Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จะพอทำอะไรได้บ้างไหมครับ เพื่อเร่งผลการปฎิบัติภาวนา และทำให้ภาวนาได้ดีมากๆ ?

จะพอทำอะไรได้บ้างไหมครับ เพื่อเร่งผลการปฎิบัติภาวนา และทำให้ภาวนาได้ดีมากๆ ?

ผมเชื่อว่า ทำอะไรที่มากกว่า รู้อย่างมีสติสัมปชัญญะ ไม่ได้หรอก…อุปมาให้เห็นเป็นภาพว่า ตอนนี้เราเหมือนนักโทษที่กำลังหาทางแหกคุกที่มีอวิชชาเป็นผู้คุมนักโทษ แต่ผู้คุมคนนี้เป็นสุดยอดผู้คุม พอเราขยับนิดเดียวเขาก็รู้แล้วก็เอาเชือกมามัดไว้ เราจึงต้องทำตัวให้เนียนมากเลยว่าจะไม่หนี (ด้วยการไม่ดิ้น และใช้การดูเฉยๆ) จนผู้คุมตายใจว่าเราไม่คิดหนี แล้วเราก็ทำให้เนียนขึ้นไปอีกด้วยการค่อย ๆ ออกห่างจากผู้คุมแบบที่ผู้คุมไม่รู้เลยว่าเราจะหนี จนในที่สุดเราก็จะออกห่างผู้คุมได้มากจนผู้คุมตามจับไม่ทัน ตอนที่ยังอยู่ใกล้ผู้คุม เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องขัดขืน  (ไม่แก้อารมณ์ แค่รู้แค่ดูไป)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เป็นนักภาวนา จะยอมให้กับความท้อแท้ไม่ได้

mp 3 (for download) : เกิดความท้อแท้ใจ จะภาวนาอย่างไร?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เป็นนักภาวนา จะยอมให้กับความท้อแท้ไม่ได้

เป็นนักภาวนา จะยอมให้กับความท้อแท้ไม่ได้

โยม : นมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ เอ่อ รู้สึกว่าจิตใจไม่ตั้งมั่นแล้วก็ยังไม่ถึงฐานนะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ถูก ถูกแล้วนี่

โยม : เพราะว่า คิดว่าสมาธิที่ทำมาเนี่ย ยังไม่เป็นสัมมาสมาธิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : อย่าไปคิดมากสินะ ไม่ถึงฐานก็รู้ ไม่ตั้งมั่นก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้ ท้อแท้ใจรู้มั้ย (โยม ​: ท้อแท้) นั่นแหล่ะ ไปดูตัวนั้นแหล่ะกำลังครอบงำเรา

การภาวนาเนี่ยนะ เรากำลังจะหาทางพ้นจากทุกข์ มันเหมือนไฟไหม้บ้านน่ะ ไหม้ประตู ไหม้หน้าต่าง ไหม้ไปหมดแล้วหลังคงหลังคานะ ต้องดิ้นรนนะเพื่อจะหาทางออกจากกองไฟนี้ให้ได้ อย่ามัวท้อแท้นะ ทางนี้ก็ไปไม่ได้ ทางนี้ก็ไม่ไป นอนให้ไฟไหม้ไม่ได้นะ ยังไงมันต้องสู้แหล่ะ เพราะนั้นอย่าปล่อยให้ความท้อแท้ครอบงำจิต

นักปฏิบัติเนี่ยถ้าท้อแท้แล้วก็แย่แล้วมันไม่สู้แล้วนะ ไม่ได้ ให้รู้ทันความท้อแท้เกิดขึ้นในจิตนะให้รู้ทันนะ มันจะกระเด็นออกไปอยู่ต่างหากนะ ใจเราเข้มแข็งขึ้นมา การภาวนาต้องใช้ความเข้มแข็งความอดทนให้มากๆ ไม่ใช่เราทำนิดๆหน่อยๆหวังว่าจะพ้นนะไม่พ้นหรอกนะ เพราะเวลาเราสะสมกิเลสเราสะสมมาตั้งนานใช่มั้ย จะพ้นจากกิเลสพ้นจากโลกก็ไม่ใช่ง่าย ต้องอดทน ทำแล้วทำอีก อย่าท้อใจ ตอนนี้เป็นโรคขี้ท้อสวนท้อ

เมื่อก่อนนะมีคนมาบอกหลวงพ่อว่าครูบาอ๊าเนี่ยตอนนั้นยังไม่บวชไปอยู่บุญญาวาส มาบอกหลวงพ่อบอกว่า ตอนนี้อ๊าเค้าทำสวนท้ออยู่ครับ เราบอก เฮ้ย ทำไมไม่ภาวนาไปทำมันทำไมสวนท้อ แต่ภาวนานะบางช่วงมันก็อดท้อไม่ได้ แต่ท้อแล้วก็ต้องสู้เอา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา
ชลบุรี

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๔
File: 521115.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๓ ถึง นาทีที่ ๕๐ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: กำลังใจจาก อ.สุรวัฒน์ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕

เทศกาลปีใหม่
ทุกคนต่างอวยพรซึ่งกันและกัน
ต่างปรารถนาจะได้รับพรดีๆ อธิษฐานขอให้ได้รับสิ่งดีๆ
แต่ไม่ว่าพรจะดีขนาดไหน จะอธิษฐานมากขนาดไหน
หากไม่ลงมือทำ ไม่มีศีล ไม่มีสติ ไม่มีความตั้งมั่นของจิต
และไม่มีปัญญา ก็ย่อมไม่อาจได้รับสิ่งที่ปรารถนานั้น
คำอวยพรต่างๆ ก็จะ
เป็นเพียงแค่ลมปากที่เป่าเข้าหูแล้วหายไป
คำอธิษฐานต่างๆ ก็จะ
เป็นเพียงความโลภของจิตที่คิดแต่จะเอาโดยไม่ทำเหตุ

ปีใหม่นี้ ผมจึงขอมอบกำลังใจให้ทุกคนแทนคำอวยพร
เพื่อกำลังใจที่ให้ จะได้เป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง
ให้ทุกคนมีความเพียรที่จะเจริญสติ เจริญปัญญา
“รู้สภาวะธรรมที่กำลังปรากฏด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”
ได้อย่างสม่ำเสมอไปจนได้รับผลจากความเพียรนี้
สมดังที่ตั้งใจปรารถนาพระนิพพานกันทุกคนนะครับ
^_^

อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : โอวาทแด่นักภาวนา

โอวาทแด่นักภาวนา

เมื่อมีเหตุปัจจัย จิตก็ย่อมปรุงแต่งอารมณ์ไปตามเหตุปัจจัย … อันนี้เป็นธรรมชาติของคนทั่วไป ส่วนใครจะปรุงแต่งเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัว จะมาห้ามไม่ให้เกิดอารมณ์ปรุงแต่ง จะมาห้ามไม่ให้เกิดขุ่นมัว ฯลฯ ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่นักปฏิบัติจะต้องถือนำมาประพฤติปฏิบัติคือ เมื่อจิตเป็นอย่างไร ก็ให้รู้ว่าจิตเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นนักปฏิบัติแล้ว ต้องไม่มีจิตขุ่นมัว ต้องไม่มีจิตอกุศล… ซึ่งเป็นไปไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้น ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไร เราก็ไม่ควรติเตียนเขา และยิ่งไม่ควรติเตียนหากเขายังตามรู้จิตของเขาได้อย่างมีสติสัมปชัญญะ แต่ถ้าเป็นนักปฏิบัติแล้ว ทอดธุระ ไม่ตามรู้จิตตัวเอง ต่อให้มีกิริยาที่งดงามก็ย่อมควรถูกตำหนิ ส่วนการจัดการเรื่องราวต่างๆ ก็จัดการไปตามเรื่องด้วยความมีศีล ด้วยความมีเมตตา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตชอบพากย์ทำอย่างไร

mp3 (for download) : จิตชอบพากย์ทำอย่างไร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตชอบพากย์ทำอย่างไร

จิตชอบพากย์ทำอย่างไร

โยม: แล้วสำหรับมือใหม่ที่เวลาฝึกไปเนี่ยค่ะ ตอนมีสติรู้เนี่ย ก็จะพากย์ไปอยู่เรื่อยๆอย่างนี้ค่ะผิดมั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ผิดหรอกห้ามไม่ได้นะ แต่ว่าตอนที่จิตมันพากย์นะ ก็แค่รู้เห็นว่ามันพากย์ได้เอง เดินปัญญาไปเลย นี่ เอ็งพูดได้เองเอ็งไม่ใช่ข้าหรอก ข้าไม่ได้พูดเอ็งพูด ดูไปเลยอย่าไปกลัวมัน แต่ว่าตราบใดที่มันยังพูดอยู่นะยังไม่เจอของจริง เจ้าคุณนรฯบอกของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง ท่านเจ้าคุณนรฯสอนเก่ง งั้นในสภาวะธรรมที่จะแตกจะหักกันไม่มีคำพูดหรอก เห็นแต่ความปรุงแต่งแต่ไม่มีคำพูดนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๗๓ วินาทีที่ ๒๐ ถึง นาทีที่ ๗๔ วินาทีที่ ๐๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จะถามอะไร คำตอบสุดท้าย ก็คือ ธรรม (ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ดับไปเท่านั้น)

จะถามอะไร คำตอบสุดท้าย ก็คือ ธรรม (ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ดับไปเท่านั้น)

ถาม : เมื่อเราถอยห่างออกมาหน่อย จะเห็นกายเหมือนหุ่นยนต์ขยับเขยื้อนไปได้เอง ถามว่าใครเป็นผู้สั่งให้มันเคลื่อนไหวโน่นนี่ครับ? เพราะรู้สึกว่าผู้ดูนี่ไม่ได้สั่งแน่นอน และบางครั้งก็รู้สึกถึงจิตที่เกิดอารมณ์บางอย่างขึ้นมาเช่นการขัดเคือง ตัวผู้ดูนี้ก็เห็นแยกออกมา อันนี้พอเข้าใจได้ว่าจิตขัดเคืองเองตามเหตุตามปัจจัย แต่ว่าแล้วผู้ดูตัวนี้ล่ะ? มันไม่ใช่คนเดียวกันหรอกหรือครับ? ทำไมมันมีความนิ่งอยู่ได้ครับ ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ?

ตอบ : คนเรามีขันธ์ 5 ที่ทำหน้าที่ไปตามธรรมชาติครับ ใครจะสั่งใครจะรู้ใครจะดูก็ไม่ต้องไปค้นหาหรอกครับ เมื่อกายเคลื่อนไหว เมื่อจิตมีราคะ โทสะ โมหะ เพียงแค่เรารู้ว่ากายเคลื่อนไหว รู้ว่าจิตมีราคะ รู้ว่าจิตมีโทสะ รู้ว่าจิตมีโมหะ เท่านี้คือทางพ้นทุกข์ ผู้รู้ ผู้ดู จะเป็นอะไร จะเป็นตัวเดียวกับขันธ์หรือจะคนละตัว ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่ต้องหาคำตอบ เพราะถึงจะค้นหาคำตอบให้ลึกซึ้งอย่างไร สุดท้ายทุกอย่างก็คือ ธรรม (ธรรมชาติที่เกิดขึ้น ดับไปเท่านั้น) แม้จะไม่รู้คำตอบที่ลึกซึ้ง รู้แต่เพียงว่า ร่างกาย จิตใจ ผู้รู้ ผู้ดู ก็มีความเกิดขึ้น-ดับไปเป็นธรรมดา เราก็จะเกิดปัญญาพ้นจากทุกข์ ได้เท่าๆ กับคนที่รู้คำตอบอย่างลึกซึ้ง รู้ว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแต่เกิดขึ้น-ดับไป แต่ถ้าใครรู้คำตอบอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่รู้ว่าสิ่งทั้งหลายรวมทั้งกายและจิตล้วนแต่เกิดขึ้น-ดับไปเป็นธรรมดา คนนั้นก็ยังไม่ถึงทางที่จะพ้นไปจากทุกข์ได้เลย ดังนั้นเมื่อเราเกิดสงสัย เราก็ไม่ต้องถามหาคำตอบหรอกครับ หันมาสนในจิตที่กำลังหลงเพราะมีความสงสัย ดูความเกิดขึ้น-ดับไปของจิตที่หลงไป จะดีที่สุดเลยครับ เพราะนี่คือทางพ้นทุกข์ที่ตรงที่สุด

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานไม่เหลือวิสัยมนุษย์ธรรมดา แต่ต้องทำจริง

mp3 (for download) : นิพพานไม่เหลือวิสัยมนุษย์ธรรมดา แต่ต้องทำจริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อเราฝึกไปนะเรามีดวงตาขึ้นเมื่อไหร่เราก็เห็นนิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตานั้นแหล่ะ ไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาคนนึงจะทำได้ แต่ต้องทำจริง ทำเหลาะๆแหละๆวันนี้ภาวนาอีกเดือนนึงขี้เกียจนะมาภาวนาใหม่ไม่ได้กินหรอก ธรรมะไม่ใช่ของคนอ่อนแอ ไม่ใช่ของคนท้อแท้ ธรรมะเป็นของคนต้องต่อสู้เอา ต้องเข้มแข็ง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: ๔๑
File: 540910B
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๓๕ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๐๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เหตุที่เมื่อสงสัยแล้วให้รู้ว่าสงสัย

เหตุที่เมื่อสงสัยแล้วให้รู้ว่าสงสัย

เรื่องความสงสัยในสิ่งต่างๆ นั้น หากเราคิดจะภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์กันอย่างจริงจัง เกือยร้อยละร้อยเรื่องที่เราสงสัย เราไม่ต้องรู้คำตอบหรอกครับ แต่เราต้องรู้ว่าจิตเผลอคิดสงสัยไปแล้ว หรือต้องรู้ความอยากทราบคำตอบ และหากเราได้รับทราบคำตอบ คำตอบที่เราทราบมา ก็เป็นแค่เพียงองค์ความรู้เรื่องหนึ่งเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยให้เกิดปัญญาเลยถ้าเราไม่ได้เกิดสติสัมปชัญญะขึ้นมา คนส่วนมากพอทราบคำตอบเรื่องหนึ่ง ก็จะเกิดสงสัยอีกเรื่องหนึ่งไปไม่รู้จบสิ้น กลายเป็นมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด จะมีน้อยคนนักที่พอทราบคำตอบ ก็ฉวยเอาโอกาสนั้นมาปลุกจิตให้ตื่นรู้ เห็นว่าสิ่งนั่นๆ (อย่างเช่นคลื่นเสียง หรือการรับรู้คลื่นเสียง) ก็มีความเกิดขึ้น-เสื่อมไปเป็นธรรมดา ซึ่งการปลุกจิตให้ตื่นรู้ จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องทราบคำตอบเลย แค่รู้ว่าเผลอไป คิดสงสัยไป แค่นี้จิตก็ตื่นรู้ได้แล้ว

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยิ่งปฎิบัติธรรมกลับยิ่งเลวลง

mp3 (for download) : ยิ่งปฎิบัติธรรมกลับยิ่งเลวขึ้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : อย่างบางคนน่ะค่ะ เอ่อ บอกว่ารู้สึกว่าพอปฏิบัติธรรมแล้วเนี่ยจะรู้สึกว่าตัวเองน่ะเลวขึ้น เลวลงหรือเลวขึ้น มันทำไมถึงเป็นอย่างนั้นน่ะคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อก่อนมันเลวแต่มันไม่รู้นะ พอมาปฏิบัตินะเราดูตัวเอง ฉีกหน้ากากตัวเอง เรารู้ทันตัวเอง รู้เลย โหเลวจริงๆ เลวกว่าที่นึกไว้ แต่เดิมนึกว่าเราเป็นพ่อพระแม่พระนะ ที่แท้เป็นนางแม่มดพ่อมดหรอกนะ งั้นมาหัดดูตัวจริงนะมันจะใส่หน้ากากหลอกตัวเองหลอกคนอื่น ภาวนาจะดีนะต้องซื่อๆ มีองค์ธรรมของผู้ปฏิบัตินะที่พระพุทธเจ้าท่านแยกแยะไว้ มีตัวนึงก็คือซื่อๆ ต้องซื่อในการปฏิบัติ ใส่หน้ากากอยู่ภาวนายาก  

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๗๕ วินาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๗๖ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ในเมื่อเราสร้างสติให้เกิดขึ้นตรงๆไม่ได้ เราควรจะมีความเพียรอย่างไร?

ในเมื่อเราสร้างสติให้เกิดขึ้นตรงๆไม่ได้ เราควรจะมีความเพียรอย่างไร?

ทั้งความเพียรชอบ (สัมมาวายามะ) และระลึกชอบ (สัมมาสติ) และมรรคอีก 6 องค์ ย่อมต้องอาศัยและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ครูบาอาจารย์จะเคยบอกว่า เมื่อใดมีสติ (สัมมาสติ) เมื่อนั้นคือมีความเพียร (สัมมาวายามะ) ปัญหาจึงน่าจะอยู่ที่เรามีความเพียรที่ไม่ถูกต่างหาก (เพราะถ้ามีความเพียรที่ถูกก็ย่อมมีสติ) เช่น พอมีความโกรธก็หาทางทำลายความโกรธ แทนที่จะหัดดูความโกรธ หรือพอมีความทุกข์ก็หาทางทำลายความทุกข์ แทนที่จะหัดดูความทุกข์ หรือพอจิตว่างๆ เฉยๆ แทนที่จะหัดดูจิตที่ว่างๆ เฉยๆ ก็เที่ยวหาอุบายมาทำเพื่อให้เกิดปัญญา อีกนัยหนึ่งตามหลักที่หลวงพ่อบอกว่า เหตุใกล้ให้เกิดสติคือการที่จิตจำสภาวะได้ แทนที่เราจะเพียรหัดดูสภาวะที่เกิดขึ้น เราก็ไปหาทางสร้าง หาทางดับ หาทางแก้สภาวะ การหัดดูสภาวะนี่แหละครับที่จะทำให้จิตจำสภาวะได้ แล้วก็เกิดเป็นสัมมาสติในทันทีที่รู้ว่ามีสภาวะที่เคยจำได้เกิดขึ้น ปัญหาที่ตามมาคือพอหัดดูแล้ว แต่สัมมาสติยังไม่เกิด ก็เที่ยวหาอุบาย (หัดทำ) เพื่อให้เกิดสัมมาสติ แทนที่จะหัดดูต่อไป โดยไม่เข้าใจว่าที่สติยังไม่เกิด ก็เพราะจิตยังจำสภาวะไม่ได้ ที่จิตยังจำสภาวะไม่ได้ ก็เพราะยังหัดดูไม่พอ ด้วยความไม่เข้าใจบวกกับความอยากมีสติก็เลยหลงไปหัดทำ ไม่ยอมหัดดู ที่ถามว่าจะเพียรอย่างไรเพื่อให้เกิดสติ ก็คงบอกได้ว่า ก็เพียรหัดดูไปเรื่อย อย่าไปหัดทำอะไรกับสภาวะที่ปรากฏก็แล้วกันครับ

เบื้องต้นต้องหัดเชิงคุณภาพก่อน แม้จะได้ปริมาณที่น้อยนิดก็ตาม ด้วยปริมาณที่น้อยนิดแต่มีคุณภาพนี่แหละครับ ที่จะทำให้เกิดเป็นปริมาณที่มากและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ชม VDO หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่วัดสามพระยา เมื่อ 25 ธ.ค. 2554

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชแสดงธรรม ณ วัดสามพระยา กรุงเทพฯ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ขอขอบคุณ คุณ พันธิศักดิ์ ผู้บันทึก

เวลาเราฟังธรรมนะ ตกลงกันเสียหน่อย ปิดโทรศัพท์นะ เดี๋ยวเราจะผิดศีล การเรียนกรรมฐาน ฟังธรรมะในด้านการปฏิบัติ ไม่เหมือนฟังปริยัติ ฟังธรรมะในภาคปริยัติ ผู้เทศน์ผู้สอนท่านเตรียมบทมา ส่วนธรรมะภาคปฏิบัตินั้นไม่มีการเตรียมสคริปต์ อาศัยใจของผู้ฟังใจของผู้พูดให้มันสื่อกัน ถ้าใจของคนฟังมีสมาธินะ ธรรมะก็จะปราณีตและงดงาม ใจของคนฟังว่อกแว่กๆ ธรรมะก็หนีไปหมด เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร สมัยพุทธกาลก็เป็นอย่างนั้น

อย่างพระพุทธเจ้าของเรานะ จะมีพระจากต่างถิ่นไปเฝ้าท่าน ตอนไปเฝ้าท่าน ท่านเทศน์ บางทีท่านเหนื่อย ท่านก็สอนใครต่อใครมาทั้งวัน ท่านเหนื่อย ท่านก็จะบอกพระสาวกผู้ใหญ่ ให้แสดงธรรมต่อจากท่าน ท่านเมื่อย ท่านจะเอนหลัง มีบางครั้งท่านบอกพระมหากัสสปะ บอกว่าให้ช่วยสอนภิกษุเหล่านี้หน่อย พระมหากัสสปะท่านบอกว่าท่านสอนไม่ได้ ภิกษุพวกนี้ จิตใจยังไม่สงบเลย จิตใจไม่ดีฟังธรรมะที่ปราณีตไม่ได้

เพราะฉะนั้นหากพวกเราต้องการฟังธรรมะที่ปราณีต ฟังแล้วมันถึงอกถึงใจจริงๆ ฟังแล้วเข้าใจไม่ใช่เข้าสมองเข้าหู เราก็ต้องเอาใจมาฟัง ใจต้องสงบพอ ใจว่อกแว่กๆใช้ไม่ได้ ทุกวันนี้เครื่องก่อกวนสมาธิในการฟังธรรม มีกล้องถ่ายรูปอย่างหนึ่ง โทรศัพท์มือถืออีกอย่างหนึ่ง

บางทีหลวงพ่อไปเทศน์ ถ้าเป็นคนแก่ๆหน่อย เขาคุ้นเคยกับการฟังพระแบบโบราณ พอพระเริ่มเทศน์เขาก็เทศน์แข่งกับพระ เนี่ยธรรมะหนีหมดเลย เนี่ยละนะ รับศีลเปล่าๆนะ มุสาวาทไปแล้ว ฟุ้งซ่าน พูดเพ้อเจ้อ พูดในเรื่องที่ไม่ใช่เวลาที่จะพูด ศีลด่างพร้อยนะ เพราะฉะนั้นเราฟังธรรมด้วยจิตใจที่สงบ จิตใจที่สบาย แล้วธรรมะจะปราณีต

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สันตินันทอุบาสก สุภาพบุรุษนักภาวนา : ปฎิบัติธรรมแล้วมีความสุขตรงไหน ?

ผมรู้จักนักปฏิบัติมามาก ได้เห็นบทเรียนของแต่ละคน แล้วรู้สึกเสมอว่า ระหว่างการบวช กับการปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ เวลามีน้องๆ มาบอกกับผมว่า อยากเลิกกับแฟนเพราะคิดว่าจะไปบวชในอนาคต ผมจะไม่เคยอนุโมทนาสาธุการให้เลย มีแต่บอกว่าให้กลับไปพิจารณาให้ดีก่อน หรือบางคนจะลาออกจากงานเพื่อไปบวชตลอดชีวิต อย่างนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมเห็นด้วยง่ายๆ เพราะเหตุใด

ก็เพราะเคยเห็นมาหลายรายแล้วครับ ที่เริ่มต้นด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า
ลาออกจากงานบ้าง เลิกกับแฟนบ้าง แล้วก็โกนผม ลุยเข้าวัดขอบวชเลย ประเภทยอมเอาชีวิตเข้าแลกกับพระสัทธรรม แต่กิเลสนั้นมันไม่เข้าใครออกใคร มันไม่เคยกลัวผ้าเหลือง เมื่อหักหาญกันอย่างรุนแรงไปสักช่วงหนึ่งด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งอดกิน อดนอน ทั้งลำบากตรากตรำต่อสู้สารพัดรูปแบบ จึงเริ่มพบความจริงว่า มรรคผลนิพพานนั้น อยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทลงไปนั้น ไม่ทราบว่าจะผลิดอกออกผลเมื่อใด คราวนี้จะทำอย่างไรดี อยู่ก็ไม่มีอนาคต ถอยก็ไม่รู้จะถอยไปไหน เพราะเวลาที่ศรัทธานั้น ลืมนึกถึงทางถอยของตนเองไปอย่างสิ้นเชิง พวกเราลองนึกถึงสภาพเช่นนี้เถอะครับ ว่ามันแย่ขนาดไหน
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะศรัทธาในพระศาสนามากเพียงใด ก็ต้องมีความสมเหตุสมผล และมองความพร้อมของตนเองให้ออกจริงๆ เสียก่อน มรรคผลนิพพานเป็นที่น่าปรารถนาก็จริง แต่ความอยากได้มรรคผลอย่างเดียว ไม่ช่วยให้เราได้มรรคผลหรอกครับ

- = การรู้จักเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดต่างหาก กลับจะช่วยให้เราเข้าใกล้มรรคผลไปตามลำดับ = -

ในระหว่างเส้นทางเดินนั้น หากพบคนที่ควรร่วมทางไปด้วยกัน ก็เดินเป็นเพื่อนกันไป แต่หากไม่พบเพื่อนร่วมทางที่ดี ก็ควรนึกถึงภาษิตบทหนึ่งที่ว่า “เอโก จเร ขักคะ วิสานะ กัปโป – พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด” ผมปฏิบัติธรรมมาโดยในตอนเริ่มต้นระวังเรื่องศีลข้อ 4 อย่างเดียว เพราะผมมีธรรมชาติไม่รังแก ไม่ขโมย ไม่ทำผิดในกาม และไม่เสพย์สิ่งเสพติด เพียงแต่เดิมนั้นชอบพูดเล่นตลกคะนอง เพราะชอบอ่าน พล นิกร กิมหงวน มาแต่เด็ก ดังนั้นสิ่งเดียวที่คอยควบคุมตนเองคือ การพูดเพ้อเจ้อ ส่วนสิ่งอื่นๆ นอกกรอบของศีล 5 ไม่เคยบังคับตนเองเลย เช่นไปอยู่วัดป่า ก็ไม่ได้ถือศีล 8 เหมือนคนอื่นเขา หิวก็กิน ง่วงก็นอน

สิ่งที่ทำจริงจังมีเพียงการเฝ้าเรียนรู้จิตใจของตนเองไปเรื่อยๆ เท่านั้น ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะทุกข์ยากอะไรนักหนา ความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมนั้น ได้รับมาอย่างเป็นขั้นตอน นับตั้งแต่ความสุขของฌานสมาบัติ เวลากำหนดจิตลงไปจนไม่มีกายเหลือในความรู้สึก มีเพียงความรับรู้อันสว่างไสว หรือประณีตจนหมดความคิดนึกในบางคราว เป็นความสุขในสมาธิที่ไม่ทราบจะบรรยายอย่างไรได้ แต่เมื่อเจริญปัญญาชำนาญแล้ว ความจงใจเข้าไปเสพย์ความสุขชนิดนี้ก็หมดไป เดี๋ยวนี้ถ้าจิตจะเข้าพัก ก็พักเพียงแว้บๆ แล้วก็ออกมาทำงานต่อ เว้นแต่บางคราวที่จิตจะหลบอะไรบางอย่าง เช่นหลบการรบกวนไม่เลือกเวลาของโอปปาติกะ จิตก็จะดับเงียบหายไปเลยจนถึงเช้า พ้นจากการรบกวนสิ้นเชิง มีความสุขกับการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในจิตใจตนเอง เห็นกลไกการทำงานของจิต เห็นความสัมพันธ์ของจิตกับอารมณ์ รู้จักกิเลส ตัณหา รู้จักขันธ์ 5 ก็เป็นความสุขความเพลิดเพลินในการเจริญปัญญา

แต่ความสุขทั้งความสงบและการเจริญปัญญานั้น ก็ยังไม่เท่ากับความสุขอีกอย่างหนึ่ง คือความรู้สึกมั่นคง รู้สึกพึ่งตนเองได้ รู้จักตนเองว่ามีที่มาและที่ไปอย่างไร เหมือนคนที่เคยหลงทาง แล้วพบทางกลับบ้าน พ้นจากความคาดเดา หรือลังเลสงสัยว่า ชีวิตคืออะไร เรามาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน จะเกิดในอบายภูมิอีกหรือไม่ ถ้าจะเปรียบอีกอย่างหนึ่งก็เหมือนคนเรือแตกในทะเล แต่ก็กระเสือกกระสนจนปลายเท้าหยั่งเข้าถึงชายฝั่ง ก็เกิดความสุข เพราะรู้สึกมั่นคงในจิตใจขึ้นมา ที่ช่วยตนเองได้แล้ว สรุปแล้ว ปฏิบัติธรรมแล้วมีความสุขมากครับ

โดย คุณ สันตินันท์ เมื่อ 14 ก.พ. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ขอเชิญร่วมสมทบทุนเพื่อจัดพิพม์หนังสือ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ขอเชิญร่วมสมทบทุนเพื่อจัดพิพม์หนังสือ

” ๑๐๐ ปี ชาตกาล หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ”

เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของหลวงปู่เหรียญ  วรลาโภ  ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555  คณะศิษยานุศิษย์และคณะสงฆ์วัดอรัญญบรรพตจึงได้จัดให้มีงานฉลอง 100 ปีชาตกาล, สมโภชเจดีย์ และบรรจุพระอัฐิธาตุของหลวงปู่  ในการนี้ ได้มีการจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึก “100 ปีชาตกาล หลวงปู่เหรียญ  วรลาโภ”  เพื่อถวายแด่พระเถระและแจกจ่ายไปยังคณะศิษยานุศิษย์  ผู้มีจิตศรัทธาและประชาชนทั่วไป

หนังสือมีขนาด A4  พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดี  หนาประมาณ 300 หน้า  พิมพ์สี่สีสวยงาม  ภายในหนังสือประกอบด้วย อัตตโนประวัติ โดยลายมือของหลวงปู่  พระธรรมเทศนา  ธรรมะย่อ และได้รวบรวมภาพถ่ายของหลวงปู่ในอิริยาบถต่างๆ  พร้อมทั้งภาพถ่ายในงานพระราชทานเพลิงศพเมื่อเดือนธันวาคม 2552  และภาพถ่ายพระอัฐิธาตุของหลวงปู่ด้วย

หนังสือจะพิมพ์ประมาณ 10,000 เล่ม จึงขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาและศิษยานุศิษย์  ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดพิมพ์ครั้งนี้

เปิดให้ร่วมบุญตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554 และปิดยอดการร่วมสมทบทุนเพื่อสรุปยอดเงินและยอดการรับหนังสือ ในวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17.00 น. โดยผู้รวบสมทบทุนควรโอนเงินและลงทะเบียนรายละเอียดภายในระยะเวลาดังกล่าว

>>> สนใจคลิ๊ก!!! อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ <<<

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การที่เห็นสภาวะได้แสดงว่ารู้ตัวได้ถูกต้องใช่หรือไม่ ?

การที่เห็นสภาวะได้แสดงว่ารู้ตัวได้ถูกต้องใช่หรือไม่ ?

การเห็นอะไรนั้น ไม่ใช่ตัวชี้ว่าเรารู้ตัวเต็มที่หรือไม่นะครับ เราจะรู้อะไรก็ได้ แต่จะรู้ตัวเต็มที่หรือไม่ ต้องหัดสังเกตเองครับ ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน เมื่อวานก็พูดเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะมีคนถามว่า เห็นอาการแบบนั้นแบบนี้นี่ถูกหรือเปล่า ก็เลยบอกไปว่า จะเห็นอะไรนั้นไม่ใช่ตัวบอกว่าถูกหรือไม่ถูก ถูกหรือไม่ถูกอยู่ที่ เห็นแล้วจิตมันตื่นรู้ตัวหรือไม่ ถ้าเห็นแล้วเกิดรู้ตัวขึ้นก็ถูก ถ้าเห็นแล้วจิตไม่เกิดความรู้ตัวขึ้น ต่อให้เห็นสภาวะละเอียดยิบก็ไม่มีประโยชน์ มีอีกประเด็นที่พูดถึงเมื่อวานก็คือ ส่วนมากคนที่หัดดูจิต จะพยายามหัดดูสภาวะ หัดดูอารมณ์ต่างๆ แทนที่จะหัดรู้ตัว เมื่อยังรู้ตัวไม่เป็น จะไปหัดดูสภาวะได้อย่างไร หรือจะไปหัดดูจิตได้อย่างไร หลักที่สำคัญคือ ต้องหัดรู้ตัวให้เป็นก่อน ถ้ารู้ตัวเป็น ก็ไม่ต้องหัด  ดูจิต แล้ว เพราะจะดูจิตเป็นอัตโนมัติ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ขอเชิญชม VDO Clip : หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรม ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554

หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรม ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554

ธรรมะจริงๆไม่ใช่เรื่องยาก ธรรมะจริงๆเป็นเรื่องของตัวเราเอง เป็นเรื่องใกล้ตัวมากเลย เพราะเป็นเรื่องของตัวเราเอง ทีนี้เราชอบวาดภาพการปฏิบัติธรรมให้มันเป็นเรื่องลึกลับ ดูยากๆ เวลาคิดถึงการปฏิบัติธรรมก็คิดถึงการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม

การนั่งสมาธิ การเดินจงกรมนั้น เป็นแค่รูปแบบของการปฏิบัติ สิ่งที่สำคัญ.. รูปแบบก็สำคัญเหมือนกันนะ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่ารูปแบบก็คือ จิตใจของเรานั้นมีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติธรรมแค่ไหน เราอย่าไปวาดภาพว่าต้องไปนั่งสมาธินานๆ เดินจงกรมมากๆ ถึงจะเป็นนักปฏิบัติ

ตัวสำคัญของการปฏิบัติคือต้องมีสติ ขาดสติก็คือขาดการปฏิบัติ มีสติคือมีการปฏิบัติ นี่คือครูบาอาจารย์กรรมฐานสอนกันมาอย่างนี้นะมาแต่ไหนแต่ไร

ทีนี้หลังๆเราลืมคำว่าสติไป เราไปเน้นแต่เรื่องสมาธิ คิดว่ามีสมาธิก็มีการปฏิบัติ ไม่มีสมาธิก็ไม่มีการปฏิบัติ ความจริงแล้วการทำสมาธิเป็นการพักผ่อนให้จิตมีเรี่ยวมีแรง เป็นการเตรียมจิตให้พร้อม ถ้าจิตมีความพร้อมแล้วจะต้องออกมาปฏิบัติ คือมาเจริญปัญญา เพราะฉะนั้นการปฏิบัตินั้นมันมีอยู่ ๒ ขั้นตอน

ขั้นตอนแรกเป็นขั้นตอนการเตรียมจิตให้พร้อมสำหรับการเจริญปัญญา อันนี้แหละจะต้องฝึกให้จิตมีสมาธิ เราอย่าไปวาดภาพว่าการทำให้จิตมีสมาธิเราจะต้องไปนั่งหลับตานะ ต้องเห็นโน้นต้องเห็นนี่ ถอดจิตไปเฝ้าพระอินทร์ได้ ไปเที่ยวนรกเที่ยวสวรรค์ได้ อันนั้นสมาธิออกนอก

สมาธิที่สำคัญเนี่ย ก็คือ เรามีจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว จิตใจที่อยู่กับเนื้อกับตัวนี่ล่ะ เรื่องสำคัญ ถ้าขาดความรู้สึกตัว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรียกว่าไม่มีสติ ถ้ามีสติเรารู้สึกกาย มีสติเรารู้สึกใจ จิตใจไม่ลืมกายไม่ลืมใจ

คนในโลกนะ มักขาดสติ คนในโลกนี้นะลืมตัวเองตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย ผ่านไปปีแล้วปีเล่า อยู่ไปนานเท่าไหร่ๆนะ ก็อยู่กับโลกของความหลง หาความรู้สึกตัวนะ หายากมาก

ช่วงที่ 1/7


ช่วงที่ 2/7


ช่วงที่ 3/7

ช่วงที่ 4/7


ช่วงที่ 5/7

ช่วงที่ 6/7

ช่วงที่ 7/7

กราบขอบพระคุณ อ.ฤทธิไกร ผู้ให้ข้อมูลครับ


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

mp3 (for download) : ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

ใจมีคุณภาพระดับไหน ก็เห็นสิ่งภายนอกระดับนั้น

หลวงพ่อปราโมทย์ : นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเราแต่เรามองไม่เห็นเพราะใจเราไม่มีคุณภาพ ใจเรามีคุณภาพระดับไหนนะเราก็เห็นสิ่งภายนอกในระดับนั้น

อย่างบางวันจิตใจเราเศร้าหมองนะ โลกทั้งโลกก็ดูเศร้าหมองไปหมด มันดูออกมาจากใจที่เศร้าหมอง โลกก็เลยดูเศร้าหมอง วันไหนเราผ่องใสนะเราดูโลกด้วยใจที่ผ่องใส โลกดูผ่องใส

จริงๆโลกก็เป็นโลกอยู่อย่างนั้นน่ะไม่ได้เศร้าหมองไม่ได้ผ่องใส แต่ใจเรามันไม่เหมือนกัน ถ้าใจเราไม่มีกิเลสไม่มีตัณหาไม่มีความปรุงแต่ง มันจะไปเห็นนิพพาน มีคุณภาพพอ ใจมีคุณภาพระดับไหนก็เห็นสิ่งภายนอกนะระดับนั้น

ใจไม่มีกิเลสตัณหาไม่มีความอยากไม่มีความดิ้นรนปรุงแต่ง เห็นนิพพานซึ่งเป็นธรรมะซึ่งไม่มีกิเลสตัณหาไม่มีความดิ้นรนปรุงแต่งไม่มีทุกข์ ของมีอยู่แล้วแต่ไม่เห็น มาพัฒนาดวงตาให้มีดวงตาที่จะมองเห็น

พระพุทธเจ้าประกาศธรรมะท่านหวังว่าคนมีดวงตาจะเห็น บอกเหมือนจุดไฟในที่มืืดจะเกิดแสงสว่างขึ้นมาหวังว่าคนมีดวงตาจะเห็น การจุดไฟของท่านก็คือการประกาศธรรมะ บอกวิธีปฏิบัติให้เรา เมื่อเราฝึกไปนะเรามีดวงตาขึ้นเมื่อไหร่ เราก็เห็นนิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตานั่นแหล่ะ ไม่เหลือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาคนนึงจะทำได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: ๔๑
File: 540910B
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๕๖ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สมาธิชั้นสูง จำเป็นสำหรับการทำวิปัสสนาเพื่อบรรลุธรรมหรือไม่?

สมาธิชั้นสูง จำเป็นสำหรับการทำวิปัสสนาเพื่อบรรลุธรรมหรือไม่?

ถาม : จำเป็นต้องทำสมาธิให้ได้ระดับสูงกว่าขณิกสมาธิไหมค่ะ เพื่อที่จะทำให้เราบรรลุธรรมขั้นต้น  ?

ตอบ : ถ้าจะเจริญวิปัสสนาก็ไม่จำเป็นครับ แค่ขณิกสมาธิก็เจริญวิปัสสนาได้แล้ว ถ้าทำสมาธิขั้นสูงๆ ได้ ก็แค่จิตจะมีความสามารถในการทำหน้าที่รู้อารมณ์หรือสิ่งต่างๆ ได้พิสดารขึ้น อย่างเช่น ผมเองจะเห็นจิตมีโทสะก็ต่อเมื่อ โทสะเกิดไประยะหนึ่งแล้ว แต่ถ้าคนที่ทำสมาธิสูงๆ ได้ จะเห็นตั้งแต่จิตเริ่มไหวๆ หรือเห็นตั้งแต่จิตทะยานออกไปจมแช่ความโกรธ คนที่เห็นตั้งแต่กระบวนการต้นๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะภาวนาแล้วเกิดปัญญาได้เร็ว อยู่ที่ว่าเห็นด้วยจิตที่เป็นกลางได้บ่อยไหม ถ้าบ่อยก็เกิดปัญญาเร็ว ถ้าไม่บ่อยก็ช้า บางคนทำสมาธิเก่งแต่เจริญวิปัสสนายังไม่เป็น ก็เห็นโดยที่จิตไม่มีสัมปชัญญะด้วยซ้ำไป

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

โอวาทครั้งสุดท้ายของอาจารย์มั่น

“ผู้ถือไม่มีบาป ไม่มีบุญ ก็มากมายเข้าแล้ว แผ่นดินนับวันแคบ มนุษย์แม้จะถึงตาย ก็นับวันมากขึ้น นโยบายในทางโลกีย์ใดๆก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง

ศาสนาทางมิจฉาทิฎฐิ ก็นับวันจะแสดงปฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย

ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่ธรรมดังไฟที่กำลังใหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด

ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์ ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆและแยบคายด้วยจะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะอันถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก

พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ

โอวาทครั้งสุดท้ายของอาจารย์มั่น
(บันทึกโดยพระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต)
จากหนังสือ”เพชรน้ำหนึ่ง”

ขอขอบคุณ เวปหลวงปู่มั่นสำหรับข้อมูล  : http://www.luangpumun.org/pumun.html

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ชม VDO หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรม ณ บ้านจิตสบาย วันที่ 28 สิงหาคม 2554

…ธรรมะนะ เป็นของปราณีตลึกซึ้ง มีขั้นมีตอน คนฝึกใหม่ก็สอนอย่างหนึ่ง คนฝึกมาระดับหนึ่งก็สอนอีกอย่างหนึ่ง…

…แต่ความอัศจรรย์ของธรรมะมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เวลาแสดงธรรม แต่ละคนจะรู้สึกเหมือนกับว่า พระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรมให้เราฟัง เวลาคนที่ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้านะ จะมีความรู้สึกท่านเจาะจงจะสอนเรานะ นี่ล่ะธรรมะแท้ๆจะให้ความรู้สึกแบบนั้น…

…พระพุทธเจ้าท่านสอนนะ ปฏิบัติธรรมไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะ ไม่ใช่เพื่อจะเป็นอาจารย์ใหญ่ให้คนนับถือ ไม่ใช่เพื่อจะมีศีล ไม่ใช่เพื่อจะมีสมาธิเหนือคนอื่น ไม่ใช่เพื่อจะมีปัญญาแตกฉาน ไม่ใช่เพื่ออะไรเลยนะ ไม่ใช่เพื่อกระทั่งว่าอยากได้มรรคผลนิพพาน เพื่อวิมุติ ท่านไม่ให้เอาสักอันเดียว เพื่ออะไร… เพื่อนิพพาน เพื่อสภาวะแห่งความสิ้นตัณหา เพื่อสภาวะแห่งความสิ้นทุกข์ ถ้าเราเป็นชาวพุทธที่แท้จริง เราต้องรู้นะ เป้าหมายปลายทางการปฏิบัติของเรานี่น่ะ เพื่อความสิ้นทุกข์ สิ้นกิเลสตัณหา ไม่ใช่เพื่อจะเอา จะได้เป็นพระอรหันต์ จะได้เป็นพระอนาคา อยากจะเป็นนั้น อยากจะเป็นนี้ ท่านไม่ได้สอนให้เอา…

ชม VDO หลวงพ่อปราโมทย์  แสดงธรรม ณ บ้านจิตสบาย วันที่ 28 สิงหาคม 2554

1/6

2/6

3/6

4/6

5/6

6/6

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จะเห็นจิตได้อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าเป็นจิต ต้องเห็นจิตก่อนถึงจะบรรลุธรรมใช่หรือไม่ ?

จะเห็นจิตได้อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าเป็นจิต ต้องเห็นจิตก่อนถึงจะบรรลุธรรมใช่หรือไม่ ?

ผมว่าต้องเลิกสนใจไปเลยว่าจะเห็นจิตได้อย่างไร แล้วก็เพียงแค่รู้ตัวไปเรื่อยๆ ก็พอ ไม่ต้องสนใจว่าเป็นจิตหรือไม่ใช่จิต ความสงสัยว่าเป็นจิตหรือไม่ใช่จิตนั้น มันก็ยากที่จะหายสงสัยถ้ายังพยายามมองหาจิต เพราะโดยความหมายของจิตที่ว่าเป็นผู้รู้อารมณ์ เราจึงไม่มีทางเห็นจิตได้เลย หรือถ้าจะว่ากันตามที่หลวงปู่ดูลย์สอนไว้ใน จิตคือพุทธะ ว่า จิตไม่มีรูปร่าง ไม่มีขอบเขต เราจึงไม่อาจจะเห็นจิตอย่างที่คิดว่าต้องเห็นได้เลย ถ้าจำได้หลวงพ่อเคยพูดไว้ตั้งแต่ก่อนบวชว่า การพยายามดูให้เห็นตัวจิต ก็จะเห็นเป็นจิตที่ซ้อนๆ ลงไปไม่สิ้นสุด การดูจิตที่เราดูๆ กันอยู่จึงไม่อาจที่จะเห็นตัวจิตได้เลย จะเห็นก็แค่อาการของจิตบ้าง พฤติกรรมของจิตบ้างเท่านั้น และทั้งอาการของจิตและพฤติกรรมของจิตเอง ก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกจิตไปรู้เช่นกัน ในการดูจิต เราจึงไม่ต้องดูให้เห็นตัวจิตแต่อย่างใดเลยครับ การดูจิตเป็นเพียงแค่รู้อาการหรือพฤติกรรมของจิตไปเรื่อยๆ เท่านั้น ดูไปจนกระทั่งเห็นว่าอาการของจิต พฤติกรรมของจิต มันทำให้เราเกิดปัญญาขึ้นเองว่า จิตไม่ใช่เรา ซึ่งจะต่างจากการดูกาย ที่เราเห็นตัวกายอยู่จนเกิดปัญญาว่า กายไม่ใช่เรา เมื่อเห็นกายเห็นจิตไม่ใช่เราได้ สังโยชน์เบื้องต้นก็จะถูกละไปได้ หลวงพ่อจะพูดเสมอว่า การเห็นกายไม่ใช่เรานั้นง่าย ซึ่งผมคิดว่าเป็นเพราะ มันมีตัวกายให้ดูอยู่ แต่การเห็นจิตไม่ใช่เราจะยากกว่ามาก เพราะมันไม่มีตัวจิตให้ดูนั่นเองครับ ดังนั้นต้องดูอาการของจิตหรือพฤติกรรมของจิตด้วยความรู้สึกตัวไปเรื่อยๆ แล้วก็จะเห็นว่าจิตไม่ใช่เราได้

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 1 of 41234