Author Topic: สงสัยในสภาวะ  (Read 11364 times)

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
สงสัยในสภาวะ
« on: Wed 27 Jul 11, 16:45:46 »
สวัสดีคะคุณลุง ...  ::) มีสภาวะสงสัยค่ะ อาการนี้เกิดขึ้นอาทิตย์ที่แล้ว
1. นั่งสมาธิไป จนลมหายใจละเอียดมาก มากจนลมหายใจหายไปเลยค่ะ อาการอย่างนี้เรียกสติตั้งมั่นหรือป่าวคะ
2. ในขณะที่ลมหายใจละเอียด จนเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น
3. ในสภาวะที่ฟุ้งซ่านนั้น กลับเห็นอาการเกิด-ดับของจิต ตอนเกิดครั้งที่ 1 เห็นไม่ทัน ไปเห็นตอนดับ แล้วจิตดวงใหม่ก็ไปจับอารมณ์ใหม่ (ตามสภาวะฟุ้งซ๋าน) เกิด-ดับ อยู่อย่างนี้ เวลาที่เห็นนั้นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น วูบวาบ หรือมีอาการใดๆ ตอนนั้นแค่ดูเค้าเกิดๆ ดับๆ อย่างนั้น เหมือนเค้าช้าให้ดู.. แปลกใจที่ทำไมดูทัน
4. จึงเกิดความสงสัยว่า เหตุใด เมื่อเรานั่งจนลมหายใจละเอียดขนาดนั้น (เข้าใจว่าจิตเราน่าจะตั้งมั่น) แต่กลับเกิดภาวะฟุ้งซ่านให้ดู แล้วยังมีเกิดดับให้ดูตามมาติดๆ อีกค่ะ หรือจะเรียกว่าจิตเรายังไม่นิ่งพอ  รบกวนคุณลุงแก้ความสงสัยอีกทีนะคะ ขอบคุณค่า _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #1 on: Thu 28 Jul 11, 08:11:55 »
Quote
สวัสดีคะคุณลุง
สวัสดีครับ

Quote
นั่งสมาธิไป จนลมหายใจละเอียดมาก มากจนลมหายใจหายไปเลยค่ะ อาการอย่างนี้เรียกสติตั้งมั่นหรือป่าวคะ
ต้องสังเกตดูนะครับ ว่าในขณะนั้น มีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่หรือเปล่า หรือมีแต่ลมหายใจที่ละเอียดที่หายไป หรือว่ารู้อยู่ว่ากำลังรู้อยู่ ถ้าลมหายใจหายไป แล้วรู้อยู่ว่ากำลังรู้อยู่ แบบนี้ยังพอเรียกได้ว่าจิตตั้งมั่นครับ แต่ถ้าลมหายใจหายไป แล้วการรับรู้ก็หายไปด้วย แบบนี้จิตไม่ตั้งมั่นครับ หรือพอลมหายใจหายไป เกิดความสงสัย แล้วรู้ทันว่าเกิดความสงสัยผุดขึ้น แบบนี้ยังเรียกได้ว่า มีจิตตั้งมั่นครับ (ตั้งมั่นตรงที่รู้ทันจิตครับ)

Quote
ในขณะที่ลมหายใจละเอียด จนเกือบไม่มีลมหายใจนั้น กลับมีสภาวะฟุ้งซ่านเกิดขึ้น
ครับ เพราะเป็นธรรมชาติแท้ๆของจิตปุถุชนครับ ไม่ได้เป็นปรากฎการณ์ที่เป็นปัญหา ที่สำคัญก็คือ ทันเห็นสภาวะฟุ้งซ่านโดยที่สังเกตเห็นทันจิตที่ไหลเข้าไปรวมกับความฟุ้งซ่านหรือไม่ครับ ถ้าทันเห็นจิตที่ไหลเข้าไปรวม หรือเห็นความฟุ้งซ่านเป็นอีกสิ่งต่างหากจากจิต ก็ใช้ได้ครับ

Quote
ในสภาวะที่ฟุ้งซ่านนั้น กลับเห็นอาการเกิด-ดับของจิต ตอนเกิดครั้งที่ 1 เห็นไม่ทัน ไปเห็นตอนดับ แล้วจิตดวงใหม่ก็ไปจับอารมณ์ใหม่ (ตามสภาวะฟุ้งซ๋าน) เกิด-ดับ อยู่อย่างนี้ เวลาที่เห็นนั้นไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น วูบวาบ หรือมีอาการใดๆ ตอนนั้นแค่ดูเค้าเกิดๆ ดับๆ อย่างนั้น เหมือนเค้าช้าให้ดู.. แปลกใจที่ทำไมดูทัน
ดูทันเพราะสติไวอย่างไรล่ะครับ เรื่องราวต่างๆที่เคยดูไม่ทัน ก็เหมือนมีกล้องความเร็วสูงจับภาพแล้วมาฉายให้ช้าลง (แต่ความจริงเป็นเพราะจิตใจทำงานไวขึ้น เพราะไม่มีโมหะหนักๆเข้าครอบงำ)

Quote
จึงเกิดความสงสัยว่า เหตุใด เมื่อเรานั่งจนลมหายใจละเอียดขนาดนั้น (เข้าใจว่าจิตเราน่าจะตั้งมั่น) แต่กลับเกิดภาวะฟุ้งซ่านให้ดู แล้วยังมีเกิดดับให้ดูตามมาติดๆ อีกค่ะ หรือจะเรียกว่าจิตเรายังไม่นิ่งพอ
ถ้าเกิดจิตที่ตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ดู ก็จะเกิดอย่างนั้นแหละครับ เพียงแต่สภาวะที่ปรากฎนั้นมี 2 ประเภท ก็คือ

หากเป็นสมถะ ก็จะไม่มีอะไรให้ดู นอกจากความนิ่ง ความเฉยๆ (อาจเป็นความว่าง ความโล่ง หากว่ามารู้ที่นามธรรม แต่เพราะเป็นสมถะ นามธรรมก็พลอยไม่เปลี่ยนแปลงให้เห็น เลยเหมือนมีแต่ความนิ่งความว่างความโล่ง แต่หากเป็นรูปธรรม ก็จะเป็นความนิ่ง ความเฉย)

หากเป็นวิปัสสนา จะมีจิตผู้รู้ เกิดสลับกับจิตผู้ปรุงแต่ง จิตที่มีผู้รู้ตั้งมั่น จะว่องไว ปราดเปรียว และเห็นจิตที่ปรุงแต่ง ทำโน่นทำนี่ ซึ่งหากเป็นการเห็นจากการทำสมาธิ กระบวนการตรงนี้ก็อยู่นาน ไม่ได้เกิดขึ้นแว่บเดียวแล้วหายไป แต่จะได้ดูเหมือนดูหนังสั้น หรือการ์ตูนคั่นรายการ อย่างนั้นครับ

เรื่องนิ่ง หรือไม่นิ่ง เป็นเรื่องของสมถะล้วนๆ แต่หากจะทำสมาธิเพื่อวิปัสสนา ต้องเป็นจิตที่ตั้งมั่น แต่จิตที่ตั้งมั่นนั้นสังเกตยาก เราจึงต้องสังเกตว่า เราทันสังเกตเห็นจิตที่หลงไป ทันเห็นจิตที่เคลื่อนตัวออกไป(ซึ่งไปตามแรงตัณหา) ทันเห็นจิตที่ทำโน่นทำนี่หรือไม่ ถ้าเห็นอย่างที่คุณ aporn เห็น โดยไม่ได้มีความจงใจไว้ก่อน แต่เห็นเอง นั่นก็ต้องเรียกว่า มีจิตที่ตั้งมั่นแล้วครับ

*หมายเหตุ ภาวนาเก่งกว่าผมอีกนะครับเนี่ย ขออนุโมทนาจากใจจริงครับ  _/|\_ ^____^
« Last Edit: Thu 28 Jul 11, 08:20:28 by ลุงถนอม »
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #2 on: Fri 29 Jul 11, 09:27:43 »
ต้องสังเกตดูนะครับ ว่าในขณะนั้น มีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่หรือเปล่า หรือมีแต่ลมหายใจที่ละเอียดที่หายไป หรือว่ารู้อยู่ว่ากำลังรู้อยู่ ถ้าลมหายใจหายไป แล้วรู้อยู่ว่ากำลังรู้อยู่ แบบนี้ยังพอเรียกได้ว่าจิตตั้งมั่นครับ แต่ถ้าลมหายใจหายไป แล้วการรับรู้ก็หายไปด้วย แบบนี้จิตไม่ตั้งมั่นครับ หรือพอลมหายใจหายไป เกิดความสงสัย แล้วรู้ทันว่าเกิดความสงสัยผุดขึ้น แบบนี้ยังเรียกได้ว่า มีจิตตั้งมั่นครับ (ตั้งมั่นตรงที่รู้ทันจิตครับ) --------> ตอนลมหายใจละเอียด รู้ตัวเป็นอย่างดี พอลมหายใจหายไป ก็รู้ตัวอยู่ค่ะว่าลมหายไป แต่มาทันรู้ตอนหายไปแล้ว ตอนเริ่มหายดูไม่ทันค่ะ อาการตอนนั้นดูเฉยๆ ไม่รู้สึกสงสัยในสิ่งใดค่ะ 

ดูทันเพราะสติไวอย่างไรล่ะครับ เรื่องราวต่างๆที่เคยดูไม่ทัน ก็เหมือนมีกล้องความเร็วสูงจับภาพแล้วมาฉายให้ช้าลง (แต่ความจริงเป็นเพราะจิตใจทำงานไวขึ้น เพราะไม่มีโมหะหนักๆเข้าครอบงำ) -------> เป็นสภาวะนี้เลยค่ะ "เหมือนกล้องความเร็วสูงจับภาพแล้วมาฉายให้ช้าลง"  คุณลุงอธิบายได้ตรงกับที่เกิดขึ้นเป๊ะเลยค่ะ ว่าแต่ โมหะหนักๆ นี่มีอาการอย่างไรหรือคะ :-[

ด้วยอาการต่างๆ ที่คุณลุงอธิบาย หนูคิดว่า หนูคงเริ่มเข้าวิปัสสนาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ....  :P

ขอบพระคุณ คุณลุงที่คอยแนะนำตลอดค่ะ
Pop

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #3 on: Sat 30 Jul 11, 19:28:51 »
Quote
ตอนลมหายใจละเอียด รู้ตัวเป็นอย่างดี พอลมหายใจหายไป ก็รู้ตัวอยู่ค่ะว่าลมหายไป แต่มาทันรู้ตอนหายไปแล้ว ตอนเริ่มหายดูไม่ทันค่ะ อาการตอนนั้นดูเฉยๆ ไม่รู้สึกสงสัยในสิ่งใดค่ะ 

ตอนเริ่มหาย ไม่ค่อยจะมีคนเห็นหรอกครับ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปครับว่า ปุถุชนจะมีใครมองเห็นลมหายหายใจที่ "เริ่มหาย" ได้หรือเปล่า เหมือนกิเลสต่างๆที่เริ่มก่อตัวน่ะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปุถุชนจะมีโอกาสได้เห็นหรือเปล่า แต่ผมเองเชื่อว่าในระดับของพระอริยะชั้นสูงๆ จะเห็นกิเลสได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแค่เริ่มๆก็จะเห็นแล้ว เช่นพระอนาคามีเป็นต้น

แต่ในขั้นของปุถุชนนั้น ไม่จำเป็นต้องเห็นตอนเริ่มๆหรอกครับ เพราะศึกที่เรากำลังรบอยู่ คือตัว สักกายทิฎฐิ แค่เราเห็นว่า เคยมีแล้วก็ไม่มี เคยไม่มีแล้วก็กลับมีขึ้นมา มีขึ้นมาแล้วก็หายไป เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี แค่นี้ก็พอแล้ว ขอให้อยู่ในวงกรอบของกายและใจของเรา ก็พอแล้วครับ

สำหรับอาการที่อธิบายมานั้น ในขณะนั้น เป็นจิตตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ และที่ตั้งมั่นได้นาน เพราะเป็นการเกิดจิตตั้งมั่น ผู้รู้ผู้ดู จากการทำสมถะนำมาก่อน (ต่างจากการเกิดจิตผู้รู้จากการตามรู้ตามดูสภาวะโดยตรงในชีวิตประจำวัน ตรงนั้นจะเห็นแว่บเดียวจนบางครั้งไม่เห็นมีจิตตั้งมั่นด้วยซ้ำไปครับ หากผลคือความเป็นกลางเฉยๆ ไม่ใช่ความสุขหรือความสว่าง ไม่หวือหวา ก็นึกว่าไม่มีอะไร ไม่มีจิตผู้รู้ จิตตั้งมั่น)

สำหรับที่เห็นตรงนั้น หากไม่เห็น(ด้วยความรู้สึก)ว่าลมหายใจไม่ใช่ตัวเรา หรือเห็นเป็นเพียงก้อนธาตุ เป็นเพียงสักว่าสภาวะ หรือเป็นสิ่งที่ถูกรู้่ (หรือรู้สึกว่ามีผู้รู้ผู้ดูอย่างต่างหาก) อย่างใดอย่างหนึ่ง การเห็นในขณะนี้ ยังต้องจัดว่าเป็นสมถะอยู่

แต่ขอย้ำว่า ไม่ต้องเป็นกังวลอะไร เพราะนี่คือได้ต้นทางของการปฏิบัติที่แท้จริงแล้วนะครับ อาศัยฟังธรรมเรื่องไตรลักษณ์ของกาย เรื่องธาตุ ๔ จิตจะเดินวิปัสสนาได้เองนะครับ ฟังบ่อยๆเข้าก็ใช้ได้ครับ (ก็ฟังซีดีหลวงพ่อเยอะๆ จิตจะน้อมไปเห็นไตรลักษณ์ได้เองครับ)

Quote
โมหะหนักๆ นี่มีอาการอย่างไรหรือคะ

หากจิตมีโมหะ จิตจะไม่คล่องแคล่วว่องไว เหมือนคนแบกของเอาไว้ เคลื่อนตัวลำบาก จะรู้จะเห็นอะไร ก็ไม่ทัน แล้วยังมัวๆไม่ชัดอีกด้วย ซึ่งปกติหากใครมี แล้วสังเกตเห็นอาการทำนองนี้ ก็ให้เฉลียวใจ ดูสภาวะตรงนั้นไปเลยครับ เพราะเป็นสภาวะแท้ๆ (คือความไ่ม่ชัด คือความอืดอาดไม่ว่องไว) ไม่ต้องไปพยายามเห็นสภาวะที่ไม่ชัด ให้ชัด แค่รู้ทันว่ารู้สภาวะไม่ชัด จิตก็จะกลับมาตั้งมั่นได้อีกแว้บหนึ่ง

ส่วนจิตที่มีโมหะหนักๆ หากจะยกตัวอย่างคนทำงาน ก็ลองดูวันที่ประชุมกันทั้งวัน มีเรื่องถกเีถียงกันมากมาย มีเรื่องที่ยังขาดข้อเท็จจริงอีกมาก จนไม่อาจตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ เจอเข้าไปเยอะๆ จิตก็จะมีโมหะหนักเข้าครอบงำเอง อาการก็เหมือนคนหมดแรง คิดอะไรไม่ออก ความคิดเลื่อนเปื้อน บางคนมีอาการเวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะร่วมด้วย ช่วงนั้น โมหะจะรุมเร้ามาก หากใครมีอาการทางร่างกายร่วมด้วยล่ะก็ โมหะจะรุมเร้ายาวนาน เพราะจิตจะเกิดความไม่ชอบใจความไม่สบายกายร่วมด้วย ก็คล้ายๆคนสวมหมวกกันน็อคเลยล่ะครับ

Quote
หนูคิดว่า หนูคงเริ่มเข้าวิปัสสนาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ....  :P

บอกตามตรงเลยครับว่า ได้เวลาไปขอส่งการบ้านหลวงพ่อแล้วนะครับ จะได้คำตอบที่น่ามั่นใจมากกว่า ^____^

อนุโมทนาครับ _/|\_ ขอให้เจริญในธรรมครับ _/|\_
« Last Edit: Sat 30 Jul 11, 19:34:40 by ลุงถนอม »
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #4 on: Mon 1 Aug 11, 07:36:21 »
ขอบพระคุณค่ะ ที่ไขข้อสงสัยให้บ่อยๆ   _/|\_ :-[

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #5 on: Mon 1 Aug 11, 12:18:24 »
_/|\_

ไปส่งการบ้านหลวงพ่อ มีอะไรต้องกลัวด้วยล่ะครับ เพราะยังไงๆข้อเท็จจริงก็เป็นข้อเท็จจริงวันยังค่ำครับ เราเป็นนักภาวนา ย่อมไม่กลัวต่อความจริง เพราะสิ่งที่เราฝึกฝนกันทุกวันนี้ ก็คือ ตามรู้ตามดูความจริงของกายของใจ จนจิตจนมุมยอมรับความจริงอย่างไม่มีเงื่อนไข ว่ากายก็ดี จิตก็ดี ล้วนแต่เป็นไตรลักษณ์ทั้งสิ้น

ส่งการบ้านแล้วช่วยกลับมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ ^__^
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #6 on: Tue 2 Aug 11, 08:24:30 »
ขอบคุณค่ะคุณลุง จะลองรวบรวมความกล้าไปส่งการบ้านค่ะ  :-[

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #7 on: Wed 3 Aug 11, 04:02:43 »
หลวงพ่อไม่ใช่ยักษ์ใช่มารสักหน่อย ไม่เห็นต้องกลัวเลยครับ ไม้เรียวก็ไม่ได้ถือสักหน่อย ^____^
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #8 on: Thu 11 Aug 11, 08:03:25 »
 :-[ เออ คุณลุงคะ มีเรื่องให้ถามอีกแล้วค่ะ
1. ในขณะที่ปฏิบัติภวนาอยู่นั้น พบแสงจ้ามาก เหมือนจ้องดูดวงอาทิตย์ จ้าจนแสบตาจนน้ำตาไหล แปลกใจว่า ขณะที่ภวนา เรานั่งหลับตา แล้วใครหลบแสงจ้านั้น
2. หลังจากที่พยายามหลบแสงจ้า หลบยังไงก็ไม่พ้น แสบตามาก หนูก็เลยจับแสงเป็นวิหารธรรมมันซะเลย อย่างนี้ได้มั้ยคะ
3. เมื่อแสงถูกจับเป็นวิหารธรรม สติอยู่กับลมหายใจ (แสบตาก็แสบ แต่ไม่รู้ว่าแสบตาได้ยังไงเพราะหลับตาอยู่) เมื่อจับแสงเป็นวิหารธรรม หนูก็คอยดูแสงเกิดดับ แสงก็เกิด-ดับให้ดูค่ะ เกิดสว่างจ้า แล้วก็ดับ ดำมืด แล้วก็สว่างอีก ดับอีก ตอนเค้าสว่างมาก หนูเคืองตามาก เป็นอย่างนี้ซักพัก เริ่มไม่ไหว ก็เลยออกจากสมาธิ มานั่งน้ำตาไหลพราก T_T" เพราะแสบตา ... อาการนี้เค้าเป็นอะไรไปหรือคะ แล้วเราต้องทำยังไงดีคะ :'( _/|\_ Pop

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #9 on: Thu 11 Aug 11, 08:22:08 »
Quote
1. ในขณะที่ปฏิบัติภวนาอยู่นั้น พบแสงจ้ามาก เหมือนจ้องดูดวงอาทิตย์ จ้าจนแสบตาจนน้ำตาไหล แปลกใจว่า ขณะที่ภวนา เรานั่งหลับตา แล้วใครหลบแสงจ้านั้น

จิตในขณะที่เกิดความรู้สึกว่าเป็นเรา จะรู้สึกว่าเราไม่ชอบ เราจะเป็นอันตราย ก็เลยพยายามหลบแสงจ้านั้น แต่พอเกิดจิตที่รู้สึกตัวขึ้นมา เป็นผู้รู้ผู้ดู ก็จะรู้ทันอาการหลบแสงจ้านั้น

Quote
2. หลังจากที่พยายามหลบแสงจ้า หลบยังไงก็ไม่พ้น แสบตามาก หนูก็เลยจับแสงเป็นวิหารธรรมมันซะเลย อย่างนี้ได้มั้ยคะ

ถ้าจิตเขาสนใจในแสงจ้านั้น ก็แค่รู้แค่ดู ให้จิตเขาดูไป แล้วก็คอยสังเกตอาการของจิตต่อไป จิตเกิดความยินดี รู้ทัน จิตเกิดความสุข รู้ทัน จิตเกิดความลำพอง (ว่าตนเก่ง) รู้ทัน

Quote
3. เมื่อแสงถูกจับเป็นวิหารธรรม สติอยู่กับลมหายใจ (แสบตาก็แสบ แต่ไม่รู้ว่าแสบตาได้ยังไงเพราะหลับตาอยู่) เมื่อจับแสงเป็นวิหารธรรม หนูก็คอยดูแสงเกิดดับ แสงก็เกิด-ดับให้ดูค่ะ เกิดสว่างจ้า แล้วก็ดับ ดำมืด แล้วก็สว่างอีก ดับอีก ตอนเค้าสว่างมาก หนูเคืองตามาก เป็นอย่างนี้ซักพัก เริ่มไม่ไหว ก็เลยออกจากสมาธิ มานั่งน้ำตาไหลพราก T_T" เพราะแสบตา ... อาการนี้เค้าเป็นอะไรไป

แสงจ้านั้นเคยเห็น แต่ที่ไม่เคยเป็นก็คือแสบตา เพราะเอาเข้าจริงไม่ได้แสบตาจริงๆสักหน่อย แต่เป็นสัญญาว่าจะต้องแสบตา เพราะเราเคยมีสัญญาเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เด็ก ว่าไม่ให้จ้องแสงที่ส่วางมากๆนั้น

อย่างนี้ไม่เป็นอะไรหรอกนะครับ แสงสว่างที่ว่านี้ คนที่ทำสมาธิ อยากเข้าอุปจารสมาธิให้ได้ เขาปราถนานักหนา เพราะนี่เป็นสัญญลักษณ์ว่าฝึกเข้าไปจ่ออุปจารสมาธิได้แล้ว ต่อไปหากสามารถรักษาแสงสว่างนี้ให้นิ่ง คงที่ได้ ก็จะได้อุปจารสมาธิเต็มตัว และจ่อเข้าอัปนาสมาธิ หากสามารถบังคับแสงสว่างนี้ ให้ขยายออก หรือหดเล็กลงได้ หรือเข้าใกล้ หรือถอยไปไกลได้ ก็จะได้อัปณาสมาธิเต็มตัว

หากทำได้ชำนาญ แล้วรู้จักการถอยเข้าออก เข้าออกระหว่าง ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปณาสมาธิ ได้อย่างชำนาญแล้วล่ะก็ และสามารถอธิษฐานจิตได้ ก็จะมีฤทธิ์ได้ เป็นฤทธิ์ชนิดที่เขาเรียกกันว่า "บุญฤทธิ์" สามารถอธิษฐานได้ในหลายๆอย่างครับ พระโมคคลานะท่านเข้าออกแบบนี้ได้ชำนาญมาก จึงมีฤทธิ์มากครับ

แต่เล่นตรงนี้ไม่พ้นทุกข์นะครับ แล้วใครรู้เข้า เราก็จะทุกข์มากด้วยเหตุ 2 ประการ
1. คนที่ไม่ชอบเรา พวกที่เขามีวิชาอาคมแก่กล้า เขาจะเข้ามาทดสอบเรา คล้ายหนังจีนแหละครับ มีการท้าประลองฝีมือกันตลอดเวลา หรือ
2. คนที่เขาหาของวิเศษ หาวัตถุมงคล เขาจะเข้ามาก่อกวน ขอนั่นขอนี่จากเรา และรวมทั้งคนที่กำลังประสบปัญหาในชีวิต ก็จะมาขอพรจากเรา เพื่อให้เกิดความโชคดีบ้าง เพื่อปัดเป่าเคราะห์ให้พ้นไปจากตัวบ้าง

ดังนั้น ที่เกิดประโยชน์กับเราก็คือ เจริญสติปัฏฐานต่อไปในสมาธิได้เลยครับ เวลาที่จิตมารู้ลมหายใจ จิตก็ไม่ได้เรู้แสงสว่างนั้น เวลาที่จิตมารู้แสงสว่างนั้น จิตก็ไม่ได้รู้ลมหายใจ เป็นอย่างนี้นะครับ แล้วแสงสว่างนั้นก็ไม่ได้เที่ยง เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวไม่สว่าง ก็ให้รู้ไป หรือจะดูอีกว่า เรื่องแสบตา ดูดีๆ เป็นความกังวลว่าจะแสบตา เกิดไหวด้วยความไม่สบายใจขึ้นมา จิตพยายามแก้ไข อย่างนี้ก็ได้นะครับ

ดูไปๆ ก็จะเห็นว่า ทั้งหมดทั้งปวง เกิดขึ้นได้เอง เราไม่ได้สั่ง แต่เมื่อใดมีเหตุเกิด เขาก็เกิด หมดเหตุ เขาก็ดับ ดูไปอย่างนี้นะครับ ดูปรากฎการณ์ ดูสาภวะทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง อะไรเกิดขึ้นมาในจิตใจ ก็คอยรู้ คอยสังเกตไปนะครับ

ภาวนาได้เก่งมากครับ ของเก่าคงมีเยอะ ดังนั้น ต้องรีบหาโอกาสไปขอคำแนะนำจากครูบาอาจารย์โดยเร็วนะครับ อย่าฟังความเห็นของลุงถนอมมากนักครับ ลุงถนอมยังเตาะแตะๆอยู่ครับ เชื่ออะไรไม่ได้หรอกครับ

ต้องไปส่งการบ้านแล้วครับ จะได้คำแนะนำที่จะเดินทางต่อไป ไม่เสียเวลา แล้วได้ความอย่างไร ก็ช่วยมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นครับ  _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #10 on: Thu 11 Aug 11, 08:41:52 »
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ นี่หนูเข้าไปไหนต่อไหนแล้วหรือนี่  :) หนูก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรเลยค่ะ และหนูก็ไม่ได้ต้องการอิทธิปาฏิหารย์ใดๆ ด้วยคะ หนูแค่ต้องการพ้นทุกข์ และก้าวข้ามผ่านสังสารวัฎอันยาวนาน และเต็มไปด้วยความทุกข์อันไม่รู้จบนี้เท่านั้น อ่านคำอธิบายของคุณลุงแล้ว มีกำลังใจขึ้นเยอะ หนูต้องเพียร และผ่านมันไปให้ได้ค่ะ  _/|\_

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #11 on: Thu 11 Aug 11, 15:41:02 »
คงเป็นของเก่าน่ะครับ ถึงเข้ามาได้ง่ายๆ

แนะนำว่า ไปกราบเรียนถามกับหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนดีกว่าครับ เผื่อท่านจะมีคำแนะนำอะไรที่ดีๆ (ดีกว่าลุงถนอมแนะนำแน่นอน และดีกว่าเยอะด้วยนะครับ)

ขอให้เจริญในธรรมครับ  _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #12 on: Mon 15 Aug 11, 15:55:45 »
คุณลุงคะ :P หนูมีคำถามอีกนิดนึงค่ะ  ช่วงนี้ ถ้าได้นั่งเจริญสติคราวใด แค่คู้บัลลัง ตั้งกายตรง ก็เหมือนกับนิ่งเร็ว สงบเร็วมาก และเดี๋ยวนี้นั่งเจริญสติได้ยาวนานมาก บางวันทำได้ถึง 4 ชั่วโมง และออกมายากค่ะ เหมือนเค้าไม่ยอมกลับมา เหมือนตาไม่ยอมลืม แต่ไม่ได้รู้สึกติดสุขนะคะ เพราะตอนที่สงบนิ่งนั้น มันไม่มีวิตก วิจารณ์ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมดีอยู่ มีคนบอกว่า พยายามเรียกหนูอยู่นาน แต่หนูไม่ได้ยินค่ะ อาการอย่างนี้ยังเป็นปกติดีอยู่หรือไม่คะ :'(

Offline ลุงถนอม

  • Administrator
  • Super Member
  • *
  • Posts: 2,296
  • คะแนนความนิยม: +8/-0
  • Gender: Male
  • สติปัฏฐาน ๔ คือทางสายเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #13 on: Tue 16 Aug 11, 04:45:15 »
เป็นอาการปกติครับ

หากจิตเจริญสมาธิเข้าถึงฌาน เวลาที่จิตจะถอยออกมา จิตจะถอยออกมาเอง แต่หากจิตไม่ถอยออกมา ยากนักที่จะมีใครทำให้ถอยออกมาได้ แต่ถ้าไม่ถึงอัปนาสมาธิอย่างนี้ แต่เป็นอุปจาระสมาธิ เวลาเจอผัสสะแรงๆ ก็ทำให้ถอยออกมาได้เหมือนกันครับ

แต่จะติดสมาธิ ติดสุขหรือไม่ ก็ต้องดูว่าจิตมีความอาลัยอาวรณ์ในความสงบหรือไม่ กับในชีวิตประจำวัน จิตเคลื่อนไหวแปรปรวนเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วหรือไม่ หรือรักที่จะอยู่ตัวคนเีดียว ไม่ยุ่งกับใคร เห็นโลกแล้วดูวุ่นวาย อยากหนีกลับไปนั่งสมาธิอีก หากเป็นอาการอย่างหลังนี้ล่ะก็ ก็ติดสมาธิเ้ข้าไปแล้วล่ะครับ ไม่ต้องแก้ไขอะไร ให้รูทันจิตใจในชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆนะครับ

แล้วก็อย่าลืม ไปส่งการบ้านหลวงพ่อได้แล้วครับ หากมีอะไรผิดพลาด ก็จะได้แก้ไขเสียแต่ต้นมือครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ _/|\_
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

Offline Aporn

  • Newbie
  • *
  • Posts: 24
  • คะแนนความนิยม: +1/-0
  • เมตตา สันติ เจริญสติ
Re: สงสัยในสภาวะ
« Reply #14 on: Tue 16 Aug 11, 08:35:00 »
กับในชีวิตประจำวัน จิตเคลื่อนไหวแปรปรวนเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วหรือไม่ ---> จิตยังมีความเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงได้เร็วอยู่ค่ะ คอยรู้ตามเหมือนเดิม แต่ก็มีบ้างที่หลงเพลินไป  :-[

หรือรักที่จะอยู่ตัวคนเีดียว ไม่ยุ่งกับใคร เห็นโลกแล้วดูวุ่นวาย อยากหนีกลับไปนั่งสมาธิอีก ----> อันนี้เข้าข่ายพอดู เห็นโลกวุ่นวายมากทีเดียวค่ะ รู้สึกถึงความสงบในการอยู่ลำพัง และมักหนีไปที่วิเวกเสมอ .... เหตุ ปัจจัย ยังไม่เอื้อให้หนูไปส่งการบ้านเลยค่ะ ถึงแม้ตั้งใจจะไปศาลาลุงชินในวันอาทิตย์นี้ก็ตาม ภาระกิจการงานเข้าในเวลานั้นพอดี อดไปเลย  :'( ขอบพระคุณ คุณลุงนะคะ