Author Topic: ขออนุญาติสนทนากับลุงถนอมค่ะ  (Read 8258 times)

Offline Angie

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
ก่อนอื่น ขอกราบระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และขอกราบเท้าหลวงพ่อปราโมทย์ โดยความเคารพอย่างสูงสุดค่ะ
แองจี้ โชคดีมากที่ได้มีโอกาสได้ฟังธรรมของหลวงพ่อ และได้นำธรรมนั้นมาปฏิบัติ (ไม่สนใจในปริยัติเลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่ถ้าได้อ่านเจอเรื่องการปฏิบัติ จิตนี้มีความสนใจมาก) ขณะนี้ ปฏิบัติมาถึงตรงที่จิตนี้คอยไประลึกรู้การทำงานของจิต และเมื่อระลึกรู้แล้ว จิตกลับมาระลึกรู้กายแบบสบายๆ ค่ะ (แต่ไม่ได้รู้ตลอดนะคะ รู้บ้างเผลอบ้าง) และในระหว่างนี้ จิตนี้รู้แต่ทุกข์ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุกข์ทั้งสิ้น จนกระทั่งจิตรู้ถึงขนาดที่ว่า "ความทุกข์นี้ไม่มีที่ที่เท้าจะหยั่งลงถึงได้" ทุกข์จนไม่สามารถบรรยายได้เลยค่ะ หลังจากนั้นจิตเขาไม่สนใจสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้น รู้แต่ว่าอะไรจะเกิดก็ช่าง ไม่ทบทวน (ทบทวนบ้างบางครั้ง) แต่ส่วนใหญ่รู้แล้วก็ผ่านเลยค่ะ (คือเหมือนกับว่า ทุกข์ก็ช่างมัน สุขก็ช่างมัน)  มาถึงตรงนี้ จิตคอยแต่มารู้ที่ปัจจุบัน ทีนี้จิตเขาสรุปว่า "ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบันธรรมเท่านั้น ที่เป็นธรรมสูงสุด" ทีนี้เมื่อนั่งสมาธิแล้ว จิตระลึกรู้ว่ากายนี้เป็นของหนัก ทุกอย่างหนักไปหมด แต่ตัวจิตเองนั้นกลับไม่เข้าไปยึดสิ่งที่หนักนั้น คือเหมือนกับว่าได้แต่ยืนดูความรู้สึกหนักนั้นอยู่เฉยๆ นะค่ะ พอมาถึงตรงจุดนี้แล้ว ไม่ทราบว่าต้องทำยังไงต่อคะ และสิ่งที่จิตไปรู้เข้านั้น คืออะไรคะ
ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ
แองจี้ _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่า ปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่ล่วงๆไป ไม่ได้ตั้งอยู่ได้จริง มีแต่ปัจจุบันที่เดี๋ยวก็กลายไปเป็นอดีตไปหมดแล้ว

สิ่งที่จิตรู้ คืออะไร ไม่มีอะไรน่าสนใจที่จะค้นคว้าเลยครับ

นับจากนี้ ให้ดูจิตที่แปรปรวน เปลี่ยนแปลง จิตที่เคลื่อนไหว จิตที่ไปรู้สิ่งอื่นๆ นะครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ  _/|\_
« Last Edit: Tue 15 Mar 11, 13:05:43 by ลุงถนอม »
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Angie

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
ขอบพระคุณค่ะ  _/|\_

Offline Angie

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
คือหมายถึงว่า ให้จิตไปรู้จิตใช่ไหมคะ คือจิตจะคอยมาระลึกรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวจิต ทีนี้ไม่ทราบว่าเดินมาถูกทางหรือไม่คะ เพราะเมื่อนั่งสมาธิไปสักระยะ จะรู้สึกถึงความหนักที่มีอยู่ในกายนี้ตลอดเลยค่ะ บางครั้งแม้ออกจากสมาธิแล้วก็ยังเป็นอยู่ จำได้ว่าหลวงพ่อสอนว่าถ้ามีอาการหนักแน่น แสดงว่าต้องมีอะไรผิดแล้ว ขอบพระคุณค่ะ  _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
คือให้รู้ลงไปที่ความรู้สึกของจิตอีกที หลังจากที่เห็นสภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รูป หรือ นาม, กาย หรือ ใจ ก็ตาม คือ ดูลงไปว่า ยินดี ยินร้าย หรือดูไม่ออกว่ายินดีหรือว่ายินร้าย ซึมๆ หรือว่าเป็นกลาง ครับ

อย่ามัวแต่พอเห็นกายหนักๆ แล้วไปพยายามหาอะไรทำต่ออีกนะครับ มันสุดทางแค่นั้น หากดูเฉยๆไม่ได้ เห็นกายเป็นก้อนทุกข์เฉยๆไม่ได้ เห็นกายเป็นก้อนทุกข์โดยที่ไม่ได้เป็นทุกข์ ไม่อินในความรู้สึกหนักไม่ได้ จิตเกิดความกระวนกระวาย หรือหาอะไรทำ ก็ต้องย้อนกลับมาระลึกถึงความรู้สึกของจิตในขณะนั้นๆ

แต่ถ้าจิตเฉยๆ ไม่ยินดี ยินร้าย นิ่งอยู่อย่างนั้น ก็ต้องคอยสังเกตจิตที่เคลื่อนไปรู้โน่นรู้นี่ ที่โน่น ที่นี่ ในชีวิตประจำวันอีกทีครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ _/|\_
« Last Edit: Thu 17 Mar 11, 08:06:04 by ลุงถนอม »
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Angie

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
คือความรู้สึกหนักในขณะนั้น จิตทนอยู่ไม่ได้ รู้สึกถูกบีบคั้น คล้ายๆ กับว่ากายนี้ทนอยู่ไม่ได้ ทีนี้ความรู้สึกที่ทนอยู่ไม่ได้ ทำให้ต้องขยับตัว (ขณะนั้นอยู่ในระหว่างนั่งสมาธิค่ะ) ลืมตาแล้วก็ยังรู้สึกหนักและถูกภาวะนั้นๆ บีบคั้นมากนะค่ะ และความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นตรงนั้น ทำให้จิตไม่สามารถย้อนกลับมาดูที่ตัวจิตได้เลยค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า และสติที่เคยระลึกรู้ก็น้อยลงค่ะ รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างคั่นอยู่ บางครั้งรู้สึกเหมือนกับว่าจิตนี้พยายามทำความรู้สึกตัวโดยการย้อนกลับไปที่ตัวจิต ขอลุงถนอมช่วยแนะนำด้วยนะคะ เพราะดูเหมือนกับว่ามาถึงตรงนี้แล้วมันตัน และในทางปฏิบัติต้องนั่งสมาธิเหมือนเดิมหรือไม่คะ ตามปกติเวลานั่งสมาธิจิตนี้ไม่ค่อยสงบนานๆ จะสงบซักทีนึง ส่วนใหญ่จิตจะคอยตามรู้ ตามดูตลอดนะค่ะ (เหมือนกับว่าลืมตารู้ หลับตารู้ อาการเดียวกันค่ะ) ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ  :-\  _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
ความจริิงแล้ว การย้อนกลับมาดูจิต มิใช่การหันเหจากสิ่งที่รู้ หรือ ย้ายจุดโฟกัส นะครับ หากแต่เมื่อจิตเกิดความอึดอัด กระวนกระวาย เรามักจะรู้ตรงนี้อยู่แล้ว แต่เราปฎิเสธที่จะรับรู้ ด้วยการไปพยายามทำอย่างอื่น พยายามที่จะทำให้จิตนิ่ง พยายามที่จะทำให้จิตสงบ พยายามที่จะทำให้จิตไม่ทุกข์ หรือหากเป็นนักดูจิต ก็พยายามจะหันมาดูจิต ความจริง หากเฉลียวใจว่าในขณะนั้น ก็ได้รู้ตามความเป็นจริงแล้ว ว่าจิตกำลังกระวนกระวาย ไม่ต้องหันไปดูจิตที่ไหนเลย

จิต ไม่ได้อยู่กลางอกเสมอไป เวลาที่จิตรู้อะไรอยู่ที่ตรงไหน จิต ก็อยู่ที่ตรงนั้นด้วย

จิต และเจตสิก เกิดควบคู่กันเสมอ หมายความว่า เมื่อใดที่เกิดจิตขึ้นมา เจตสิกก็เกิดขึ้น ที่ใดที่เกิดเจตสิกขึ้นมา ที่นั้นก็มีจิตเกิดขึ้นมาด้วย ดังนั้น นักดูจิต เมื่อเริ่มต้นหัดรู้หัดดูจริงๆ ก็อาศัยการรู้การเกิดหรือมีอยู่ของเจตสิก ต่อๆไปก็จะสามารถรู้การเกิดการดับของจิตได้

และความจริงแล้ว เมื่อเรารู้การเกิดการดับของจิต ไม่กี่ขณะ ก็มักจะถึงอริยผลนะครับ การรู้ทันการเกิดการดับแท้จริงของจิต (มิใช่เจตสิก) จิตจะเดินอริยมรรคอย่างเต็มภาคภูมิอยู่ เดินแค่ไม่กี่ขณะจิต ก็ตัดเข้าอริยผลเลย เว้นแต่ผู้นั้นปราถนาเดินเส้นทางโพธิสัตว์ จิตจะเดินในอริยมรรคโดยไม่เกิดอริยผลแต่อย่างใด แต่จิตจะไปถึงสังขารุเปกขาญาณแล้วถอยออกมา

ส่วนผู้ที่ทำอนันตริยกรรมทั้งหลาย รวมทั้งผู้ที่จงใจปรามาสพระรัตนตรัยอย่างแรงกล้านั้น แม้แต่อริยมรรคก็ไม่เกิดขึ้นครับ

ดังนั้น หากจิตกระวนกระวาย ให้รู้ทัน ความกระวนกระวายของจิตนะครับ ตรงนี้สำคัญมากๆครับ เพราะอย่างน้อยก็เป็นผมคนหนึ่ง ที่เคยพลาดให้กับจุดนี้มาเป็นเดือนๆเหมือนกันครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ _/|\_
« Last Edit: Fri 18 Mar 11, 07:54:37 by ลุงถนอม »
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Angie

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
ขอบพระคุณค่ะ ตามที่ลุงถนอมเมตตาอธิบาย จับหลักก็คือ "ไม่ว่าจิตจะทำอะไร หน้าที่ก็คือตามรู้ตามดูโดยที่ไม่เข้าไปแทรกแซงสภาวะใดๆ ที่เกิดขึ้น"  ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่คะ เพราะตอนนี้บางครั้งแองจี้จะรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวาย สภาวะหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจของตัวเองบ่อยๆ และเมื่อจิตเห็นจิตตรงสภาวะที่เกิดขึ้นตรงจุดนี้ แองจี้เห็นตัวเองพยายาม (มาก) ที่จะเข้าแทรกแซงให้สภาวะนั้นๆ ดับลงด้วยความไม่ชอบ และอยากให้จิตนี้สงบ แต่ในขณะเดียวกันบางครั้งก็เกิดสติที่ทำหน้าที่รู้อยู่เฉยๆ ก็จะเห็นสภาวะเหล่านั้นดับไปเอง เพราะเหมือนกับจิตนี้ตอกย้ำว่า สิ่งใดเกิด สิ่งนัี้นดับเป็นธรรมดา มีอยู่ครั้งหนึ่งค่ะ ขณะนั้นแองจี้เดินจงกรม และอยู่ดีๆ จิตก็พูดว่า "สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา" จำได้ว่าสภาวะนั้นรุนแรงมาก จนเหมือนกับกายนี้สะเทือนไปหมด เปรียบเหมือนระฆังที่สะท้อนกลับไปกลับมาเลยค่ะ จนต้องหยุดเดินและค่อยเริ่มเดินใหม่นะค่ะ ตอนนี้เมื่อใดที่สติเกิด แองจี้เห็นกายและจิตนี้อยู่กันคนละส่วน เหมือนกับกายนี้เป็นเปลือกให้จิตนี้เข้ามาอาศัยอยู่ พอมาถึงตรงนี้จิตก็เลยเห็นความไม่เที่ยงทั้งหลายของจิต และเห็นจิตทำงานของเขาเอง เหมือนกับมีอีกคนยืนดูสภาวะทั้งหลายที่ผ่านไปผ่านมาค่ะ แต่ต้องขอสารภาพซื่อๆ ว่า แองจี้นี้พยายามมาก ที่จะดับสภาวะที่จิตไม่ชอบทั้งหลาย เพราะเห็นตัวตนขึ้นมาชัดเจนมากเลยค่ะ จนบางครั้งจิตนี้ถึงกับพูดออกมาว่า "นี่คือความคิดเราหรือนี่" เห็นแต่ความจริงของจิตที่โผล่ความไม่ดีทั้งหลายออกมานะค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งนะคะ ตอนนี้เหมือนกับว่าได้แต่รอให้จิตนี้ยอมรับความจริงที่ว่า สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา ค่ะ  ไม่ทราบว่าแองจี้เข้าถูกทางแล้วหรือไม่คะ แล้วควรจะมาทำความรู้ตัวอยู่ที่กายด้วยถูกต้องหรือไม่คะ เพราะบางครั้งเหมือนกับว่าสติมาจับอยู่ที่กายด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณลุงถนอมอีกครั้งนะคะที่เมตตาแนะนำ  _/|\_ :)

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
ไม่มีอะไรผิดนะครับ และขออนุโมทนา เพียงแต่ อย่าไปเสียท่าให้กับ "ได้แต่รอให้จิตนี้ยอมรับความจริง..." โดยไม่เฉลียวใจว่า "ได้แต่รอ" ก็คือ การกระทำกรรมอย่างหนึ่งของจิต เหมือนๆกับสภาวะอื่นๆที่จิตทำขึ้น ปรุงแต่งขึ้น

เพราะหากว่า เราไม่เฉลียวใจ รู้ไม่ทันสภาวะนี้ ว่าเป็นเหมือนสภาวะอื่น เราจะมองไม่เห็นว่า ความอยากดี ความอยากหลุดพ้น ยังแฝงเร้นอยู่ในจิตใจนะครับ

ส่วนที่ว่า ควรจะรู้กายด้วยหรือไม่นั้น ตามปกติแล้ว เราเลือกไม่ได้หรอกนะครับ ว่าจิตจะรู้กาย หรือจิตจะรู้สภาวะต่างๆของจิต เพราะหากว่าเราเลือกได้ ก็แสดงว่า "เรา" มีอยู่จริง สินะครับ

ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปได้ก็คือ จิตรู้กาย ก็รู้ทัน จิตรู้สภาวะต่างๆของจิต ก็รู้ทัน นะครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Angie

  • Newbie
  • *
  • Posts: 11
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
ชัดเจนที่สุดแล้วค่ะ  ขอบพระคุณมากที่ชี้สภาวะจริงที่เกิดให้แองจี้ได้ทราบนะคะ ชีวิตนี้จะขอตั้งใจปฏิบัติเพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย คุณบิดามารดา และคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่เอื้อเฟื้อในธรรมค่ะ  _/|\_ ขอบพระคุณลุงถนอมอีกครั้งที่เสียสละเวลาช่วยแนะนำนะคะ  _/|\_ 
ขอลุงถนอมเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
ขอให้เจริญในธรรมครับ _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline morphin1112

  • Newbie
  • *
  • Posts: 3
  • คะแนนความนิยม: +0/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
ขออนูโมถนา ด้วยน่ะคับ



_________________________________________________________________________________________________________________________
sbo sbo | sbobet sbobet | sbo sbo | sbobet sbobet | sbo sbo | sbobet sbobet