ความเห็นที่ 14 โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2543 19:33:16 |
ประวัติของท่านยังอีกยาว ขยันอ่านหน่อยก็แล้วกันครับ
*************************************
ผจญกับความกลัวสุดขีด
พักอยู่คืนหนึ่ง ก็ออกจากบ้านลุงไปวัดโนนนิเวศ จังหวัดอุดรธานี พักกับแม่ชีดี ญาติของสามี ซึ่งเราเรียกว่าย่าที่กุฎิแม่ชีลอย เจ้าของกุฎิเพิ่งตายใหม่ๆ ได้ยินเจ๊กคนหนึ่งพูดว่า เมื่อคืนแม่ลอยมาหลอกไม่ได้นอนทั้งคืน ตกใจมากจะทำอย่างไรดี แม่ชีดี พาสามีไปหาอาจารย์กู่ เราก็อยู่กุฎิคนเดียว พอดีมืด เรายิ่งกลัวมากเกือบจะอยู่ไม่ได้ ก็ได้ยินเสียงดังขลุกขลักๆ อยู่บนหลังคากุฎิ คิดว่าแม่ลอยมาแล้ว กลัวจนตัวสั่นกระโดดลงมายืนสั่นอยู่ข้างล่าง อยากจะวิ่งไปหาคุณย่าที่วัด แต่ไม่กล้า กลัวถูกดุ แข็งใจกลับขึ้นไปกุฎิมีเสียงดังอีก คว้าได้ไม้คานกระทุ้งหลังคาสังกะสีเต็มแรง ตุ๊กแกตัวใหญ่ตกลงมา นี่หรือแม่ลอยมา เจ๊กใส่โทษแม่ลอย แม่ลอยตายแล้วไม่ดีทั้งนั้น ใครๆ ก็ใส่โทษแต่คนตาย แล้วว่าเป็นผี ผีตายแล้วไปหลอกเขา เรานั่งพิจารณาตุ๊กแกอยู่ มันไม่ใช่แม่ลอย ตุ๊กแกตัวนี้จริงๆ นะ จิตค่อยอุ่นขึ้นมา หายหนาวสั่น
ต่อมาย่าบอกให้ไปเดินจงกรม โอ้ย ขนหัวลุกซู่ ค่อยขยับทีละน้อยๆ ไม่อยากไป ย่าโกรธดุขึ้นว่า ทำอย่างนี้ข้าไม่เอาเจ้าข้ามแม่น้ำโขงให้เสียหน้าเสียตา ย่าบ่นอย่างนั้น อย่างนี้ไปต่างๆ นานา เรายืนแอบเสาก้าวขาไม่ออก จิตก็คิดว่า รู้ว่าเขากลัว ทำไมไม่ออกมานั่งเป็นเพื่อนข้างนอกให้เขาอุ่นใจ หนีเถอะ หนีไปที่ป่าช้า ไปตายเสียคนเดียว อย่าอยู่เลย (จุดนี้หมายความว่า ท่านกลัวที่ไหน ก็ไปต่อสู้ที่นั่น - ปราโมทย์) กลัวมากที่สุด ไม่กล้าลืมตา ค่อยๆ เดินไปหลับตาไป เดินเข้ารกเข้าพงก็หรี่ตาน้อยๆ แล้วรีบหลับตาอีก เดินไปจนสุดทางจงกรม จะกลับไม่กล้า จะเดินก็ไม่ได้ จะวิ่งก็กลัวผีตาม พุทโธไม่มีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ ตัวสั่นเสื้อผ้าเปียกชุ่มโชก ไม่รู้เหงื่อมาจากไหน เดินไม่ได้ก็ไม่เดิน นั่งตายเสีย ณ ที่นี้ จิตบอก "อย่าวิ่งนะจะเป็นบ้า อย่าวิ่งเป็นอันขาด" ลงนั่งสั่นงกๆ งันๆ
(ฝากให้พวกเราสังเกตด้วยนะครับ คืออ่านประวัติท่าน จะพบบ่อยๆ ว่า จิตของท่านจะมีลักษณะคนหนึ่งเกิดปัญหา คนหนึ่งให้ปัญญาแก้ไข คนหนึ่งตั้งคำถาม คนหนึ่งตอบคำถาม อันนี้ไม่ใช่การคิดๆ เอาด้วยเหตุผลอย่างธรรมดาๆ แต่เป็นสภาพที่จิตแสดงธรรมออกมาสอนตนเอง - ปราโมทย์)
แล้วมาพิจารณาดูว่า เราเหนื่อยมากอย่างนี้มันจะตายอยู่แล้ว ถ้าหมดลมก็เป็นผีเหมือนเขา เขาว่าผีหลอก เขาโทษเจ้า ผู้หนึ่งว่าจะกลัวทำไม เวลามีลมทำไมเรียกว่าคน หมดลมแล้วทำไมเรียกว่าผี คนหนึ่งตอบขึ้นมาว่า นั่นแหละเรื่องของโลกเป็นอย่างนั้น มันหลงอย่างนั้น นี่เราหลงหรือ ถ้าหลงจะปฏิบัติธรรมได้หรือ ไม่ใช่หลงแต่เจ้าหรอก มันหลงด้วยกันหมดทั้งโลก
ใจเราค่อยกว้างขึ้นนิดหน่อยว่า หลงทั้งโลกไม่เป็นแต่เราคนเดียว จับเอาคนกับผีมาพิจารณา มีแต่เรื่องสมมุติ สมมุติว่าผู้หญิงผู้ชาย สมมุติว่าตัวว่าตน สมมุติว่าญาติ พิจารณาอยู่เพียงสองเรื่อง ผีหายไปไหนไม่ทราบ กลางวันฉันจังหันแล้วไปนั่งพิจารณาอยู่กับโลงผี กระดานสำหรับนั่งพิจารณาก็เป็นโลงเก่าของผี ฝากั้นก็ของผี ที่นั่งก็ของผี ที่นอนก็ของผี รอบตัวเราก็มีแต่ของผี จะไปกลัวมันทำไม มันก็กลัวละซี นั่งภาวนากับหลุมผี จิตมันกลัวผี มันก็ค้นเข้าหาผี ระมัดระวังตั้งจิตจดจ่ออยู่กับผี จิตมันไม่ไปไหน จิตก็ดิ่งลงหาผี พิจารณาว่าผีอยู่ที่ไหน ตายแล้วไปไหน จิตอยู่กับร่างหรือเฝ้าร่างหรือ จิตตอบว่า ถ้าทำดีก็ไปดี ถ้าทำชั่วไปตกหม้อนรก แล้วมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน พิจารณาไปไม่มีอะไร ผีหายไป จิตรวมลง จิตแก่กล้าขึ้น ค้นหาเหตุผลเรื่องผี จิตสงบ เวลาจิตถอนขึ้นมาจิตอิ่มเอิบเกิดปิติ ไม่มีผี |
|
โดยคุณ ปราโมทย์ วัน ศุกร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2543 19:33:16 |