เวลาที่เราภาวนานะครับ บางครั้งเราก็ได้พบกับเหตุการณ์อย่างนี้ หรือบางท่านก็ยิ่งกว่านี้ก็มีครับ แต่หลักสำคัญมากๆของการภาวนาก็คือ การรู้กายรู้ใจ(ของตนเอง) ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง
การที่จิตไปรู้เรื่องราวบางอย่าง (ซึ่งไม่อาจพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่) เป็นเพราะจิตมีความสนใจในเรื่องเหล่านั้น หากจิตไม่สนใจ เมื่อเห็น จิตย่อมละไปรู้เรื่องอื่นที่จิตสนใจต่อไป ดังนั้น หากจิตติดตามรู้เรื่องราว (โดยที่ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่) ก็หมายความว่า จิตมีความยินดีหรือสนใจที่จะติดตามเรื่องราวดังกล่าวแล้วครับ
และหากว่า เราเองก็มัวแต่ติดตามรู้เรื่องราวที่ปรากฎ โดยไม่ทันสังเกตเห็นความยินดีหรือความสนใจที่จิตมี ก็เท่ากับเราขาดความรู้เนื้อรู้ตัว ขาดความรู้สึกตัว เพราะกิเลสเกิดขึ้นเราก็มองไม่เห็น
การหลงไปรู้เรื่องราวที่กำลังคิด หรือที่กำลังปรากฎ (แม้ว่าจะไม่ใช่อย่างนี้ แต่เป็นการหลงไปรู้เรื่องราวในทีวีก็ตาม) ก็เป็น "จิตส่งออกนอก" ตามความหมายหรือตามนิยามของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ครับ
ดังนั้น ท่าทีที่เกิดขึ้นเมื่อพบกับเหตุการณ์ในทำนองนี้อีกก็คือ กลับมารู้ที่ความรู้สึกของจิต หรือหากคุ้นเคยที่จะรู้ว่า "เผลอไป" ในชีวิตประจำวัน ก็ย้อนกลับมารู้ระลึกว่า "เผลอไป" หรือ "ลืมตัว" , "ลืมกายลืมใจ" ต่อไปครับ
สำหรับเรื่องราวที่ปรากฎขึ้นมาให้รับรู้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง หากเป็นเรื่องจริงในอดีต เรื่องราวเหล่านั้นก็จบไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องไปนึกถึงอีก หากเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่เราไม่รู้ว่าคือใคร ก็ป่วยการที่จะไปรับรู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร (แต่หากเราเป็นคนที่ชอบดูละครทีวี ดูหนัง ความอยากรู้อยากเห็น จะทำให้เราติดตามเรื่องราวที่เราเห็นในสมาธิได้ เพราะเป็นกิเลสอันเดียวกัน และเราไม่เห็นกิเลสที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น ก็เท่ากับเรากำลัง "ส่งจิตออกนอก" ตามความหมายหรือนิยามของหลวงปู่ดูลย อตุโล)
บางครั้ง ภาพนิมิตหรือเรื่องราวเหล่านี้ ก็เกิดมาจากจิตใต้สำนึกของเราเอง ไม่ต่างอะไรจากความฝันนะครับ ในความฝันเรายังฝันเป็นเรื่องเป็นราวได้ (แต่อาจจำเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อกันก็ได้) แล้วทำไมในขณะที่เราทำสมาธิชนิดที่ขาดความรู้ัเนื้อรู้ตัว เราจะฝันไม่ได้ แต่บางครั้งมันก็อาจเป็นเรื่องราวในอดีตที่จิตใต้สำนึก release ออกมาก็ได้ครับ เป็นไปได้ทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ครูบาอาจารย์ของลุงถนอมเคยกล่าวไว้คำหนึ่งว่า "ล้วนแต่ทำให้เราลืมเนื้อลืมตัวไปทั้งนั้น" หมายถึง ทำหน้าที่ไม่ให้เราเจริญสติปัฏฐานได้นั่นเองครับ
ขอให้เจริญในธรรมครับ