพูดว่า "ข้างหนึ่งเป็นความว่างไม่ปรุงแต่งอะไร ข้างหนึ่งปรุงแต่ง เกิดดับกันไป ไม่ปะปนกัน ผู้พยาบาลพยุงให้นอน ท่านพูดว่า "จิตใจเป็นธรรม" ลูกๆจะจัดแจงอิริยาบถให้เรียบร้อย ท่านว่า "ขันธ์ห้ามันเป็นทุกข์จะไปจัดแจงอะไร"
|
|
โดยคุณ พีทีคุง วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 2543 15:25:18 |