สำหรับจิตตานุปัสสนา ผมเองก็ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกด้วยว่า แม้ว่าจิตจะวิจิตรพิศดารเพียงใดก็ตาม แต่จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน กลับไม่ยาวสักเท่าใดนัก ต่างจากกายานุปัสสนาสติปัฏฐานไม่น้อยเลยนะครับ เป็นอีกเรื่องที่น่าแปลกใจเหมือนกัน
ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะจิตมันมีสารพัดพฤติกรรม และเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่่อย ๆ
อีกทั้งเป็นนามธรรมที่แต่ละคนจะรู้สึกไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ทำให้การบัญญัติอาจมีคลาดเคลื่่อนได้
พระพุทธเจ้าท่านจึงพยายามสื่อสารเป็นบัญญัติให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
และสรุปว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นและดับไปเท่านั้น
("พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในจิตบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในจิตบ้าง
พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในจิตบ้าง ย่อมอยู่")
ซึ่งไม่เหมือนกับอาการทางกายที่ง่ายกับการสื่อสารด้วยบัญญัติ เพราะนั่งใคร ๆ ก็เข้าใจตรงกันว่านั่งเป็นอย่างไร