โมหะในการภาวนา
ขออนุญาตไม่กล่าวตามตำรานะครับ
เพราะคงหาอ่านกันเองได้ว่าโมหะคืออะไร มีโทษอย่างไร
แต่ขอกล่าวตามที่ปฏิบัติมาอย่างงูๆ ปลาๆ
ถ้อยคำสำนวนหากไม่ตรงตำราก็ต้องขออภัยครับ
โมหะ หรือกิเลสใดๆ ก็ตาม ล้วนแต่เป็นความเศร้าหมองของจิต
โมหะหยาบๆ เช่นความไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ความหลงผิด
อันนี้ก็นำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้แน่ๆ
เพราะทำผิดอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ที่แย่ที่สุดก็คือไม่รู้ว่าผิดเสียด้วย
จึงหมดทางเยียวยาแก้ไข หรือแก้ไขได้ยากมาก
โมหะที่ละเอียดขึ้นมา เช่นความเหม่อ หลง ไหลไปในโลกของความคิด
อันนี้นำภพสัตว์เดรัจฉานมาให้ได้ง่ายๆ ทีเดียว
โมหะที่ละเอียดยิ่งขึ้นอีก เป็นความลังเลสงสัย ความซึมเซา
เป็นตัวปิดกั้นการเจริญสมาธิ
โมหะที่ละเอียดเข้ามาอีก คือการที่จิตไม่รู้เท่าทันสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
หลงไปกับอารมณ์ที่ปรากฏ
ก็เป็นตัวปิดกั้นการเจริญวิปัสสนา
โมหะที่ละเอียดสุดขีด เป็นความผ่องใสของจิต
เป็นตัวกระตุ้นให้จิตทำงานสร้างภพต่อไปอีก
พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า
โทสะมีโทษมาก แต่ละง่าย
ราคะมีโทษน้อย(กว่า) แต่ละยาก(กว่า)
แต่โมหะมีโทษมาก และละยากที่สุด
ที่โมหะละยากที่สุด ก็เพราะรู้ทันยากที่สุดครับ
ไม่เหมือนราคะและโทสะ มันเป็นอาการที่หวือหวาของจิตซึ่งรู้ทันง่าย
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2542
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่