กลับสู่หน้าหลัก

คำถามเรื่อง อนาคต

โดยคุณ ธีรชัย วัน พุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 15:59:39

ที่ผ่านมา การปฏิบัติผมมุ่งมาทางนี้ คือแนวของครูสันตินันท์
(ผมไม่อยากเรียกว่าอะไรเลยเพราะความเข้าใจของศัพท์ของแต่ละคน
อาจจะเข้าใจไม่เหมือนกัน)

ไม่อยากเปลี่ยนแนวทางไปปฏิบัติสายอื่นไม่ไช่ว่าสายอื่นไม่ดี แต่ไม่อยาก
ไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ ดังนั้น เมื่อครูออกบวช  เว้นๆ ผมคงต้อง
ไปรบกวนครูอยู่ดี เพียงแต่ว่า หากติดขัดปัญหา หรือต้องการ
คำปรึกษาแบบเร็วและวางใจได้ที่สุด ว่าตรงและถูกต้อง
ตามแนวทางเดียวกันกับครู ผมจะปรึกษาใครได้บ้างครับ
(ทั้งในเน็ต และนอกเน็ตถ้าเป็นไปได้)
โดยคุณ ธีรชัย วัน พุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 15:59:39

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 17:00:02
ที่แน่ๆ ผมคงจะช่วยในประเด็นนี้ไม่ได้ คือผมเองยังพึ่งตัวเองไม่ได้เลยครับ หากมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไรแล้ว ก็บอกๆกันบ้างนะครับคุณเก๋
โดยคุณ พัลวัน วัน พุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 17:00:02

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ นิพ วัน พุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 17:17:48
อืมม์ ผมว่าก็มีพี่สุรวัฒน์กับพร่ตุลย์ ไงครับ ที่น่าจะช่วย
ได้ อิ อิ แต่ถ้าจะแนะนำใครเพิ่มเติมก็ดีครับ :-)
โดยคุณ นิพ วัน พุธ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 17:17:48

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 08:31:13
เรื่องที่จะหาใครมาแทนใครจริงๆ นั้น คงทำไม่ได้หรอกครับ
เพราะคนเราแต่ละคนแตกต่างกันมาก
ทั้งวาสนา ภูมิหลัง ประสบการณ์ และจริตนิสัย
กระทั่งลูกศิษย์ครูเดียวกันแท้ๆ ก็ยังปฏิบัติแตกต่างกันออกไปในรายละเอียด

ตัวอย่างเช่น ผมจะไปทำหน้าที่ทุกอย่างแทนตุลย์ก็ย่อมทำไม่ได้
คือตุลย์จะมีจุดเด่นในการชักนำให้เด็กหนุ่มสาวหันมาสนใจการปฏิบัติธรรม
กระทั่งลงทุนเขียนนิยายรักหวานแหววก็ยอมทำ
ส่วนผมไม่สนใจที่จะชักนำให้ใครเกิดศรัทธาที่จะปฏิบัติ
เขียนธรรมะก็เขียนอยู่แต่เรื่องการเจริญสติ วนไปมาอยู่แค่นี้เอง
และหากใครอยากปฏิบัติแล้วนั่นแหละจึงจะแนะนำให้
นอกจากนี้ ตุลย์จะมีอุบายมากมาย เหมาะที่จะเป็นพี่เลี้ยงของผู้ปฏิบัติ
คือจะช่วยประคับประคองให้เด็กที่อินทรีย์ยังอ่อนเดินต่อไปได้
แต่ผมจะไม่นิยมอุบาย หากแต่มุ่งตรงเข้าหาแก่นของการปฏิบัติเลยทีเดียว
ซึ่งกับบางคนก็เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าที่จะทำตามได้

บางเรื่องตุลย์ก็ทำแทนผมไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังฌานสนับสนุนบ้าง
เพราะขี้เกียจศึกษาปริยัติบ้าง
เพราะไม่ได้เติบโตมาในสำนักครูบาอาจารย์บ้าง

ในด้านจริตนิสัยและภูมิหลังก็ต่างกัน
คือตุลย์โตมาอย่างเด็กเอแบ็ค แต่ผมโตมาอย่างเด็กวัด
ความสนใจและความถนัดจึงต่างกันมาก
เช่นตุลย์จะรู้จักใช้ประโยชน์จาก net ได้ดี
จึงคิดหาช่องทางเผยแพร่พระศาสนาได้กว้างขวางกว่าผมซึ่งโบราณคร่ำครึมาก

ที่ผ่านมาตุลย์กับผมไม่ได้ทำงานแทนกัน แต่ทำงานเสริมกันคนละด้าน
ดังนั้นตุลย์จึงแทนผมไม่ได้ และผมก็แทนตุลย์ไม่ได้ครับ

สำหรับคนที่เดินในแนวทางปฏิบัติเดียวกับผมจริงๆ ใน net
ก็เห็นมีแต่คุณสุรวัฒน์เท่านั้นครับ
ดังนั้น ถ้าจะปรึกษาเรื่องการเจริญสติสัมปชัญญะ
หรือการรู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลาง
หรือการดำเนินในกรอบของอริยสัจจ์แห่งจิต
คุณสุรวัฒน์จะให้คำแนะนำที่ลัดตรงที่สุด โดยไม่ข้องแวะออกข้างทางเลย
ทั้งคำแนะนำก็เรียบง่าย เข้าประเด็นชัดเจน สมกับมีอาชีพเป็นครูบาอาจารย์
แต่ถ้าหวังอุบายพลิกแพลงต่างๆ หรือต้องการกำลังใจและคำปลอบโยน
ก็อย่าไปหาที่คุณสุรวัฒน์เลยครับ

สรุปแล้ว พวกเราก็ควรรู้จักแสวงประโยชน์ทางธรรม
ทั้งจากตุลย์และคุณสุรวัฒน์
โดยเข้าใจถึงจุดเด่นของแต่ละคนให้ดีเสียก่อน
สำหรับคนอื่นๆ ที่แม่นในหลักการเจริญสติก็ยังมีอีกครับ
ที่นึกได้ตอนนี้ก็คือ อู๊ด ปุถุชน ที่เริ่มปฏิบัติเข้าที่เข้าทางแล้ว
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 08:31:13

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ นิพ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 09:10:27
อิ อิ ฟังคุณอาวิเคราะห์พี่ตุลย์กับพี่สุรวัฒน์แล้วเหมาะที่จะใช้เป็นที่อ้างอิงสำหรับพวกเราครับ ตอนที่ผมมาศึกษา
ธรรมกับคุณอาแรกๆก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำไม่เป็นเพราะอินทรีย์ยังอ่อนแต่ก็ได้พี่ตุลย์นี่แหล่ะครับเป็นคนวางพื้นฐานให้ดีขึ้น ทั้งในด้านกำลัง ความเข้าใจในการปฏิบัติและแนวทาง จนภายหลังจึงได้ขยับมาศึกษธรรมกับคุณอาอีกครั้งจึงเข้าใจได้ดีขึ้นบวกกับได้พี่สุรวัฒน์ทำการชี้แนะแนวทาง ก็เลยพอไปได้บ้างอย่างทุกวันนี้ (แต่ก็ยังต้องกวนทั้ง 3 ท่านบ่อยๆ สลับไปมาตามแต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ^-^)

ถ้าเปรียบผมเป็นตึก(ไม่ใช่พี่ตึกนะครับ ^-^) แล้ว พี่ตุลย์เป็นคนสร้างฐาน คุณอาเป็นคนสร้างตัวตึก แลัวพี่สุรวัฒน์เป็นช่างตกแต่งครับ ที่ผมเขียนมานี้เผื่อมีบางท่านที่มีจริตคล้ายผมจะได้ใช้เป็นแนวทางในการขอคำปรึกษาจากทั้ง 3 ท่านได้ครับ แต่ถ้าคุณอาไปบวชแล้วพี่ตุลย์+พี่สุรวัฒน์คงจะโดนผมกวนเพิ่มขึ้นแน่ๆครับ  แหะๆ :-)
โดยคุณ นิพ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 09:10:27

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ คิดเอาเอง วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 13:00:25
พี่ปราโมทย์ครับ
ผมขอรบกวนถามสถานที่ที่พี่จะไปบวชอีกครั้งครับ
เพราะไม่แน่ใจว่าพี่ได้บอกไปแล้วหรือยัง
รู้สึกว่าพี่เหมือนจะเคยบอกไว้แล้วแต่ผมจำไม่ได้แล้วครับ
คือผมอยากทราบไว้เพราะคิดว่าวันหนึ่งคงได้ไปพบพี่น่ะครับ

หรือพี่ยังไม่อยากจะบอกในตอนนี้ผมก็ต้องขออภัยด้วยครับ

นพชัย
โดยคุณ คิดเอาเอง วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 13:00:25

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ พัลวัน วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 13:04:39
กับคำถามของคุณเก๋นั้น ผมมีความรู้สึกว่า ทำไมต้องเป็นกังวลด้วย เป็นความรู้สึกของตนเองที่แปลกๆเหมือนกันครับ คล้ายๆกับว่า หากลำพังเพียงการรู้เท่าทันจิตของตนเองไปเป็นขณะๆไป ตามธรรมชาติ ก็ไม่มีเรื่องให้ต้องสงสัย หรือต้องกังวลไป

เข้าใจว่าคุณเก๋ถามเอาไว้เพื่อให้ครูวางหลักเกณฑ์ไว้ให้สำหรับน้องๆและคนอื่นๆที่ตามมาทีหลังมากกว่า เพราะสำหรับคุณเก๋เองนั้น ก็พอจะดูแลตัวเองได้บ้าง หากจะเป๋ไปบ้าง แต่ก็น่าจะแก้กลับคืนมาเป็นปกติได้ในเวลาไม่นานนัก
โดยคุณ พัลวัน วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 13:04:39

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 13:37:42
หากจะกล่าวถึงหลักเกณฑ์อย่างที่ตึกพูด
ผมก็เห็นว่า ผู้ที่สนใจแนวทางปฏิบัติธรรมอย่่างที่ผมทำมา
ก็สามารถศึกษาเอาได้จากข้อเขียนของผมในวิมุตตินี้
หรือที่ "สันติธรรม" ที่บิ๊กสร้างไว้
ผมคิดว่าเขียนเอาไว้ครอบคลุมพอสมควรแล้วทั้งสมถะและวิปัสสนา
และมีตั้งแต่ธรรมเบื้องต้นจนถึงขั้นละเอียด
ถ้าศึกษาก็สามารถทำตามได้ครับ
และถ้าสงสัยจุดใด ก็ถามคุณสุรวัฒน์เพิ่มเติมเอาเถอะครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 13:37:42

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ พัลวัน วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 14:44:20
เห็นด้วย ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 15:16:41
ผมจะไปบวชที่วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ครับคุณนพชัย
วันบวชยังไม่ทราบครับ กะว่าจะบวชเงียบๆ ไม่มีกิจกรรมอะไรหรอกครับ
บวชแล้วก็จะตามอาจารย์ไปอยู่ที่สวนโพธิญาณ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ถ้าจะไปหาผม ก็ไปในช่วงเช้านะครับ
ผมกะว่า 10.00 น. จะปิดสวน งดรับแขก เพื่อจะได้ปฏิบัติครับ
แล้วที่นั่นก็ไม่รับอาคันตุกะเข้าพักด้วยครับ ไม่ว่าพระหรือฆราวาส
เพราะไม่มีที่พักและอาหารให้ ถึงเวลา 10.00 น. ก็ต้องเชิญกลับ
อันนี้จะเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 15:16:41

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 19:56:53
: )
ตอบไงดีล่ะคุณตึก
เรื่องกังวลก็มีบ้างแหละครับ แต่ไม่ไช่เรื่องปฏิบัติหรอก
แต่เป็นเรื่องหาคนคอยเตือนมากกว่าน่ะครับ
เรื่องปฏิบัติ พอจับเค้าลางบางอย่างได้ ก็เลยไม่ค่อย
หนักใจเท่าไร แต่เรื่อง ความโลดโผนของผมมันออกจะหนักหนาอยู่
เวลาครูไม่อยู่ คงต้องระวังจิตใจให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายๆเท่า
เพราะมันไม่ค่อยจะเชื่อฟังกันอยู่แล้วน่ะครับ
โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 19:56:53

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 19:57:57
ลืมไป

ขอบคุณครับครู ที่บอกว่าใครบ้างน่ะครับ
^_^
_/\_
โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544 19:57:57

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ tung วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 02:34:02
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ สุกิจ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 08:26:40
เห็นด้วย ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 09:02:55
เรื่องการหาคนเตือนนั้น ผมไม่เห็นอะไรดีกว่าพระพุทธภาษิตที่ว่า
จงเตือนตน ด้วยตนเอง
พวกเราจำนวนมากชอบที่จะให้ผมคอยเตือน ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิดทีเดียว
เพราะผมไม่สามารถที่จะอยู่กับทุกคนได้ตลอดเวลา

หลายคนสำคัญผิดในวัตถุประสงค์ที่ผมคอยเตือน คอยจี้ เวลาเผลอ
แล้วอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้ผมคอยเตือนสติให้
ขอเรียนว่าที่ผมคอยจี้นั้น ไม่ได้ต้องการจี้เพื่อเตือนสตินะครับ
แต่ผมจี้เพียงเพื่อให้พวกเรารู้จัก
"การรู้ สภาวะหรือปรมัตถธรรม อย่างถูกต้อง" เท่านั้น
เช่นให้เรียนรู้ว่า กิเลสแต่ละตัวมีปรมัตถสภาวะอย่างไร
ตัณหามีปรมัตถสภาวะอย่างไร และเราจะมีสติรู้ปรมัตถ์เหล่านั้นได้อย่างไร
ทั้งนี้เพราะนักปฏิบัติเกือบทั้งหมด
ล้วนแต่เคยชินกับการเพ่ง การคิด หรือการขาดสติ
ไม่รู้วิธีที่จะมีสัมมาสติ มีสัมมาสมาธิ และมีสัมปชัญญะ

คนที่ถูกจี้ ถูกเตือนจนรู้จักสิ่งเหล่านี้แล้ว
ไม่ควรคิดพึ่งพาให้ผมคอยเตือนเวลาขาดสติ
เพราะนั่นเป็นงานที่แต่ละคนควรจะช่วยตนเองครับ

ขอนอกเรื่องสักหน่อยนะครับ มีพวกเราบางคนมาถามว่า
การรู้วาระจิตนั้นทำอย่างไร จึงจะรู้ชัดและเร็วทันกับสภาพจิตคนอื่น
ขอเรียนมามีอยู่หลายแบบครับ
แต่ในคัมภีร์วิสุทธิมัคค์ท่านเอาเรื่องเจโตปริยญาณไปผูกไว้กับทิพยจักษุ
คือแรกเริ่มให้ฝึกกสิณแสงสว่าง หรืออาโลกกสิณเสียก่อน
จนได้รูปฌานแล้ว จึงฝึกทิพยจักษุหรือตาทิพย์
จากนั้นใช้ทิพยจักษุไปรู้สีของน้ำเลี้ยงหัวใจ (เป็นส่วนของหทยรูป)
ถ้าน้ำเลี้ยงหัวใจสีใด ก็อนุมานได้ว่า จิตของคนนั้นเป็นอย่างนั้นๆ

ผมกลับเห็นว่า วิธีการตามคัมภีร์วิสุทธิมัคค์เสียเวลามาก
เนื่องจากต้องแปลงสัญญาณภาพ (สีของน้ำเลี้ยงหัวใจ)
เป็นความหมายของจิตใจผู้อื่นอีกต่อหนึ่ง
และเป็นการรู้วาระจิตอย่างหยาบๆ เพราะสีมีอยู่ไม่กี่สี
ในขณะที่ความปรุงแต่ง มีนับไม่ถ้วน

หากสามารถกำหนดรู้ด้วยใจอย่างตรงไปตรงมาได้
(ในชั้นพระไตรปิฎก ท่านใช้คำว่า กำหนดรู้ด้วยใจ ครับ
ท่านไม่เคยสอนให้ไปรู้สีของน้ำเลี้ยงหัวใจอย่างตำราชั้นหลัง)
ถึง (1) สิ่งที่จิตของผู้นั้นกำลังรู้อยู่ เช่นรูป เสียง .. ธัมมารมณ์ชนิดใด
(2) สภาวะจิตของผู้นั้น เช่นกำลังตั้งมั่น หรือไม่ตั้งมั่น หรือส่งออกทางทวารใด
และ (3) ปฏิกิริยาของจิตของผู้นั้นต่ออารมณ์ที่ไปรู้เข้า
อันผันแปรไปเป็นกุศลหรืออกุศลชนิดต่างๆ มากมาย

ถ้ารู้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างตรงไปตรงมา
ก็จะรู้วาระจิตของผู้นั้นได้เร็วทันเวลา
และละเอียดยิบเช่นเดียวกับการเห็นจิตตนเองทีเดียว
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 09:02:55

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ ธีรชัย วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 09:28:12
เรื่องนี้น่าสนใจครับ
^_^
คือ นอกจากครูแล้ว มีใครรู้แบบนี้ได้อีกบ้างครับ
(ผมอยากเล่นกีฬา แต่รอให้มีเงินเยอะๆก่อนแล้วค่อยเล่น)
โดยคุณ ธีรชัย วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 09:28:12

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 10:31:49
คุณเก๋ถามง่าย แต่ตอบยากครับ เพราะถึงทราบก็ไม่สมควรจะพูด
เนื่องจากของเล่นพวกนี้ มีกันมากในหมู่พระป่าบางจังหวัด
หลายองค์เพียงเริ่มปฏิบัติยังไม่ถึงจุดที่ปลอดภัย ก็หันไปเล่นกัน
จนกลายเป็นเครื่องขวางการปฏิบัติไปเลยก็มี

สำหรับพวกเราในลานธรรม/วิมุตติ
ผมยังไม่เห็นใครที่จะมีความสามารถในด้านนี้จริงๆ
มีแต่เพียงการใช้ การสังเกต การอนุมาน การเพ่ง
ไม่ใช่การรู้แบบประจักษ์ชัดด้วยใจจริงๆ
บางคนเช่นโจโจ้ มีกำลังพอจะรู้ได้บ้าง แต่ยังไม่ไวพอ
และโจโจ้เองก็ยังต้องปฏิบัติอยู่ครับ จิตบางชนิดโจโจ้ก็ยังไม่รู้จัก
ผมเองก็อยากเห็นโจโจ้ปฏิบัติจนปลอดภัยเสียก่อนค่อยเล่นของพวกนี้
หรืออย่างตุลย์ รู้จักจิตมากชนิดแล้วก็จริง
แต่ก็ขาดกำลังฌานเป็นเครื่องสนับสนุนการรู้เห็นครับ
จึงรู้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขาดความคม ความแม่นยำ และความไวในการรู้
ถ้าพัฒนาสมาธิมากขึ้น จึงจะรู้ได้ดีขึ้นครับ

อีกคนหนึ่งก็คือคุณกาลามะชน เพ่งจะเริ่มมีของเล่นชนิดนี้ใหม่ๆ
ผมยังไม่แนะนำให้เล่น เช่นเดียวกับแมน ซึ่งไม่ควรเล่นเป็นอย่างยิ่ง
เพราะจะขวางการปฏิบัติของตนเองครับ

ดังนั้น พวกเราอย่าไปหวังพึ่งบริการชนิดนี้จริงจังเลย
หมั่นสังเกตกายใจตนเองให้ละเอียดรอบคอบจะดีกว่า
เพราะตนนั่นแหละคือที่พึ่งแห่งตน
ดังนั้น จงเตือนตนด้วยตนเอง
ไม่ต้องให้คนอื่นที่รู้วาระจิตมาคอยเตือนหรอกครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 10:31:49

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ ณรงค์ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 10:51:04
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 18 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 13:07:56
ู^-^ _/|\_
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 13:07:56

ความเห็นที่ 19 โดยคุณ นิพ วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 14:36:33
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 20 โดยคุณ จ้อม วัน ศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2544 16:07:30
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 21 โดยคุณ tung วัน เสาร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 01:40:24
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 22 โดยคุณ พีทีคุง วัน เสาร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 09:36:01
_/|\_
โดยคุณ พีทีคุง วัน เสาร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 09:36:01

ความเห็นที่ 23 โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2544 08:49:22
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 24 โดยคุณ ธีรชัย วัน พฤหัสบดี ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2544 14:02:00
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 25 โดยคุณ นิดนึง วัน ศุกร์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2544 22:57:19
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com