Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ธรรมะคือธรรมดา

ธรรมะคือธรรมดา

ธรรมะก็คือ ธรรมดา นี่แหละครับ
อะไรที่เกิดขึ้นหากจิตไปรับรู้ด้วยความเห็นเป็นธรรมดา
จิตก็จะตั้งมั่น ไม่หลงไปปรุงแต่งให้เป็นทุกข์ร้อน อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าหัดดูสภาวะต่อไปจนจิตยอมปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น :D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลวงพ่อไม่ได้สอนสิ่งที่ถูก หลวงพ่อบอกให้รู้สิ่งที่ผิด

mp3 (for download): หลวงพ่อไม่ได้สอนสิ่งที่ถูก หลวงพ่อบอกให้รู้สิ่งที่ผิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อไม่ได้สอนสิ่งที่ถูก หลวงพ่อบอกให้รู้สิ่งที่ผิด

หลวงพ่อไม่ได้สอนสิ่งที่ถูก หลวงพ่อบอกให้รู้สิ่งที่ผิด

หลวงพ่อปราโมทย์ : สิ่งที่ผิดมี ๒ อัน หลวงพ่อไม่ได้สอนสิ่งที่ถูกนะ หลวงพ่อบอกให้รู้แต่สิ่งที่ผิด สิ่งที่ถูก ถ้าเราไม่ผิดมันก็ถูกเอง สิ่งที่ผิดอันแรกก็คือใจลอยไป เราเผลอๆ เราเหม่อๆ เราคิดไปทั้งวัน ในโลกมีแต่คนหลง คนทั้งโลกเลย ตื่นขึ้นมา ตื่นแต่ตัว แต่ใจจะคิดๆ ฝันๆ ไปทั้งวัน ไม่รู้ตัวเอง อีกพวกหนึ่งคือนักปฏิบัติ จะชอบไปเพ่งเอาไว้ ไปบังคับไว้ ไปประคองไว้ ไปกำหนดเอาไว้ ใจก็จะนิ่งๆ ทื่อๆ ร่างกายก็แข็งๆ ใจก็แข็งๆ

ในความสุดโต่งมี ๒ อัน ถ้าเราไม่หลงผิดไปสุดโต่ง ๒ ด้านนี้ เราจะถูกอัตโนมัติเลย เพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่นละ ถ้าไม่สุดโต่งข้างซ้ายข้างขวา ก็เข้าตรงกลางเลย ทางสายกลางเราก็ไม่ต้องไปค้นคว้า ไม่ต้องไปหามัน แค่ใจเราลอยไปเรารู้ทัน เราก็จะตื่นขึ้นมาในฉับพลันนั้น


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี
ต.หนองตากยา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
เมื่อวันอังคารที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า
CD สวนสันติธรรมแผ่นที่ ๑๑
ลำดับที่ ๒
File: 490103B
นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๐ ถึงนาทีที่ ๔วินาทีที่ ๔๖

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เมื่อจิตชอบ ไหลไปแช่ กับความโล่ง ว่าง

เมื่อจิตชอบ ไหลไปแช่ กับความโล่ง ว่าง

ไหลไปแล้วรู้ ไหลไปแล้วรู้ เท่านี้ก็เห็นว่าจิตบังคับไม่ได้(เป็นอนัตตา)แล้วครับ
แต่ถ้ายังจะฝืนให้จิตดีไม่ไหลไปก็จะไม่เห็นความจริงว่าบังคับไม่ได้
หัดดูจิตที่ไหลไปนี่แหละครับ กี่ปีก็ดูไปแล้ววันหนึ่งจะพ้นทุกข์ได้

และถ้ารู้ว่าจิตไหลไปแช่โล่งว่าง ก็ไม่ได้ติดวิปัสสนูนะครับ
ถ้าติดจะไม่รู้ ถ้ารู้จะไม่ติดครับ :D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาไปแล้วไม่สุขเหมือนตอนแรกๆ

Mp3 for download : ภาวนาไปแล้วไม่สุขเหมือนตอนแรกๆ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนาแล้วไม่สุขเหมือนตอนแรก

ภาวนาแล้วไม่สุขเหมือนตอนแรก

โยม : หลวงพ่อครับ เวลารู้สึกตัวเนี่ย เดี๋ยวนี้ทำไมมันไม่ค่อยแฮปปี้เหมือนแต่ก่อนเลยล่ะครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันฉลาดขึ้นกว่าแต่ก่อนมั้ง มันจะแฮปปี้อะไรนักหนา โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ แต่เดิมมันคล้ายๆเด็กไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นนะ พอมันตื่นขึ้นมาก็ โอ๊..สดใส ซาบซ่า พอตื่นเนืองๆ เห็นไหม โลกเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย

นอกจากไม่แฮปปี้นะ บางทีภาวนาไปแล้วรู้สึกจืดชืดที่สุดเลย ใจจะแห้งแล้งเลย บางที รู้สึกโลกนี้ไม่น่าสนใจ ความสุขก็ไม่ใช่สิ่งที่อิงอาศัยได้ ความดีก็ไม่ใช่สิ่งที่อิงอาศัยได้ ความสงบก็อิงอาศัยไม่ได้ ชั่วคราวไปหมดเลย เนี่ย ใจจะเข้าไปสู่ เห็นทุกสิ่งนะเสมอกัน น่าเบื่อเหมือนกัน เป็นทุกข์เหมือนกัน หาสาระแก่นสารเป็นที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้เหมือนๆกันหมดเลย

ใจจะรู้สึกจืดชืด ถ้าใจจืดชืดตรงนี้ ให้รู้ว่าจิตใจเราจืดชืด ให้รู้ลงไปอีกนะ ความจืดชืดเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาอีกอันหนึ่ง หรือความเบื่อ ความกลัว เป็นสิ่งแปลกปลอมเข้ามา พอใจเราเป็นกลางขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มันจะเป็นกลางกับสภาวะทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่ได้เจตนาให้เป็นกลางแล้ว คราวนี้เป็นกลางเพราะมีปัญญาเห็นว่าอย่างชั่วคราว ทุกอย่างบังคับไม่ได้เหมือนๆกันหมดเลย

พอใจเข้ามาสู่ความเป็นกลางในระดับนี้ จิตจะหยุดความปรุงแต่ง อริยมรรคก็จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นให้ดูไป มันเบื่อก็ดูไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๐
CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๑
File: 500707B
ระหว่างนาทีที่ ๑๑วินาทีที่ ๔๕ ถึงนาที่ที่ ๑๓ วินาทีที่ ๒๑

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรมสวนสันติธรรม มกราคม 2554

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

เดือนมกราคม พ.ศ.2554

วัน เวลา นัดพบ วันที่รับสมัคร
วันเสาร์ 1 มกราคม พ.ศ.2554 5.00 น. ปั๊มเอสโซ่ สถานีอารีย์ 20-28 ธ.ค. 53
วันอาทิตย์ 2 มกราคม พ.ศ.2554 5.00 น. ปั๊มปตท. ใกล้เซียร์รังสิต 20–28 ธ.ค.53
วันอาทิตย์ 9 มกราคม พ.ศ.25 54 5.00 น. ปั๊มปิโตรนาส เจริญนคร 3-7 ม.ค. 54
วันเสาร์ 15 มกราคม พ.ศ.25 54 5.00 น. ปั๊มเอสโซ่ สถานีอารีย์ 3-13 ม.ค. 54
วันอาทิตย์ 30 มกราคม พ.ศ.25 54 5.00 น. ปั๊มเอสโซ่ บางแค 17-26 ม.ค. 54

แผนที่
(คลิ้กที่ภาพ เพื่อดูแผนที่ขนาดเต็ม)

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มเอสโซ่บางแค

แผนที่ ปั๊มเอสโซ่บางแค


โดยมีรายละเอียดและการสำรองที่นั่ง ดัง นี้
1. กรุณาสำรองที่นั่งภายในวันเวลาที่ รับสมัคร โดยส่งชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และจำนวนที่นั่งที่ต้องการจองมาที่

    คุณดี เบอร์ 089-694-2994
    โดยโทรศัพท์ หรือ ส่งข้อความเท่านั้น กรุณาอย่าฝากข้อความ

2. ทางกลุ่มฯของดรับบริจาคหรือเรี่ยไร สมทบทุนทุกกรณี หากมีการเรี่ยไรจากผู้ให้บริการ จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฯ และทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องสมทบทุนได้ และหากมีกรณีเช่นนี้ขอความกรุณาแจ้งมาทางเมล์ของกลุ่มฯด้วยครับ

3. หากมีปัญหาจากการให้บริการ หรือไม่ได้รับความสะดวกประการใด หรือมีข้อเสนอแนะประการใด กรุณาติดต่อมาที่ van.dhammada.net@gmail.com ได้

4. อนึ่งขอให้ทุกท่านตรงต่อเวลาและใน กรณีที่มีเหตุจำเป็นจะยกเลิกการสำรองที่นั่ง กรุณาแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ผู้อื่นได้ใช้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเจริญความรู้สึกตัว

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเจริญความรู้สึกตัว

การรู้สึกตัวก็เป็นแบบนี้แหละครับ คือ
บางวันก็รู้สึกตัวได้บ่อย บางวันก็รู้สึกตัวได้ไม่กี่ครั้ง
บางครั้งก็รู้กายรู้ใจได้ชัด บางครั้งก็รู้กายรู้ใจไม่ชัด (รู้ตัวไม่เต็มที่)
ที่สำคัญคือ จะรู้สึกได้อย่างไร ก็ให้รู้ไปตามที่เป็นจริงนั่นแหละครับ

ส่วนที่ว่า รู้สึกตัวต่อเนื่องกันได้นานนั้น
ถ้าสังเกตดูแล้วเห็นว่า ความรู้สึกตัวนั้นก็เกิดดับต่อเนื่องกันไป
(รู้สึกตัวได้ถี่ๆติดต่อกัน) ก็ไม่ผิดหรอกครับ
แต่ถ้าสังเกตเห็นว่า รู้สึกตัวค้างนิ่งๆ อยู่
ไม่เห็นว่าเดี๋ยวจิตก็ออกทางตา เดี๋ยวก็ออกไปทางหู เดี๋ยวก็ออกไปคิด ฯลฯ
สลับไปมากับรู้สึกตัวถี่ๆ ก็อาจเป็นการติดนิ่งไปครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทุกอย่างในชีวิตนี้ชั่วคราว

mp3 for download: ทุกอย่างในชีวิตนี้ชั่วคราว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทุกอย่างในชีวิตนี้ชั่วคราว

ทุกอย่างในชีวิตนี้ชั่วคราว

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นเราดูของจริงในใจเราเรื่อยๆนะ วันหนึ่งปัญญามันเกิด มันจะเห็นเลยว่า ทุกอย่างเกิดแล้วดับหมดเลย ถ้าทุกอย่างเกิดแล้วดับ ใจยอมรับความจริงตรงนี้ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเรา เราจะไม่กลุ้มใจแล้ว

แฟนเราทิ้ง ต้องกลุ้มใจมั้ย เห็นมั้ย มีแฟนมันก็ของชั่วคราวนะ มันไม่ทิ้งเราวันนี้ ไปแต่งงานกับมันนะ วันหนึ่งมันก็ตายไป หรือไม่เราก็ตายจากมัน ก็ต้องทิ้งกันอยู่ดีแหละ ทุกอย่างมันชั่วคราวนะ เพียงแต่ชั่วคราวบางอันมันหลายสิบปีหน่อย หลายสิบปีแห่งความทุกข์ทรมาน

เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกของถาวร ถ้าเมื่อไหร่ใจของเรายอมรับความจริงตรงนี้ได้นะ ใจเราจะทุกข์น้อยมากเลย เพราะฉะนั้นพวกเด็กๆหลวงพ่อให้การบ้านแล้วนะ ไปดูใจของเราบ่อยๆ ให้เห็นเลยว่าทุกอย่างในใจเรานี้ชั่วคราว อย่าคิดเอานะ ดูของจริง ดูความโลภเกิดขึ้น ดูสิ เธอจะอยู่ได้นานมั้ย ดูเรื่อยๆ แต่อย่าจ้องใส่นะ ถ้าจ้องมันจะนิ่งไปหมดเลย ไม่ดี แค่รู้สึก แค่รู้สึกเอาเท่านั้น ความโกรธเกิดขึ้นมาก็รู้ อ้อ..มันโกรธแล้วนะ อย่าไปจ้องใส่ตัวความโกรธนะ แค่รู้อย่าไปเพ่งใส่ เวลาเพ่งใส่เนี่ยจิตเราจะเคลื่อนเข้าไปเกาะนิ่งๆ อันนี้ใช้ไม่ได้

เราแค่รู้ ใจอยู่ต่างหากนะ เราเห็นความโกรธ เหมือนคนเดินผ่านหน้าบ้าน เห็นความโลภ ความหลง ความสุข ความทุกข์ เหมือนคนเดินผ่านอยู่ห่างๆ เราดูอยู่สบายๆ อย่าเข้าไปคลุกวงใน ดูแบบวงนอกไว้ ดูอย่างนี้เรื่อยๆ วันหนึ่งปัญญามันเกิด ปัญญามันสรุปได้เลย จิตจะเข้าใจความจริงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว

ถ้าวันใดที่เราเห็นว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา” ใจยอมรับความจริงตรงนี้ได้เมื่อไหร่ เรียกว่า “พระโสดาบัน”

เราอย่าไปวาดภาพพระโสดาบันเอาไว้ลึกลับนะ คือ นั่งสมาธิเก่ง เดินจงกรมโต้รุ่งได้ ไม่จำเป็นหรอก พระโสดาบันบางองค์พิการ เดินไม่ได้ก็มี ไม่ใช่ต้องเดินได้ตลอด บางองค์ก็นอนเป็นอัมพาต นอนป่วยอยู่ เขาก็ภาวนาของเขาได้ ไม่จำเป็น มันอยู่ทีว่า เขามีสติรู้ทันทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเขามั้ย ถ้าเขามีสติรู้ทันทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเขา โดยที่เขาไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ไปเพ่งจ้อง ไม่แทรกแซง ไม่เพ่งจ้องนะ แล้วก็ไม่แทรกแซง ไม่นานเขาก็จะเห็นความจริงว่า ทุกอย่างชั่วคราว ทุกอย่างเกิดแล้วดับ

ต่อไปนี้ อะไรเกิดขึ้นในชีวิต จะไม่กังวลมากแล้ว ร่างกายเราจะแก่ ร่างกายเราจะเจ็บ ร่างกายเราจะตาย เพื่อนรักของเราจะตาย เพื่อนรักของเราจะย้ายโรงเรียน ครูที่เราชอบคนนี้จะไม่อยู่แล้ว จะเกษียณแล้ว อะไรอย่างนี้ ครูที่เราเกลียดนี่ยังหนุ่มอยู่ ต้องอยู่อีกนาน ใจเราจะไม่กังวลนะ ถ้าครูคนไหนเราเกลียดนะ ก็วันหนึ่งก็ต้องจากกันใช่มั้ย เราไม่จากครู ครูก็จากเรา ทุกอย่างในชีวิตนี้ชั่วคราวหมดเลย ถ้าเห็นได้อย่างนี้นะ ความทุกข์จะหายไปเยอะเลย

ทุกวันนี้คนเราดิ้นรน มีความทุกข์ขึ้นมามากมาย ดิ้นรนขึ้นมามากมายนะ เพราะอยากได้ของไม่จริง อยากได้ของที่เที่ยง อยากได้ของที่มีแต่ความสุข อยากจะบังคับกายบังคับใจ บังคับโลกนี้ให้อยู่ในอำนาจให้ได้ มันเป็นของที่มันไม่มีจริง ของจริงคือมันไม่เที่ยงนะ ของจริงคือมันมีแต่ทุกข์ ของมันจริงๆคือมันบังคับไม่ได้ คอยรู้อย่างนี้เรื่อยๆนะ พวกเด็กๆ สอนเด็กสอนแค่นี้พอแล้ว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520528A.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๕๓ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๒๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : มีสติน้อยอยากมีสติมากๆ

มีสติน้อยอยากมีสติมากๆ

เห็นความอยากดี อยากมีสติมากๆ มั้ยครับ
ความอยากพวกนี้แหละที่จะทำให้เราพลาดจากการเพียรมีสติที่ถูกไป
เพราะมันจะทำให้เราดิ้นรนปรุงแต่งจัดการกับจิตตัวเอง
ยิ่งดิ้นรนปรุงแต่งจัดการ ก็ยิ่งขาดสติ
ต้องกลับมานับหนึ่ง คือมารู้สึกตัวไปสบายๆ รู้กายรู้ใจไปสบายๆ
จะมีสติมากน้อยก็รู้ไปตามที่เป็นนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: ทุกข์ โดย คุณสันตินันท์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม

ความทุกข์ที่พระองค์นำมาแสดง เป็นของตื้นๆ พื้นๆ อย่างยิ่ง
เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว
เพราะใครๆ ก็เคยเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย
หรือใครๆ ก็รู้ว่า การประสบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์
การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ และเมื่อไม่ได้อย่างที่ใจอยากก็เป็นทุกข์
ใครๆ ก็เคยเศร้าโศก ร่ำไรรำพัน ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ คับแค้นใจ เหี่ยวแห้งใจ

ตอนโตขึ้นมาหน่อย อ่านพระพุทธประวัติบ้าง ชาดกบ้าง
แล้วรู้สึกรักพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง
เพราะท่านต้องทนลำบากบำเพ็ญบารมีมาตั้งสี่อสงไขยแสนมหากัปป์
ในพระชาติสุดท้ายก็ทรมานพระกายจนสลบ
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของมหาบุรุษที่กินใจเด็กๆ มาก
แล้วก็มาสงสัยอยู่อีกหน่อยหนึ่งว่า
ท่านทนลำบากตั้งมากมาย เพียงเพื่อจะทราบและสั่งสอนว่า
ใครๆ ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายกระนั้นหรือ
ความลำบากของพระองค์ กับธรรมที่ทรงรู้ เหตุใดจึงมีน้ำหนักต่างกันนัก … ขอเชิญอ่านต่อได้ที่ CoffeeBreak

คุณสันตินันท์ เขียนไว้เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓ เวลา ๙ นาฬิกา ๕๔ นาที ๔๒ วินาที

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: แพทย์เผยอาการหลวงตามหาบัวพ้นขีดอันตราย

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9530000182140

ทีมแพทย์ศิริราช เผยอาการอาพาธของหลวงตามหาบัว พ้นขีดอันตราย และจะรักษาตามอาการ ระบุ ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนจะออกจาก รพ.ขึ้นอยู่กับหลวงตามหาบัว

วันนี้ (27 ธ.ค.) เวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตึกอำนวยการ ชั้น 2 ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธาน และทีมแพทย์ รศ.นพ.สุรินทร์ ธนพิพัฒนศิริผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช ร่วมกับ รศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม ศ.นพ.นิพนธ์ พวงวรินทร์ สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิต สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ ร่วมกันแถลงข่าว “หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” เข้ารับการรักษา โดย ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ เผยผลการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบปัญหาสุขภาพ ดังนี้ 1.โรคปอดอักเสบติดเชื้อที่ปอดทั้งสองข้าง มีน้ำในโพรงเยื้อหุ้มปอดซ้ายปริมาณปานกลาง 2.ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ 3.ภาวะทางเดินอาหารอุดตัน 4.ภาวะขาดสารอาหาร และ 5.ภาวะหลอดเลือดแดงที่ขาส่วนปลายอุดตัน โดยคณะแพทย์ได้วางแผนการรักษาหลวงตามหาบัวและติดตามอาการตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับอาการหลวงตามหาบัว ขณะนี้มีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาลำไส้อุดตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบเล็ก เนื่องจากขาดสารอาหาร มือเท้าเย็น นิ้วหัวแม่เท้าซ้ายหลุด เนื่องจากการอักเสบ และการขาดเลือดผ่านมา ทั้งนี้ ภายหลังเข้ารับการรักษาอาการภาพรวมอาการท่านดีขึ้น แพทย์ให้อาหารทางสายยาง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ หลวงตามหาบัว สนทนาได้แต่เสียงเบา ตอบคำถามได้ดี ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยตามปกติอาการเหล่านี้จะต้องพักรักษาตัวอยูที่โรงพยาบาลประมาณ 2 สัปดาห์ ถามว่า ท่านจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะที่ผ่านมาหลวงตามหาบัวปฏิเสธเข้ารับการรักษามาตลอด ดังนั้น การรักษาตัวของหลวงตามหาบัวจะนานแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับหลวงตามหาบัวตัดสินใจ

“ความดันโลหิต 137/73 มม.ปรอท ชีพจร 76 ครั้ง/นาที ไม่สม่ำเสมอ อัตราการหายใจ 22 ครั้ง/นาที อุณหภูมิ oxygen saturation 99% (oxygen cannula 2 L/min)”

ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทราบว่า หลายคนเป็นห่วงนิ้วหัวแม่เท้าซ้ายหลวงตามหาบัว ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุตั้งแต่สิงหาคม 2552 จนเกิดแผลที่เท้า และการรักษาไม่ได้คำนึงถึงเลือดมาเลี้ยงบริเวณดังกล่าว จึงทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ประกอบกับหลวงตามหาบัว อายุ 98 ปี แผลไม่หายและมีอาการลุกลามนิ้วหัวแม่เท้าซ้าย กระดูก จึงกลายเป็นเนื้อตาย แล้วเริ่มเอาเนื้อตายออกเมื่อเดือนมีนาคม 2553 อย่างไรก็ตาม ปัญหาการไหลเวียนเลือดและเท้ารักษาหายภายใน 2 เดือน

“นับว่า โชคดีที่หลวงตามหาบัว ไม่มีโรคประจำตัว ทีมแพทย์จะติดตามอาการและรักษาอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง และวันนี้ได้เจาะเหลือดเพื่อนำไปตรวจแล้ว จะรู้ผลเย็นวันนี้ ซึ่งทีมแพทย์จะนำผลเลือดมาประกอบการรักษาหลวงตามหาบัว” ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กล่าว

***  ทั้งนี้ได้ทราบมาว่า ในตอนนี้ หลวงตาพักอยู่ที่ตึก84ปี ชั้น6 โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมนะครับ ***

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

คนเราทะเลาะกันก็เป็นเพราะหลงสมมุติ

mp3 for download: คนเราทะเลาะกันก็เป็นเพราะหลงสมมุติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

คนเราทะเลาะกันก็เป็นเพราะหลงสมมุติ

คนเราทะเลาะกันก็เป็นเพราะหลงสมมุติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : สภาวธรรมทั้งหลาย ปรมัตถธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา มาตั้งแต่ไหนแต่ไร คือไม่ใช่อัตตา ไม่มีอัตตาตัวตน เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ความสำคัญผิดนะ ไปหลงสมมุติน่ะ มองไม่เห็นสภาวธรรมที่อยู่เบื้องหลังสมมุติ ก็เลยไปคิดว่ามีสัตว์ มีคน มีเรา มีเขา ไปหลงสมมุติเพราะอะไร เพราะไม่รู้ความจริง งานหลักของเราชาวพุทธก็คือ ฝึกใจจนกระทั่งมันรู้ความจริง พามันดูลงไปให้ถึงตัวสภาวะแท้ๆ อย่าไปหลงอยู่แค่สมมุติ

เห็นคนใช่มั้ย มองไปก็ อ้อ..นี่เเห็นคน จริงๆเห็นอะไร ตอบได้มั้ย.. อ้อ ตอบเห็นรูป เห็นรูปก็ถูกเหมือนกัน รูปชนิดไหนล่ะ.. สี เราเห็นสี เรียกว่า “วรรณรูป” ไม่ใช่วัณโรคนะ เห็นสี สีสันวรรณะ

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเห็นจริงๆนะคือสีที่ตัดกันนะ สีดำ สีขาว สีน้ำตาล สีเหลือง อะไรอย่างนี้ สีแดง สีเทาๆ สีเขียว อะไรอย่างนี้ ตัดกันไปตัดกันมา แล้วเราก็เข้าไปหมายเอา สัญญาเข้าไปหมาย จำได้ว่าสีที่ตัดกันอย่างนี้เขาเรียกว่ารูปนะ รูปคน อาศัยความจำนะ จำอะไร ก็จำสมมุติมาทั้งหมดเลย ทีนี้ เรียกอย่างนี้ว่าคนมานานแล้ว พอเห็นรูปแบบนี้นะ ที่แท้เห็นสีแต่ไม่เคยรู้เลยว่าเห็นสี

หูได้ยินอะไร หูได้ยินเสียง เสียงคนเสียงสัตว์หรือเสียงนก หรือเสียงลมพัด ความจริงหูได้ยินเสียง เป็นคลื่นเสียงสูงๆต่ำๆนะ หูรับรู้อย่างนั้น แล้วใจเข้าไปหมายว่าเสียงนั้นเสียงนี้ จำได้ จำสมมุติได้ว่า เสียงอย่างนี้เขาด่า เสียงอย่างนี้เขาชม

โกรธขึ้นมา เสียงอย่างนี้เขาด่าแล้วโกรธขึ้นมา เห็นมั้ย โกรธเพราะอะไร เพราะหลงสมมุติ เสียงกระทบหูจริงๆไม่โกรธหรอก เพราะจิตเป็นอุเบกขา ไม่โกรธหรอก เฉยๆ แต่พอแปลได้นะ แปลเสียงอย่างนี้ สูงต่ำอย่างนี้ โอ๊ะ!นี่เป็นคำด่านี่หว่า เราหลงสมมุตินะ กิเลสก็เกิดขึ้นมา

เพราะฉะนั้นเราหัดนะ เราค่อยๆเรียนรู้ไป สมมุติก็ส่วนสมมุตินะ สมมุติก็ต้องเอาไว้ใช้ บางทีก็สมมุติมีหลายแบบหลายระดับ สมมุติซ้อนสมมุติก็มี เช่น นี่ผู้หญิง เริ่มตั้งแต่นี่คน นี่คนผู้หญิง คนนี้ชื่อรัตน์ คนนี้ชื่อแมว อะไรอย่างนี้ คนนี้ชื่อต่าย เราสังเกตนะ ผู้หญิงชื่อเป็นสัตว์เยอะกว่าผู้ชาย มีชื่อไก่ ชื่ออะไรอย่างนี้เยอะ แต่ขาดแรด ไม่เคยได้ยิน มีมั้ยสมมุติชื่อแรด คงไม่มีนะ เพราะอะไร เพราะให้ค่าไว้ไม่ดี ไม่น่ารัก

เพราะฉะนั้นเราค่อยๆเรียนความจริงนะ เรียนความจริงก็คือ เรียนให้เห็นตัวสภาวะ เห็นปรมัตถธรรมแท้ๆนะ ความโลภ ความโกรธ ความหลง “ความรู้สึกโลภ” เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาวะ “ความรู้สึกโลภ” คำเรียกว่า “โลภ” เป็นสมมุติบัญญัติแล้ว “ความรู้สึกโกรธ” เป็นสภาวะ ตัวความรู้สึกแท้ๆเป็นสภาวะ คนไทยโกรธ หรือคนจีนโกรธ หรือฝรั่งโกรธเนี่ย ยกตัวอย่าง คุณรูธโกรธ หรือคุณแมวโกรธ ความรู้สึกเหมือนกัน เป็นสภาวะ แต่ชื่อที่เรียกสภาวะอันนี้ไม่เหมือนกัน ฝรั่งก็เรียกอย่างหนึ่ง คนจีนก็เรียกอย่างหนึ่ง คนไทยก็เรียกอีกอย่างหนึ่ง

เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรู้นะ อะไรเป็นสมมุติ อะไรเป็นบัญญัติ อะไรเป็นสภาวะ คนเราทะเลาะกันก็เป็นเพราะหลงสมมุตินั่นแหละ สมมุติไปสมมุติมานะ มันเริ่มตั้งแต่สมมุติว่ามีเรา เราไปสมมุติเอาขันธ์ ๕ กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสภาวธรรมล้วนๆ ไม่มีเจ้าของนะ มาเป็นตัวเราก่อน แล้วก็เลยเกิดของเราขึ้นมา มี “เรา” แล้วก็เลยมี “เขา” ขึ้นมา มี “ของเขา” ขึ้นมา มีการแก่งแย่ง มีการชิงดีนะ

เห็นคนทะเลาะกันนะ รู้เลย พวกนี้มันหลงสมมุติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 530103.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๖ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : หมูกระดาษหมายถึงอะไร?

หมูกระดาษหมายถึงอะไร?

หมูกระดาษ หมายถึง การที่เราทำตัวให้ผิดไปจากปกติที่เคยเป็น

เช่นพอคุยกับเพื่อนเราก็เป็นอย่างหนึ่ง พอคุยกับเจ้านายก็เป็นอีกอย่าง

ถ้าเราเห็นว่าในแต่ละขณะจิตใจเราเหมือนหมูกระดาษที่ทำขึ้น ก็ใช้เป็นการหัดรู้สภาวธรรม

ได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความสุขก็เป็นของชั่วคราว ความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว

mp3 for download: ความสุขก็เป็นของชั่วคราว ความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ความสุขก็เป็นของชั่วคราว ความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว

ความสุขก็เป็นของชั่วคราว ความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว

หลวงพ่อปราโมทย์: ต่อไปนี้เราจะไม่ต้องดิ้นรนหาความสุขมากมายแล้ว ทุกคนในโลกนะ ดิ้นตะเกียกตะกาย อยากได้ความสุขมา ได้มาแล้ว สมมุติว่าอยากมีเมียสวยๆสักคนนะ ดิ้นรนเลย ได้มานะ ความสุขมันชั่วคราวนะ ประเดี๋ยวหนึ่งก็เบื่อแล้ว โอ้.. แก่ง่าย ตายยาก พูดมาก กินจุ ดุอย่างกับหมา อะไรอย่างนี้ นี่ ผู้ชายจะนินทาเมีย นะ แต่ความจริงกลัวเมียนะ เทิดทูน ขึ้นหิ้ง แต่เวลาเจอเพื่อนต้องทำเก่งไว้ก่อน ผู้หญิงก็ชอบนินทาสามี ขี้เกียจ สกปรก อะไรก็ว่าไป ขี้เกียจ กินแต่เหล้า อะไรอย่างนี้ ก็ว่าไป

ความสุขเนี่ยมันชั่วคราว ไม่มีหรอกความสุขนานๆ ยกตัวอย่างเวลาเราได้มือถืออันใหม่ รู้สึกมั้ย มีความสุขใช่มั้ย อยู่ไม่นาน ก็ความสุขก็หายไป ความทุกข์ก็ชั่วคราวนะ ความทุกข์ก็ไม่นานหรอก กลุ้มใจอะไรนะ รู้ไปเฉยๆเดี๋ยวก็หายไป ไม่มีหรอกความทุกข์ถาวร ไม่มี ความสุขถาวรก็ไม่มี กุศล อกุศล ก็ไม่มีนะที่ถาวร

เราเห็นแล้วทุกอย่างเกิดชั่วคราว ต่อไปพอความสุขเกิดขึ้นนะ เราจะไม่หลงระเริงแล้ว เรารู้ว่าชั่วคราว แล้วก็ไม่ต้องดิ้นรนเที่ยวแสวงหามันด้วย หามันทำไม ของชั่วคราว

ความทุกข์เกิดขึ้นนะ เราก็ไม่ทุรนทุราย เรารู้ว่าความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว แล้วความทุกข์เกิดขึ้นก็ เราไม่เกลียดมันนะ เราก็ไม่พยายามต่อต้านมันด้วย รู้มันเฉยๆ

พอใจของเราหมดความดิ้นรนเนี่ย เรียกว่ามันไม่สร้างภพ ใจที่สร้างภพคือใจที่ดิ้นรน ใจที่ไม่สร้างภพนะ ใจจะมีความสุขขึ้นมา หมดความดิ้นรน หมดความปรุงแต่ง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520528A.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๕๐ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จะหมดอวิชชาได้อย่างไร?

จะหมดอวิชชาได้อย่างไร?

จิตที่มีความตั้งมั่นทั้งทียังไม่พ้นความปรุงแต่ง (ยังมีอวิชชา)

เมื่อมารู้รูปนามและเห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปนาม

เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งเกิดมรรคจิต ก็จะละสมุทัย

แจ้งนิโรธ พ้นจากความปรุงแต่งได้ … นี่คือวิถีนำไปสู่

ความพ้นทุกข์ที่พระพุทธเจ้าชี้ทางไว้ให้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กลัวภาวนาไม่ดี

Mp3 for download: 500707B_dontbeafraid

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

กลัวภาวนาไม่ดี

กลัวภาวนาไม่ดี

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใจถึงๆหน่อย อย่ากลัวไม่ดี อย่ากลัวไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน ความกลัวความกังวลนั้นเป็นโทสะ ถ้าตราบใดที่มันยังครอบครองพื้นที่ในจิตใจของเราอยู่ สติจะไม่เกิด เกิดไม่ได้เลย สติไม่เกิดร่วมกับอกุศล

ถ้าเราไม่กลัวมันนะ เราเห็นใจมันกลัว ไม่ใช่เรากลัว แต่ใจมันกลัว ใจเราเป็นแค่คนดู เราเห็นว่ามันกลัว ความกลัวมันจะแสดงไตรลักษณ์ให้ดู เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปเลย เพราะเราไม่เข้าไปแทรกแซง

เพราะฉะนั้น จิตใจจะปรุงแต่งอะไรก็ได้ ดีก็ได้ ชั่วก็ได้ สุขก็ได้ ทุกข์ก็ได้ หยาบก็ได้ ละเอียดก็ได้ วิ่งไปข้างใน วิ่งไปข้างนอก หรือเป็นกลางๆก็ได้ ให้รู้ด้วยความเป็นกลางไป รู้สภาวะทุกอย่างตามที่เขาเป็นแหละ ไม่ต้องไปอยากให้เขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ เราจะเห็นสภาวะทั้งหลายเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีตัวเราในนั้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันเสาร์ที่ ๗ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๐
CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๑
File: 500707B
ระหว่างนาที่ที่ ๙ วินาที่ที่ ๔๗ ถึงนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๔๘

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ร่ำเรียนมาได้ความว่า…(๑๒)

ร่ำเรียนมาได้ความว่า…

(๑๒) ในเมื่อ “อวิชชา” เป็นเหตุแห่งธรรมฝ่ายปรุงแต่ง(ทุกข์)
การ “รู้ทุกข์” จึงเป็นเหตุแห่งธรรมฝ่ายพ้นความปรุงแต่ง(พ้นทุกข์)

และด้วยกล่าวโดยสรุปได้ว่า “อุปาทานขันธ์” เป็นทุกข์

การย้อนมาเรียนรู้ดูขันธ์อันเป็นที่ตั้ง ที่ประกอบของอุปาทาน

(ร่างกายและจิตใจตัวเองที่ยังไม่พ้นความปรุงแต่ง) จึงเป็นกิจโดยสรุป

ของการ “รู้ทุกข์” เมื่อรู้ทุกข์แจ่มแจ้ง จิตจะไม่ติดข้องใดๆ ในขันธ์อีก

จิตก็จะพ้นความปรุงแต่ง(พ้นทุกข์) จิตอยู่ส่วนจิต ขันธ์อยู่ส่วนขันธ์

ดั่งหยดน้ำบนใบบัวนั่นเอง ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตแสวงหาอยู่ตลอดเวลา

จิตแสวงหาอยู่ตลอดเวลา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตแสวงหาอยู่ตลอดเวลา

จิตแสวงหาอยู่ตลอดเวลา

หลวงพ่อปราโมทย์: ธรรมะของพระพุทธเจ้านะ อัศจรรย์ เปลี่ยน..จริงๆเลย เหมือนมีมนต์เปลี่ยนใจ

โยม: ขอส่งการบ้านในรอบปี สรุปที่ปฏิบัติมาปีนี้น่ะค่ะหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์: โห..ตั้งปีเลย เอ้า..

โยม: สรุปในปีนี้ที่ปฏิบัติมานะคะ หนูก็เริ่มเห็นว่า ขันธ์เนี่ยมันทำงานคนละส่วน คนละส่วนกันน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ดี

โยม: กายใจ มันก็แยกกันน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: เอ้อ…

โยม: แล้วก็ ที่เห็นก็คือสมมุติ เวลาที่หนูจิตแอบไปคิดทีไรเนี่ย ก็จะเห็นว่ามันเกิดเวทนา แล้วก็.. พอเกิดเวทนามันก็จะมีอัตตาตัวตนพุ่งขึ้นมาเป็นระยะๆ ค่ะ เท่าที่เห็นน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ก็ดี

โยม: แล้วก็เห็นว่าจิตเนี่ย มันแสวงหานู่นนี่อยู่ตลอดเวลา มันไม่เคยพอใจกับที่มันเป็นอยู่เลยน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: สังเกตมั้ย.. มันหิวอยู่ตลอดเวลา

โยม: ใช่ค่ะ เห็นอย่างนั้นน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: มันหิวตลอดเวลาเลย จิตน่ะ ดีที่เห็น

โยม: ค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ดูสิ แล้วสุขตรงไหน

โยม: มันไม่ มันบางที ตอนนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันสุข แต่ว่ามันก็ เดี๋ยวมันก็ดับไปแล้ว มันก็

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าไม่หลงโลกไม่สุขหรอก โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ แต่ถ้าพูดอย่างนี้นะ คนนึกว่าศาสนาพุทธมองโลกแง่ร้าย ถ้าพระพุทธเจ้าบอกโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์แล้วท่านจบคำพูดของท่านแค่นี้นะ เนี่ยมองโลกแง่ร้าย แต่ท่านบอกวิธีที่จะพ้นจากมันด้วย พ้นจากมันแล้วจะพบบรมสุขนะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้ายเลย ถ้าแบบไม่มีทางออก โอ้ย..ทุกข์แน่นอน ทุกข์แน่นอนอย่างนี้ มองอย่างนี้หดหู่ เพราะฉะนั้น ยิ่งเราภาวนานะ เรายิ่งเห็นทุกข์ ยิ่งเห็นทุกข์จิตใจยิ่งเบิกบาน มีความสุขมากขึ้นๆๆ เพราะจิตห่างโลกออกไปเรื่อยๆ ไปฝึกต่อไป

โยม: หลวงพ่อคะ ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยชี้แนะว่า ที่ปฏิบัติอยู่นี่ถูกทางมั้ย หรือว่า…

หลวงพ่อปราโมทย์: อย่าไปกด อย่าไปข่มจิตนะ

โยม: ยังกดอยู่ใช่มั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ยังกดอยู่ ตอนนี้ก็กดอยู่

โยม: ตอนนี้กดใช่มั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ใช่

โยม: หลวงพ่อคะ หนูอยากให้หลวงพ่อชี้สภาวะให้หน่อยได้มั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์: อยาก..รู้มั้ย อย่างเมื่อตะกี้นี้ ตอนที่บอกหลวงพ่อ อยาก หนูอยากให้หลวงพ่อชี้สภาวะ จิตมันพุ่งมาที่หลวงพ่อ ดูออกมั้ย

โยม: ค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: จิตมันวิ่งชื้ดมาเลย นะ เนี่ยก็คอยรู้ไป เนี่ยก็สภาวะ นะ อย่างตอนนี้จิตไหลไปคิดทราบมั้ย

โยม: ทราบค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: นะ นี่ก็สภาวะ นะ เนี่ยพยักหน้าเห็นมั้ย

โยม: เห็นค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์: เห็นมั้ย นี่ก็สภาวะ

โยม: หลวงพ่อคะ หนูมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมั้ยคะ หนูคิดว่าหนูมีนะคะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ดีขึ้น มาเรียนกับหลวงพ่อแล้ว มีพัฒนาการที่เลวลง อย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ

โยม: กราบขอบพระคุณค่ะหลวงพ่อ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๔๖ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๔๘ วินาทีที่ ๕๗

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: เรื่องของ โพธิจิต โดย คุณสันตินันท์

โพธิธรรม

โพธิธรรม

เซ็น กับเถรวาท มีรากฐานต้นกำเนิดอันเดียวกัน
เป้าหมายก็มุ่งสู่ความหลุดพ้นอันเดียวกัน
แต่กระบวนการอธิบายธรรม กลับเป็นตรงข้ามกันหลายส่วน
ปัญหาที่น่าพิจารณาก็คือ สิ่งที่อธิบายเป็นตรงข้ามกันนั้น
เป็นสิ่งที่ตรงข้ามหรือขัดแย้งกันจริงๆ
หรือเป็นเพียงภาษา หรืออุบาย ที่แตกต่างกันเท่านั้น ?
และคำสอนของทั้งสองฝ่าย มีประโยชน์อย่างใดบ้าง ?

เราลองมาคุยกันสัก 2 ประเด็น คือเรื่องโพธิจิต กับการปลุกโพธิจิตให้ตื่นขึ้น … ขอเชิญอ่านต่อได้ที่ CoffeeBreak

คุณสันตินันท์ เขียนไว้เมื่อ วันอังคารที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓ เวลา ๑๑ นาฬิกา ๐ นาที ๕๗ วินาที

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา

mp3 for download: สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา

หลวงพ่อปราโมทย์: หลวงพ่อไปเรียนกับหลวงปู่ดูลย์นะ ท่านสอนให้ดูจิตตัวเอง ไปเรียนเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ไปหาท่าน กลับมานะ มาดูอยู่ ๓ เดือน ดูนะ จิตหนักๆก็แก้มันให้เบาๆ จิตไม่สบายก็ทำให้มันสบาย จิตเป็นอย่างนี้ แก้อย่างนี้ๆ แก้ไปเรื่อย จัดการจนกระทั่ง แหมใจเราสบาย เก่ง เรารู้สึกเก่งแล้วนะ ไปหาหลวงปู่ดูลย์ครั้งที่ ๒ ใช้เวลา ๓ เดือนละ

ไปถึง ไปส่งการบ้านท่าน ท่านบอกว่าดูผิดแล้ว ไปยุ่งกับอารมณ์ ไปแทรกแซงมัน ไปดัดแปลงสภาวะ ไปดัดแปลงอารมณ์ เช่น มันโลภขึ้นมา ทำอย่างไรจะหายโลภ มันโกรธทำอย่างไรจะหายโกรธ มันใจลอยทำอย่างไรจะไม่หลงเลย รีบพุทโธๆ ถี่จะให้ไม่หลงเลย พยายามแทรกแซงมัน หนักๆ ก็หาทางทำให้เบา พยายามจะเอาดี

ท่านบอกว่านี่ไม่ได้ปฏิบัติหรอก ไม่ได้ดูจิตหรอก แต่ไปแทรกแซงมัน ไปบังคับจิต ให้ไปดูใหม่ หลวงพ่อมาดูใหม่ ๔ เดือน รู้แล้วล่ะว่า เราต้องไม่แทรกแซง มันโลภก็รู้ มันโกรธก็รู้ มันหลงก็รู้ มันฟุ้งซ่าน มันหดหู่ มันดีใจ มันเสียใจ มันกลัว มันอิจฉา มันกังวล มันมีความสุข มันมีความทุกข์ มันมีอะไร รู้ลูกเดียวเลย

หลวงพ่อรู้อยู่อย่างนี้ ๔ เดือน ใช้เวลา ๔ เดือนเอง ไม่มากอะไร พวกเราไปฝึกเอานะ บางคนอาจจะเดือนหนึ่ง เข้าใจแล้ว ดูไปเรื่อย เราจะเห็นเลย ทุกอย่างเกิดแล้วดับ ทุกอย่างเกิดแล้วดับ ใหม่ๆ เรายอมรับไม่ได้นะ ความทุกข์เกิดเนี่ย เรายอมรับไม่ได้ เราอยากให้ดับเร็วๆ ความสุขเกิดเราก็ยอมรับความจริงไม่ได้ เราอยากให้ความสุขอยู่นานๆ ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันดับไปตามเหตุ ตามผล ตามเวลาของมัน เพราะฉะนั้นเราดูของจริงในใจเราเรื่อยๆนะ วันหนึ่งปัญญามันเกิด มันจะเห็นเลยว่า ทุกอย่างเกิดแล้วดับหมดเลย ถ้าทุกอย่างเกิดแล้วดับ ใจยอมรับความจริงตรงนี้ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเรา เราจะไม่กลุ้มใจแล้ว

แฟนเราทิ้ง ต้องกลุ้มใจมั้ย เห็นมั้ย มีแฟนมันก็ของชั่วคราวนะ มันไม่ทิ้งเราวันนี้ ไปแต่งงานกับมันนะ วันหนึ่งมันก็ตายไป หรือไม่เราก็ตายจากมัน ก็ต้องทิ้งกันอยู่ดีแหละ ทุกอย่างมันชั่วคราวนะ เพียงแต่ชั่วคราวบางอันมันหลายสิบปีหน่อย หลายสิบปีแห่งความทุกข์ทรมาน

เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกของถาวร ถ้าเมื่อไหร่ใจของเรายอมรับความจริงตรงนี้ได้นะ ใจเราจะทุกข์น้อยมากเลย เพราะฉะนั้นพวกเด็กๆหลวงพ่อให้การบ้านแล้วนะ ไปดูใจของเราบ่อยๆ ให้เห็นเลยว่าทุกอย่างในใจเรานี้ชั่วคราว อย่าคิดเอานะ ดูของจริง ดูความโลภเกิดขึ้น ดูสิ เธอจะอยู่ได้นานมั้ย ดูเรื่อยๆ แต่อย่าจ้องใส่นะ ถ้าจ้องมันจะนิ่งไปหมดเลย ไม่ดี แค่รู้สึก แค่รู้สึกเอาเท่านั้น ความโกรธเกิดขึ้นมาก็รู้ อ้อ..มันโกรธแล้วนะ อย่าไปจ้องใส่ตัวความโกรธนะ แค่รู้อย่าไปเพ่งใส่ เวลาเพ่งใส่เนี่ยจิตเราจะเคลื่อนเข้าไปเกาะนิ่งๆ อันนี้ใช้ไม่ได้

เราแค่รู้ ใจอยู่ต่างหากนะ เราเห็นความโกรธ เหมือนคนเดินผ่านหน้าบ้าน เห็นความโลภ ความหลง ความสุข ความทุกข์ เหมือนคนเดินผ่านอยู่ห่างๆ เราดูอยู่สบายๆ อย่าเข้าไปคลุกวงใน ดูแบบวงนอกไว้ ดูอย่างนี้เรื่อยๆ วันหนึ่งปัญญามันเกิด ปัญญามันสรุปได้เลย จิตจะเข้าใจความจริงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว

ถ้าวันใดที่เราเห็นว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา” ใจยอมรับความจริงตรงนี้ได้เมื่อไหร่ เรียกว่า “พระโสดาบัน”

เราอย่าไปวาดภาพพระโสดาบันเอาไว้ลึกลับนะ คือ นั่งสมาธิเก่ง เดินจงกรมโต้รุ่งได้ ไม่จำเป็นหรอก พระโสดาบันบางองค์พิการ เดินไม่ได้ก็มี ไม่ใช่ต้องเดินได้ตลอด บางองค์ก็นอนเป็นอัมพาต นอนป่วยอยู่ เขาก็ภาวนาของเขาได้ ไม่จำเป็น มันอยู่ทีว่า เขามีสติรู้ทันทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเขาไหม ถ้าเขามีสติรู้ทันทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเขา โดยที่เขาไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ไปเพ่งจ้อง ไม่แทรกแซง ไม่เพ่งจ้องนะ แล้วก็ไม่แทรกแซง ไม่นานเขาก็จะเห็นความจริงว่า ทุกอย่างชั่วคราว ทุกอย่างเกิดแล้วดับ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520528A.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๑ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๑๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ตามรู้…คำเดียวกันความหมายต่างกัน

ตามรู้…คำเดียวกันความหมายต่างกัน

ได้สนทนากับคุณพิมพ์ทอง

เรื่องคำสอนหลวงปู่เทสก์ ตาม link

http://www.thewayofdhamma.org/page2/moradok26.html

จึงขอนำมาเก็บเป็นบันทึกไว้ดังนี้

………………………………………………..

จริงๆ แล้วผมไม่อาจยกเอาสอนหลวงปู่เทสก์

มาขยายความต่อเลยครับ เพราะผมเอง

ไม่ได้ศึกษาธรรมหลวงปู่เทสก์มาก่อน

แต่จากการอ่าน  link ที่ให้ไว้เมื่อครู่นี้

ผมเข้าใจว่า หลวงปู่เทสก์แสดงธรรม

ได้ถูกต้องและชอบแล้วเป็นอย่างยิ่ง…(สาธุ)

.

ผมเข้าใจว่าเจตนาของคุณพิมพ์ทอง

จึงน่าจะต้องการให้อธิบายว่า

มีความสอดคล้องหรือไม่อย่างไร

กับที่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมไว้

เพราะมีคำหลวงปู่เทสก์ที่ว่า “ตามรู้”

ซึ่งอ่านแล้วเข้าใจว่า ไม่ใช่การปฏิบัติที่ถูกต้อง

แต่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมไว้ว่า “ให้ตามรู้”

ซึ่งเหมือนกับว่าหลวงพ่อปราโมทย์สอนผิด

แต่ผมเข้าใจว่า หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรม

ได้ถูกต้องและชอบแล้วเป็นอย่างยิ่ง…(สาธุ)

.

ดังนั้น การใช้คำเดียวกันว่า “ตามรู้”

ของหลวงปู่เทสก์ กับ หลวงพ่อปราโมทย์

เป็นการใช้คำเดียวกัน

แต่มีความหมายต่างกันครับ

.

ทีนี้ก็มาดูกันว่า

ใช้คำเดียวกัน แต่มีความหมายต่างกันอย่างไร

.

ความหมายต่างกันตรงที่…

หลวงปู่เทสก์แสดงธรรมไว้

ตามวิธีแบบแผนของสายพระป่า

ซึ่งเป็นวิถีแบบแผนที่เป็นที่ยอมรับ

กันอย่างแพร่หลายว่า

นำไปสู่มรรคผลนิพพานได้จริง

ผมเองก็มีความเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลย

.

ส่วนที่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมนั้น

เป็นการแสดงธรรมตามวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันไป

คือเป็นแนวทางที่ใช้การฝึกสติให้มีจิตตั้งมั่น

ด้วยการหัดรู้สภาวะของกายของจิต (สภาวะรูปนาม)

ซึ่งในกรณีหัดรู้ใจสภาวะทางจิตนี้

จะต้องให้เกิดจิตที่มีสภาวะธรรมต่างๆขึ้นก่อน

แล้วจึงหัดระลึกอย่างมีสติไป จนจิตมีความตั้งมั่น

.

การที่ “ต้องให้เกิดจิตที่มีสภาวะธรรมต่างๆขึ้นก่อน

แล้วจึงหัดระลึกอย่างมีสติไปจนจิตมีความตั้งมั่น” นี้

หลวงพ่อปราโมทย์จะใช้สำนวนว่า “ตามรู้ตามดู”

ซึ่งไม่ได้หมายถึง

การปล่อยให้จิตส่งออกตามอารมณ์ไปอย่างไม่สิ้นสุด

(ไม่ได้หมายถึง ตามรู้ตามเห็นอาการของจิต

ดังที่หลวงปู่เทสก์แสดงธรรมไว้นั่นเอง)

.

ในการตามรู้ตามดู

ดังที่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมนั้น

ถ้าเมื่อไรที่หัดรู้สภาวะจนจิตจำสภาวะนั้นๆ ได้

จิตจะเกิดสติ มีความตั้งมั่นขึ้นอัตโนมัติ

แทนที่จิตที่ส่งออกตามอารมณ์ซึ่งเพิ่งดับไป

.

เช่น เมื่อจิตเกิดโทสะ

จิตจะส่งออกไปกับอารมณ์โทสะ

ซึ่งเมื่อเกิดโทสะแล้วหากมาหัดรู้หัดดูจิตที่มีโทสะ

(ตามหลักการเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ที่ว่า จิตมีโทสะก็รู้ชัดว่าจิตมีโทสะ)

เมื่อหัดรู้ไปจนจิตจำสภาวะมีโทสะได้

จิตที่ส่งออกไปกับอารมณ์โทสะจะดับไป

แล้วเกิดเป็นจิตที่มีสติมีความตั้งมั่นขึ้นมา

เมื่อจิตมีสติมีความตั้งมั่นขึ้นมาได้

จิตก็จะเกิดความสงบ ประหนึ่งถูกควบคุมไว้

ด้วยกำลังของสติและสมาธิ ดังที่หลวงปู่เทสก์

แสดงธรรมถึง “การควบคุมจิต” นั่นเอง

.

ถึงตรงนี้ เส้นทางการภาวนาที่ต่างเส้นทางกัน

ก็จะมาบรรจบกัน คือเมื่อจิตมีสติมีความตั้งมั่น

จิตผู้รู้ก็จะสามารถรู้รูปนามจนเห็นไตรลักษณ์ได้ต่อไป

แต่แม้เส้นทางจะมาบรรจบกันแล้ว

ก็จะยังมีความต่างกันคือ

จิตที่มีสติมีความตั้งมั่น ที่เกิดจากการปฏิบัติ

ตามวิธีแบบแผนสายพระป่าจะเรียกกันว่า “จิตผู้รู้”

จิตผู้รู้นี้จะเกิดดับต่อเนื่องกันได้นานนับขั่วโมง

นับวันหรือหลายวันตามกำลังของสมาธิ

แต่จิตที่มีสติมีความตั้งมั่น ที่เกิดจากการปฏิบัติ

ตามวิธีที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนนั้น

จะเกิดดับได้เพียงชั่วขณะหรือเป็นจิตที่มีขณิกสมาธิ

ซึ่งเมื่อหัดให้จิตเกิดสติเกิดความตั้งมั่นอยู่เนืองๆ

จิตก็มีคุณภาพเพียงพอในการรู้รูปนามจนเกิดปัญญาได้ต่อไป.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 41234