กลับสู่หน้าหลัก

รู้ด้วยความเป็นกลางจริงๆ

โดยคุณ ไพ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 13:53:44

กระทู้นี้คงเป็นกระทู้สุดท้ายของตัวเองที่เว็บนี้
ขอบคุณคุณน้องตึกมากจริงๆที่มีเว็บนี้ขึ้นมา

แต่ก่อนเวลาที่พี่ปราโมทย์สอนว่า
ให้รู้ด้วยจิตที่เป็นกลาง
หรือแม้แต่คุณสุรวัฒน์ก็เน้นบอกตัวนี้
ก็สามารถเข้าใจได้แค่ระดับหนึ่ง
แถมซ้ำยังหลงคิดว่าที่รู้ รู้อยู่เป็นกลางจริงซะอีก
เพิ่งมาเห็นชัดเจนเมื่อ 2-3 วันนี้เอง

เวลาที่รู้เป็นกลางจริงๆนั้น
จิตไม่มีอาการดิ้นรนเลย
ไม่มีตัวเร่งเร้าจิต
รู้อย่างสบายๆง่ายๆซื่อๆตรงๆจริงๆ
แว่บแรกที่รู้นั้น ทุกอย่างดับหมด
สังขารดับหมด สงบเงียบ
อิสระและเบิกบานในขณะนั้น
ก่อนที่สังขารใหม่จะเริ่มทำงานอีก


แต่ก่อนเวลาที่รู้
จะมีตัวเจตนา ตัวจงใจ
ตัวตั้งใจปฏิบัติ
ยิ่งตั้งใจมาก ยิ่งห่างไกล ยิ่งเพี้ยนไปเรื่อยๆ
เมื่อใส่ความตั้งใจมาก ก็หลงไปตีค่า
สร้างความรู้สึกบวกให้กับตัวเองเวลาที่รู้สึกว่ารู้ตัวดี 
สร้างความรู้สึกลบเมื่อรู้สึกว่าเผลออยู่
พอรู้สึกว่ารู้ตัวดี ก็ยิ่งตั้งใจ ยิ่งจงใจ
กลายเป็นสร้างตัวรู้ขึ้นมา
พอรู้ตัวว่าเผลอ ก็ยิ่งดิ้นรน ยิ่งอยากให้ได้ดี
กลายเป็นใช้สังขารมาดับสังขาร
ยิ่งหลงวนไม่จบไม่สิ้น
ที่แท้แล้ว เมื่อรู้ตัว ก็แค่สภาวะหนี่ง
เมื่อเผลอ ก็แค่สภาวะหนึ่ง
ก็เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่งๆ
เพียงแค่เห็นมัน ก็ดับไป วางไป


การปฏิบัติจึงเป็นแค่เพียงการเห็นธรรมชาติ
ธรรมดาๆของปรากฏการณ์
ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อให้เป็นอะไร ให้ได้อะไร
หรือให้เกิดอะไรขึ้นมา
ยิ่งปฏิบัติจึงยิ่งเหมือนไม่ได้ปฏิบัติ
ความรู้สึกแบ่งแยกค่อยๆลดลง
ไม่มีนอก ไม่มีใน
ไม่มีรู้ ไม่มีเผลอ
เข้าสู่ความเป็นกลาง ธรรมชาติ ธรรมดาจริงๆ


ถ้ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง
พี่ช่วยแก้ไขให้ด้วยนะคะ
(ถ้าพี่ไม่ได้เข้ามาดูแล้ว
วานผู้รู้ท่านอื่นแนะนำด้วยค่ะ)
โดยคุณ ไพ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 13:53:44

กลุ่มวิมุตติ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะ ห้าม ไม่ให้มีการคัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด ไปใช้ใน webboard หรือ กระดานข่าวอื่นโดยมิได้รับ อนุญาตอย่างเป็นทางการ จากทางกลุ่มวิมุตติในทุกกรณี

ความเห็นที่ 1 โดยคุณ พัลวัน วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:00:59
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 2 โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:40:31
อนุโมทนาด้วยค่ะ
โดยคุณ มะเหมี่ยว วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:40:31

ความเห็นที่ 3 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:47:27
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ผมก็ไม่เหนื่อยเปล่า
นี่แหละครับ ของง่าย ที่ง่ายเสียจนยากจะเข้าใจได้
ของธรรมชาติ ธรรมดา ที่มนุษย์ผู้หลงความไม่ธรรมดาเข้าไม่ถึงกัน
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:47:27

ความเห็นที่ 4 โดยคุณ นิพ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:56:33
ครับสาธุกับพี่ไพด้วยครับ

ปล.ผมชอบที่พี่ไพเรียกพี่ตึกว่า"คุณน้องตึก"จริงๆครับ :-)
ฟังทีไรยิ้มทุกทีครับ :-)
โดยคุณ นิพ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 14:56:33

ความเห็นที่ 5 โดยคุณ จ้อม วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 15:08:28
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 6 โดยคุณ ณรงค์ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 15:21:56
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 7 โดยคุณ เจื้อย วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 16:40:15
สาธุค่ะ พี่ไพ : )

อ่านแล้วทำให้นึกถึงที่เคยอ่านคุณหมอกำพล พันธ์ชนะ ท่านเขียนไว้เหมือนกันว่า

โดยหลักการ (แก่น) ของการปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนา เราไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติเพื่อเอา แต่เราทำเพื่อให้รู้ (คือรู้เท่าทัน) ซึ่งมันต่างกันมาก การศึกษาและปฏิบัติใดๆ เป็นไปเพื่อเอาจะทำให้หนัก-อึดอัด-ขัดข้อง-รก-รุงรัง, ไม่คล่องตัว แต่การศึกษาและปฏิบัติเพื่อรู้ (ซื่อๆ) นี่แหละ จะเบา-คล่องตัว-สะดวก ของที่มีน้ำหนักน้อยๆ เบาๆ เท่านั้นที่จะลอยขึ้นสู่ที่สูงได้ ภาวะที่อยู่สูงจึงเป็นภาวะที่เห็นได้ (ชัด) อยู่เหนือได้ ภาวะที่ลอยขึ้นและภาวะที่อยู่เหนือจึงจะเป็นภาวะที่พ้นแล้ว หลุดแล้ว วางได้แล้ว เราจึงไม่ต้องคิดวาง (เพราะมันวางเอง) เราจึงไม่ต้องคิดละ (เพราะมันละเอง)  ความเป็นสักแต่ว่า ความเป็นเช่นนั้นเอง จึงเกิดขึ้นได้เป็นอัตโนมัติ และเมื่อทำให้ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลา ความหลุดจึงมีอยู่ตลอดเวลา
โดยคุณ เจื้อย วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 16:40:15

ความเห็นที่ 8 โดยคุณ ปิ่น วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 18:28:53
ดีใจกับคุณไพด้วยครับ ( ^_^ )
โดยคุณ ปิ่น วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 18:28:53

ความเห็นที่ 9 โดยคุณ listener วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 19:02:29
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 10 โดยคุณ นกเอี้ยง วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 19:37:44
ขอสาธุด้วยใจอีกคนค่ะพี่ไพ ^-^ _/|\_
โดยคุณ นกเอี้ยง วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 19:37:44

ความเห็นที่ 11 โดยคุณ พีทีคุง วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 20:12:00
สาธุ ครับพี่ไพ
โดยคุณ พีทีคุง วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 20:12:00

ความเห็นที่ 12 โดยคุณ กอบ วัน จันทร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 23:20:38
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 13 โดยคุณ โยคาวจร วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 07:59:54
สาธุครับพี่ไพ : )

ลืมตาเห็นโลกอย่างหนึ่ง-หลง
ลืมตาเห็นโลกอย่างหนึ่ง-รู้
ทั้งๆ ที่ลืมตาขึ้นมาเหมือนกัน
โดยคุณ โยคาวจร วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 07:59:54

ความเห็นที่ 14 โดยคุณ บัวใต้น้ำ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 08:07:51
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 15 โดยคุณ สุกิจ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 08:17:55
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 16 โดยคุณ สุรวัฒน์ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 09:44:31
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 17 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 10:32:58
อย่าปฏิบัติเพื่อความเบาด้วยนะครับ
บางคนมุ่งเอาความเบาความสบาย ก็ผิดอีกเหมือนกัน
กระทั่งความเป็นกลาง หรือความว่าง ก็ไม่ต้องไปปรารถนามัน
ขอให้ รู้ (ที่ไม่ผิด) ก็พอแล้ว
อย่างอื่นๆ จิตเขาดำเนินไปเองครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 10:32:58

ความเห็นที่ 18 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 10:34:21
สำหรับความรู้ ก็ไม่สำคัญครับ
ปฏิบัติแล้ว อย่าเอาแต่สรุปความรู้
จะเป็นเครื่องถ่วงให้เนิ่นช้าด้วยครับ
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 10:34:21

ความเห็นที่ 19 โดยคุณ ไพ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 14:41:45
ขอบพระคุณค่ะพี่
รู้ไม่ทันตอนสรุปความรู้ทุกที:-)
โดยคุณ ไพ วัน อังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 14:41:45

ความเห็นที่ 20 โดยคุณ สุกิจ วัน พุธ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 08:15:02
สาธุ ครับ / ค่ะ

ความเห็นที่ 21 โดยคุณ ฐิติมา วัน พุธ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 12:34:45
สาธุ ครับ / ค่ะ

ติดต่อกลุ่มวิมุตติได้ที่ wimutti@hotmail.com