Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ASTV: ดร.รัตนาภรณ์ ชี้ ฐิตินาถ ขอทวงเงิน 4.3 ล.จาก พระปราโมทย์ ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะ

ASTV

ASTV

“ดร.รัต นาภรณ์” ชี้ “ฐิตินาถ” ขอทวงเงิน 4.3 ล.จาก “พระปราโมทย์” ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะ เพราะหลักธรรมง่ายๆ บริจาคไปแล้วไม่ควรเอาคืน อัดไม่ใช่กลัยาณมิตรที่ดี รู้จักกันมา 10 ปี แต่พอขัดใจก็ออกมาทำลาย ด้าน “ชัยพันธ์” แนะควรพึงสังวรณ์ไว้ทั้งประชาชนและพระ ทำอะไรหากไม่อยู่ในครรลองคลองธรรมมันก็เกิดเรื่องขึ้นได้เสมอ

รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 29 ก.ย.โดยมี น.ส.ผมหอม แสวงดี เป็นผู้ดำเนินรายการ และเชิญ ดร.รัตนาภรณ์ ธรรมโกศล นายเทิดภูมิ ใจดี และนายชัยพันธ์ ประภาสะวัต ร่วมพูดคุยในรายการ

น.ส.ผมหอม กล่าวเปิดประเด็นถึงบทความ “ของจริง กับของปลอม ดูไม่ยาก เรื่องของพระปราโมทย์ กับ ฐิตินาถ ณ พัทลุง” โดยในบทความระบุว่าฝ่าย น.ส.ฐิตินาถกับพวกเปิกเกมรุกกล่าวหาพระปราโมทย์เพียงข้างเดียว และหลักฐานที่ทำมาแสดงก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีมูล ในขณะที่ทางพระปราโมทย์ถือคติ “พระไม่ตีกับโยม” ไม่ตอบโต้ แต่ชี้แจงเท่าที่จำเป็น ปรากฏว่าฝ่ายพระชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ซึ่ง น.ส.ฐิตินาถต้องการทวงเงิน 4 ล้าน 3 แสนบาท ที่เคยบริจาคไปคืน

ดร.รัตนาภรณ์กล่าวว่า เรื่องพระหนีไม่พ้นสีกา กับเงินๆ ทองๆ ที่จะทำให้มัวหมอง ที่จริงหลักธรรมง่ายๆบริจาคไปแล้วทำไมจะเอาคืนล่ะ เหมือนการเอาข้าวใส่บาตรไปแล้ว พอไม่พอใจจะขอคืนมันก็ดูแปลกๆ หรืออย่างกรณีข้อกล่าวหาที่ว่าพระปราโมทย์พักในกุฏิที่ใกล้กันกับแม่ชี มีหน้าต่างตรงกัน มองเห็นกันได้โดยไม่มีสิ่งใดๆขวางกั้น สื่อไปดูแล้วก็รู้ว่ากุฏิไม่ได้ใกล้กันจริง

“ช่วงดีก็ดีกันเป็น 10 ปี แต่พอขัดใจก็ออกมาทำลาย กัลญาณมิตรไม่ทำกันหรอก ยิ่งท่านเป็นพระด้วย โบราณเขาบอกว่าบาป เข้าใจ น.ส.ฐิตินาถต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ถ้ามันไม่ถูกล่ะ คนนี้เขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ แต่วันนี้ทวงตังค์คืนก็เริ่มไม่ชอบด้วยเหตุผลแล้ว” ดร.รัตนาภรณ์กล่าว

นายชัยพันธ์กล่าวว่า กรณีนี้เป็นบทเรียนของสังคม เป็นตัวอย่างอันหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้ศาสนาเรา พระถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือเยอะ เป็นเรื่องของโลกวัชชะ โลกติเตียนความไม่เหมาะสม พระกับชีไม่ควรอยู่ใกล้กัน ทำให้ติเตียนได้ง่าย แล้วนี่เป็นอดีตภรรยาอีกมันเลยยิ่งดูทะแม่งๆ จะเป็นพระ เป็นภิกษุณีก็เป็นได้แต่ไม่ควรยุ่งกับเรื่องเงินๆ ทองๆ รับโอนไม่ได้มีการโอนให้แม่ชีอีก ตนไม่ขอตัดสินใครผิดใครถูก

นายชัยพันธ์กล่าวอีกว่า มนุษย์ก็ดีพระก็ดีควรพึงสังวรณ์ไว้ ทำอะไรที่ไม่อยู่ในครรลองคลองธรรมมันก็เกิดเรื่องขึ้นได้เสมอ โยมก็ดีสีกาก็ดีที่ออกมาเอาผิดพระครั้งนี้ ก็บอกถึงสติปัญญาของตัวเองด้วย แทนที่เราจะยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เราดันวิ่งไปหาพระเกจิชื่อดัง ต้องเข้าคิวคอย ธรรมะคือสิ่งที่มีแยู่แล้วแต่พระพุทธเจ้าไปค้นพบ ทุกวันนี้ยังมีสำนักสงฆ์ใหญ่โตบอกว่าเป็นวิชาที่ตรัสรู้ขึ้นเอง ต้องเอาเงินมาเยอะๆนะจะได้ขึ้นสวรรค์ ศาสนาต้องมีการสังคยนาไม่ได้ปฏิรูปแต่บ้านเมือง คนไทยหลายคนเป็นพุทธแต่ปากไม่เคยศึกษาหลักธรรมของศาสนาจริงๆ

และพระหลายแสนรูปที่มีอยู่ทุกวันนี้การปฏิบัติดีเพื่อตัวเองเท่านั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องนำพาสังคมให้ไปสู่การปฏิบัติดี เรื่องพระปราโทย์ กับสีกา เอามาเพื่อเรียนรู้ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์ ชั่วดีอยู่ที่ใจทั้ง 2 คน

อ้างอิง : ASTV Manager Online

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์: การนั่งสมาธิ

การนั่งสมาธิ

การนั่งนั้น ให้นั่งด้วยความมีสติรู้สึกตัวอยู่ครับ
แล้วให้เอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจจะเป็นลมหายใจก็ได้
(หรือถ้าถนัดรู้อย่างอื่นเช่น ท้องพองยุบ คำบริกรรมพุทโธ ก็ได้)
มาเป็นสิ่งที่ถูกระลึกรู้ไปสบายๆ ไม่เคร่งเครียด
แล้วพอจิตไหลไปคิด ไหลไปสร้างภาพ ก็ให้หัดรู้ว่าจิตไหลไปแล้ว
หัดรู้ว่าจิตลืมลมหายใจไป แล้วก็มารู้อยู่กับลมต่อไปใหม่ครับ
ไม่ใช่ให้ไหลไปตามอารมณ์สิ่งปรุงแต่งต่างๆไปเรื่อยๆนะครับ
และไม่ว่าจิตจะพูดอะไร สร้างภาพอะไร ก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่องราวที่พูดภาพที่เกิด
แต่ให้หัดรู้ว่าจิตลืมลมหายใจไปครับ

หลักการนี้ใช้ได้ทั้งในการทำตามรูปแบบและในชีวิตประจำวันครับ
สำหรับในชีวิตประจำวัน ก็อาจใช้กายเคลื่อนไหวแทนลมหายใจก็ได้
(หลายๆกิจกรรมต้องมีร่างกายเคลื่อนไหว ซึ่งเหมาะจะใช้รู้แทนลมหายใจ)
รู้กายเคลื่อนไหวไป แล้วพอจิตไหลไปคิด ก็จะรู้ว่าจิตไหลไป
แบบเดียวกับหัดนั่งรู้ลมนั่นเองครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญร่วมสนทนาประสาฆราวาสครั้งที่ ๒ กับ อ. สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

บ้านหนังสือชินเขต ๑

บ้านหนังสือชินเขต ๑

บรรยากาศ สนทนาประสาฆราวาส ครั้งที่ ๑ โดย อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

บรรยากาศ สนทนาประสาฆราวาส ครั้งที่ ๑ โดย อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

**************************************************************

ขอเชิญทุกท่านร่วมกิจกรรม “สนทนาประสาฆราวาส ครั้งที่ ๒” กับ อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

ในวันเสาร์ที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.(กรุณาไปถึงก่อนเวลา เพราะอาจารย์เริ่มสนทนาตรงเวลา)

ณ บ้านหนังสือ ชินเขต ๑

ซอยงามวงศ์วาน ๔๓ (ชินเขต ๑) แยก ๑/๑
ถนนงามวงศ์วาน
เขตหลักสี่ กทม.
(ใกล้เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน)
—————————————————–
บ้านหนังสือ ชินเขต ๑
โทร ๐๒-๕๘๙-๘๔๑๐
http://www.baannungsuea.com/

แผนที่เดินทาง
http://www.baannungsuea.com/map.php

รถประจำทางสาย ๒๔ ๑๓๔ ๖๓ ๕๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

video: มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช (๑)

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงพระธรรมเทศนา
ณ. มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช
เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒
มีทั้งสิ้น ๙ ตอน

หมายเหตุ เป็นวีดิทัศน์ที่ได้รับการตอบรับในระดับ 5 ดาว ที่ youtube ครับ
แนะนำให้ดาวน์โหลดไว้ฟังซ้ำ เพราะครบถ้วนตั้งแต่ต้นทางของการภาวนาจนถึงปลายทางครับ

mp4 (part 1) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

wmv (full video) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมมูล อริยมรรคถึงจะเกิด

mp 3 (for download) : ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมมูล อริยมรรคถึงจะเกิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: จิตต้องตั้งมั่น ตั้งมั่นเป็นคนรู้คนดู พวกเราหลายคนทำกรรมฐานมากมาย แต่สงสัยว่าทำไมมันไม่เกิดมรรคผลนิพพานตัวจริง เพราะมันไม่มีปัญญานั่นเอง ไม่มีปัญญาเห็นความจริงของรูปนาม มันคิดแต่จะบังคับรูปนาม เพ่งรูปเพ่งนาม เพ่งลูกเดียวนะ ไม่ใช่ปัญญาเห็นไตรลักษณ์

ทำไมไม่มีปัญญา เพราะจิตไม่มีสัมมาสมาธิ จิตไม่ตั้งมั่น จิตที่ตั้งมั่นสำคัญนะ อย่างพระอยู่กับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ต้องคอยควบคุม บางวันจิตตามรู้กายตามรู้ใจมากเข้าๆ จิตกระจายๆ ออกไปนี่ ต้องเพิ่มสมถะละ เพิ่มความสงบให้ใจตั้งมั่น ตั้งมั่นแล้วขี้เกียจขี้คร้านอีก ต้องไล่อีกแล้ว ให้ออกมารู้กายมารู้ใจนะ

เนี่ยเวลาทำกรรมฐานก็คล้ายๆ เราขับรถยนต์นะ บางเวลาก็เหยียบเบรก เนี่ยทำสมถะ บางเวลาเหยียบคันเร่งเจริญปัญญา รถมันถึงจะไปถึงที่หมายได้ งั้นเราคอยดูนะ คอยดูกายคอยดูใจไป ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น เป็นแค่คนดู

หลายคนทำมาหลายปีทำไมไม่ได้ผล หลวงพ่อยกตัวอย่างนะ อย่างตอนนี้ฝึกพองยุบเยอะ ฝึกพองยุบแล้วเห็นท้องพองท้องยุบนะ ถ้าจิตเราไม่ตั้งมั่นจิตเราจะไหลไปตั้งอยู่ที่ท้อง จิตไปตั้งอยู่ที่ท้องเรียกว่าไปตั้งแช่ไม่ใช่ตั้งมั่น เข้าไปแช่อยู่ที่ตัวอารมณ์ จิตตั้งมั่นเนี่ยมันจะอยู่ต่างหากจากอารมณ์ มันจะเห็นเลยร่างกายที่พองร่างกายที่ยุบเป็นของถูกดู จิตอยู่ต่างหาก ต้องแยกรูปแยกนามให้ได้ก่อน

เพราะฉะนั้นก่อนจะเกิดวิปัสสนาญาณนะ ญาณตัวแรกเลยนะเขาเรียกว่า “นามรูปปริจเฉทญาณ” นามรูปปริจเฉทญาณคือแยกรูปกับนาม เห็นเลยเห็นท้องมันพองท้องมันยุบไป ใจเป็นคนดูอยู่ต่างหาก ใจมันตั้งมั่นอยู่ต่างหาก ไม่ใช่ใจถลำไปอยู่ที่ท้องนะ ตรงนี้ชอบดูลมหายใจก็ถลำไปอยู่ที่ลมหายใจ ขยับมือทำจังหวะก็ไปเพ่งใส่มือ จิตไหลไปอยู่ที่มือ เดินจงกรมจิตไหลไปอยู่ที่เท้า ดูท้องจิตไหลไปอยู่ที่ท้อง ดูอิริยาบถสี่เพ่งมันทั้งตัวเลย อันนั้นเรียกว่าจิตไม่ตั้งมั่น จิตถลำลงไปตั้งแช่ในอารมณ์ จิตต้องตั้งมั่นในการรู้อารมณ์ ตั้งมั่นในการรู้อารมณ์ สักว่ารู้อารมณ์ อยู่ต่างหากจากอารมณ์นี่เป็นอันหนึ่ง ไหลเข้าไปรวมแช่อยู่กับอารมณ์เป็นอีกอันหนึ่ง

นี่พวกเราส่วนมากจิตไหลเข้าไปแช่อยู่กับอารมณ์ ไม่มีปัญญาจริงหรอก เกิดปัญญาไม่ได้ มันแช่ไปด้วยกัน ยกตัวอย่างให้ฟังนะ คล้ายๆ เรา ถ้าเรายืนอยู่บนบกริมคลองริมแม่น้ำ เราอยู่บนบกเราไม่ได้ตกน้ำ เราจะเห็นเลยในน้ำเดี๋ยวก็มีอันโน้นลอยมาอันนี้ลอยมา เดี๋ยวกอผักตบลอยมา เดี๋ยวท่อนไม้ลอยมา เดี๋ยวหมาเน่าลอยมา ลอยมาแล้วก็ลอยไปเพราะว่าเราอยู่บนบก

แต่ถ้าเราตกลงไปในน้ำเราลอยไปกับมันนะ เห็นมันอยู่อย่างนั้นน่ะ เห็นมันอยู่ทั้งวัน ดูท้องก็เห็นท้องทั้งวันอยู่ทั้งวันนั่นแหละ ลอยไปด้วยกัน งั้นต้องเป็นคนดูอยู่ต่างหาก

อย่างสายอภิธรรม อาจารย์แนบก็ชอบสอน ต้องเป็นคนดูละครนะ เป็นคนดูละครอย่าโดดเข้าไปในเวทีละคร ถ้าพูดสมัยใหม่คนรุ่นเราชอบดูฟุตบอล เราต้องดูฟุตบอลอยู่บนอัฒจันทร์นะ อย่าไปดูฟุตบอลอยู่กลางสนามฟุตบอล เดี๋ยวถูกเขาเตะเอานะ ถูกกิเลสเตะเอา

งั้นเราต้องดูอยู่ห่างๆ เนี่ยเรียกว่าเราตั้งมั่น ตั้งมั่นอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปยินดียินร้ายกับมัน เป็นกลางในการรู้ จิตใจอ่อนโยนนุ่มนวล ตั้งมั่น คล่องแคล่วว่องไวนะ ไม่ไหลเข้าไป เนี่ยอย่างนี้จิตใจถึงจะมีปัญญาจริงเกิดขึ้น มันจะเห็นเลยทุกอย่างเกิดแล้วดับ ทุกอย่างเกิดแล้วดับ เพราะจิตมันไม่หลงตามไป จะเห็นแต่ทุกอย่างเกิดแล้วดับ ถ้าไหลคู่กันไปมันคือการเพ่ง มันจะแนบอยู่ที่อันเดียวนะ เป็นการเพ่ง ได้สมถะ ได้แต่สมถะ

ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดู ทางวัดป่าท่านจะเรียกว่าจิตผู้รู้ มีจิตผู้รู้ขึ้นมาเป็นคนดู เป็นคนดูกาย ดูเวทนา ดูกุศลอกุศล ก็จะเห็นกาย เห็นเวทนา เห็นกุศลอกุศลล้วนแต่เกิดแล้วก็ดับ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ใจตั้งมั่นเป็นคนดู ปัญญาถึงจะเกิด

งั้นสติเป็นเครื่องระลึกรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแปลกปลอมขึ้นในกายในใจ สัมมาสมาธิเป็นความตั้งมั่นของจิตในการไปรู้อารมณ์ไม่ถลำลงไป ปัญญาก็จะเห็นความเป็นจริงคือเห็นไตรลักษณ์ ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา นี่สติสมาธิปัญญา ทำงานร่วมกันอย่างนี้นะถึงจะเกิดมรรคเกิดผลได้ ทำไมเกิดมรรคเกิดผลได้เพราะว่ามีปัญญาแก่รอบแล้ว มีสมาธิบริบูรณ์ขึ้นมานะ ศีลสมาธิปัญญาพร้อมมูลขึ้นมานะ อริยมรรคถึงจะเกิด ตัวหนึ่งมากตัวหนึ่งน้อยกะพร่องกะแพร่งไม่เกิดหรอก งั้นต้องมีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลางสักว่ารู้สักว่าเห็นนะ ถึงจะเห็นความจริงของกายของใจ ฟังเหมือนยากนะแต่ง่าย


แสดงธรรมที่ สวนสันติธรรม
เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
ลำดับที่: ๘
File: 491123B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๗ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์: ควรดูกายหรือดูจิต?

ควรดูกายหรือดูจิต?

ควรดูทั้งกายและจิต แล้วแต่ว่าขณะนั้นสามารถเห็นกายหรือจิตได้ครับ
เช่นขณะกำลังเดินถ้ารู้กายที่เดินได้ก็รู้กายที่เดินไป
โดยไม่ต้องพยายามที่จะเป็นก้อนธาตุหรอกครับ
แค่รู้ว่ามีร่างกายกำลังเดิน รู้ไปสบายๆก็พอแล้ว
เมื่อรู้ไปบ่อยๆ จิตมีสติมีความตั้งมั่นมากขึ้น
ก็จะรู้สึกได้เองในบางขณะว่ากายเป็นก้อนธาตุ
หรือถ้าในขณะกำลังเดิน จิตเกิดมีสภาวะบางอย่างเกิดขึ้น
จนรู้สึกหรือเห็นจิตได้ชัดกว่ารู้กาย ก็ให้ดูจิตในขณะนั้นไปเลยครับ
แล้วพอกายปรากฏชัดก็มาดูกายต่อ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ของจริง กับ ของปลอม ดูไม่ยาก เรื่องของพระปราโมทย์ กับ ฐิตินาถ ณ พัทลุง (Manager Online)

Broken Compass

Broken Compass

คัดลอกมาจาก Manager Online

“การมองไม่เห็นโลกที่ดีงาม น้ำใจไมตรี ความรัก ความช่วยเหลือ การมองไม่เห็นความจริงอย่างที่โลกเป็น แต่สร้างโลกขึ้นมาตามความคิดเห็น ความปรารถนา ความเคยชิน เหนียวแน่นมากจนถูกมันครอบงำ ไม่เคยมีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง ไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเอง เพราะไม่เคยหยุดรู้ทัน เลยถูกสิ่งที่อยู่ภายในบงการจนทำลายตัวเองอย่างสิ้นเชิง”

จากเรื่อง “ป่วน” หน้า 99 หนังสือ เข็มทิศชีวิต II ตอน กฎแห่งเข็มทิศ เขียนโดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง

กรณีพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม ถูกนางสาวฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิตเล่ม 1 และ เล่ม 2 อันโด่งดัง และคณะที่มีนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวีรณัฐ โรจนประภา เจ้าของนิตยสารบางกอก และประธานมูลนิธิ บ้านอารีย์ กล่าวหาว่า มีพฤติกรรมยักยอกเงินบริจาค และที่ดิน อวดอุตริมนุสธรรม และความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแม่ชีอรนุช อดีตภรรยา เป็นข่าวต่อเนื่องมานานสามสัปดาห์แล้ว

ฝ่ายผู้กล่าวหา คงจะชำนาญเรื่องการประชาสัมพันธ์สร้างข่าวไม่น้อย จึงเลือกใช้วิธี อ่อยเหยื่อ ค่อยๆเปิดประเด็นข้อกล่าวหาทีละประเด็น เพื่อหลอกล่อให้ติดตาม โดยมีเครื่องเคียงเรียกร้องความสนใจประเภท “ทีเด็ด” เทปลับ “คลิบเสียง” และ จดหมายน้อยถึงลูกรัก 2 ฉบับ

ดูๆไปก็คล้ายกับวิธีการของแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่ชอบใช้วิธีตีปี๊บ สร้างกระแส ด้วยการอ้างเทปลับ คลิบวิดิโอ ที่เหมือนกันอย่างกับแกะก็คือ เมื่อเปิดหลักฐานที่อ้างว่าเป็นข้อมูลเด็ดเหล่านี้แล้ว กลับปรากฏว่า ไม่ได้มีสาระ หรือนัยสำคัญที่จะสร้างน้ำหนักให้ข้อกล่าวหาเหล่านั้นได้

ตลอดระยะเวลาเกือบเดือน ที่ฝ่ายนางสาวฐิตินาถ กับพวก เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกอยู่ข้างเดียว โดยพระปราโมทย์ ถือคติ “พระไม่ตีกับโยม” ไม่ตอบโต้ แต่ชี้แจงเท่าที่จำเป็น ปรากฏว่า ฝ่ายพระปราโมทย์ ชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินบริจาค ที่ทำไมต้องโอนให้นางอรนุช อดีตภรรยา ซึ่งมาบวชชีอยู่ในสำนักสวนสันติธรรม เป็นผู้ดูแล ทำไมต้องโอนที่ดินให้ภรรยา รายละเอียดเกี่ยวกับ บัญชีรายรับรายจ่าย สถานะของสวนสันติธรรม ฯลฯ

รวมทั้ง ความสัมพันธ์กับอดีตภรรยา ที่ฝ่ายที่กล่าวหาให้ข้อมูลว่า มีกุฎิอยู่ใกล้กัน หน้าต่างตรงกัน มองเห็นกันได้โดยไม่มีสิ่งใดๆขวางกั้น ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบของสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ชี้ชัดว่า ข้อกล่าวหาเรื่องนี้ เป็นเท็จ เพราะกุฎิของพระปราโมทย์กับอุบาสิกาอรนุช อยู่ห่างกันประมาณ 120 เมตร มีถนนคอนกรีต มีต้นไม้กั้น ไม่สามารถมองเห็นกันได้ ทั้งยังมีกุฎิของพระอุปัฏฐาก อยู่ใกล้กุฎิพระปราโมทย์ เพื่อคอยดูแล ซึ่งการวางผังที่ตั้งกุฏินี้ น.ส.ฐิตินาถ เป็นผู้กำหนดแบบไว้ตั้งแต่ก่อสร้าง และยังขอให้มีการสลับกุฏิกับพระอุปัฏฐาก เพื่อความปลอดภัยของพระปราโมทย์ นอกจากนี้กุฏิของพระปราโมทย์ และอุบาสิกาอรนุช ยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากบ้าน อนาลโย ของ น.ส.ฐิตินาถ ก่อนที่จะมีการสร้างรั้วคอนกรีตกั้นในภายหลัง

ไม่เพียงแต่คำชี้แจงของลูกศิษย์พระปราโมทย์เท่านั้น แต่บรรดาข้อกล่าวหาต่างๆของ น.ส. ฐิตินาถ และนายวีรณัฐ ที่ยื่นเป็นหนังสือให้ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสอบสวน นั้น ล้วนได้รับการรับรองยืนยันจากสองหน่วยงานว่า ไม่พบความผิดปกติ โดยนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ชลบุรีว่าผลการตรวจสอบเรื่องของที่ดิน และเงินของสำนักสวนสันติธรรมไม่มีปัญหา เนื่องจากทางสำนักสวนสันติธรรม ได้มีการชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่านำเงินไปทำอะไรบ้าง ส่วนเรื่องของที่ดินที่ขอตั้งวัดก็ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง

สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่บอกว่า การตรวจสอบข้อร้องเรียนทั้งกรณีเรื่องเงินบริจาคและที่ดิน ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของอุบาสิกาอรนุช อดีตภรรยา นั้น ยังไม่พบว่าพระปราโมทย์กระทำความผิดจริง โดยพระปราโมทย์ดำเนินการอย่างถูกต้องทั้งเรื่องของเงินบริจาค เรื่องที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด เรื่องความใกล้ชิดกับอุบาสิกาอรนุชที่ถูกร้องเรียนว่ากุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริมนุษธรรม ก็ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใด ๆ ที่ผิดต่อพระธรรมวินัย และระหว่างการให้สัมภาษณ์ยังมีการเปิดเผยบัญชีเงินฝากของทางสวนสันติธรรม ทั้งหมด 7 บัญชี ให้ผู้สื่อข่าวดู

ส่วนข้อหาอวดอุตริมนุสธรรมนั้น หลักฐานที่ น.ส. ฐิตินาถ อ้าง มีเพียงคลิปเสียงพรรปราโมทย์ ข้อความว่า

“…..โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์คอยบอก โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ต้องสังเกต อย่าเชื่อง่าย เราจะรู้ว่าไม่ใช่ จิตไม่ได้ค้นคว้าของมันอยู่ พูดอีกก็หลุดอีก พอหลายๆทีเข้า ก็โอ้ชาตินี้ทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะไปทางไหน มันจบมุมเหมือนหลังชนกำแพง ถ้ารู้ที่วิเศษเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ เลย บางคนเห็นว่าไม่ใช่ตัวเรา เห็นแล้วมันวาง

แต่ว่าต้องมีโยนิโสมนสิกากำกับการดูนะ ถ้าดูไปเฉยๆ บางทีใจไปค้างไว้ข้างใน หลวงพ่อเคยเจอ ตอนนั้นผ่านชั้นที่ 2 แล้ว เข้าไปดูอย่างโสรัจ พอดีไปเจอ … เจอหน้าแล้วท่านยิ้มหวานเลย ผู้รู้ๆ ออกมาอยู่นอกๆ นี้ ตอนนั้นงงเลย ทำไมต้องมาอยู่ข้างนอก ท่านก็ให้บอกต่อ กิเลสอยู่ข้างนอกเนี่ย ตอนที่บรรลุลงไปข้างในก็เผลอไปหมดแล้ว มีภายในมีภายนอก….”

เอาความรู้ในเรื่องธรรมะชั้นไหนไปสรุปว่า คำพูดทำนองนี้คือ การอวดอุตริมนุสธรรม
ทั้ง น.ส. ฐิตินาถ นายวีรณัฐ เคยเป็นลูกศิษย์ใล้ชิดพระปราโมทย์ มานานกือบสิบปี เหตุใดจึงไม่สามารถหาหลักฐานที่หนาแน่นกว่านี้ มาพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่มีต่อพระปราโมทย์ ในทุกๆเรื่องได้

เมื่อฝ่ายที่ถูกกล่าวหา สามารถอธิบายข้อกล่าวหาได้ทุกเรื่อง ก็แสดงว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ เป็นเรื่องเท็จ ที่ถูกกุขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายพระปราโมทย์ ถึงเวลาที่ น.ส. ฐิตินาถกับพวก จะต้องตอบคำถามแล้วว่า เหตุใดจึงกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา

พระที่ได้ชื่อว่า เป็นพระดี มีลูกศิษย์ ลูกหาศรัทธาเลื่อมใสมากมาย หากจะต้องมีเรื่องมัวหมอง ก็หนีไม่พ้นสองเรื่องคือ สีกา กับเงินๆทองๆ

เช่นเดียว กัน บรรดาอุบาสิกา แม่ยกทางธรรมก็มีจุดตายอยู่สองเรื่องคือ เรื่องเงินๆทองๆ กับ อยากเป็นเจ้าของพระ

ในอดีต พระรูปงาม ห้อมล้อมด้วยสีกามากหน้า เกิดความหึงหวง ชิงพระหักสวาท จนนำไปสู่การเปิดโปงพฤติกรรมของพระ จนต้องสึกก็มีมาแล้ว

สำหรับสีกาฐิตินาถ เรื่องเงินๆทองๆ นั้น เธอแสดงความต้องการชัดเจนอยู่แล้วว่า ขอทวงเงิน 4 ล้าน 3 แสนบาท ที่เคยบริจาคให้พระปราโมทย์คืน เพราะพระปราโมทย์ โอน เงิน ที่ดินที่ซื้อมาด้วยเงินบริจาคไปให้อดีตภรรยาดูแล ซึ่งเธอเห็นว่า เป็นการยักยกอกเงินที่มีผู้บริจาค ไปเป็นสมบัติส่วนตัว

เหตุที่สีกาเกิดเสียดายเงิน ออกปากทวงทั้งที่บริจาคไปแล้ว พระอนุโมทนา ให้พร รับบุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลกันไปแล้ว ลูกศิษย์พระปราโมทย์ ให้ข่าวผ่านทนายความมาว่า เพราะเธอผิดหวัง ที่อุตส่าห์ลงทุนไปมากแล้ว แต่กลับไม่ได้เป็น somebody ในสำนักสวนสันติธรรม เพราะพระปราโมทย์ไม่ไว้ใจในพฤติกรรมบางอย่าง

เป็นอาจารย์ ลูกศิษย์กันมาสิบปี ศิษย์ยังเห็นความไม่ดีของอาจารย์ ในหลายเรื่อง ทำไมอาจารย์จะไม่ล่วงรู้เลยหรือว่าศิษย์คิดอะไรอยู่

เรื่องนี้ เป็นอุทธาหรณ์ว่า เข็มทิศ ช่วยได้แค่ชี้ทาง แต่จะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ ใจเป็นเครื่องกำหนด

อ้างอิง: Manager Online

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : เจาะประเด็น “วิมุตติปฎิปทา” หลักฐานสำคัญของผู้กล่าวอ้าง

อ้างอิง จากบางส่วนของข่าว มติชน >>> http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285680269&grpid=01&catid=

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 28 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา กลุ่มอดีตลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปาโมชโช (สันตยากร) นำโดยนายอภิชาต อัศวเรืองชัย ดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร ผู้ประสานงานกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนา นายไกรศร เลียนษี นายสมยศ อนันต์นาคินทร์ นายวีรณัฐ โรจนประภา และนายอาร์ม นาครทรรพ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่มูลนิธิบ้านอารีย์ ซ.อารีย 1 ชี้แจงกรณีพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  ในเรื่องบัญชีเงินฝากสวนสันติธรรม ที่พำนัก และคำสอนของพระปราโมทย์ รวม 8 ข้อ

………………………….. (ย่อความข่าวเพื่อให้ถึงใจความข่าวสำคัญ)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มอดีตลูกศิษย์ได้นำหลักฐานที่พระประโมทย์กล่าวอ้างว่าเป็นพระอริยะ ได้แก่ หนังสือวิมุตติปฏิปทา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 (พิมพ์หลังบวชแล้ว 8 เดือน)โดยระบุว่าพระปราโมทย์กล่าวว่า ตนได้ผ่านด่านสุดท้ายของพระอานาคามีไปแล้วซึ่งก็หมายความได้ 2 อย่างคือ อยู่ในขั้น อรหันตมรรคหรือ สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว เทศนาอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ที่มาฟื้นฟูพระศาสนาให้ดำรงอยู่ครบ 5,000 ปี ตามพุทธทำนายโดยอ้างจากการคำนวนของพระลูกวัดของตนเอง  ไฟล์เสียงอวดอุตริว่าเป็นพระอรหันต์ โดยใช้คำว่า “สังสารวัฏมันควำ.ลงต่อหน้าต่อตา” และ เมื่อเทียบกับคำว่า“จิตพรากออกจากขันธ์” กับพะไตรปิฎก คือ สภาวะจิตของพระอรหันต์  และมีหลักฐานการพูดเทียบเคียงและอ้างให้เข้าใจว่าบรรลุธรรมขั้นต่างๆกระจายอยู่ตาม CD ต่างๆ  อ้างนักเขียนชื่อดัง “ดังตฤณ” ผู้เขียนหนังสือ “เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน” ว่าเห็นสภาวะจิตของตนเอง (พระปราโมทย์)เหมือนกับสภาวะจิตของพระอรหันต์  และบางพยานบุคคลอ้างพระปราโมทย์ระบุวันบรรลุธรรมเป็นขั้นๆรวม 4 ขั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประเด็นกล่าวแสดงว่ามีอิทธิฤิทธิ์รู้ใจคนและสัตว์นำมาซึ่งลาภและสักการะ  เอกสารระบุว่า ตามพระวินัยหากพระปราโมทย์ไม่มีความสามารถในการรู้ใจคนและสัต์ดั่งคำกล่าวอ้าง ต้องอาบัติปาราชิก(ขาดจากความเป็นสงฆ์)  พร้อมกับอ้างหลักฐานการกล่าวว่ามีอิทธิฤิทธิ์รู้ใจคนและสัตว์ ในหนังสือวิมุตติปฏิปทา ฉบับพิมพ์ครั้งที่2 (พิมพ์หลังบวชแล้ว 8 เดือน) พระปราโมทย์เขียนว่า ผู้เขียนก็สามารถรู้สภาวะจิตของผู้อื่นได้เหมือนสภาวะจิตของตนเอง”

——————————–

** เจาะประเด็นข้อกล่าวหา **

จากการตรวจสอบของทีมงาน เวปธรรมดา ที่ได้ตรวจสอบจากหนังสือวิมุตติปฎิปทาฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2  ซึ่งแม้พิมพ์หลัง

จากหลวงพ่อปราโมทย์บวช (อุปสมบทเมื่อ 30 มิย. 2544) แต่บทความโดยส่วนใหญ่เกือบทั้งเล่ม (ยกเว้นบทที่ 31 วิถี

แห่งความรู้แจ้งที่เขียนเมื่อเป็นพระแล้ว)นั้น เหมือนกับ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ที่แจกในงานอุปสมบทของคุณปราโมทย์

ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานเขียนของคุณปราโมทย์ สันตยากร ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้บวชเป็นพระ โดยคำกล่าวอ้างของผู้แถลง

ทั้งสองเรื่องนั้น อยู่ในบทที่ 2 ของเล่มที่มีชื่อว่า”บันเทิงธรรม” ก่อนที่จะถูกนำมาตีพิมพ์ได้ถูกนำไปลงในเวปบอร์ดสันติธรรม

โดยมีการระบุถึงวันที่เขียนบทความมาลงทุกครั้งโดยทางทีมงานฯใคร่ขอให้ท่านได้พิจารณาทีละประเด็นดังนี้

1. กรณีข้อกล่าวอ้าง : พระปราโมทย์เขียนว่า ผู้เขียนก็สามารถรู้สภาวะจิตของผู้อื่นได้เหมือนสภาวะจิตของตนเอง” นั้น

อยู่ในบทที่ 2หัวข้อที่ 12 เรื่อง พระอภิญญา

2.กรณีข้อกล่าวอ้าง : พระปราโมทย์กล่าวว่า ตนได้ผ่านด่านสุดท้ายของพระอานาคามีไปแล้วซึ่งก็หมายความได้ 2 อย่างคือ อยู่ในขั้น อรหันตมรรคหรือ สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว นั้นอยู่ใน บทที่2 หัวข้อที่ 17 เรื่อง พบผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้ ซึ่งเขียนภายหลังหัวข้อที่ 12 นั้น ทีมงานขอให้ทุกท่านได้อ่านพิจารณาเอาเอง

จะเห็นได้ว่าทางผู้กล่าวอ้างอาจจะมีความเข้าใจผิด เนื่องจาก ในบทความของคุณ ปราโมทย์ สันตยากรในสมัยนั้น เขียนไว้ชัดเจนว่า “หลายปีต่อมาผู้เขียนจึงเข้าใจได้ว่า. ถ้าไม่เคยฟังธรรมเรื่องการทำลายผู้รู้มาก่อน.ผู้เขียนคงไม่มีปัญญาผ่านด่านสุดท้ายที่พระอนาคามีพากันไปติดอยู่ได้. สิ่งที่หลวงปู่สอนไว้นั้นเป็นมรดกธรรมที่จะต้องเอาไว้ใช้ในอนาคต.  ไม่ใช่ธรรมที่จะสามารถปฏิบัติได้ในขณะนั้น. นับเป็นความเมตตา และความละเอียดรอบคอบของครูบาอาจารย์อย่างยิ่ง. ที่มอบมรดกธรรมชิ้นนี้ไว้ให้ในนาทีสุดท้ายที่จะลาจากท่าน และไม่ได้พบกันอีกแล้วในสังสารวัฏนี้. ”  นั้น หากอ่านจบแล้วทุกท่านก็จะพบว่า คุณปราโมทย์ สันตยากร ในสมัยนั้น ม่ได้ประกาศตัวว่าได้ผ่านด่าน สุดท้ายของพระอนาคามีแต่อย่างใด หากแต่เป็นการ อธิบายว่า ท่านเพิ่งจะเข้ามาเข้าใจธรรมะที่หลวงปู่ดูลย์ทิ้งเอาไว้ เป็นมรดกธรรมที่ต้องใช้ในอนาคต ซึ่งเป็นธรรมะที่ต้องใช้ผ่านด่านสุดท้ายที่พระอนาคามีไปติดกันอยู่เท่านั้นเอง

อนึ่งหัวข้อที่ 17 นั้น เขียนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2542  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท่านยังเป็นฆราวาสอยู่อีกทั้งท่านได้ระบุไว้แล้วในคำนำของบทบันเทิงธรรมว่าเป็นการเล่าประสบการณ์ของท่าน ซึ่งผู้อ่านควรรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นความเข้าใจของท่านโดยส่วนตน

การอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนแก่อนุปสัมบัน (ผู้ที่ไม่ไ่ด้บวช) ในพระวินัยสงฆ์นั้น จะเข้าข่ายอาบัติปาราชิกต้องมีองค์ประกอบที่พระภิกษุได้กระทำในขณะที่ยังเป็นพระ ดังนี้

1. การพูดต้องระบุชัดเจน ว่าตนเองได้ภูมิอริยะชั้นใด เช่น ได้โสดาบัน ได้สกทาคามี หรือ ว่าตนเองได้สมาธิในฌานระดับใด เช่น ได้ปฐมฌาน ได้ทุติยฌาน เป็นต้น
2. ผู้พูดต้องเป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถตามที่กล่าวอ้าง และรู้ตัวอยู่ด้วยว่าไม่มีตามที่กล่าวอ้าง (แต่หากเข้าใจผิด ไม่ต้องอาบัติปาราชิก)
3. ผู้พูดจะพูดเอง หรือ จะนัดแนะให้คนอื่นพูดแทนตนก็ดี หากเข้าข่าย 2 ข้อข้างบน ต้องอาบัติปาราชิก แต่หากมีคนอื่นไปพูดต่อๆกันไปเอง ไปตีความกันเอาเอง โดยที่ผู้พูดไม่ได้นัดแนะให้พูด ก็ไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิกเช่นกัน

*** หลักฐานสำคัญที่ควรดูประกอบ ***

1. Dhammada News : เปิดหนังสือ “วิมุตติปฎิปทา” เพชรน้ำเอกของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช

2.  สำเนาหน้าเวปบอร์ดสันติธรรม <<< คลิ๊กเพื่ออ่าน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : เปิดหนังสือ “วิมุตติปฎิปทา” เพชรน้ำเอกของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช

ในขณะนี้หนังสือ วิมุตติปฎิปทา กลับมาเป็นที่โจทย์ขานอีกครั้ง เมื่อมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิง ในการตรวจสอบหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งทางทีมงาน เวปธรรมดา จึงนำเรื่องราวของหนังสืออันทรงคุณค่าเล่มนี้ เพื่อให้ท่านได้ร่วมวิเคราะห์

1.ที่มาของหนังสือวิมุตติปฎิปทา

- หนังสือวิมุตติปฎิปทา เป็นการรวบรวมผลงานเขียนของ คุณปราโมทย์ สันตยากร ในขณะนั้น (ปัจจุบันคือหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช) ทั้งในชื่อของท่านเองและนามปากกาสันตินันท์ โดยพิมพ์ครั้งแรกเพื่อเป็นที่ระลึกในงานอุปสมบทของท่าน ณ วัดบูรพาราม จ. สุรินทร์  และได้หมดในระยะเวลารวดเร็วเนื่องจากพิมพ์แค่ 1,000 เล่มเท่านั้น ต่อมาภายหลังจากที่ท่านได้ไปจำวัด ณ สำนักสงฆ์ สวนโพธิญาณ อรัญวาสี ได้สักระยะหนึ่ง คณะศิษย์จึงมีการจัดทำ หนังสือวิมุตติปฎิปทา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 เพื่อทำการแจกจ่ายแก่ญาติโยมผู้พลาดโอกาสที่จะได้รับหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ตามคำเรียกร้อง

2.ข้อแตกต่างระหว่าง ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 และ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2

- ดังที่ปรากฏในคำอนุโมทนาในการพิมพ์ครั้งที่ 2 ซึ่งได้ระบุไว้ว่าเนื้อหาของฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่จะเหมือนกับฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ซึ่งแจกในวันอุปสมบทเว้นเสียแต่จะมีการตัดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องการการปฎิบัติธรรม และเรื่องที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อนกัน แล้วเพิ่มเรื่อง “อุบายสู้กาม” ซึ่งเขียนไว้ก่อนบวช และ ”การปฎิบัติในขั้นละเอียด”  ซึ่งคือวิถีแห่งความรู้แจ้งที่เป็นบทเดียวที่เขียนหลังจากอยู่ในฐานะพระภิกษุแล้ว

3.บทสรุปของหนังสือวิมุตติปฎิปทา

- วิมุตติปฎิปทาจึงเป็นหนังสือที่รวบรวมงานเขียนด้านธรรมะถือได้ว่าเป็นเพชรน้ำเอกชิ้นหนึ่งของคุณปราโมทย์ สันตยากรในขณะนั้น โดยผู้จัดทำได้รวบรวมผลงานของท่านตามเวปบอร์ดต่างๆ ทั้งพันทิพ, ลานธรรม, สันติธรรม และกระดานข่าววิมุตติ ถืได้ว่ารวบรวมประสบการณ์และความเข้าใจของท่านในการภาวนาก่อนที่ท่านจะได้มีโอกาสเข้าสู่เพศบรรพชิตอย่างแท้จริง

>>> อ่านออนไลน์วิมุตติปฎิปทา <<<

>>> โหลดวิมุตติปฎิปทา<<<

>>> ฟังวิมุตติปฎิปทา <<<

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บทเรียนทางกฏหมาย พระปราโมทย์ สวนสันติธรรม


ข่าวโดย Nation Channel วันที่ 28 กันยายน 2553


กรุณาดู/ฟังให้จบส่วนที่ท่านผู้ว่าชี้แจง และฟังความเห็นของนักกฎหมายต่อจากนั้น จะได้ใจความโดยสมบูรณ์ครับ

อ้างอิง: National Channel รายการ ชาวกรุง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์ กับอ.สุรวัฒน์: การใช้ลมหายใจเป็นวิหารธรรม

การใช้ลมหายใจเป็นวิหารธรรม

ถ้าจิตยังไม่คุ้นเคยกับวิหารธรรมมากพอ
ก็ยังต้องมีความตั้งใจกลับมาอยู่กับหายใจไปก่อนครับ

ที่ว่าตั้งใจกลับมาอยู่กับลมหายใจนั้น
ที่ถูกจะต้องเป็นแบบ ปล่อยให้จิตที่เผลอหลงมันดับหายไป
แล้วเริ่มต้นมาอยู่กับลมหายใจใหม่ครับ
ซึ่งจะไม่ใช่การจงใจจะดึงจิตกลับมาจนรู้สึกว่า
เหมือนมีจิตก้อนหนึ่งไหลกลับมาเป็นสายเพื่อกลับมาหาลมหายใจครับ
ลองสังเกตดูนะครับ ถ้าเป็นแบบที่มาเริ่มต้นใหม่ ก็ถูกแล้วครับ

ส่วนที่รู้สึกว่าตั้งใจรู้ลม รู้สึกว่าไปแทรกแซง
รู้สึกว่าไหลไปแนบลม รู้สึกว่าดูกายเดิน อันนี้ถูกแล้วครับ :D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ผู้ว่าฯ ชลบุรียืนยันสวนสันติธรรมไม่เข้าข่ายฉ้อฉลหรือหลอกลวงประชาชน

อ้างอิง : Manager Online

ผู้ว่าฯ ชลบุรียืนยันผลการตรวจสอบของฝ่ายปกครอง พบสวนสันติธรรมไม่เข้าข่ายฉ้อฉลหรือหลอกลวงประชาชน พร้อมอนุมัติส่งเรื่องไปให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาเป็นวัด ส่วนเรื่องการสอนแบบอุตริให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ตรวจสอบเอง

วันนี้ (28 ก.ย.) นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวยืนยันว่า ผลการตรวจสอบพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 บ้านโค้งดารา ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่มีคนไปร้องเรียนว่า ฉ้อฉล หรือหลอกลวงประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอมเงินบริจาคหลายสิบล้านบาท หรือเรื่องที่ดินของสวนสันติธรรม หรือแม้แต่การสอบพระพุทธศาสนาแบบอุตรินั้น ซึ่งตนได้ส่งให้นายยุติศักดิ์ เอกอัคร นายอำเภอศรีราชา เป็นประธานในการตรวจสอบ พร้อมด้วยนายสนธยา บุญชูดวง นักวิชาการศาสนา นางสายภิญย์ สิชฌนุกฤฎ์ นักวิชาการศาสนา และนายศุภวิทย์ สีสด นิติกรที่ทำการปกครอง จังหวัดชลบุรี เป็นกรรมการนั้น

ผลการตรวจสอบขอยืนยันว่า จากพยานหลักฐานทั้งหมดพบว่าน่าเชื่อว่าไม่มีพฤติกรรมหลอกประชาชนหรือมีฉ้อฉลยักยอกเงินบริจาครวมทั้งปัญหาที่ดินของสวนสันติธรรมแต่อย่างใด เนื่องจากพยานหลักฐานในการจัดตั้งสวนสันติธรรมเป็นไปตามความประสงค์ของผู้มีจิตศรัทธาต่อพระปราโมทย์ เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติและศึกษาธรรม เนื่องจากการสร้างสวนสันติธรรมแต่แรกไม่ใช่นิติบุคคล เพราะยังไม่ใช่วัด ในการซื้อที่ดินเพื่อสร้างสวนสันติธรรม จึงต้องใช้บุคคลธรรมดาในการถือครอง ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.48 จึงซื้อในนามแม่ชี อรนุช สันตยากร อดีตภรรยาตั้งแต่เริ่มแรกจำนวน 48-2-60 ไร่ๆ ละ 120,000 บาท เป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท รวมสิ่งปลูกสร้างไปกว่า 43 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินบริจาคที่ได้มาจากผู้มีจิตศรัทธา โดยบริจาคโดยตรงเข้าบัญชีของพำนักปฏิบัติธรรม และเงินสดที่ใส่ในตู้บริจาคตามกำลังศรัทธา แต่พระปราโมทย์ซึ่งเป็นฝ่ายธรรมยุต ไม่อาจถือเงินทองทรัพย์สินใดได้ จึงต้องให้อุบาสถ หรืออุบาสิกา ช่วยกันดูแล จัดทำบัญชีรับจ่าย และงบดุล โดยมีผู้สอบบัญชีตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

จากพยานเอกสารยังพบว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.53 แม่ชีอรนุชทำหนังสือสัญญาตกลงว่าหากที่ดินถูกเปลี่ยนกลายเป็นวัดจะยกที่ดินให้เป็นของวัดซึ่งเป็นนิติบุคคล ซึ่งมีลายมือชื่อของพระปราโมทย์ยินยอมให้อุบาสิกาอรนุชยกที่ดินให้กับวัดด้วย ซึ่งนิติกรรมสัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย หากบิดพลิ้วก็มีสิทธิสามารถนำไปฟ้องร้องบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้

ดังนั้น จากพยานหลักฐานจึงน่าเชื่อว่า พระปราโมทย์ไม่มีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชน หรือมีการฉ้อฉลยอดเงินบริจาคแต่ประการใด ตนจึงอนุมัติเปลี่ยนสวนสันติธรรมเป็นวัด โดยจะส่งเรื่องไปให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาเปลี่ยนเป็นวัด แต่ในเรื่องของการอุตรินั้นขอให้เป็นเรื่องของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ พิจารณากันต่อไป

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

video: สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA (๙)

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงพระธรรมเทศนา
ณใ สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA
เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๒
มีทั้งสิ้น ๙ ตอน

mp4 (part 9) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

wmv (full video) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ลูกศิษย์ของหลวงพ่ออย่าไปยุ่งที่อื่น ให้ดูกายดูใจของตัวเอง

ให้ดูกายดูใจของตัวเอง

ให้ดูกายดูใจของตัวเอง

mp3 for download: ให้ดูกายดูใจของตัวเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: หลวงปู่เทสก์สอนว่า “สิ้นโลก เหลือธรรม” โอ.. สอนดีจริงๆ สิ้นโลกเหลือธรรม นี่ท่านเขียน “สิ้นโลก เหลือธรรม” เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของท่าน เขียนไปเขียนมานะ แล้วก็ท่านอยากปรับอีกหน่อย ท่านก็มาปรับใหม่ เป็นสิ้นโลกเหลือธรรมฉบับที่ ๒ เวอร์ชั่น ๒ มีของท่านนะ มี ๒ ฉบับนะ สิ้นโลกเหลือธรรม ดูแล้วนะ เป็นคนละสำนวนกันนะ ไม่เหมือนกันหรอก

เราภาวนานะ จนวันหนึ่งมันสิ้นโลกเหลือธรรมจริงๆ มีแต่ความสุขล้วนๆเลย ธรรมะให้ความสุขนะ โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ ต้องฝึกเอา เวลาฝึกธรรมะ ก็ตั้งอกตั้งใจดูของเราไป อย่าไปยุ่งคนอื่นเขา

บางคนยุ้งยุ่ง ยุ่งๆ นะ สร้างปัญหาให้หลวงพ่อ สร้างศ้ตรูให้หลวงพ่อม้ากมาก ลูกศิษย์เรานี่แหละ ทุกวันนี้นะ หลวงพ่อเวียนหัวมากเลย ใครๆมันก็อ้างลูกศิษย์หลวงพ่อ อ้างทั้งนั้นเลย ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ความรู้ความเข้าใจก็ยังไม่ค่อยจะมี บางคน เที่ยวร่อน ร่อน ร่อน ไปที่โน่นที่นี่ ทำไมไปยุ่งกับคนอื่น มาดูตัวเองนี่ ดูกายดูใจนี่ ลูกศิษย์ของหลวงพ่ออย่าไปยุ่งที่อื่นนะ ดูกายดูใจของตัวเอง เรียนอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปยุ่งที่อื่น

บางทีไปถามครูบาอาจารย์ แต่ละองค์ไม่เหมือนกันหรอก ท่านดีของท่านนะ ท่านดีของท่าน แต่ท่านดีแบบของท่านน่ะ ไม่มีใครหรอกปฏิบัติเหมือนใคร พวกเราที่มาเรียนกับหลวงพ่อน่ะ รู้สึกมั้ย แต่ละคนก็ปฎิบัติไม่เหมือนกัน รู้สึกมั้ยเวลาคนอื่นส่งการบ้านน่าอิจฉา เพราะเราเห็นไม่เห็นเป็นอย่างเขาเลย พอเราส่งบ้างเขาก็อิจฉาเพราะเขาก็ไม่เหมือนเรา จริงๆไม่มีใครเหมือนใครหรอก นะ

เพราะฉะนั้นอย่างครูบาอาจารย์แต่ละองค์ แต่ละองค์ ท่านก็ดีของท่านนะ เราอย่าไปดูว่าไม่เหมือนหลวงพ่อแล้วก็ใช้ไม่ได้นะ โง่ที่สุดเลยนะ โง่มากๆเลย ใครมาบอกว่าหลวงพ่อดีล่ะ คิดเอาเองนะ คิดเอาเอง

ยกตัวอย่างครูบาอาจารย์แต่ก่อนนะ บางองค์ คนไปบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์เหรอ ท่านบอกเป็นเหมือนกันแต่เป็นพระอรหันต์ที่หนังสือพิมพ์โลกทิพย์ตั้งให้ นะ มันหาเรื่องนะ เพราะฉะนั้นทำอะไรนะ อย่าลืม เราเรียนธรรมะเนี่ย เพื่อลดละกิเลสของเราเอง เราเรียนเรื่องตัวของเราเองนะ เรียนให้เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” ก็คือกายกับใจ เรียนอยู่อย่างนี้แหละ ซ้ำไปซ้ำมา จนใจมันเห็นจริงนะ ใจมันจะคลายออก ถอยออกมา เคลื่อนๆ ถอย ไม่ยึดกายไม่ยึดใจ เป็นอิสระจากกายจากใจ ไม่ยึดถืออะไรในโลก

กระทั่งกายกับใจยังไม่ยึดแล้วมันจะไปยึดอะไร ทุกอย่างที่เรายึดนะ เพราะมันเนื่องด้วยกายด้วยใจ อย่างนี่เมียเรา นี่ลูกเรา ใช่มั้ย ก็เนื่องด้วยกายด้วยใจนี้ อันนี้บ้านของเรา ก็เนื่องด้วยกายด้วยใจนี้ เพราะฉะนั้น ตั้งใจเอานะ เรียนเอา เอาธรรมะของจริงเพื่อความพ้นทุกข์ของตัวเองให้ได้

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 510427B.mp3
ลำดับที่ ๔
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ หลังฉันเช้า
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๒ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์ กับ อ.สุรวัฒน์: สักว่ารู้

สักว่ารู้

สักว่านั้น ไม่ใช่เราไปแกล้งๆทำเป็นสักว่านะครับ
แต่ต้องหัดมีสติ หัดรู้กายใจไปจนจิตตั้งมั่น มีปัญญาระดับหนึ่งแล้ว
จึงจะสามารถสักว่ารู้ได้โดยไม่ต้องแกล้งๆทำเลยครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝาก

ประกาศสวนสันติธรรม
เรื่องการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรม
วันที่ 27 กันยายน 2553

ตามที่สวนสันติธรรมได้เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา และได้มอบหมายให้นางอรนุช สันตยากร นางสาวชยาทร เตชะไพบูลย์ และนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย คนใดคนหนึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกถอนเงินจากบัญชี แต่ปัจจุบันเนื่องจากได้มีผู้ร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการ และมีข้อกล่าวหาว่าสวนสันติธรรมมีพฤติกรรมไปในลักษณะ ยักย้ายเงินไปใช้ในทางไม่ชอบ อันเป็นข้อร้องเรียนที่ไม่เป็นความจริงและไม่เป็นธรรมต่อสวนสันติธรรม จนเป็นเหตุให้สวนสันติธรรมได้รับความเสียหาย ซึ่งนายอภิชาติ หนึ่งในผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสวนสันติธรรมให้เป็นผู้มีอำนาจในการเบิกถอนเงินจากบัญชีของสวนสันติธรรม ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการให้ข่าวซึ่งเป็นในทางตรงข้ามกับสวนสันติธรรมด้วย บัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรมที่นายอภิชาติ เป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินนั้นประกอบไปด้วยบัญชีเลขที่ดังต่อไปนี้

1. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 172-2-26228-8
2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทประจำ บัญชีเลขที่ 172-3-09679-7 (106,107,108)
3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทกระแสรายวัน บัญชีเลขที่ 172-1-05511-2

สวนสันติธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย ได้ให้ข่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสวนสันติธรรมแล้วในปัจจุบัน และยังได้ลาออกจากการเป็นกรรมการของสวนสันติธรรมแล้ว สวนสันติธรรมจึงมีความประสงค์ที่จะถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าวข้างต้น เพื่อนำเงินไปฝากใหม่ในนามของผู้แทนสวนสันติธรรม อันประกอบไปด้วย นายธนา รุจิพัฒนกุล นางสาวกนิษฐะวิริยา ต.สุวรรณ นายประสาน พุทธกุลสมศิริ โดย ถอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 172-2-26228-8 และจากบัญชีกระแสรายวัน บัญชีเลขที่ 172-1-05511-2 ไปฝากยังธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 172-2-37837-5 และถอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทประจำ บัญชีเลขที่ 172-3-09679-7 ไปฝากยังธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศรีราชา ประเภทประจำ บัญชีเลขที่ 172-3-10024-7/01 คงเหลือเงินในบัญชีเงินฝากเดิมบัญชีละ 1,000 บาท สำหรับเรื่องการปิดบัญชีเดิมนั้น ทางสวนสันติธรรมได้เคยแจ้งทางโทรศัพท์ไปยังภรรยาของนายอภิชาติแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 2553 แต่ยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้สวนสันติธรรมได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝากแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2553 และเพื่อมิให้บุคคลอื่นๆ หรือผู้ร้องเรียนเดิม นำเรื่องการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไปทำการร้องเรียนโดยอาจจะมีการกล่าวหา และกล่าวอ้างว่าสวนสันติธรรมทำการเปลี่ยนแปลง ถอนเงินในบัญชีเพื่อความประสงค์ที่จะทำการยักย้ายถ่ายเงินฝากอีก สวนสันติธรรมจึงได้แจ้งความขอลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ณ สภต.หนองขาม และ สอภ.ศรีราชา เรียบร้อยแล้ว และจะได้ส่งข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสวนสันติธรรมเพื่อทราบต่อไปด้วย

อนึ่งสวนสันติธรรมขอประกาศให้ทราบเพิ่มเติมว่า  แม้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งจำเป็นต้องมีชื่อของอุบาสิกาอรนุชเป็นผู้ร่วมถือบัญชีนั้น ก็เป็นไปตามความเห็นชอบของสงฆ์และกรรมการสวนสันติธรรมท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน ไม่ใช่ความเรียกร้องต้องการของอุบาสิกาอรนุชแต่อย่างใด และในปัจจุบันอุบาสิกาอรนุชไม่ได้ถือบัญชีใดๆ ของสวนสันติธรรมทั้งสิ้น

อ้างอิง : wimutti.net forum

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ประเด็นแถลงข้อเท็จจริง ครั้งที่ 2 กรณีของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ประเด็นแถลงข้อเท็จจริง ครั้งที่ 2
กรณีของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร ถูกกล่าวหา
วันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2553

1. เรื่องกุฏิอยู่ใกล้กัน
1.1 ในชั้นแรกที่ไปดูที่ดินเพื่อสร้างสวนสันติธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ได้กำหนดที่ตั้งกุฏิว่าให้ตั้งบนยอดเนินใกล้เชิงเขา ถัดลงมาให้เป็นกุฏิของพระอุปัฏฐาก และให้คุณฐิตินาถไปหาที่ตั้งกุฏิของอุบาสิกาอรนุชตามความเหมาะสม ซึ่งในเอกสารประกอบการประชุมกรรมการก่อสร้างเมื่อ 4 กันยายน 2548 ระบุชัดเกี่ยวกับที่ตั้งกุฏิของหลวงพ่อว่า

  • บริเวณกุฏิพระอาจารย์
    • อยู่ด้านในสุดของที่ดิน บนเนิน และติดน้ำ ติดเขา
    • มีรั้วกั้นโดยรอบและมีประตูปิดหนาแน่นกั้นอีกชั้นหนึ่ง
    • อาจขุดสระน้ำ หรือบึงบัวขนาดใหญ่กั้นขอบด้านนอก (2 ขอบ) ดังนั้นอาจทำกุฏิเป็น over water
    • มีทิวไม้ปิดกั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุดขอบที่ เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
    • มีทางเดินจงกรมบนดิน (เรียบทางน้ำ ถ้าเป็นไปได้) พร้อมที่ล้างเท้า
    • ยกพื้น 2 ระดับ
      ระดับที่ 1 จากพื้นขึ้นชานชาลาพักผ่อน และรับแขก
    • ตรงติดบันไดทางขึ้นกุฏิ มีห้องแยกสำหรับผู้ดูแล โดยมีห้องน้ำด้านนอกห้อง
      ระดับที่ 2 แยกจากชานชาลามาเป็นส่วนห้องส่วนตัว

1.2 ในขั้นการจะลงมือก่อสร้างจริง คุณฐิตินาถได้ย้ายที่ตั้งกุฏิของหลวงพ่อกับพระอุปัฏฐากให้สลับที่กัน โดยอ้างเหตุผลด้านการรักษาความปลอดภัยว่าหลวงพ่อไม่ควรอยู่ติดรั้วสวนสันติธรรม แต่ให้อยู่กลางและแวดล้อมด้วยกุฏิพระอุปัฏฐาก กุฏิอุบาสิกาอรนุช บ้านคุณฐิตินาถ และบ้านคุณอารีย์ (ดูภาพถ่ายจากดาวเทียมประกอบ) ดังนั้นตำแหน่งที่ตั้งของกุฏิหลวงพ่อและกุฏิอุบาสิกาอรนุช จึงเป็นไปตามการกำหนดของคุณฐิตินาถเอง
1.3 ต่อมาเมื่อมีการสร้างรั้วกั้นระหว่างที่ดินของสวนสันติธรรมและที่ดินของคุณฐิตินาถ จึงดูเหมือนว่ากุฏิของพระอุปัฏฐาก กุฏิของหลวงพ่อ และกุฏิของอุบาสิกาอรนุชอยู่เรียงกันตามลำพัง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกุฏิของพระอุปัฏฐากกับกุฏิของหลวงพ่ออยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดร้องเรียกกันได้ แต่กุฏิของอุบาสิกาอยู่ห่างออกไปมาก และอยู่ในระดับต่ำกว่ากุฏิของหลวงพ่อมาก และมีต้นไม้กั้นอยู่มากจนมองไม่เห็นกุฏิหลวงพ่อ

2. เรื่องคำสอน
ธรรมะที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนนั้น จะเป็นการให้หัดรู้สึกตัว หัดรู้กายบ้าง หัดรู้จิตบ้าง หัดรู้สภาวะที่กำลังปรากฏไปด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง เพื่อให้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปนามหรือของขันธ์ 5 ใช้ปฏิบัติทั้งในระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน และทั้งในช่วงที่ปฏิบัติตามรูปแบบ
โดยจะเหมาะกับจริตนิสัยของผู้ปฏิบัติที่เหมาะกับชาวเมืองส่วนใหญ่ที่จะหาเวลามาปฏิบัติภาวนาในแต่ละวันได้ยากเต็มที หลวงพ่อจึงเน้นให้มาหัดเจริญสติเจริญปัญญาอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก และในแต่ละวันหลวงพ่อจะให้หัดปฏิบัติตามรูปแบบที่ถนัด จะวันสิบนาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชัวโมง หรือมากกว่าแล้วแต่สะดวก เพื่อให้จิตตั้งมั่นมีสมาธิด้วย อย่างไรก็ตามแนวทางที่หลวงพ่อวางไว้ให้นี้ ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนที่มาเรียนแล้วก็อาจปฏิบัติตามไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ

3. ผลสอบของ DSI
ในวันที่ 23 กันยายน 2553  นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยกับ TNN Thailand ว่า จากการรายงานเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อร้องเรียนของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มอดีตลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปราโมชฺโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ทั้งกรณีเรื่องของเงินบริจาค ที่ดิน ที่อ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของอุบาสิกาอรนุช สันตยากร อดีตภรรยานั้น ยังไม่พบว่า พระปราโมทย์ได้มีการกระทำความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน โดยพระปราโมทย์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องของเงินบริจาคที่มีคณะกรรมการดำเนินการร่วม กรณีที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด ตรวจสอบเรื่องความใกล้ชิดกับอุบาสิกาอรนุช ที่ถูกร้องเรียนว่า กุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริมนุษธรรม ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใดๆ ที่ผิดต่อพระธรรมวินัย

4. เรื่องกรรมการลาออก
4.1 เดิมสวนสันติธรรมมีกรรมการหลายประเภท เช่นกรรมการที่ปรึกษา กรรมการบริหาร และกรรมการทั่วไป การแต่งตั้งจะพิจารณาจากความเหมาะสมหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยงานของสวนสันติธรรม (เน้นการช่วยงาน ไม่ใช่การช่วยเงิน กรรมการส่วนใหญ่จึงมีฐานะปานกลางเท่านั้น) แต่ยังมีการแต่งตั้งอีกประเภทหนึ่ง เช่น การแต่งตั้งบุคคลบางท่านที่มีความตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติธรรมแต่ยากลำบากเรื่องการเดินทาง เพื่อให้มีสิทธิ์เข้าพักที่สวนสันติธรรมได้เป็นพิเศษ หรือแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติและเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่ทำงานด้านการเผยแผ่ธรรมะ เป็นต้น รวมแล้วสวนสันติธรรมมีกรรมการหลายสิบท่าน
4.2 เมื่อกลางเดือนมกราคม 2553 มีกรรมการของสวนสันติธรรมเพียงส่วนน้อยจำนวน 6 ท่านลาออก โดยให้เหตุผลกับสวนสันติธรรมว่ามีภารกิจส่วนตัว ท่านหนึ่งในจำนวนนี้ได้มาขอขมาหลวงพ่อปราโมทย์ในภายหลัง และให้เหตุผลว่าแม้จะได้รับการโน้มน้าวชักชวนให้ลาออก แต่ความจริงตนต้องการลาออกอยู่ก่อนแล้วเพราะมีภารกิจมากจนไม่สามารถช่วยงานทอดกฐินเมื่อปี 2552 ได้เต็มที่ และเมื่อลาออกแล้ว ตนก็ไม่ได้เข้าร่วมขบวนการโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีกรรมการส่วนมากอีก 24 ท่านที่ไม่ได้ลาออก ซึ่ง(บางท่าน)ได้เปิดเผยว่าตนเองก็ถูกโน้มน้าวชักจูงกระทั่งข่มขู่ให้ลาออกเช่นกัน

5. ประเด็นการกล่าวหาต่าง ๆ
การสร้างเรื่องใส่ร้ายรายวันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะตามอธิบายได้ทุกเรื่อง จึงขอฝากให้สื่อมวลชนช่วยพิจารณาด้วยว่า หากหลวงพ่อปราโมทย์มีความผิดจริง และกลุ่มที่ต่อต้านหลวงพ่อปราโมทย์รักและต้องการพิทักษ์พระพุทธศาสนารวมทั้งมีข้อมูลอยู่จริง ก็ไม่จำเป็นจะต้องอาศัยการประโคมข่าวโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์เป็นเวลาแรมปีอย่างที่ทำอยู่ อันจะส่งผลให้พระพุทธศาสนาในองค์รวมได้รับความมัวหมองไปด้วย การสร้างกระแสโจมตีอย่างทุกวันนี้ เป็นการฟ้องตนเองอยู่แล้วว่า กระทำไปด้วยความมุ่งร้ายต่อหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการเฉพาะ โดยหาความผิดใดๆ กับหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ได้ และไม่คำนึงด้วยว่าจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อพระพุทธศาสนามากขึ้นหรือไม่
การกล่าวร้ายต่างๆ นั้น ยิ่งนับวันก็ยิ่งกระทำอย่างเปิดเผยและค่อนข้างหยาบคาย เพราะเห็นว่าหลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระที่มีแต่ความเมตตา ไม่ฟ้องร้องเอาโทษตามกฏหมายและไม่ตอบโต้ จึงกล่าวร้ายโจมตีหลวงพ่อได้อย่างสบายใจ น่าจะเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวพุทธที่รักความเป็นธรรม จะต้องช่วยกันจับตาดูพฤติกรรมและแรงจูงใจเบื้องหลังของบุคคลเหล่านี้ และไม่ช่วยประโคมข่าวที่ขาดหลักฐานให้กับบุคคลเหล่านี้ ซึ่งความจริงมีจำนวนไม่มากนัก แต่อาศัยการผลัดกันโจมตีบ้าง รุมกันโจมตีบ้าง แล้วใช้การประชาสัมพันธ์เป็นเครื่องมือขยายผลอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ในส่วนของสวนสันติธรรม ก็คงไม่จำเป็นต้องตามแก้ข่าวใส่ร้ายเหล่านี้ทุกเรื่องไป เพราะคงไม่มีที่สิ้นสุดลงได้เลย

อ้างอิง : wimutti.net forum

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: อ.สุรวัฒน์ชี้แจง กรณีประธานบ้านอารีย์โต้แย้งเรื่องกรรมการที่ลาออกข่มขู่กรรมการที่เหลือ

จากข่าวบางส่วนของคมชัดลึก : http://www.komchadluek.net/detail/20100927/74481/ฐิตินาถปฏิเสธกรณีขอเป็นลูกบุญธรรมพระปราโมทย์.html

“นายวีรณัฐ โรจนประภา ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็รู้สึกตกใจเหมือนกันในกรณีที่อาจารย์สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดพระปราโมทย์ออกมาแถลงข่าวถึงกรณีที่มีคณะกรรมการลาออก 6 คน มีหนึ่งในนั้นกลับไปขอขมาพระปราโมทย์ นไม่ได้ติดใจอะไร แต่มีเนื้อหาอยู่ส่วนหนึ่งซึ่งยังคลางแคลงใจ คือเรื่องที่บอกว่าคณะกรรมการที่ลาออกนั้น มีการชักชวนคณะกรรมการที่เหลืออยู่ให้ลาออก ด้วยการโน้มน้าว และมีการข่มขู่ให้ลาออกด้วย

“เรื่องการที่กรรมการคนหนึ่ง หลังจากที่ลาออกมาแล้วย้อนกลับเข้าไปขอขมานั้น ผมทราบดีว่าที่เขาทำไปเพราะไม่อยากมีเรื่องราวต่อไปหลังจากที่เกิดความขัดแย้งอยากออกมาอยู่แบบปกติไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องดังกล่าว แต่ข้อที่ผมจะขอโต้แย้งคือ เรื่องที่มาบอกว่ามีการข่มขู่ให้กรรมการที่เหลือลาออก โดยส่วนตัวผมไม่เคยแม้จะพูดชักจูงหรือชักชวนใคร ซึ่งการข่มขู่นั้นไม่สามารถเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามีกรรมการคนไหนไปข่มขู่ใครในเรื่องอย่างนี้เช่นกัน แต่ถ้าอาจารย์สุรวัฒน์ มีหลักฐานก็บอกมาแบบระบุรายบุคคลเลย เพราะคณะกรรมการที่ลาออกมาก็มีไม่กี่คน ก็รู้จักกันทั้งนั้น” นายวีรณัฐกล่าว”

ซึ่งจาก Facebook ของ อ.สุรวัฒน์ โดยอ.สุรวัฒน์ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวซึ่งเกิดในงานแถลงข่าว

ของอาจารย์ที่สวนสันติธรรมเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2553

ความจริงเรื่องการแถลงข่าวในบางประเด็น
ดังที่ปรากฏเป็นข่าวในคมชัดลึกวันนี้…

ในการแถลงข่าว “ไม่ได้บอกว่า”
กรรมการที่ลาออกไปข่มขู่กรรมการที่เหลือ
มีแต่ที่ปรากฏตามเอกสารที่แจกนักข่าวไปทำนองว่า
กรรมการที่เหลือบางคนถูกข่มขู่

ใครมีเพื่อนเป็นนักข่าวก็ไปขอดูเอกสารที่แจกได้นะครับ^_^”

เอกสารสำคัญ : ประเด็นแถลงข้อเท็จจริง ครั้งที่ 2 กรณีของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

*** ข่าวที่เกี่ยวข้อง ที่ควรอ่านประกอบ ***

1. Dhammada News: ประธานบ้านอารีย์อ้างลูกศิษย์หลวงพ่อฯลือว่าตนโดนปีศาจกิ้งก่าสมัยทวาราวดีเข้าสิง

2. คุณวีรณัฐ เคยกล่าวถึงการประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์ ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ของคุณสรยุทธ์ ทางช่อง 3

ซึ่งเจ้าของการประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์ตัวจริง ได้ออกมาชี้แจงตามข่าวนี้

Dhammada News: คำชี้แจงของผู้เปิดประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์

3. Dhammada News: อ.สุรวัฒน์ ชี้แจงประเด็นข่าวงานแถลงสวนสันติธรรมเมื่อวานนี้

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: คำอธิบายเกี่ยวกับการวางผังของสวนสันติธรรม

คำอธิบายเกี่ยวกับการวางผังของสวนสันติธรรม
เพื่อประกอบการอ่านภาพถ่ายจากดาวเทียม

พื้นที่ในปัจจุบันของสวนสันติธรรมแยกได้เป็น 3 โซน คือ โซนแรกเป็นลานจอดรถ ศาลาใหญ่ และกุฏิที่พักบุคคลภายนอกที่เข้ามาพักปฏิบัติธรรมในสวนสันติธรรมเป็นการชั่วคราว โซนที่ 2 คือฝั่งซ้ายของถนนกลางสวนสันติธรรมที่ตัดไปบ้านคุณฐิตินาถ เป็นโซนของพระภิกษุ และโซนที่ 3 คือฝั่งขวาของถนนดังกล่าว เป็นที่ตั้งกุฏิของอุบาสกอุบาสิกาที่อยู่ประจำในสวนสันติธรรม

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวางผังสวนสันติธรรม ต้องมองรวมถึงการวางผังของบ้านคุณฐิตินาถด้วย เพราะคุณฐิตินาถเป็นผู้วางผังการก่อสร้างทั้งสองส่วนนี้ให้กลมกลืนประสานสัมพันธ์กัน โดยไม่มีแนวความคิดที่จะแยกสวนสันติธรรมกับบ้านของตนออกจากกัน ส่งผลให้เกิดการวางผังให้มีถนนจากศาลาใหญ่ของสวนสันติธรรม พุ่งผ่านกลางสวนสันติธรรมไปยังบ้านของตน และมีการกำหนดให้กุฏิของหลวงพ่อประโมทย์อยู่ตรงกลาง แวดล้อมด้วยกุฏิของพระอุปัฏฐาก กุฏิของอุบาสิกาอรนุช บ้านพักของคุณฐิตินาถ และบ้านพักของคุณอารีย์ แกล้วทะนง-มารดาของคุณฐิตินาถ ต่อมาเมื่อต้นปี 2550 มีการสร้างรั้วกั้นระหว่างสวนสันติธรรมกับที่ดินของคุณฐิตินาถ จึงส่งผลให้เหลือกุฏิของพระอุปัฏฐาก กุฏิของหลวงพ่อประโมทย์ และกุฏิของอุบาสิกาอรุนุช ตั้งเรียงกันแยกส่วนออกจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของสวนสันติธรรม โดยมีสระน้ำกั้นอยู่

ความจริงในชั้นแรก หลวงพ่อปราโมทย์กำหนดให้สร้างกุฏิของท่านไว้ ในบริเวณที่เป็นกุฏิของพระอุปัฏฐากในปัจจุบัน และกุฏิของพระอุปัฏฐากจะอยู่ในบริเวณกุฏิของหลวงพ่อปราโมทย์ แต่ในขั้นการก่อสร้าง มีการย้ายกุฏิของหลวงพ่อปราโมทย์สลับที่กับกุฏิของพระอุปัฏฐาก ด้วยเหตุผลทางด้านการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ที่ตั้งกุฏิของหลวงพ่อปราโมทย์กับกุฏิของพระอุปัฏฐากอยู่ในระนาบเดียวกัน และอยู่ใกล้กันขนาดที่สามารถเรียกกันได้ แต่กุฏิของหลวงพ่อกับกุฏิของอุบาสิกาอรนุชอยู่ต่างระดับกันมาก มีสภาพเหมือนอยู่ในหุบ ทั้งยังมีทั้งรั้ว ต้นไม้และถนนกั้น หากมองภาพถ่ายจากดาวเทียม จะรู้สึกว่าไม่ห่างกันมากนัก แต่ในความเป็นจริงของเส้นทางเดินแล้วอยู่ห่างกันมาก และไม่สามารถมองเห็นกันได้เลย

ปัจจุบันสวนสันติธรรมมีผู้อยู่ประจำมากพอสมควร คือมีพระ 6 รูป อุบาสิกาและฆราวาสอีก 3-4 คน คนงานอีกไม่น้อยกว่า 10 คน และยังมีผู้หมุนเวียนเข้าพักปฏิบัติธรรมอีกชุดละ 6 คน สวนสันติธรรมจึงไม่ใช่สถานที่เปลี่ยวและปลอดคน แต่เป็นสถานที่สงบสงัดเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

อ้างอิง : wimutti.net forum


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

video: สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA (๘)

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงพระธรรมเทศนา
ณใ สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA
เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๒
มีทั้งสิ้น ๙ ตอน

mp4 (part 8) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

wmv (full video) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 712345...Last »