จิตไม่ถึงฐาน?? หนูเคยได้ยินหลวงพ่อพูดทักผู้คนไม่น้อยเกี่ยวกับจิตไม่ถึงฐาน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจิตเราไม่ถึงฐานคะเท่าที่ฟังๆมา แ้ล้วก็จับใจความมาได้นะครับ (ลุงถนอมเองไม่เคยโดนท่านทักเรื่องนี้ แต่เคยเห็นคนที่ท่านทักหลายคนอยู่) จิตไม่ถึงฐานหมายถึงจิตออกไปรู้นอกกายนอกใจ เป็นจิตชนิดที่มีความรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว มีความสว่าง (เพราะจิตมีโมหะน้อย หรือไม่มี เพราะสัมปชัญญะหรือความรู้สึกตัว เป็นศัตรูโดยตรงกับโมหะ) จิตจะจ้าออกไปภายนอก แล้วไปอยู่กับความสบายๆ ความโล่งๆ ว่างๆ เคยได้ยินท่านพูดว่า จิตมันจ้าออกไปอยู่ข้างหน้า (จิตมันจ้าออกไป นั่นคือ จิตสว่าง) เพราะดูแต่สภาวะ พอสภาวะดับไป ก็ไปอยู่กับความว่าง ความโล่ง ที่อยู่ข้างหน้าครับ ท่านบอกว่า จิตไม่ย้อนกลับเข้ามารู้กายรู้ใจ
แต่วิธีการภาวนา ก็มิใช่ต้องดึงจิตกลับมารู้กายรู้ใจนะครับ เพียงแต่แค่สังเกตเห็นว่าจิตไม่ถึงฐาน ก็ใช้ได้แล้ว เพราะนั่นกลับมารู้ที่จิตแล้ว เพียงแต่วิธีการที่ท่านให้สังเกต เบื้องต้นท่านให้สังเกตว่า จิตไม่ยอมย้อนกลับมาดูกายดูใจ ลองตั้งใจดู ก็จะเห็นว่าจิตไม่เ้ข้ามา แต่วิธีการนี้ เป็นเพียงแค่การแนะนำเพื่อให้เจ้าตัวรู้ว่าจิตไม่ถึงฐานจริงๆในขณะนั้นเท่านั้น ท่านไม่ได้แนะนำให้ใช้วิธีนี้เพื่อแก้อาการจิตไม่ถึงฐานแต่อย่างใด ในแง่ของการภาวนาแล้ว แค่รู้ทัน (คือจิตจำลักษณะของจิตไม่ถึงฐานได้แล้ว และจิตสังเกตเห็น) จิตก็จะถึงฐานแล้ว โดยไม่ต้องไปดึงจิตกลับมาให้รู้ในร่างกาย หรือในใจ
เรารู้เองดูเองได้หรือไม่คะ หรือต้องให้หลวงพ่อตรวจดูให้เราดูเองก็ได้ครับ วิธีการสังเกต ก็อาศัยวิธีการตามที่บอกไว้ข้างบนนั่น นอกจากนั้นยังมีอีก ก็คือ สังเกตเห็นว่าตัวเองมีความสุข เคลิ้มๆ ทั้งวัน ดูเหมือนความสุขเที่ยง ไม่แปรปรวน เปลี่ยนแปลง ก็ให้รู้เลยครับว่า จิตไม่ถึงฐานเหมือนกัน (แต่ว่าจะเป็นความสุขที่ไหน นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ บางคนก็สุขลอยอยู่ข้างหน้า บางคนก็สุขลึกอยู่ข้างใน ก็มี) หลวงพ่อท่านเคยบอกว่า หากมีความสุขตลอดเวลา สุขไม่แปรปรวน แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแล้ว เพราะในภูมิของเรา ไม่มีสุขที่ถาวรหรอก (มีแต่พระอรหันต์ ที่ท่านถึงพระนิพพานแล้วจริงๆเท่านั้น)
หนูจะไปบอกหลวงพ่ออย่างไรดีคะ คือหนูต้องเล่าอะไรให้ท่านฟังหรือคะ หนูไม่รู้จะบอกกับใคร อย่างไรดีส่งการบ้านไปตามปกติครับ แล้วท่านจะบอกเอง หากจิตไม่ถึงฐาน
คนที่จิตไม่ถึงฐาน จะมีอาการบางอย่างที่สังเกตเห็นได้นะครับ ถ้ามีประสบการณ์ในการสอนคนบ่อยๆ จะมองออกไม่ยากเลยครับ ไม่ต้องไปคิดว่าท่านจะใช้วิธีอุตริมนุสธรรมหรือเปล่า? เพราะความจริงแล้ว สภาพจิตใจนั้นย่อมสะท้อนออกมาทางสีหน้า แววตา และอากัปกริยาการเคลื่อนไหวทางกายอยู่แล้วครับ
คุณลุงช่วยอธิบาย "กายะคตาสติ" เราต้องปฏิบัติอย่างไรคะต้องอ่าน กายคตาสติสูตรแล้วล่ะมั้งครับ แบบนี้
http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=4182&Z=4496เวลาอ่าน อ่านหมดรวดเดียวได้ แต่เวลาภาวนา เลือกเอาที่ภาวนาแล้วจิตสงบ ไม่กระสับกระส่าย (อ่านแล้วก็จะเห็นว่า ในกายคตาสติสูตร พระพุทธเจ้าก็สอนอานาปานสติด้วย เหมือนที่ปรากฎในมหาสติปัฏฐานสูตร และยังมีส่วนอื่นๆที่เป็น กายานุปัสสนาสติปัฏฐานเหมือนกัน เช่น การรู้ร่างกายที่คู้ที่เหยียด เป็นสัมปชัญญบรรพ ในมหาสติปัฏฐานสูตร นะครับ)
ใช่การดูความเคลื่อนไหวของกายหรือไม่คะก็เป็นส่วนหนึ่งของกายคตาสติสูตรนะครับ (ในมหาสติปัฏฐานสูตร กายานุปัสสนา สัมปชัญญะบรรพ ท่านก็สอนอย่างนี้เหมือนกันครับ)
ขอให้เจริญในธรรมครับ